Translate

26 มกราคม 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ภิกขุนีวิภังค์ ๑๖ มหาวาร ปาราชิกกัณฑ์-สังฆาทิเสสกัณฑ์ , นิสสัคคิยปาจิตตียกัณฑ์ กัตถปัญญัติวารที่ ๑ คำถามและคำตอบในสิกขาบท

Google Workspace logo 
ทำบุญ 
ปาราชิกกัณฑ์
   [๕๑๑] พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน? ทรงปรารภใคร? เพราะเรื่องอะไร? ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น มีบัญญัติ อนุบัญญัติ อนุปันนบัญญัติ สัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ สาธารณบัญญัติ
  อสาธารณบัญญัติ เอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติหรือ? บรรดาปาติโมกขุทเทศ ๔ ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น จัดเข้าในอุเทศไหน? นับเนื่องในอุเทศไหน? มาสู่อุเทศโดยอุเทศที่เท่าไร? บรรดาวิบัติ ๔ จัดเป็นวิบัติอย่างไหน? บรรดาอาบัติ ๗ กอง เป็นอาบัติกอง ไหน? บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ เกิดด้วยสมุฏฐาน
  เท่าไร? บรรดาอธิกรณ์ ๔ เป็นอธิกรณ์ไหน? บรรดาสมถะ ๗ ระงับด้วยสมถะเท่าไร? ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นวินัย? ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นอภิวินัย? ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นปาติโมกข์ ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นอธิปาติโมกข์ อะไรเป็นวิบัติ?
  อะไรเป็นสมบัติ? อะไรเป็นข้อปฏิบัติ? พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย เพราะทรงอาศัยอำนาจประโยชน์เท่าไร? พวกไหนศึกษา? พวกไหนมีสิกขาอันศึกษาแล้ว? ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น ตั้งอยู่ในใคร? พวกไหนย่อมทรงไว้? เป็นถ้อยคำของใคร? ใครนำมา?
ปาราชิกกัณฑ์ คำถามและคำตอบในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕
       [๕๑๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุณีสุนทรีนันทา.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีสุนทรีนันทา มีความกำหนัด ยินดีในการเคล้าคลึงด้วยกายของบุรุษบุคคลผู้กำหนัด.
   ถ. ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น มีบัญญัติ อนุบัญญัติ อนุปันนบัญญัติ หรือ?
   ต. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ อนุปันนบัญญัติ ไม่มีในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น.
   ถ. มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ หรือ?
   ต. มีแต่สัพพัตถบัญญัติ.
   ถ. มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติ หรือ?
   ต. มีแต่อสาธารณบัญญัติ.
   ถ. มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติ หรือ?
   ต. มีแต่เอกโตบัญญัติ.
   บรรดาปาติโมกขุทเทศ ๔ ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น จัดเข้าในอุเทศไหน? นับเนื่องในอุเทศไหน?
   ต. จัดเข้าในนิทาน นับเนื่องในนิทาน.
   ถ. มาสู่อุเทศโดยอุเทศที่เท่าไร?
   ต. มาสู่อุเทศโดยอุเทศที่ ๒.
   ถ. บรรดาวิบัติ ๔ เป็นวิบัติอย่างไหน?
   ต. เป็นศีลวิบัติ.
   ถ. บรรดาอาบัติ ๗ กอง เป็นอาบัติกองไหน?
   ต. เป็นกองอาบัติปาราชิก.
   ถ. บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น เกิดขึ้นด้วยสมุฏฐานเท่าไร?
   ต. เกิดขึ้นด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย กับจิต มิใช่วาจา.
   ถ. บรรดาอธิกรณ์ ๔ เป็นอธิกรณ์อะไร?
   ต. เป็นอาปัตตาธิกรณ์.
   ถ. บรรดาสมถะ ๗ ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
   ต. ระงับด้วยสมถะ ๒ คือสัมมุขาวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑.
   ถ. ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นวินัย? อะไรเป็นอภิวินัย
   ต. พระบัญญัติเป็นวินัย การจำแนกเป็นอภิวินัย.
   ถ. ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นปาติโมกข์? ในปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น อะไรเป็นอธิปาติโมกข์?
   ต. พระบัญญัติเป็นปาติโมกข์ การจำแนกเป็นอธิปาติโมกข์.
       ถ. อะไรเป็นวิบัติ?
       ต. ความไม่สังวรเป็นวิบัติ.
       ถ. อะไรเป็นสมบัติ?
       ต. ความสังวรเป็นสมบัติ.
       ถ. อะไรเป็นข้อปฏิบัติ?
       ต. ข้อที่ภิกษุณีสมาทานอาปาณโกฏิกศีลตลอดชีวิตว่า จักไม่ทำกรรมเห็นปานนี้ แล้วศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย เป็นข้อปฏิบัติ.
       ถ. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ทรงอาศัยอำนาจประโยชน์เท่าไร?
       ต. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย เพราะทรงอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อข่มภิกษุณีผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุณี ผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑
  เพื่อกำจัดอาสวะอันจะบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความดำรงมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่ออนุเคราะห์ พระวินัย ๑.
   ถ. พวกไหนศึกษา?
 ต. ภิกษุณีเป็นเสกขะและเป็นกัลยาณปุถุชนศึกษา.
 ถ. พวกไหนมีสิกขาอันศึกษาแล้ว?
 ต. ภิกษุณีผู้อรหันต์มีสิกขาอันศึกษาแล้ว.
 ถ. ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ นั้น ตั้งอยู่ในใคร?
 ต. ตั้งอยู่ในภิกษุณีผู้ใคร่ต่อการศึกษา.
 ถ. พวกไหนย่อมทรงไว้?
 ต. ปาราชิกสิกขาบทที่ ๕ ย่อมเป็นไปแก่ภิกษุณีเหล่าใด ภิกษุณีเหล่านั้นย่อมทรงไว้.
 ถ. เป็นถ้อยคำของใคร?
 ต. เป็นพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า.
 ถ. ใครนำมา?
 ต. พระเถระทั้งหลายนำสืบๆ กันมา.
  รายนามพระเถระผู้ทรงวินัย
       พระเถระเหล่านี้ คือ พระอุบาลี พระทาสกะ พระโสณกะ พระสิคควะ
       รวมเป็นห้าทั้งพระโมคคัลลีบุตร นำพระวินัยมาในทวีปชื่อว่าชมพูมีสิริ.
       แต่นั้น พระเถระผู้ประเสริฐมีปัญญามากเหล่านี้ คือ พระมหินทะ ๑
       พระอิฏฏิยะ ๑ พระอุตติยะ ๑ พระสัมพละ ๑ ... พระเถระผู้ประเสริฐ ผู้มี
       ปัญญามากเหล่านี้ รู้พระวินัย ฉลาดในมรรคา ได้ประกาศพระวินัยปิฎก
             ไว้ในเกาะตามพปัณณิ.
คำถามและคำตอบในปาราชิกสิกขาบทที่ ๖
       [๕๑๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๖ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทารู้อยู่ว่า ภิกษุณีต้องปาราชิกธรรม ไม่โจทด้วยตนเอง ไม่บอกแก่คณะ.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย วาจา และจิต.
คำถามและคำตอบในปาราชิกสิกขาบทที่ ๗
       [๕๑๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๗ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทา ประพฤติตามพระอริฏฐะ ผู้เคยเป็นคนฆ่าแร้ง ถูกสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันยกวัตร.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).
คำถามและคำตอบในปาราชิกสิกขาบทที่ ๘
       [๕๑๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาราชิกสิกขาบทที่ ๘ แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีฉัพพัคคีย์.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีฉัพพัคคีย์ทำวัตถุที่ ๘ ให้บริบูรณ์.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).   ปาราชิก ๘ สิกขาบท จบ
หัวข้อประจำกัณฑ์
       [๕๑๖] พระมหาวีระทรงบัญญัติปาราชิกอันเป็นวัตถุแห่งการขาดอย่างไม่ต้องสงสัย คือ เมถุน ๑ อทินนาทาน ๑ มนุสสวิคคหะ ๑ อุตตริมนุสสธรรม ๑ กายสังสัคคะ ๑ ปกปิด ๑ สงฆ์ยกวัตร ๑ วัตถุที่แปด ๑ ฯ
สังฆาทิเสสกัณฑ์คำถามและคำตอบในสังฆาทิเสส ๑๐ สิกขาบท
       [๕๑๗] พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้กล่าวให้ร้าย ก่อคดี ณ ที่ไหน? ทรงปรารภใคร? เพราะเรื่อง
อะไร? ... ใครนำมา?
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑
       [๕๑๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสสิกขาบท ที่ ๑ แก่ภิกษุณีผู้กล่าวให้ร้าย ก่อคดี ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทากล่าวให้ร้ายอยู่.
       ถ. ในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นั้น มีบัญญัติ อนุบัญญัติ อนุปันนบัญญัติ หรือ?
       ต. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ อนุปันนบัญญัติ ไม่มีในสังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นั้น.
       ถ. มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ หรือ?
       ต. มีแต่สัพพัตถบัญญัติ.
       ถ. มีสาธารณบัญญัติ อสาธารณบัญญัติ หรือ?
       ต. มีแต่อสาธารณบัญญัติ.
       ถ. มีเอกโตบัญญัติ อุภโตบัญญัติ หรือ?
       ต. มีแต่เอกโตบัญญัติ.
       ถ. บรรดาปาติโมกขุทเทศ ๔ สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ นั้น จัดเข้าในอุเทศไหน? นับเนื่องในอุเทศไหน?
       ต. จัดเข้าในนิทาน นับเนื่องในนิทาน.
       ถ. มาสู่อุเทศโดยอุเทศที่เท่าไร?
       ต. มาสู่อุเทศโดยอุเทศที่ ๓.
       ถ. บรรดาวิบัติ ๔ เป็นวิบัติอย่างไหน?
       ต. เป็นศีลวิบัติ.
       ถ. บรรดาอาบัติ ๗ กอง เป็นอาบัติกองไหน?
       ต. เป็นกองอาบัติสังฆาทิเสส.
       ถ. บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑ เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร?
       ต. เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กาย วาจา และจิต ...
       ถ. ใครนำมา?
       ต. พระเถระทั้งหลายนำสืบๆ กันมา ...
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๒
       [๕๑๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสสแก่ภิกษุณีผู้รับหญิงโจรให้บวช ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
 ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทารับหญิงโจรให้บวช.
 มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย บางทีเกิดแต่กาย วาจา และจิต.
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๓
       [๕๒๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส แก่ภิกษุณีผู้ไปสู่ละแวกบ้านแต่ผู้เดียว ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
 ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีรูปหนึ่งไปสู่ละแวกบ้านแต่ผู้เดียว.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๓ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท).
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๔
       [๕๒๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส แก่ภิกษุณีผู้ไม่บอกกล่าวการกสงฆ์ ไม่รู้ฉันทะของคณะ รับภิกษุณีผู้ซึ่งสงฆ์พร้อมเพรียงกันยกเสียจากหมู่แล้ว ตามธรรม ตามวินัย ตามสัตถุศาสน์ ให้เข้าหมู่ ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาไม่บอกกล่าวการกสงฆ์ ไม่รู้ฉันทะของคณะ รับภิกษุณีผู้ซึ่งสงฆ์พร้อมเพรียงกันยกเสียจากหมู่แล้วตามธรรม ตามวินัย ตามสัตถุศาสน์ ให้เข้าหมู่.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).
  สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๕
       [๕๒๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส แก่ภิกษุณีผู้พอใจรับของเคี้ยวก็ตาม ของฉันก็ตาม จากมือของบุรุษบุคคลผู้พอใจ ด้วยมือของตนแล้วฉัน ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีสุนทรีนันทา.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีสุนทรีนันทาพอใจรับอามิสจากมือของบุรุษบุคคลผู้พอใจ.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ฯ
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๖
       [๕๒๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส แก่ภิกษุณีผู้กล่าวว่า แม่เจ้า บุรุษบุคคลนั้นมีความพอใจก็ตาม ไม่มีความพอใจก็ตาม จักทำอะไรแก่แม่เจ้าได้ เพราะแม่เจ้าไม่มีความพอใจ นิมนต์เถิดเจ้าข้าบุรุษบุคคลนั้นจะถวายสิ่งใด
  เป็นของเคี้ยว หรือของฉันก็ตาม แก่แม่เจ้า ขอแม่เจ้าจงรับประเคนของสิ่งนั้น ด้วยมือของตน แล้วเคี้ยว หรือฉันเถิด ดังนี้ แล้วส่งไป ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีรูปหนึ่ง.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง กล่าวว่า แม่เจ้า บุรุษบุคคลนั้นมีความพอใจก็ตาม ไม่มีความพอใจก็ตาม จักทำอะไรแก่แม่เจ้าได้ เพราะแม่เจ้าไม่มีความพอใจ นิมนต์เถิด เจ้าข้าบุรุษบุคคลนั้นจะถวายสิ่งใด เป็นของเคี้ยว หรือของฉันก็ตาม แก่แม่เจ้า ขอแม่เจ้าจงรับประเคนของสิ่งนั้น ด้วยมือของตน แล้วเคี้ยว หรือฉันเถิด ดังนี้ แล้วส่งไป.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓.
  สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๗
       [๕๒๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส แก่ภิกษุณีผู้โกรธ ไม่สละกรรม เพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุจัณฑกาลีโกรธขัดใจ ได้กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าขอบอกคืนพระพุทธเจ้า ขอบอกคืนพระธรรม ขอบอกคืนพระสงฆ์ ขอบอกคืนสิกขา.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท).
สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๘
       [๕๒๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส แก่ภิกษุผู้ถูกตัดสินให้แพ้ในอธิกรณ์เรื่องหนึ่ง โกรธ ไม่สละกรรมเพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุณีจัณฑกาลี.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีจัณฑกาลีถูกตัดสินให้แพ้ในอธิกรณ์เรื่องหนึ่งแล้ว โกรธ ขัดใจ ได้กล่าวอย่างนี้ว่า พวกภิกษุณีถึงความพอใจ ถึงความขัดเคือง ถึงความหลง และถึงความกลัว.
พนอ พ.ศ. 2568 ‧ 2 ชม. 5 นาที Art of the Devil Beginning (2025)
ดูหนังออนไลน์ Art of the Devil Beginning (2025) พนอ
ปีที่ฉาย 2025 เสียง : ไทย 🌟🌕 5.9 Zoom
เรื่องราวของเด็กสาวที่เกิดในวันแห่งโชคชะตา เมื่อพิธีกรรมในหมู่บ้าน
ได้ปลดปล่อยคำสาปลึกลับออกมา ปานอร์ถูกคนในชุมชนเกรงกลัว
และรังเกียจ จึงถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บอกเหตุแห่งความโชคร้าย
 ผู้คนที่อยู่ใกล้ชิดกับเธอมักตกเป็นเหยื่อของมนตร์ดำอันชั่วร้าย
  ปานอร์ได้ค้นพบความจริงอันดำมืดโดยบังเอิญ: คำสาป
อันทรงพลังถูกสาปใส่เธอตั้งแต่เกิด ทำให้เธอต้องถูกจองจำ
อยู่กับชีวิตที่ทรมานเหนือธรรมชาติ แต่ชะตากรรมอันชั่วร้าย
ที่ติดตามเธอมาตั้งแต่แรกเกิดนั้น คืออะไรกันแน่?
 ผู้กำกับ: พุฒิพงศ์ สายศรีแก้ว เขียนบท พุฒิพงศ์ สายศรีแก้ว
นักแสดงนำ
 บริษัทผู้สร้าง ไฟว์สตาร์โปรดักชั่น
เพลงประกอบ
  • "ตายตาหลับ" ขับร้องโดย พิมพ์มาดา ใจสักเสริญ (พิมมา พิกซี่
  •     "ฝั่งหัวใจ" ขับร้องโดย บุษยา รังสี
Art of the Devil Beginning (2025) พนอ
Liked this

มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท). สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๙ [๕๒๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส แก่ภิกษุณีทั้งหลายผู้คลุกคลี ไม่สละกรรม เพราะสวด สมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปคลุกคลีกันอยู่. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท). สังฆาทิเสสสิกขาบทที่ ๑๐ [๕๒๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติสังฆาทิเสส แก่ภิกษุณีผู้ส่งไปด้วยสั่งว่า แม่เจ้าทั้งหลาย ขอท่าน ทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกันเถิด อย่าอยู่ต่างหากกันเลย ไม่สละวัตถุ เพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาส่งไปด้วยสั่งว่า แม่เจ้าทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลาย จงอยู่คลุกคลีกันเถิด อย่าอยู่ต่างหากกันเลย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนธุรนิกเขปสิกขาบท). สังฆาทิเสส ๑๐ สิกขาบท จบ หัวข้อประจำกัณฑ์ [๕๒๘] กล่าวให้ร้าย ๑ รับนางโจรให้บวช ๑ ละแวกบ้าน ๑ ถูกสงฆ์ยกวัตร ๑ ของเคี้ยว ๑ ทำอะไรแก่แม่เจ้าได้ ๑ โกรธ ๑ อธิกรณ์เรื่องอื่น ๑ คลุกคลี ๑ ส่งไป ๑ สังฆา ทิเสสเหล่านั้นรวมเป็น ๑๐ สิกขาบท. นิสสัคคิยปาจิตตียกัณฑ์ คำถามและคำตอบในนิสสคคิยปาจิตตีย์ ๑๒ สิกขาบท
[๕๒๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ทำการสั่งสมบาตร ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีฉัพพัคคีย์ได้ทำการสั่งสมบาตร. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท). [๕๓๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้อธิษฐานอกาลจีวรว่าเป็นกาลจีวรแล้วให้แจกกัน ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาอธิษฐานอกาลจีวรว่าเป็นกาลจีวรแล้วให้แจกกัน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓. [๕๓๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้แลกเปลี่ยนจีวรกับภิกษุณีแล้วชิงเอาไป ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาแลกเปลี่ยนจีวรกับภิกษุณีแล้วชิงเอาไป. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓. [๕๓๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ขอของอย่างอื่น แล้วขอของอย่างอื่นอีก ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาขอของอย่างอื่นแล้ว ขอของอย่างอื่นอีก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. [๕๓๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ให้จ่ายของอย่างอื่น แล้วให้จ่ายของอย่างอื่นอีก ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้จ่ายของอย่างอื่น แล้วให้จ่ายของอย่างอื่นอีก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. [๕๓๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ให้จ่ายของอย่างอื่นด้วยบริขารของสงฆ์ ที่เขา ถวายไว้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปให้จ่ายของอื่น ด้วยบริขารของสงฆ์ ที่เขาถวายไว้ เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่น. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. [๕๓๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ให้จ่ายของอย่างอื่น ด้วยบริขารของสงฆ์ที่เขา ถวายไว้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่น ที่ขอมาเอง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปให้จ่ายของอย่างอื่น ด้วยบริขารของสงฆ์ที่เขาถวายไว้ เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่น ที่ขอมาเอง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. [๕๓๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ให้จ่ายของอย่างอื่น ด้วยบริขารของคนหมู่มาก ที่เขาถวายไว้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปให้จ่ายของอื่น ด้วยบริขารของคนหมู่มาก ที่เขาถวาย ไว้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่น. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. [๕๓๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ให้จ่ายของอื่น ด้วยบริขารของคนหมู่มากที่เขา ถวายไว้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่น ที่ขอมาเอง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีหลายรูปให้จ่ายของอย่างอื่น ด้วยบริขารของคนหมู่มากที่เขา ถวายไว้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่น ที่ขอมาเอง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. [๕๓๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ให้จ่ายของอื่นด้วยบริขารของบุคคล ที่เขาถวาย ไว้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่นที่ขอมาเอง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาให้จ่ายของอื่น ด้วยบริขารของบุคคลที่เขาถวายไว้ เพื่อประโยชน์อย่างอื่น เจาะจงของอย่างอื่นที่ขอมาเอง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. [๕๓๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีผู้ให้จ่ายผ้าห่มหนา ราคาเกินกว่า ๔ กังสะเป็น เป็นอย่างยิ่ง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทา ขอผ้ากัมพลกะพระเจ้าแผ่นดิน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. [๕๔๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้จ่ายผ้าห่มบาง ราคาเกินกว่า ๒ กังสะกึ่งเป็น อย่างยิ่ง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุณีถุลลนันทา. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุณีถุลลนันทาขอผ้าโขมะกะพระเจ้าแผ่นดิน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖. นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๑๒ สิกขาบท จบ หัวข้อประจำกัณฑ์ [๕๔๑] บาตร ๑ อธิษฐานอกาลจีวรเป็นกาลจีวร ๑ แลกเปลี่ยน ๑ ขอ ๑ ให้จ่าย ๑ ที่ถวายไว้เพื่อประโยชน์อย่างอื่น ๑ เป็นของสงฆ์ ๑ เป็นของคนหมู่มาก ๑ ขอมาเอง ๑ เป็นของบุคคล ๑ สี่กังสะ ๑ สองกังสะกึ่ง ๑.

ไม่มีความคิดเห็น: