
ท่านพระอุบาลีเข้าเฝ้า
[๑๑๖๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่านพระอุบาลีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วทูลถามปัญหาว่า ดังนี้:-
องค์ของภิกษุผู้ต้องถือนิสัย
พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล จะไม่ถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิตไม่ได้?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ จะไม่ถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิตไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ไม่รู้อุโบสถ
๒. ไม่รู้อุโบสถกรรม
๓. ไม่รู้ปาติโมกข์
๔. ไม่รู้ปาติโมกขุทเทศ
๕. มีพรรษาหย่อนห้า
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล จะไม่ถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิตไม่ได้.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ต้องถือนิสัย
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่ต้องถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิต. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. รู้อุโบสถ
๒. รู้อุโบสถกรรม
๓. รู้ปาติโมกข์
๔. รู้ปาติโมกขุทเทศ
๕. มีพรรษาได้ห้าหรือเกินห้า
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ต้องถือนิสสัยอยู่ตลอดชีวิต.
องค์ของภิกษุผู้ต้องถือนิสัยอีกนัยหนึ่ง
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ จะไม่ถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิตไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ไม่รู้ปวารณา
๒. ไม่รู้ปวารณากรรม
๓. ไม่รู้ปาติโมกข์
๔. ไม่รู้ปาติโมกขุทเทศ
๕. มีพรรษาหย่อนห้า
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล จะไม่ถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิตไม่ได้.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ต้องถือนิสสัย
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่ต้องถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิต. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. รู้ปวารณา
๒. รู้ปวารณากรรม
๓. รู้ปาติโมกข์
๔. รู้ปาติโมกขุทเทศ
๕. มีพรรษาได้ห้า หรือเกินห้า
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ต้องถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิต.
องค์ของภิกษุผู้ต้องถือนิสัยอีกนัยหนึ่ง
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ จะไม่ถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิตไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ไม่รู้อาบัติและมิใช่อาบัติ
๒. ไม่รู้อาบัติเบาและอาบัติหนัก
๓. ไม่รู้อาบัติมีส่วนเหลือและอาบัติไม่มีส่วนเหลือ
๔. ไม่รู้อาบัติชั่วหยาบและอาบัติไม่ชั่วหยาบ
๕. มีพรรษาหย่อนห้า
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล จะไม่ถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิตไม่ได้.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ต้องถือนิสัย
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่ต้องถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิต. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. รู้อาบัติและมิใช่อาบัติ
๒. รู้อาบัติเบาและอาบัติหนัก
๓. รู้อาบัติมิส่วนเหลือและอาบัติไม่มีส่วนเหลือ
๔. รู้อาบัติชั่วหยาบและอาบัติไม่ชั่วหยาบ
๕. มีพรรษาได้ห้า หรือเกินห้า
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ต้องถือนิสัยอยู่ตลอดชีวิต.
ภิกษุผู้ที่ไม่ให้ควรอุปสมบทเป็นต้น
[๑๑๖๒] อุ. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก?
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ไม่อาจพยาบาลเองหรือสั่งผู้อื่นให้พยาบาลอันเตวาสิกหรือสัทธิวิหาริกผู้อาพาธ
๒. ไม่อาจระงับเองหรือให้ผู้อื่นช่วยระงับความกระสัน
๓. ไม่อาจบรรเทาเองหรือให้ผู้อื่นช่วยบรรเทาความเบื่อหน่าย อันเกิดขึ้นโดยธรรม
๔. ไม่อาจแนะนำในธรรมอันยิ่งขึ้นไป
๕. ไม่อาจแนะนำในวินัยอันยิ่งขึ้นไป.
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
ภิกษุผู้ควรให้อุปสมบทเป็นต้น
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. อาจพยาบาลเองหรือสั่งผู้อื่นให้พยาบาลอันเตวาสิก หรือสัทธิวิหาริกผู้อาพาธ
๒. อาจระงับเองหรือให้ผู้อื่นช่วยระงับความกระสัน
๓. อาจบรรเทาเองหรือให้ผู้อื่นช่วยบรรเทาความเบื่อหน่าย อันเกิดขึ้นโดยธรรม
๔. อาจแนะนำในธรรมอันยิ่งขึ้นไป
๕. อาจแนะนำในวินัยอันยิ่งขึ้นไป
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
ภิกษุผู้ไม่ควรให้อุปสมบทเป็นต้นอีกนัยหนึ่ง
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ไม่อาจฝึกปรืออันเตวาสิก หรือสัทธิวิหาริก ในสิกขาเป็นส่วนอภิสมาจาร
๒. ไม่อาจแนะนำอันเตวาสิก หรือสัทธิวิหาริก ในสิกขาเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์
๓. ไม่แนะนำในศีลอันยิ่งขึ้นไป
๔. ไม่อาจแนะนำในจิตอันยิ่งขึ้นไป
๕. ไม่อาจแนะนำในปัญญาอันยิ่งขึ้นไป
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงให้อุปสมบท ไม่พึงให้นิสัย ไม่พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
ภิกษุผู้ควรให้อุปสมบทเป็นต้น
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. อาจฝึกปรืออันเตวาสิก หรือสัทธิวิหาริก ในสิกขาเป็นส่วนอภิสมาจาร
๒. อาจแนะนำอันเตวาสิกหรือสัทธิวิหาริก ในสิกขาเป็นส่วนเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์
๓. อาจแนะนำในศีลอันยิ่งขึ้นไป
๔. อาจแนะนำในจิตอันยิ่งขึ้นไป
๕. อาจแนะนำในปัญญาอันยิ่งขึ้นไป
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงให้อุปสมบท พึงให้นิสัย พึงให้สามเณรอุปัฏฐาก.
องค์ ๕ ของภิกษุผู้ถูกลงโทษ
[๑๑๖๓] อุ. พระพุทธเจ้าข้า สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล?
พ. ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นอลัชชี
๒. เป็นพาล
๓. ไม่ใช่เป็นปกตัตตะ
๔. เป็นมิจฉาทิฏฐิ
๕. มีอาชีววิบัติ
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นผู้มีศีลวิบัติ ในอธิศีล
๒. เป็นผู้มีอาจารวิบัติ ในอัธยาจาร
๓. เป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติ ในอติทิฏฐิ
๔. เป็นมิจฉาทิฏฐิ
๕. มีอาชีววิบัติ
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นผู้ประกอบด้วยความคะนองกาย
๒. เป็นผู้ประกอบด้วยความคะนองวาจา
๓. เป็นผู้ประกอบด้วยความคะนองกายและวาจา
๔. เป็นมิจฉาทิฏฐิ
๕. มีอาชีววิบัติ
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นผู้ประพฤติอนาจารทางกาย
๒. เป็นผู้ประพฤติอนาจารทางกาย
๓. เป็นผู้ประพฤติอนาจารทางกายและทางวาจา
๔. เป็นมิจฉาทิฏฐิ
๕. มีอาชีววิบัติ
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นผู้ประกอบด้วยความลบล้างทางกาย
๒. เป็นผู้ประกอบด้วยความลบล้างทางวาจา
๓. เป็นผู้ประกอบด้วยความลบล้างทางกายและทางวาจา
๔. เป็นมิจฉาทิฏฐิ
๕. มีอาชีววิบัติ
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นผู้ประกอบด้วยมิจฉาชีพทางกาย
๒. เป็นผู้ประกอบด้วยมิจฉาชีพทางวาจา
๓. เป็นผู้ประกอบด้วยมิจฉาชีพทางกายและวาจา
๔. เป็นมิจฉาทิฏฐิ
๕. มีอาชีววิบัติ
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ต้องอาบัติแล้วถูกลงโทษ แต่ยังให้อุปสมบท
๒. ให้นิสัย
๓. ให้สามเณรอุปัฏฐาก
๔. ยินดีการสมมติให้เป็นผู้สอนภิกษุณี
๕. แม้ได้รับสมมติแล้ว ยังสอนภิกษุณี
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ถูกสงฆ์ลงโทษเพราะอาบัติใด ต้องอาบัตินั้น
๒. ต้องอาบัติอื่นอันเช่นกัน
๓. ต้องอาบัติที่เลวกว่านั้น
๔. ติเตียนกรรม
๕. ติเตียนภิกษุทั้งหลายผู้ทำกรรม
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. พูดติพระพุทธเจ้า
๒. พูดติพระธรรม
๓. พูดติพระสงฆ์
๔. เป็นมิจฉาทิฏฐิ
๕. มีอาชีววิบัติ
ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แลฯ อนิสสิตวรรค ที่ ๑ จบ
หัวข้อประจำวรรค
[๑๑๖๔] อุโบสถ ๑ ปวารณา ๑ อาบัติ ๑ อาพาธ ๑ อภิสมาจาร ๑ อลัชชี อธิศีล ๑ คะนอง ๑ อนาจาร ๑ ลบล้าง ๑ มิจฉาทิฏฐิ ๑ อาบัติ ๑ เพราะอาบัติใด ๑ ติพระพุทธเจ้า ๑ รวมเป็นวรรคที่ ๑ แลฯ
วินัยองค์ของภิกษุที่ไม่ควรระงับกรรม
[๑๑๖๕] อุ. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม?
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ต้องอาบัติแล้วถูกลงโทษ ยังให้อุปสมบท
๒. ให้นิสัย
๓. ให้สามเณรอุปัฏฐาก
๔. ยินดีการสมมติให้เป็นผู้สอนภิกษุณี
๕. แม้ได้รับสมมติแล้ว ยังสอนภิกษุณี
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม.
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ถูกสงฆ์ลงโทษเพราะอาบัติใด ต้องอาบัตินั้น
๒. ต้องอาบัติอื่นอันเช่นกัน
๓. ต้องอาบัติที่เลวกว่านั้น
๔. ติกรรม
๕. ติภิกษุทั้งหลายผู้ทำกรรม
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม.
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. พูดติพระพุทธเจ้า
๒. พูดติพระธรรม
๓. พูดติพระสงฆ์
๔. เป็นมิจฉาทิฏฐิ
๕. มีอาชีววิบัติ
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม.
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นอลัชชี
๒. เป็นพาล
๓. ไม่ใช่เป็นปกตัตตะ
๔. ทำการย่ำยีในข้อวัตร
๕. ไม่ทำให้บริบูรณ์ในสิกขา
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงระงับกรรม.
คุณสมบัติของภิกษุผู้เข้าสงคราม
[๑๑๖๖] อุ. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุผู้เข้าสงคราม เมื่อเข้าหาสงฆ์พึงตั้งธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วเข้าหาสงฆ์
พ. ดูกรอุบาลี อันภิกษุผู้เข้าสงคราม เมื่อเข้าหาสงฆ์พึงตั้งธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วเข้าหาสงฆ์ ธรรม ๕ อะไรบ้าง
ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้เข้าสงคราม เมื่อเข้าหาสงฆ์
๑. พึงมีจิตยำเกรง มีจิตเสมอด้วยผ้าเช็ดธุลี เข้าหาสงฆ์
๒. พึงเป็นผู้รู้จักอาสนะ รู้จักการนั่ง
๓. ไม่เบียดภิกษุผู้เถระ ไม่กีดกันอาสนะภิกษุผู้อ่อนกว่า พึงนั่งอาสนะอันควร
๔. ไม่พึงพูดเรื่องต่างๆ ไม่พึงพูดติรัจฉานกถา
๕. พึงกล่าวธรรมด้วยตนเอง หรือเชิญผู้อื่นกล่าว ไม่พึงดูหมิ่นอริยดุษณีภาพ
ดูกรอุบาลี ถ้าสงฆ์ทำกรรมที่ควรพร้อมเพรียงกันทำ ถ้าในกรรมนั้นภิกษุไม่ชอบใจ จะพึงทำความเห็นแย้งก็ได้ แล้วควบคุมสามัคคีไว้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเธอคิดว่า เราอย่ามีความเป็นต่างๆ จากสงฆ์เลย.
ดูกรอุบาลี อันภิกษุผู้เข้าสงคราม เมื่อเข้าหาสงฆ์ พึงตั้งธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตนแล้วเข้าหาสงฆ์เถิด.
องค์ของภิกษุผู้พูดในสงฆ์
[๑๑๖๗] อุ. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล เมื่อพูดในสงฆ์ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของชนหมู่มาก ไม่เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และไม่เป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก?
พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ เมื่อพูดในสงฆ์ ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของชนหมู่มาก ไม่เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และไม่เป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นผู้มีความคิดมืดมน
๒. พูดซัดผู้อื่น
๓. ไม่ฉลาดในถ้อยคำที่เชื่อมถึงกัน
๔. ไม่โจทตามอาบัติในธรรมและวินัยอันสมควร
๕. ไม่ปรับตามอาบัติในธรรมและวินัยอันสมควร
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เมื่อพูดในสงฆ์ ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของชนหมู่มาก ไม่เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และไม่เป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก.
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ เมื่อพูดในสงฆ์ย่อมเป็นที่ปรารถนาของชนหมู่มาก เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และเป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ไม่เป็นผู้มีความคิดมืดมน
๒. ไม่พูดซัดผู้อื่น
๓. ฉลาดในถ้อยคำที่เชื่อมถึงกัน
๔. โจทตามอาบัติในธรรมและวินัยอันสมควร
๕. ปรับตามอาบัติในธรรมและวินัยอันสมควร
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เมื่อพูดในสงฆ์ย่อมเป็นที่ปรารถนาของชนหมู่มาก เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และเป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก.
องค์ของภิกษุผู้พูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เมื่อพูดในสงฆ์ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของชนหมู่มาก ไม่เป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก และไม่เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เป็นผู้อวดอ้าง
๒. เป็นผู้รุกราน
๓. ยึดถืออธรรม
๔. ค้านธรรม
๕. กล่าวถ้อยคำที่ไร้ประโยชน์มาก
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เมื่อพูดในสงฆ์ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนา ของชนหมู่มาก ไม่เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และไม่เป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ เมื่อพูดในสงฆ์ ย่อมเป็นที่ปรารถนา ของชนหมู่มาก เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และเป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. ไม่เป็นผู้อวดอ้าง ๒. ไม่เป็นผู้รุกราน ๓. ยึดถือธรรม ๔. ค้านอธรรม ๕. ไม่กล่าวถ้อยคำที่ไร้ประโยชน์มาก ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เมื่อพูดในสงฆ์ ย่อมเป็นที่ปรารถนาของ ชนหมู่มาก เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และเป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. อานิสงส์ในการเรียนวินัยองค์ของภิกษุผู้พูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เมื่อพูดในสงฆ์ ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของ ชนหมู่มาก ไม่เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และไม่เป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. พูดข่มขู่ ๒. พูดไม่ให้โอกาสผู้อื่น ๓. ไม่โจทตามอาบัติในธรรมและในวินัยอันสมควร ๔. ไม่ปรับตามอาบัติในธรรมและในวินัยอันสมควร ๕. ไม่ชี้แจงตามความเห็น ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เมื่อพูดในสงฆ์ ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนา ของชนหมู่มาก ไม่เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และไม่เป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ เมื่อพูดในสงฆ์ ย่อมเป็นที่ปรารถนาของชนหมู่ มาก เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และเป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. ไม่พูดข่มขู่ ๒. พูดให้โอกาสผู้อื่น ๓. โจทตามอาบัติในธรรมและในวินัยอันสมควร ๔. ปรับตามอาบัติในธรรมและในวินัยอันสมควร ๕. ชี้แจงตามความเห็น ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เมื่อพูดในสงฆ์ ย่อมเป็นที่ปรารถนาของ ชนหมู่มาก เป็นที่พอใจของชนหมู่มาก และเป็นที่ชอบใจของชนหมู่มาก. อานิสงส์ในการเรียนวินัย [๑๑๖๘] อุ. พระพุทธเจ้าข้า ในการเรียนวินัย มีอานิสงส์เท่าไรหนอแล? พ. ดูกรอุบาลี ในการเรียนวินัยมีอานิสงส์ ๕ นี้. อานิสงส์ ๕ อะไรบ้าง คือ:- ๑. กองศีลเป็นอันตนคุ้มครองรักษาไว้ด้วยดี ๒. เป็นที่พึ่งพิงของผู้ถูกความสงสัยครอบงำ ๓. เป็นผู้แกล้วกล้าพูดในท่ามกลางสงฆ์ ๔. ข่มขี่ข้าศึกได้ด้วยดีโดยสหธรรม ๕. เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ดูกรอุบาลี ในการเรียนวินัย มีอานิสงส์ ๕ นี้แล. นัปปฏิปัสสัมภนวรรคที่ ๒ จบ หัวข้อประจำเรื่อง [๑๑๖๙] ต้องอาบัติ ๑ เพราะอาบัติใด ๑ พูดติเตียน ๑ อลัชชี ๑ สงคราม ๑ มี ความคิดมืดมน ๑ อวดอ้าง ๑ ข่มขู่ ๑ เรียนวินัย ๑.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น