Translate

22 มกราคม 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ มหาวิภังค์ ๑๖ มหาวาร กัตถปัญญัติวารที่ ๑ ปาจิตติยกัณฑ์ คำถามและคำตอบในมุสาวาทวรรคที่ ๑, ในภูตคามวรรคที่ ๒, ในโอวาทวรรคที่ ๓ …

Google Workspace logo 
ทำบุญ 
คำถามและคำตอบในมุสาวาทวรรคที่ ๑
       [๖๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะสัมปชานมุสาวาท ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระหัตถกศากยบุตร.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระหัตถกศากยบุตร เจรจากับพวกเดียรถีย์กล่าวปฏิเสธแล้วรับกล่าวรับแล้วปฏิเสธ.
       มีบัญญัติ ๑. บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ คือบางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย บางทีเกิดแต่กาย วาจาและจิต ...
       [๖๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะโอมสวาท ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ทะเลาะกับพวกภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ด่าภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๖๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะส่อเสียดภิกษุ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เก็บเอาคำส่อเสียด ไปบอกแก่ภิกษุผู้หมางกัน เกิดทะเลาะกัน ถึงการวิวาทกัน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๖๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้สอนธรรมแก่อนุปสัมบันว่าพร้อมกัน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์สอนธรรมแก่อุบาสกอุบาสิกาว่าพร้อมกัน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่วาจา มิใช่กาย มิใช่จิต บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย  ...
       [๖๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้สำเร็จการนอนร่วมกับอนุปสัมบันยิ่งกว่า ๒-๓ คืน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูป สำเร็จการนอนร่วมกับอนุปสัมบัน.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
       [๖๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุ ผู้สำเร็จการนอนร่วมกับมาตุคาม ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภ?
   ต. ทรงปรารภท่านพระอนุรุทธะ.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอนุรุทธะนอนร่วมกับมาตุคาม.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
       [๖๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้แสดงธรรมแก่มาตุคามยิ่งกว่า ๕-๖ คำ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ท่านอุทายีแสดงธรรมแก่มาตุคาม.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๒ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนปทโสธัมมสิกขาบท) ...
       [๖๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้บอกอุตตริมนุสสธรรมอันมีจริงแก่อนุปสัมบัน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา พรรณนาคุณแห่งอุตตริมนุสสธรรมของกันและกัน แก่พวกคฤหัสถ์.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ คือบางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่วาจา มิใช่กาย มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต ...
       [๖๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้บอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์บอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ (เหมือนอทินนาทานสิกขาบท) ...
      [๖๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ขุดดิน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุพวกเมืองอาฬวี.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกเมืองอาฬวีขุดดิน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...   มุสาวาทวรรค ที่ ๑ จบ.
หัวข้อประจำวรรค [๗๐] พูดเท็จ ๑ ด่า ๑ ส่อเสียด ๑ สอนว่าพร้อมกัน ๑ นอน ๒ แสดงธรรม ๑ บอกอุตตริมนุสสธรรม ๑ อาบัติชั่วหยาบ ๑ ขุดดิน ๑
คำถามและคำตอบในภูตคามวรรคที่ ๒ 
       [๗๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ ในเพราะพรากภูตคาม ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุพวกเมืองอาฬวี.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
 ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกเมืองอาฬวีตัดต้นไม้.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๗๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะแกล้งกล่าวคำอื่น ในเพราะทำให้ลำบาก ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉันนะ ถูกสงฆ์ซักถามอยู่ด้วยอาบัติในท่ามกลางสงฆ์กลับเอาเรื่องอื่นมาพูดกลบเกลื่อนเสีย.
        มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๗๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ ในเพราะความเป็นผู้โพนทะนา ในเพราะความเป็นผู้บ่นว่า ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระเมตติยะและพระภุมมชกะ.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระเมตติยะและพระภุมมชกะยังภิกษุทั้งหลายให้ยกโทษท่านพระทัพพมัลลบุตร.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๗๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้วางเตียงก็ดี ตั่งก็ดี ฟูกก็ดี เก้าอี้ก็ดี อันเป็นของสงฆ์ในที่แจ้งแล้วไม่เก็บ ไม่บอกสั่ง หลีกไปเสีย ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูป วางเสนาสนะอันเป็นของสงฆ์ ในที่แจ้งแล้วไม่เก็บ ไม่บอกสั่ง หลีกไปเสีย.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
       [๗๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ปูที่นอนในวิหารเป็นของสงฆ์แล้วไม่เก็บ ไม่บอกสั่ง หลีกไปเสีย ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระสัตตรสวัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระสัตตรสวัคคีย์ปูที่นอนในวิหารเป็นของสงฆ์ แล้วไม่เก็บ ไม่บอกสั่ง หลีกไปเสีย.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
       [๗๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ สำเร็จการนอนแทรกแซงภิกษุผู้เข้าไปก่อนในวิหารของสงฆ์ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์สำเร็จการนอนแทรกแซงภิกษุผู้เถระ.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน อันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
       [๗๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้โกรธ ขัดใจ ฉุดคร่าภิกษุจากวิหารของสงฆ์ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์โกรธ ขัดใจ ฉุดคร่าภิกษุทั้งหลายจากวิหารของสงฆ์.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๗๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้นั่งทับเตียงก็ดี ตั่งก็ดี อันมีเท้าเสียบบนร้านในวิหารเป็นของสงฆ์ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง นั่งทับเตียงอันมีเท้าเสียบบนร้านในวิหารเป็นของสงฆ์โดยแรง.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือบางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
       [๗๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้อำนวยให้พอก ๒-๓ ชั้น แล้วอำนวยยิ่งกว่านั้น ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะให้มุงวิหารที่สร้างสำเร็จแล้วบ่อยๆ ให้โบกฉาบบ่อยๆ วิหารหนักเกินไปก็ทลายลง.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
       [๘๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ว่า น้ำมีตัวสัตว์ เอารดหญ้าก็ดี ดินก็ดี ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุพวกเมืองอาฬวี.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกเมืองอาฬวี รู้อยู่ว่าน้ำมีตัวสัตว์ เอารดหญ้าบ้าง รดดินบ้าง.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...   ภูตคามวรรค ที่ ๒ จบ.
หัวข้อประจำวรรค[๘๑] ตัดต้นไม้ ๑ กล่าวส่อเสียด ๑ โพนทะนา ๑ ที่แจ้ง ๑ วิหาร ๑ นอนเบียด ๑ ฉุดคร่า ๑ บนร้าน ๑ โบกฉาบ ๑ เอาน้ำมีตัวสัตว์รดทิ้งเสีย ๑
คำถามและคำตอบในโอวาทวรรคที่ ๓
       [๘๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่ได้รับสมมติ สั่งสอนภิกษุณี ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ไม่ได้รับสมมติ สั่งสอนภิกษุณี.
   ถ. ในสิกขาบทนั้นมีบัญญัติ อนุบัญญัติ อนุปันนบัญญัติ หรือ?
   ต. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ อนุปันนบัญญัติไม่มีในสิกขาบทนั้น.
       บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่วาจา มิใช่กาย มิใช่จิต บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย ...
       [๘๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้สั่งสอนภิกษุณี เมื่อพระอาทิตย์อัสดงแล้ว ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภท่านพระจูฬปันถก.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระจูฬปันถก สั่งสอนภิกษุณี เมื่อพระอาทิตย์อัสดงแล้ว.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนปทโสธัมมสิกขาบท) ...
      [๘๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เข้าไปสู่ที่อาศัยแห่งภิกษุณีแล้ว สั่งสอนพวกภิกษุณี ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เข้าไปสู่ที่อาศัยแห่งภิกษุณีแล้วสั่งสอนพวกภิกษุณี.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนในกฐินสิกขาบท) ...
       [๘๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้กล่าวว่า พวกภิกษุกล่าวสอนพวกภิกษุณีเพราะเหตุอามิส ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์กล่าวว่า พวกภิกษุสั่งสอนพวกภิกษุณีเพราะเหตุอามิส.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๘๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งได้ให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
       [๘๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เย็บจีวรเพื่อภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีเย็บจีวร เพื่อภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ... [๘๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ชักชวนภิกษุณี แล้วเดินทางไกลร่วมกัน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ชักชวนพวกภิกษุณีเดินทางไกลร่วมกัน. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กาย กับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่ กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจาและจิต ... [๘๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ชักชวนภิกษุณีแล้ว โดยสารเรือลำเดียวกัน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ชักชวนพวกภิกษุณีแล้วโดยสารเรือลำเดียวกัน. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐาน ๔ ... [๙๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ ฉันบิณฑบาตอันภิกษุณีแนะนำให้ถวาย ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระเทวทัต. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระเทวทัตรู้อยู่ ฉันบิณฑบาตอันภิกษุณีแนะนำให้ถวาย. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ- *ฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... [๙๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เดียวสำเร็จการนั่งในที่ลับกับภิกษุณีผู้เดียว ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีผู้เดียวสำเร็จการนั่งในที่ลับกับภิกษุณีผู้เดียว. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... ฯ โอวาทวรรค ที่ ๓ จบ.
 หัวข้อประจำวรรค[๙๒] ไม่ได้รับสมมติสั่งสอน ๑ พระอาทิตย์อัสดง ๑ ที่อาศัย ๑ 
เหตุอามิส ๑ ให้ จีวร ๑ เย็บจีวร ๑ ชักชวนกันแล้วเดินทาง ๑ ชักชวนกันแล้วโดยสารเรือ ๑
ภัตที่ภิกษุณี แนะนำให้ถาย ๑ นั่งในที่ลับ ๑                                          อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
                              คำถามและคำตอบในโอวาทวรรคที่ ๔
             [๙๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ฉันอาหารในโรงทานยิ่งกว่าครั้งหนึ่งนั้น ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ อยู่ฉันอาหารในโรงทานเป็นประจำ.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
             [๙๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ ในเพราะฉันเป็นหมู่ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระเทวทัต.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระเทวทัตพร้อมด้วยบริษัท เที่ยวขอในสกุลทั้งหลายมาฉัน.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๗ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏ-
*ฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
             [๙๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ ในเพราะโภชนะทีหลัง ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูป รับนิมนต์ไว้ในที่แห่งหนึ่งแล้ว ฉันในที่อื่น.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๓ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน
๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
             [๙๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รับขนมเต็ม ๒-๓ บาตร แล้วรับยิ่งกว่านั้น ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปไม่รู้จักประมาณรับ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
             [๙๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้วฉันของขบเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี ที่ไม่
เป็นเดน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ฉันในที่แห่งอื่น.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
             [๙๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้นำของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี อันไม่เป็นเดน ไปล่อภิกษุ
ผู้ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ให้ฉัน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง นำของฉันอันไม่เป็นเดนไปล่อภิกษุผู้ฉันเสร็จ ห้าม
ภัตแล้ว ให้ฉัน.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
             [๙๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ฉันของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี ในเวลาวิกาล ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระสัตตรสวัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระสัตตรสวัคคีย์ฉันโภชนะในเวลาวิกาล.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
             [๑๐๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ฉันของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี ซึ่งรับประเคนไว้ค้างคืน ณ ที่
ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระเวลัฏฐสีสะ.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระเวลัฏฐสีสะ ฉันโภชนะที่รับประเคนไว้ค้างคืน.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
             [๑๐๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ขอโภชนะอันประณีตเพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ขอโภชนะอันประณีต เพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๔ ...
             [๑๐๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้กลืนอาหารที่เขาไม่ได้ให้ล่วงช่องปาก ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง กลืนอาหารที่เขายังไม่ได้ให้ ล่วงช่องปาก.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ... โภชนวรรค ที่ ๔ จบ
หัวข้อประจำวรรค[๑๐๓] อาหารในโรงทาน ๑ ฉันเป็นหมู่ ๑ โภชนะทีหลัง ๑ เต็ม ๒ บาตร ๑
ห้ามภัตร ๑ เวลาวิกาล ๑ ของเคี้ยว ๑ รับประเคนไว้ค้างคืน ๑ โภชนะประณีต ๑ อาหารที่เขา
ไม่ได้ให้ล่วงช่องปาก ๑
  ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]                                 อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
                               คำถามและคำตอบในอเจลกวรรคที่ ๕
             [๑๐๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี แก่อเจลกก็ดี แก่
ปริพาชกก็ดี แก่ปริพาชิกาก็ดี ด้วยมือของตน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอานนท์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอานนท์เข้าใจว่า ขนมชิ้นหนึ่ง ได้ให้ขนม ๒ ชิ้น แก่
ปริพาชิกานางหนึ่ง.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
             [๑๐๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ชวนภิกษุว่า มาเถิด คุณ เรา จักเข้าไปสู่บ้านหรือสู่
นิคม เพื่อบิณฑบาตด้วยกัน แล้วให้เขาถวายก็ดี ไม่ให้ถวายก็ดี แก่เธอ แล้วส่งกลับไปเสีย
ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร ชวนภิกษุว่า มาเถิด คุณ เราจักเข้าไป
สู่บ้านเพื่อบิณฑบาตด้วยกัน ไม่ให้เขาถวายแก่เธอ แล้วส่งกลับไป.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
             [๑๐๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้สำเร็จการนั่งแทรกแซงในสโภชนสกุล ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร สำเร็จการนั่งแทรกแซงในสโภชนสกุล.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
             [๑๐๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือ ในอาสนะกำบัง กับมาตุคาม ณ
ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือ ในอาสนะ
กำบัง กับมาตุคาม.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
             [๑๐๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้เดียว สำเร็จการนั่งในที่ลับกับมาตุคามผู้เดียว ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร ผู้เดียวสำเร็จการนั่งในที่ลับกับมาตุคาม
ผู้เดียว.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
             [๑๐๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รับนิมนต์แล้ว มีภัตอยู่ ไม่บอกลาภิกษุซึ่งมีอยู่ ถึงความ
เป็นผู้เที่ยวไปในสกุลทั้งหลาย ก่อนเวลาฉันก็ดี หลังเวลาฉันก็ดี ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร รับนิมนต์แล้ว มีภัตอยู่ ถึงความ
เป็นผู้เที่ยวไปในสกุลทั้งหลาย ก่อนเวลาฉัน หลังเวลาฉัน.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๔ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
             [๑๑๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ขอเภสัชยิ่งกว่ากำหนดนั้น ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ อันมหานามศากยะกล่าวว่า วันนี้ ขอท่านจงรอ ก็มิ
ได้รอ.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๖ ...
             [๑๑๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไปเพื่อดูกองทัพซึ่งยกออกไป ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ได้ไปเพื่อจะดูกองทัพซึ่งยกออกไป.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
             [๑๑๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้อยู่ในกองทัพเกินกว่า ๓ คืน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์อยู่ในกองทัพเกินกว่า ๓ คืน.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
             [๑๑๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไปสู่สนามรบ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ได้ไปสู่สนามรบ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ... อเจลกวรรค ที่ ๕ จบ.
หัวข้อประจำวรรค[๑๑๔] ให้แก่อเจลก ๑ ส่งภิกษุกลับไป ๑ สโภชนสกุล ๑ นั่งในที่ลับ ๒ สิกขาบท
ภิกษุมีอยู่ ๑ เภสัช ๑ ดูกองทัพที่ยกออกไป ๑ อยู่เกิน ๓ ราตรี ๑ ไปสู่สนามรบ ๑
  ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]       อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
คำถามและคำตอบในสุราเมรยวรรคที่ ๖
             [๑๑๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะดื่มสุราและเมรัย ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระสาคตะ.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระสาคตะดื่มน้ำเมา.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ
บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
             [๑๑๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะจี้ด้วยนิ้วมือ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ใช้นิ้วมือจี้ภิกษุให้หัวเราะ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
คือเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
             [๑๑๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะเล่นน้ำ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระสัตตรสวัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระสัตตรสวัคคีย์เล่นน้ำในแม่น้ำอจิรวดี.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
             [๑๑๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะได้ทำความไม่เอื้อเฟื้อ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
             [๑๑๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้หลอนภิกษุ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์หลอนภิกษุ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
             [๑๒๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ติดไฟผิง ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ ภัคคชนบท.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปก่อไฟผิง.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๒ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๖ ...
             [๑๒๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้อาบน้ำหย่อนกึ่งเดือน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปเห็นพระราชาแล้ว ก็ยังไม่รู้จักประมาณอาบน้ำ.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๖
             ถ. มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ หรือ?
             ต. มีแต่ปเทสบัญญัติ.
             บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลม
สิกขาบท) ...
             [๑๒๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่ถือเอาวัตถุสำหรับทำให้เสียสี ๓ อย่าง อย่างใด
อย่างหนึ่ง แล้วใช้จีวรใหม่ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปจำจีวรของตนไม่ได้.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
             [๑๒๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้วิกัปจีวรเอง แก่ภิกษุก็ดี แก่ภิกษุณีก็ดี แก่
สิกขมานาก็ดี แก่สามเณรก็ดี แก่สามเณรีก็ดี แล้วใช้สอยจีวรนั้น ซึ่งไม่ให้เขาถอนก่อน ณ
ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร วิกัปจีวรเองแก่ภิกษุแล้วใช้สอยจีวรนั้น
ซึ่งไม่ให้เขาถอนก่อน.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
             [๑๒๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ซ่อนบาตรก็ดี จีวรก็ดี ผ้าปูนั่งก็ดี กล่องเข็มก็ดี
ประคตเอวก็ดี ของภิกษุ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ซ่อนบาตรบ้าง จีวรบ้าง ผ้าปูนั่งบ้าง กล่องเข็มบ้าง
ประคตเอวบ้าง ของภิกษุทั้งหลาย.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... สุราเมรยวรรค ที่ ๖ จบ.
หัวข้อประจำวรรค[๑๒๕] สุรา ๑ จี้ด้วยนิ้วมือ ๑ เล่นน้ำ ๑ ไม่เอื้อเฟื้อ ๑ หลอนภิกษุ ๑ ติดไฟผิง ๑
อาบน้ำ ๑ วัตถุทำให้เสียสี ๑ วิกัป ๑ ซ่อนจีวร ๑
  ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก : [1], [2]           อ่านเทียบพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ :-
มอนสเตอร์ ปะทะ เอเลี่ยน พ.ศ. 2552•ไซไฟ’ตลก ‧ 1 ชม. 42 นาที Monsters vs. Aliens 2009 ‧Sci-fi/Comedy ‧ 1h 42m  ค้นหาหนัง HD THAI 6.4/10 · IMDb Cartoon การ์ตูน อนิเมชั่น|2009|
Monsters VS Aliens Vol.1 มอนสเตอร์ปะทะเอเลี่ยน ชุด 1

  เมื่อสาวแคลิฟอร์เนีย ซูซาน เมอร์ฟี่ (รีส วิเธอร์สปูน) โดนดาวตกที่เต็ม
ไปด้วยสารเหนียวข้นจากนอกโลกพุ่งเข้าชนในวันแต่งงานของเธอตัวเธอขยายใหญ่ขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุจนมีส่วนสูงถึง 49 ฟุต 11 นิ้ว ทางกองทัพออกปฏิบัติการทันที ซูซานถูกจับตัวไปไว้ในฐานลับของรัฐบาล ที่นั่นเธอได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า ไจนอร์มิก้า
 และเธอต้องเข้าร่วมกลุ่มตัวประหลาดที่โดดเหยียดหยาม อันประกอบไปด้วย ดร.ค๊อกโรช(ฮิวจ์ ลอรี่) ผู้แสนปราดเปรื่อง แต่มีศีรษะเป็นแมลงสาบ , มิสซิ่งลิงค์ (วิลล์ อาร์เน็ตต์) ซึ่งเป็นครึ่งลิงครึ่งปลา , บ๊อบ(เซ็ธ โรเก้น) มนุษย์เจลาตินที่ฆ่า
และหนอนน้อยตัวขนาด 350 ฟุต ที่ชื่ออินเซ็คโทซอรัส อย่างไรก็ดีการโดนจองจำของพวกเขาถูกทอนให้สั้นลง เมื่อหุ่นยนต์ต่างดาวลึกลับร่อนลงจอดบนโลก และเริ่มโจมตีอเมริกาในวินาทีแห่งความสิ้นหวัง ประธานาธิบดี (สตีเฟ่น โคลเบิร์ต)ได้ รับการเกลี้ยกล่อม
ให้ขอความช่วยเหลือ จากกลุ่มตัวประหลาดที่มีความหลากหลายเพื่อให้พวกเขาต่อสู้กับหุ่นยนต์ต่างดาว และช่วยโลกให้พ้นจากการโดนทำลายล้างครั้งใหญ่
Liked this


               
Description



Monsters vs. Aliens (2009) มอนสเตอร์ ปะทะ เอเลี่ยน
คำถามและคำตอบในสัปปาณกวรรคที่ ๗ [๑๒๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้แกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีแกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๒๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่บริโภคน้ำมีตัวสัตว์ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์รู้อยู่ บริโภคน้ำมีตัวสัตว์. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๒๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรม เพื่อทำอีก ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์รู้อยู่ ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรมเพื่อทำอีก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๒๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ ปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ต. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งรู้อยู่ ปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย วาจา และจิต ... [๑๓๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ยังบุคคลผู้มีอายุหย่อน ๒๐ ปี ให้อุปสมบท ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรู้อยู่ยังบุคคลมีอายุหย่อน ๒๐ ปี ให้อุปสมบท. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๓๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ชักชวนแล้วเดินทางไกลสายเดียวกันกับพวกพ่อค้าผู้เป็น โจร ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งรู้อยู่ ชักชวนเดินทางไกลสายเดียวกันกับพวกพ่อค้าผู้ เป็นโจร. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจา และจิต ... [๑๓๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ชักชวนเดินทางไกลสายเดียวกันกับมาตุคาม ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งชักชวน เดินทางไกลสายเดียวกันกับมาตุคาม. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ ... [๑๓๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่สละทิฏฐิอันชั่วช้า เมื่อสวดสมนุภาสจบหนที่ ๓ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระอริฏฐะ ผู้เคยเป็นคนฆ่าแร้ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระอริฏฐะ ผู้เคยเป็นคนฆ่าแร้ง ไม่สละทิฏฐิอันชั่วช้าเมื่อสวด สมนุภาสจบหนที่ ๓. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย วาจา และจิต ... [๑๓๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ กินร่วมกับพระอริฏฐะผู้กล่าวอย่างนั้น มีธรรมอันสมควร ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้สละทิฏฐินั้น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ รู้อยู่ กินร่วมกับพระอริฏฐะ ผู้กล่าวอย่างนั้น มีธรรม อันสมควรยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้สละทิฏฐินั้น. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๓๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ เกลี้ยกล่อมสมณุทเทส ผู้ถูกสงฆ์นาสนะอย่างนั้นแล้ว ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ รู้อยู่ เกลี้ยกล่อมกัณฑกะสมณุทเทสผู้ถูกสงฆ์ นาสนะอย่างนั้นแล้ว. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... สัปปาณกวรรคที่ ๗ จบ. หัวข้อประจำวรรค[๑๓๖] แกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย ๑ บริโภคน้ำที่มีตัวสัตว์ ๑ ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้ว ตามธรรม ๑ รู้อยู่ปิดอาบัติชั่วหยาบ ๑ อายุหย่อน ๒๐ ปี ๑ ชักชวนเดินทางกลับพ่อค้าผู้เป็นโจร ๑ ชักชวนเดินทางกับมาตุคาม ๑ กินร่วม ๑ เกลี้ยกล่อมสมณุทเทสผู้ถูกสงฆ์นาสนะแล้ว ๑. คำถามและคำตอบในสหธรรมมิกวรรคที่ ๘
[๑๓๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวอยู่โดยชอบธรรม กล่าวว่า แนะเธอ
ฉันจักยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ ตลอดเวลาที่ยังไม่ได้สอบถามภิกษุอื่นผู้ฉลาด ผู้ทรงวินัย ณ
ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะ อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวอยู่โดยชอบธรรม กล่าวว่า
แนะเธอ ฉันจักยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ ตลอดเวลาที่ยังไม่ได้สอบถามภิกษุอื่นผู้ฉลาด ผู้ทรง
วินัย.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
[๑๓๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ก่นพระวินัย ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ก่นพระวินัย.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
[๑๓๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสร้งทำหลง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๔๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้โกรธ ขัดใจ ให้ประหารภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์โกรธ ขัดใจ ให้ประหารแก่ภิกษุทั้งหลาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... [๑๔๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้โกรธ ขัดใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือ แก่ภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์โกรธ ขัดใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือ แก่ภิกษุทั้งหลาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... [๑๔๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้กำจัดภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสหามูลมิได้ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์กำจัดภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสหามูลมิได้. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๔๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้แกล้งก่อความรำคาญแก่ภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แกล้งก่อความรำคาญแก่ภิกษุทั้งหลาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๔๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ยืนแอบฟังความ เมื่อภิกษุทั้งหลายเกิดบาดหมางกัน เกิด ทะเลาะกัน ถึงการวิวาทกัน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ยืนแอบฟังความ เมื่อภิกษุทั้งหลายเกิดบาดหมางกัน เกิดทะเลาะกัน ถึงการวิวาทกัน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจา และจิต ... [๑๔๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ฉันทะ เพื่อกรรมอันเป็นธรรมแล้ว ถึงธรรมคือความ บ่นว่าในภายหลัง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ให้ฉันทะ เพื่อกรรมอันเป็นธรรมแล้ว ถึงธรรมคือความ บ่นว่าในภายหลัง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๔๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้เมื่อเรื่องอันจะพึงวินิจฉัยยังเป็นไปอยู่ในสงฆ์ ไม่ให้ฉันทะ แล้วลุกจากอาสนะกลับไปเสีย ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อเรื่องอันจะพึงวินิจฉัยยังเป็นไปอยู่ในสงฆ์ ไม่ให้ ฉันทะแล้วลุกจากอาสนะกลับไปเสีย. มีบัญญัติ ๑. บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กาย วาจา และจิต ... [๑๔๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้พร้อมกับสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้จีวร แล้วถึงธรรมคือความ บ่นว่าในภายหลัง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ผู้พร้อมกับสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้จีวรแก่ภิกษุ แล้ว ถึงธรรมคือความบ่นว่าในภายหลัง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... [๑๔๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์ มาเพื่อบุคคล ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ผู้รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์มาเพื่อบุคคล. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... สหธรรมมิกวรรคที่ ๘ จบ. หัวข้อประจำวรรค[๑๔๙] ภิกษุกล่าวโดยชอบธรรม ๑ ก่นวินัย ๑ แสร้งทำหลง ๑ ให้ประหาร ๑ เงื้อหอกคือฝ่ามือ ๑ อาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล ๑ ก่อความรำคาญ ๑ ยืนแอบฟังความ ๑ กรรม อันเป็นธรรม ๑ วินิจฉัย ๑ สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้ ๑ น้อมลาภมาเพื่อบุคคล ๑ 
คำถามและคำตอบในราชวรรคที่ ๙ [๑๕๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่ได้รับบอกก่อน เข้าไปสู่ภายในพระตำหนักหลวง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอานนท์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอานนท์ยังไม่ได้รับบอกก่อน เข้าไปสู่ภายในพระตำหนัก หลวง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ... [๑๕๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้เก็บรัตนะ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งเก็บรัตนะ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๒ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐาน ๖ ... [๑๕๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่เข้าไปสู่บ้านในเวลาวิกาล ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่ แล้วเข้าไปสู่บ้านในเวลาวิกาล. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๓ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ... [๑๕๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำกล่องเข็มแล้วด้วยกระดูกก็ดี แล้วด้วยงาก็ดี แล้วด้วย เขาก็ดี ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปไม่รู้จักประมาณ ขอกล่องเข็มเป็นจำนวนมาก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ... [๑๕๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำเตียงก็ดี ตั่งก็ดี เกินประมาณ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนันทะศากยบุตร. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทะศากยบุตร ให้ทำเตียงสูง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ... [๑๕๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำเตียงก็ดี ตั่งก็ดี เป็นของหุ้มนุ่น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ให้ทำเตียงก็ดี ตั่งก็ดี เป็นของหุ้มนุ่น. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ... [๑๕๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้าปูนั่งเกินประมาณ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ให้ทำผ้าปูนั่งไม่มีประมาณ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐาน ๖ ... [๑๕๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้าปิดฝีเกินประมาณ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ใช้ผ้าปิดฝีไม่มีประมาณ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ... [๑๕๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้าอาบน้ำฝนเกินประมาณ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ใช้ผ้าอาบน้ำฝน ไม่มีประมาณ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ... [๑๕๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำจีวรมีประมาณเท่าจีวรพระสุคต ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอานนท์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอานนท์ ใช้จีวรมีประมาณเท่าจีวรพระสุคต. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ... ราชวรรคที่ ๙ จบ. หัวข้อประจำวรรค[๑๖๐] ภายในพระตำหนักหลวง ๑ เก็บ ๑ ไม่อำลาแล้วเข้าบ้าน ๑ กล่องเข็ม ๑ เตียง ๑ เตียงหุ้มนุ่น ๑ ผ้าปูนั่ง ๑ ผ้าปิดฝี ๑ ผ้าอาบน้ำฝน ๑ ใช้จีวรเท่าสุคตจีวร ๑ ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท จบ.  หัวข้อบอกวรรคเหล่านั้น
[๑๖๑] วรรคเหล่านั้น คือ มุสาวาทวรรค ๑ ภูตคามวรรค ๑ โอวาทวรรค ๑ โภชนวรรค ๑ อเจลกวรรค ๑ สุราเมรยวรรค ๑ สัปปาณกวรรค ๑ สหธรรมิกวรรค ๑
รวมเป็น ๙ กับราชวรรค.

ไม่มีความคิดเห็น: