
อธิบายวิวาทาธิกรณ์ [๑๐๕๔] ถามว่า วิวาทาธิกรณ์ มีอนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ ไหม?
ตอบว่า วิวาทาธิกรณ์ ไม่มีอนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ แต่เพราะวิวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ ย่อมมีได้. เปรียบเหมือนอะไร. เปรียบเหมือน ภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยนี้ วิวาทกันว่า
นี้เป็นธรรม นี้ไม่เป็นธรรม
นี้เป็นวินัย นี้ไม่เป็นวินัย
นี้พระตถาคตตรัสภาษิตไว้ นี้พระตถาคตไม่ได้ตรัสภาษิตไว้
นี้พระตถาคตทรงประพฤติมา นี้พระตถาคตไม่ได้ทรงประพฤติมา
นี้พระตถาคตทรงบัญญัติไว้ นี้พระตถาคตไม่ได้ทรงบัญญัติไว้
นี้เป็นอาบัติ นี้ไม่เป็นอาบัติ
นี้เป็นอาบัติเบา นี้เป็นอาบัติหนัก
นี้เป็นอาบัติมีส่วนเหลือ นี้เป็นอาบัติหาส่วนเหลือมิได้
นี้เป็นอาบัติชั่วหยาบ นี้เป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ
ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง ความวิวาท การกล่าวต่างกัน การกล่าวโดยประการอื่น การพูดเพื่อความกลัดกลุ้ม ความหมายมั่นในเรื่องนั้น อันใด นี้ เรียกว่าวิวาทาธิกรณ์. สงฆ์วิวาทกันในวิวาทาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์. เมื่อวิวาทกัน ย่อมโจทจัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์.
เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์. เพราะวิวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ ย่อมมีอย่างนี้.
อธิบายอนุวาทาธิกรณ์
[๑๐๕๕] ถามว่า อนุวาทาธิกรณ์ มีอาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ ไหม?
ตอบว่า อนุวาทาธิกรณ์ ไม่มีอาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์. แต่เพราะอนุวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย อาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ ย่อมมีได้. เปรียบเหมือนอะไร. เปรียบเหมือนภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยนี้ โจทภิกษุด้วยศีลวิบัติ อาจารวิบัติ ทิฏฐิวิบัติ หรืออาชีววิบัติ การโจท การกล่าวหา
การฟ้องร้อง การประท้วง ความเป็นผู้คล้อยตาม การทำความอุตสาหะโจท การตามเพิ่มกำลังให้ ในเรื่องนั้น อันใด นี้ เรียกว่าอนุวาทาธิกรณ์.
สงฆ์ย่อมวิวาทกันในอนุวาทาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์. เมื่อวิวาท ย่อมโจท จัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์. เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้นจัดเป็นกิจจาธิกรณ์. เพราะอนุวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย อาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ย่อมมีอย่างนี้.
อธิบายอาปัตตาธิกรณ์
[๑๐๕๖] ถามว่า อาปัตตาธิกรณ์ มีกิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ ไหม?
ตอบว่า อาปัตตาธิกรณ์ ไม่มีกิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์. แต่เพราะอาปัตตาธิกรณ์เป็นปัจจัย กิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ ย่อมมีได้. เปรียบเหมือนอะไร? เปรียบเหมือน กองอาบัติทั้ง ๕ ชื่ออาปัตตาธิกรณ์ กองอาบัติทั้ง ๗ ชื่ออาปัตตาธิกรณ์ นี้เรียกว่า อาปัตตาธิกรณ์.
สงฆ์ย่อมวิวาทกันในอาปัตตาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์. เมื่อวิวาทย่อมโจท จัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์. เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้นจัดเป็นกิจจาธิกรณ์. เพราะอาปัตตาธิกรณ์เป็นปัจจัย กิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ย่อมมีอย่างนี้.
อธิบายกิจจาธิกรณ์
[๑๐๕๗] ถามว่า กิจจาธิกรณ์ มีวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ ไหม?
ตอบว่า กิจจาธิกรณ์ ไม่มีวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์. แต่เพราะกิจจาธิกรณ์เป็นปัจจัย วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ ย่อมมีได้. เปรียบเหมือนอะไร? เปรียบเหมือนความมีแห่งกิจ ความมีแห่งกรณียะสงฆ์อันใด คือ อปโลกนกรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม ญัตติจตุตถกรรม นี้เรียกว่ากิจจาธิกรณ์.
สงฆ์ย่อมวิวาทกันในกิจจาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์. เมื่อวิวาท ย่อมโจท จัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์. เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์. เพราะกิจจาธิกรณ์เป็นปัจจัย วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ย่อมมีอย่างนี้.
อธิบายสมถะ
[๑๐๕๘] สติวินัยมีในที่ใด สัมมุขาวินัยมีในที่นั้น สัมมุขาวินัยมีในที่ใด สติวินัยมีในที่นั้น. อมูฬหวินัยมีในที่ใด สัมมุขาวินัยมีในที่นั้น สัมมุขาวินัยมีในที่ใด อมูฬหวินัยมีในที่นั้น. ปฏิญญาตกรณะมีในที่ใด สัมมุขาวินัยมีในที่นั้น สัมมุขาวินัยมีในที่ใด ปฏิญญาตกรณะมีในที่นั้น. เยภุยยสิกามีในที่ใด สัมมุขา
วินัยมีในที่นั้น สัมมุขาวินัยมีในที่ใด เยภุยยสิกามีในที่นั้น. ตัสสปาปิยสิกามีในที่ใด สัมมุขาวินัยมีในที่นั้น สัมมุขาวินัยมีในที่ใด ตัสสปาปิยสิกามีในที่นั้น, ติณวัตถารกะมีในที่ใด สัมมุขาวินัยมีในที่นั้น สัมมุขาวินัยมีในที่ใด ติณวัตถารกะมีในที่นั้น.
อธิกรณ์ระงับ
[๑๐๕๙] สมัยใด อธิกรณ์ระงับด้วยสัมมุขาวินัย กับสติวินัย สมัยนั้น สติวินัยมีในที่ใด สัมมุขาวินัยมีในที่นั้น สัมมุขาวินัยมีในที่ใด สติวินัยมีในที่นั้น แต่ในที่นั้น ไม่มีอมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ เยภุยยสิกา ตัสสปาปิยสิกา และติณวัตถารกะ.
สมัยใด อธิกรณ์ระงับด้วยสัมมุขาวินัย กับอมูฬหวินัย ...
สมัยใด อธิกรณ์ระงับด้วยสัมมุขาวินัย กับปฏิญญาตกรณะ ...
สมัยใด อธิกรณ์ระงับด้วยสัมมุขาวินัย กับเยภุยยสิกา ...
สมัยใด อธิกรณ์ระงับด้วยสัมมุขาวินัย กับตัสสปาปิยสิกา ...
สมัยใด อธิกรณ์ระงับด้วยสัมมุขาวินัย กับติณวัตถารกะ สมัยนั้น ติณวัตถารกะมีในที่ใด สัมมุขาวินัยมีในที่นั้น สัมมุขาวินัยมีในที่ใด ติณวัตถารกะ มีในที่นั้น แต่ในที่นั้นไม่มีสติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ เยภุยยสิกา และตัสสปาปิยสิกา.
ว่าด้วยสมถะรวมกัน
[๑๐๖๐] ถามว่า ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี สติวินัยก็ดี รวมกันหรือแยกกัน และนักปราชญ์ พึงได้เพื่อยักย้ายบัญญัติธรรมเหล่านี้ ทำให้ต่างกัน หรือ?
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี อมูฬหวินัยก็ดี ...
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ปฏิญญาตกรณะก็ดี ...
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี เยภุยยสิกาก็ดี ...
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ตัสสปาปิยสิกาก็ดี ...
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ติณวัตถารกะก็ดี รวมกันหรือแยกกัน และนักปราชญ์ พึงได้เพื่อยักย้ายบัญญัติธรรมเหล่านี้ทำให้ต่างกัน หรือ?
ตอบว่า ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี สติวินัยก็ดี รวมกันไม่แยกกัน และนักปราชญ์ไม่ได้เพื่อยักย้ายบัญญัติธรรมเหล่านี้ ทำให้ต่างกัน.
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี อมูฬหวินัยก็ดี ...
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ปฏิญญาตกรณะก็ดี ...
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี เยภุยยสิกาก็ดี ...
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ตัสสปาปิยสิกาก็ดี ...
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ติณวัตถารกะก็ดี รวมกันไม่แยกกัน และนักปราชญ์ไม่ได้เพื่อยักย้ายบัญญัติธรรมเหล่านี้ ทำให้ต่างกัน.
ว่าด้วยนิทานเป็นต้นแห่งสมถะ ๗
[๑๐๖๑] ถามว่า สัมมุขาวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
สติวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
อมูฬหวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ปฏิญญาตกรณะ มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
เยภุยยสิกา มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ตัสสปาปิยสิกา มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ติณวัตถารกะ มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ตอบว่า สัมมุขาวินัย มีนิทานเป็นนิทาน. มีนิทานเป็นสมุทัย. มีนิทานเป็นชาติ. มีนิทานเป็นแดนเกิดก่อน. มีนิทานเป็นองค์. มีนิทานเป็นสมุฏฐาน.
สติวินัย มีนิทานเป็นนิทาน มีนิทานเป็นสมุทัย มีนิทานเป็นชาติ มีนิทานเป็นแดนเกิดก่อน มีนิทานเป็นองค์ มีนิทานเป็นสมุฏฐาน.
อมูฬหวินัย มีนิทานเป็นนิทาน มีนิทานเป็นสมุทัย มีนิทานเป็นชาติ มีนิทานเป็นแดนเกิดก่อน มีนิทานเป็นองค์ มีนิทานเป็นสมุฏฐาน.
ปฏิญญาตกรณะ มีนิทานเป็นนิทาน มีนิทานเป็นสมุทัย มีนิทานเป็นชาติ มีนิทานเป็นแดนเกิดก่อน มีนิทานเป็นองค์ มีนิทานเป็นสมุฏฐาน.
เยภุยยสิกา มีนิทานเป็นนิทาน มีนิทานเป็นสมุทัย มีนิทานเป็นชาติ มีนิทานเป็นแดนเกิดก่อน มีนิทานเป็นองค์ มีนิทานเป็นสมุฏฐาน.
ตัสสปาปิยสิกา มีนิทานเป็นนิทาน มีนิทานเป็นสมุทัย มีนิทานเป็นชาติ มีนิทานเป็นแดนเกิดก่อน มีนิทานเป็นองค์ มีนิทานเป็นสมุฏฐาน.
ติณวัตถารกะ มีนิทานเป็นนิทาน มีนิทานเป็นสมุทัย มีนิทานเป็นชาติ มีนิทานเป็นแดนเกิดก่อน มีนิทานเป็นองค์ มีนิทานเป็นสมุฏฐาน.
ถ. สัมมุขาวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
สติวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
อมูฬหวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ปฏิญญาตกรณะ มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
เยภุยยสิกา มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ตัสสปาปิยสิกา มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ติณวัตถารกะ มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ต. สัมมุขาวินัย มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน มีเหตุเป็นองค์ มีเหตุสมุฏฐาน.
สติวินัย มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อนมีเหตุเป็นองค์ มีเหตุเป็นสมุฏฐาน.
อมูฬหวินัย มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน มีเหตุเป็นองค์ มีเหตุเป็นสมุฏฐาน.
ปฏิญญาตกรณะ มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน มีเหตุเป็นองค์ มีเหตุเป็นสมุฏฐาน.
เยภุยยสิกา มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน มีเหตุเป็นองค์ มีเหตุเป็นสมุฏฐาน.
ตัสสปาปิยสิกา มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน มีเหตุเป็นองค์ มีเหตุเป็นสมุฏฐาน.
ติณวัตถารกะ มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน มีเหตุเป็นองค์ มีเหตุเป็นสมุฏฐาน.
ถ. สัมมุขาวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
สติวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
อมูฬหวินัย มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ปฏิญญาตกรณะ มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
เยภุยยสิกา มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ตัสสปาปิยสิกา มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ติณวัตถารกะ มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
ต. สัมมุขาวินัย มีปัจจัยเป็นนิทาน. มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
สติวินัย มีปัจจัยเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
อมูฬหวินัย มีปัจจัยเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
ปฏิญญาตกรณะ มีปัจจัยเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
เยภุยยสิกา มีปัจจัยเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
ตัสสปาปิยสิกา มีปัจจัยเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
ติณวัตถารกะ มีปัจจัยเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
ว่าด้วยมูลและสมุฏฐานแห่งสมถะ
[๑๐๖๒] ถามว่า สมถะ ๗ มีมูลเท่าไร? มีสมุฏฐานเท่าไร?
ตอบว่า สมถะ ๗ มีมูล ๒๖ มีสมุฏฐาน ๓๖.
ถ. สมถะ ๗ มีมูล ๒๖ อะไรบ้าง?
ต. สัมมุขาวินัยมีมูล ๔ คือ ความพร้อมหน้าสงฆ์ ๑ ความพร้อมหน้าธรรม ๑ ความพร้อมหน้าวินัย ๑ ความพร้อมหน้าบุคคล ๑.
สติวินัยมีมูล ๔ อมูฬหวินัยมีมูล ๔ ปฏิญญาตกรณะมีมูล ๒ คือ ผู้แสดง ๑ ผู้รับแสดง ๑ เยภุยยสิกามีมูล ๔ ตัสสปาปิยสิกามีมูล ๔ ติณวัตถารกะมีมูล ๔ คือ ความพร้อมหน้าสงฆ์ ๑ ความพร้อมหน้าธรรม ๑ ความพร้อมหน้าวินัย ๑ ความพร้อมหน้าบุคคล ๑.
สมถะ ๗ มีมูลรวม ๒๖.
ถ. สมถะ ๗ มีสมุฏฐาน ๓๖ อะไรบ้าง?
ต. การประกอบ การกระทำ การเข้าถึงเอง การขอร้อง กิริยาที่ยินยอม ไม่คัดค้านกรรม คือ สติวินัย.
การประกอบ การกระทำ การเข้าถึงเอง การขอร้อง กิริยาที่ยินยอม ไม่คัดค้านกรรม คือ อมูฬหวินัย.
การประกอบ การกระทำ การเข้าถึงเอง การขอร้อง กิริยาที่ยินยอม ไม่คัดค้านกรรม คือ ปฏิญญาตกรณะ.
การประกอบ การกระทำ การเข้าถึงเอง การขอร้อง กิริยาที่ยินยอม ไม่คัดค้านกรรม คือ เยภุยยสิกา.
การประกอบ การกระทำ การเข้าถึงเอง การขอร้อง กิริยาที่ยินยอม ไม่คัดค้านกรรม คือ ตัสสปาปิยสิกา.
การประกอบ การกระทำ การเข้าถึงเอง การขอร้อง กิริยาที่ยินยอม ไม่คัดค้านกรรม คือ ติณวัตถารกะ.
สมถะ ๗ มีสมุฏฐานรวม ๓๖.
ว่าด้วยอรรถต่างกันเป็นต้น
[๑๐๖๓] ถามว่า ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี สติวินัยก็ดี มีอรรถต่างกันมีพยัญชนะต่างกัน หรือมีอรรถอย่างเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะ?
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี อมูฬหวินัยก็ดี มีอรรถต่างกัน มีพยัญชนะต่างกัน หรือมีอรรถอย่างเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะ?
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ปฏิญญาตกรณะก็ดี มีอรรถต่างกัน มีพยัญชนะต่างกัน หรือมีอรรถอย่างเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะ?
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี เยภุยยสิกาก็ดี มีอรรถต่างกัน มีพยัญชนะต่างกันหรือมีอรรถอย่างเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะ?
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ตัสสปาปิยสิกาก็ดี มีอรรถต่างกัน มีพยัญชนะต่างกัน หรือมีอรรถอย่างเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะ?
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ติณวัตถารกะก็ดี มีอรรถต่างกัน มีพยัญชนะต่างกัน หรือมีอรรถอย่างเดียวกัน ต่างกันแต่พยัญชนะ?
นี้พระตถาคตทรงบัญญัติไว้ นี้พระตถาคตไม่ได้ทรงบัญญัติไว้
นี้เป็นอาบัติ นี้ไม่เป็นอาบัติ
นี้เป็นอาบัติเบา นี้เป็นอาบัติหนัก
นี้เป็นอาบัติมีส่วนเหลือ นี้เป็นอาบัติหาส่วนเหลือมิได้
นี้เป็นอาบัติชั่วหยาบ นี้เป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ
ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง ความวิวาท การกล่าวต่างกัน การกล่าวโดยประการอื่น การพูดเพื่อความกลัดกลุ้มใจ
ความหมายมั่นในเรื่องนั้นอันใด นี้วิวาทเป็นวิวาทาธิกรณ์
ในข้อเหล่านั้น อย่างไร วิวาท ไม่เป็นอธิกรณ์
มารดาทะเลาะกับบุตรบ้าง บุตรทะเลาะกับมารดาบ้าง
บิดาทะเลาะกับบุตรบ้าง บุตรทะเลาะกับบิดาบ้าง
พี่ชายทะเลาะกับน้องชายบ้าง พี่ชายทะเลาะกับน้องหญิงบ้าง
น้องหญิงทะเลาะกับพี่ชายบ้าง เพื่อนทะเลาะกับเพื่อนบ้าง
นี้วิวาท ไม่เป็นอธิกรณ์
ในข้อเหล่านั้น อย่างไร อธิกรณ์ ไม่เป็นวิวาท
อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ นี้อธิกรณ์ไม่เป็นวิวาท.
ในข้อเหล่านั้น อย่างไร เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นวิวาทด้วย วิวาทาธิกรณ์ เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นวิวาทด้วย.
ว่าด้วยอนุวาทาธิกรณ์
[๑๐๖๕] การโจทเป็นอนุวาทาธิกรณ์ การโจทไม่เป็นอธิกรณ์ อธิกรณ์ไม่เป็นการโจทเป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นการโจทด้วย บางทีการ
โจทเป็นอนุวาทาธิกรณ์ บางทีการโจทไม่เป็นอธิกรณ์ บางทีอธิกรณ์ไม่เป็นการโจท บางทีเป็นอธิกรณ์ด้วยเป็นการโจทด้วย.
ในข้อเหล่านั้น อย่างไร การโจทเป็นอนุวาทาธิกรณ์?
ภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมโจทภิกษุ ด้วยศีลวิบัติ อาจารวิบัติ ทิฏฐิวิบัติหรืออาชีววิบัติ การโจท การกล่าวหา
การฟ้องร้อง การประท้วง ความเป็นผู้คล้อยตาม การทำความอุตสาหะโจท การตามเพิ่มกำลังให้ ในเรื่องนั้น อันใด
นี้การโจท เป็นอนุวาทาธิกรณ์.
ตอบว่า ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี สติวินัยก็ดี มีอรรถและพยัญชนะต่างกัน.
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี อมูฬหวินัยก็ดี มีอรรถและพยัญชนะต่างกัน.
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ปฏิญญาตกรณะก็ดี มีอรรถและพยัญชนะต่างกัน.
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี เยภุยยสิกาก็ดี มีอรรถและพยัญชนะต่างกัน.
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ตัสสปาปิยสิกาก็ดี มีอรรถและพยัญชนะต่างกัน.
ธรรมเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัยก็ดี ติณวัตถารกะก็ดี มีอรรถและพยัญชนะต่างกัน.
ว่าด้วยวิวาทาธิกรณ์
[๑๐๖๔] วิวาทเป็นวิวาทาธิกรณ์ วิวาทไม่เป็นอธิกรณ์ อธิกรณ์ไม่เป็นวิวาท เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นวิวาทด้วย บางทีวิวาทเป็นวิวาทา ธิกรณ์ บางทีวิวาทไม่เป็นอธิกรณ์ บางทีอธิกรณ์ไม่เป็นวิวาท บางทีเป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นวิวาทด้วย. ในข้อเหล่านั้น อย่างไร วิวาทเป็นวิวาทาธิกรณ์? ภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยนี้ วิวาทกันว่า นี้เป็นธรรม นี้ไม่เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้ไม่เป็นวินัย นี้พระตถาคตตรัสภาษิตไว้ นี้พระตถาคตไม่ได้ตรัสภาษิตไว้ นี้พระตถาคตทรงประพฤติมา นี้พระตถาคตไม่ได้ทรงประพฤติมา ในข้อเหล่านั้น อย่างไร การโจท ไม่เป็นอธิกรณ์? มารดาฟ้องบุตรบ้าง บุตรฟ้องมารดาบ้าง บิดาฟ้องบุตรบ้าง บุตรฟ้องบิดาบ้าง พี่ชายฟ้องน้องชายบ้าง พี่ชายฟ้องน้องหญิงบ้าง น้องหญิงฟ้องพี่ชายบ้าง เพื่อนฟ้องเพื่อนบ้าง นี้การโจทไม่เป็นอธิกรณ์
ในข้อเหล่านั้น อย่างไร อธิกรณ์ไม่เป็นการโจท? อาปัตตาธิกรณ์ กิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ นี้อธิกรณ์ไม่เป็นการโจท. ในข้อเหล่านั้น อย่างไร เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นการโจทด้วย? อนุวาทา ธิกรณ์ เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นการโจทด้วย.ว่าด้วยอาปัตตาธิกรณ์[๑๐๖๖] อาบัติเป็นอาปัตตาธิกรณ์ อาบัติไม่เป็นอธิกรณ์ อธิกรณ์ไม่ เป็นอาบัติ เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นอาบัติด้วย บางทีอาบัติเป็นอาปัตตา ธิกรณ์ บางทีอาบัติไม่เป็นอธิกรณ์ บางทีอธิกรณ์ไม่เป็นอาบัติ บางทีเป็นอธิกรณ์ด้วยเป็นอาบัติด้วย. ในข้อเหล่านั้น อย่างไร อาบัติเป็นอาปัตตาธิกรณ์? กองอาบัติทั้ง ๕ เป็นอาปัตตาธิกรณ์ กองอาบัติทั้ง ๗ เป็นอาปัตตา ธิกรณ์ นี้อาบัติเป็นอาปัตตาธิกรณ์. ในข้อเหล่านั้น อย่างไร อาบัติไม่เป็นอธิกรณ์? โสดาบัติ สมาบัติ นี้อาบัติไม่เป็นอธิกรณ์. ในข้อเหล่านั้น อย่างไร อธิกรณ์ไม่เป็นอาบัติ? กิจจาธิกรณ์ วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ นี้อธิกรณ์ไม่เป็นอาบัติ. ในข้อเหล่านั้น อย่างไร เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นอาบัติด้วย? อาปัตตาธิกรณ์ เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นอาบัติด้วย.ว่าด้วยกิจจาธิกรณ์[๑๐๖๗] กิจเป็นกิจจาธิกรณ์ กิจไม่เป็นอธิกรณ์อธิกรณ์ไม่เป็นกิจ เป็นกิจด้วยเป็นอธิกรณ์ด้วยบางทีกิจเป็นกิจจาธิกรณ์ บางทีกิจไม่เป็นอธิกรณ์ บางทีอธิกรณ์ไม่เป็นกิจ บางทีเป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นกิจด้วย.ในข้อเหล่านั้น อย่างไร กิจเป็นกิจจาธิกรณ์?ความมีแห่งกิจ ความมีแห่งกรณียะของสงฆ์อันใด คืออปโลกนกรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม ญัตติจตุตถกรรมนี้กิจเป็นกิจจาธิกรณ์.ในข้อเหล่านั้น อย่างไร กิจไม่เป็นอธิกรณ์?กิจที่พึงทำแก่พระอาจารย์ กิจที่พึงทำแก่พระอุปัชฌาย์ กิจที่พึงทำแก่ภิกษุปูนอุปัชฌาย์ กิจที่พึงทำแก่ภิกษุปูนอาจารย์นี้กิจไม่เป็นอธิกรณ์.ในข้อเหล่านั้น อย่างไร อธิกรณ์ไม่เป็นกิจ?วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ นี้อธิกรณ์ไม่เป็นกิจ.ในข้อเหล่านั้น อย่างไร เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นกิจด้วย?กิจจาธิกรณ์ เป็นอธิกรณ์ด้วย เป็นกิจด้วย.อธิกรณเภท จบหัวข้อประจำเรื่อง [๑๐๖๘] อธิกรณ์ ๑ การฟื้น ๑ อาการ ๑ บุคคล ๑นิทาน ๑ เหตุ ๑ ปัจจัย ๑ มูล ๑ สมุฏฐาน ๑ เป็นอาบัติ ๑ มีอธิกรณ์ ๑ ในที่ใด ๑ แยกกัน ๑ นิทาน ๑ เหตุ ๑ ปัจจัย ๑ มูล๑ สมุฏฐาน ๑ พยัญชนะ ๑ วิวาท ๑ อธิกรณ์ ๑ ตามที่กล่าวนี้จัดลงในประเภทอธิกรณ์ ด้วยประการฉะนี้แล.หัวข้อประจำเรื่อง จบ) เด็กส่งอาหารให้ร้านไก่ของพ่อ เขาดูเหมือนคนธรรมดาที่ชอบเล่นเกม วิดีโอกับเพื่อน ๆ ที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่และคุยกับเพื่อน ๆ ระหว่างดื่มเครื่องดื่ม แต่เขา เป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ เขาบรรลุถึงจุดสูงสุดในเทควันโด เคนโด และยูโด เมื่อ เขาเห็นใครเดือดร้อน เขาก็ไม่คิดมากที่จะช่วยเหลือพวกเขา จนวันหนึ่ง Lee Jung-Do บังเอิญเห็นเจ้าหน้าที่ศิลปะการต่อสู้ถูกผู้คุมประพฤติซึ่งสวมเครื่องตรวจ ชีพจรที่ข้อเท้าทำร้าย และเขาช่วยเจ้าหน้าที่ศิลปะการต่อสู้คนนั้นไว้ได้ หลังจากช่วย เจ้าหน้าที่ได้แล้ว Lee Jung-Do ก็เริ่มทำหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บเป็นเวลา 5 สัปดาห์ เขาจับคู่กับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ Kim Sun-Min (Kim Sung-Kyun) ใน ฐานะเจ้าหน้าที่ศิลปะการต่อสู้ งานของ Lee Jung-Do คือช่วยเหลือในสถานการณ์ อันตรายทางกายภาพ Kim Sun-Min จัดการกับผู้กระทำความผิดรุนแรงที่อยู่ในระหว่าง คุมประพฤติ ขณะที่ Lee Jung-Do ทำงานร่วมกับ Kim Sun-Min , Kim Sun-Min ก็สังเกตเห็นพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ของเขาและแนะนำให้เขาทำงานเต็มเวลา เป็นเจ้าหน้าที่ศิลปะการต่อสู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น