Translate

12 กุมภาพันธ์ 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร ปัญจวรรค [กรรมวรรคที่ ๑] กรรม ๔ วัตถุวิบัติ บริษัทวิบัติ [อรรถวสวรรค ที่ ๒] ทรงบัญญัติสิกขาบท กรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำเป็นต้น

Google Workspace logo 
ทำบุญ 
กรรม ๔

   [๑๓๔๐] กรรม ๔ อย่าง คือ อปโลกนกรรม ๑ ญัตติกรรม ๑ ญัตติทุติยกรรม ๑ ญัตติจตุตถกรรม ๑.
ถามว่า กรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมวิบัติโดยอาการเท่าไร?
ตอบว่า กรรม ๔ อย่างนี้ ย่อมวิบัติโดยอาการ ๕ คือ โดยวัตถุ ๑ โดยญัตติ ๑ โดยอนุสาวนา ๑ โดยสีมา ๑ โดยบริษัท ๑.
วัตถุวิบัติ
[๑๓๔๑] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยวัตถุ อย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยวัตถุอย่างนี้คือ กรรมที่ควรทำพร้อมหน้า แต่สงฆ์ทำลับหลัง ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   กรรมที่ควรสอบถามก่อนทำ แต่สงฆ์ไม่สอบถามก่อนทำ ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   กรรมที่ควรทำตามปฏิญญา  แต่สงฆ์ไม่ทำตามปฏิญญา ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ให้อมูฬหวินัย แก่ภิกษุผู้ควรสติวินัย ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ทำตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุผู้ควรอมูฬหวินัย ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรมวิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ทำตัชชนียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรมวิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ทำนิยสกรรม แก่ภิกษุผู้ควรตัชชนียกรรม ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ทำปัพพาชนียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม  ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ทำปฏิสารณียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม  ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรมวิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ทำอุกเขปนียกรรม แก่ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ให้ปริวาส แก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ชักภิกษุผู้ควรปริวาสเข้าหาอาบัติเดิม  ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม  ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์อัพภานภิกษุผู้ควรมานัต ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ให้ภิกษุผู้ควรอัพภานอุปสมบท ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ทำอุโบสถในวันมิใช่อุโบสถ  ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
   สงฆ์ปวารณาในวันมิใช่ปวารณา ชื่อว่ากรรมไม่เป็นธรรม วิบัติโดยวัตถุ
อย่างนี้ กรรมย่อมวิบัติโดยวัตถุ.
ญัตติวิบัติ 
 [๑๓๔๒] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยญัตติ อย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยญัตติ ด้วยอาการ ๕ คือ:-
              ๑. ไม่ระบุวัตถุ
              ๒. ไม่ระบุสงฆ์
              ๓. ไม่ระบุบุคคล
              ๔. ไม่ระบุญัตติ
              ๕. ตั้งญัตติภายหลัง
 กรรมย่อมวิบัติโดยญัตติ ด้วยอาการ ๕ นี้.
อนุสาวนาวิบัติ
[๑๓๔๓] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยอนุสาวนา อย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยอนุสาวนา ด้วยอาการ ๕ คือ:-
              ๑. ไม่ระบุวัตถุ
              ๒. ไม่ระบุสงฆ์
              ๓. ไม่ระบุบุคคล
              ๔. ทิ้งญัตติ
              ๕. สวดในกาลไม่ควร
 กรรมย่อมวิบัติโดยอนุสาวนา ด้วยอาการ ๕ นี้.
สีมาวิบัติ
[๑๓๔๔] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยสีมา อย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยสีมา ด้วยอาการ ๑๑ อย่าง คือ:-
        ๑. สมมติสีมาเล็กเกิน
        ๒. สมมติสีมาใหญ่เกิน
        ๓. สมมติสีมามีนิมิตขาด
        ๔. สมมติสีมาใช้เงาเป็นนิมิต
        ๕. สมมติสีมาไม่มีนิมิต
        ๖. ภิกษุอยู่ภายนอกสีมาสมมติสีมา
        ๗. สมมติสีมาในนที
        ๘. สมมติสีมาในสมุทร
        ๙. สมมติสีมาในชาตสระ
        ๑๐. คาบเกี่ยวสีมาด้วยสีมา
        ๑๑. ทับสีมาด้วยสีมา
 กรรมย่อมวิบัติโดยสีมา ด้วยอาการ ๑๑ อย่างนี้.
บริษัทวิบัติ
[๑๓๔๕] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยบริษัท อย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยบริษัทด้วยอาการ ๑๒ อย่าง คือ:-
      ๑. ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอยังไม่มา, ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา, ภิกษุอยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๒. ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว  แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๓. ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน.
      ๔. ในกรรมอันสงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอยังไม่มา ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๕. ในกรรมอันสงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๖. ในกรรมอันสงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๗. ในกรรมอันสงฆ์ทสวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอยังไม่มา ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๘. ในกรรมอันสงฆ์ทสวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๙. ในกรรมอันสงฆ์ทสวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๑๐. ในกรรมอันสงฆ์วีสติวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอยังไม่มา ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๑๑. ในกรรมอันสงฆ์วีสติวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
      ๑๒.  ในกรรมอันสงฆ์วีสติวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน.
กรรมวิบัติโดยบริษัท ด้วยอาการ ๑๒ นี้.
กรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำเป็นต้น
      [๑๓๔๖] ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๔ รูป เป็นผู้เข้ากรรมปกตัตตะนอกนั้น เป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรฉันทะ แต่เป็นผู้ควรกรรม
      ในกรรมอันสงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๕ รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตตะนอกนั้นเป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรฉันทะ แต่เป็นผู้ควรกรรม
      ในกรรมอันสงฆ์ทสวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๑๐ รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตตะนอกนั้น เป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรฉันทะ แต่เป็นผู้ควรกรรม
      ในกรรมอันสงฆ์วีสติวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๒๐ รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตตะนอกนั้น เป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรฉันทะ แต่เป็นผู้ควรกรรม.
กรรม ๔
   [๑๓๔๗] กรรม ๔ คือ ๑. อปโลกนกรรม  ๒. ญัตติกรรม ๓. ญัตติทุติยกรรม ๔. ญัตติจตุตถกรรม.
ถามว่า กรรม ๔ นี้ ย่อมวิบัติ โดยอาการเท่าไร?
ตอบว่า กรรม ๔ นี้ ย่อมวิบัติ โดยอาการ ๕ คือ:-
              ๑. โดยวัตถุ
              ๒. โดยญัตติ
              ๓. โดยอนุสาวนา
              ๔. โดยสีมา
              ๕. โดยบริษัท
วัตถุวิบัติ
[๑๓๔๘] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยวัตถุ อย่างไร?
      ตอบว่า สงฆ์ให้บัณเฑาะก์อุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนไถยสังวาสอุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้เข้ารีตเดียรถีย์อุปสมบท  ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้ดิรัจฉานอุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้ฆ่ามารดาอุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้ฆ่าบิดาอุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้ฆ่าพระอรหันต์อุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้ประทุษร้ายภิกษุณีอุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้ทำลายสงฆ์อุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้ยังพระโลหิตห้ออุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้สองเพศอุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
      สงฆ์ให้คนผู้มีอายุหย่อน ๒๐ ปีอุปสมบท ชื่อว่ากรรมเป็นอธรรม วิบัติโดยวัตถุ
อย่างนี้ กรรมย่อมวิบัติโดยวัตถุ.
ญัตติวิบัติ[๑๓๔๙] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยญัตติ อย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยญัตติ ด้วยอาการ ๕ คือ:-
              ๑. ไม่ระบุวัตถุ
              ๒. ไม่ระบุสงฆ์
              ๓. ไม่ระบุบุคคล
              ๔. ไม่ระบุญัตติ
              ๕. ตั้งญัตติภายหลัง
 กรรมย่อมวิบัติโดยญัตติ ด้วยอาการ ๕ นี้.
อนุสาวนาวิบัติ
[๑๓๕๐] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยอนุสาวนาอย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยอนุสาวนา ด้วยอาการ ๕ คือ:-
              ๑. ไม่ระบุวัตถุ
              ๒. ไม่ระบุสงฆ์
              ๓. ไม่ระบุบุคคล
              ๔. ทิ้งญัตติ
              ๕. สวดในกาลไม่ควร
 กรรมย่อมวิบัติโดยอนุสาวนา ด้วยอาการ ๕ นี้.
สีมาวิบัติ
[๑๓๕๑] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติโดยสีมาอย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยสีมา ด้วยอาการ ๑๑ อย่าง คือ:-
        ๑. สมมติสีมาเล็กเกิน
        ๒. สมมติสีมาใหญ่เกิน
        ๓. สมมติสีมามีนิมิตขาด
        ๔. สมมติสีมาใช้เงาเป็นนิมิต
        ๕. สมมติสีมาไม่มีนิมิต
        ๖. ภิกษุอยู่ภายนอกสีมาสมมติสีมา
        ๗. สมมติสีมาในนที
        ๘. สมมติสีมาในสมุทร
        ๙. สมมติสีมาในชาตสระ
        ๑๐. คาบเกี่ยวสีมาด้วยสีมา
        ๑๑. ทับสีมาด้วยสีมา
 กรรมย่อมวิบัติโดยสีมา ด้วยอาการ ๑๑ อย่างนี้.
บริษัทวิบัติ
[๑๓๕๒] ถามว่า กรรมย่อมวิบัติ โดยบริษัทอย่างไร?
ตอบว่า กรรมย่อมวิบัติโดยบริษัท ด้วยอาการ ๑๒ อย่าง คือ:-
       ๑. ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอยังไม่มา ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๒. ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๓. ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๔. ในกรรมอันสงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไรพวกเธอยังไม่มา ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๕. ในกรรมอันสงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไรพวกเธอมาแล้ว แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๖. ในกรรมอันสงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๗. ในกรรมอันสงฆ์ทสวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอยังไม่มา ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๘. ในกรรมอันสงฆ์ทสวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๙. ในกรรมอันสงฆ์ทสวรรคพึงทำ  ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไร พวกเธอมาแล้ว นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๑๐. ในกรรมอันสงฆ์วีสติวรรคพึงทำ  ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไรพวกเธอยังไม่มา ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๑๑. ในกรรมอันสงฆ์วีสติวรรคพึงทำ  ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไรพวกเธอมาแล้ว แต่ไม่นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
       ๑๒. ในกรรมอันสงฆ์วีสติวรรคพึงทำ ภิกษุทั้งหลายที่เข้ากรรม มีจำนวนเท่าไรพวกเธอมาแล้ว นำฉันทะของภิกษุผู้ควรฉันทะมา แต่อยู่พร้อมหน้ากันคัดค้าน
 กรรมย่อมวิบัติโดยบริษัท ด้วยอาการ ๑๒ นี้.
อปโลกนกรรมเป็นต้น
       [๑๓๕๓] ถามว่า อปโลกนกรรมถึงฐานะเท่าไร? ญัตติกรรมถึงฐานะเท่าไร? ญัตติทุติยกรรมถึงฐานะเท่าไร? ญัตติจตุตถกรรมถึงฐานะเท่าไร?
       ตอบว่า อปโลกนกรรมถึงฐานะ ๕ อย่าง ญัตติกรรมถึงฐานะ ๙ อย่าง ญัตติทุติยกรรมถึงฐานะ ๗ อย่าง ญัตติจตุตถกรรมถึงฐานะ ๗ อย่าง.
ฐานะแห่งอปโลกนกรรม
[๑๓๕๔] ถามว่า อปโลกนกรรมถึงฐานะ ๕ เป็นไฉน?
       ตอบว่า โอสารณ นิสสารณา  ภัณฑุกรรม พรหมทัณฑ์ ทั้งกรรมลักษณะเป็นคำรบ ๕ อปโลกนกรรมถึงฐานะ ๕ นี้.
ฐานะแห่งญัตติกรรม
[๑๓๕๕] ถามว่า ญัตติกรรมถึงฐานะ ๙ เป็นไฉน?
       ตอบว่า โอสารณา นิสสารณา อุโบสถ ปวารณา สมมติ การให้ การรับการเลื่อนปวารณาออกไป ทั้งกรรมลักษณะเป็นคำรบ ๙ ญัตติกรรมถึงฐานะ ๙ นี้.
ฐานะแห่งญัตติทุติยกรรม
[๑๓๕๖] ถามว่า ญัตติทุติยกรรม ถึงฐานะ ๗ อย่าง เป็นไฉน?
       ตอบว่า โอสารณา นิสสารณา สมมติ การให้ การถอน การแสดงทั้งกรรมลักษณะเป็นคำรบ ๗ ญัตติทุติยกรรมถึงฐานะ ๗ นี้.
ฐานะแห่งญัตติจตุตถกรรม
[๑๓๕๗] ถามว่า ญัตติจตุตถกรรม ถึงฐานะ ๗ อย่าง เป็นไฉน?
       ตอบว่า โอสารณา นิสสารณา สมมติ การให้ นิคคหะ สมนุภาสน์ทั้งกรรมลักษณะเป็นคำรบ ๗ ญัตติจตุตถกรรมถึงฐานะ ๗ นี้.
กรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำเป็นต้น
      [๑๓๕๘] ในกรรมอันสงฆ์จตุวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๔ รูป เป็นผู้เข้ากรรมปกตัตตะนอกนั้นเป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรฉันทะ แต่เป็นผู้ควรกรรม
      ในกรรมอันสงฆ์ปัญจวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๕ รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตะนอกนั้นเป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรฉันทะ แต่เป็นผู้ควรกรรม
      ในกรรมอันสงฆ์ทสวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๑๐ รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตตะนอกนั้นเป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรฉันทะแต่เป็นผู้ควรกรรม
      ในกรรมอันสงฆ์วีสติวรรคพึงทำ ภิกษุปกตัตตะ ๒๐ รูป เป็นผู้เข้ากรรม ปกตัตตะนอกนั้นเป็นผู้ควรฉันทะ สงฆ์ทำกรรมแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นไม่ใช่เป็นผู้เข้ากรรม และไม่ควรฉันทะแต่เป็นผู้ควรกรรม.   กรรมวรรคที่ ๑ จบ.
    [๑๓๕๙] พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจ ๒ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความผาสุกแห่งสงฆ์ ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือ เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือ เพื่อป้องกันเวรอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดเวรอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือ เพื่อป้องกันโทษอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดโทษอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือ เพื่อป้องกันภัยอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดภัยอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือเพื่อป้องกันอกุศลธรรมอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอกุศลธรรมอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือ เพื่ออนุเคราะห์คฤหัสถ์ ๑ เพื่อเข้าไปตัดฝักฝ่ายของพวกภิกษุผู้มีความปรารถนาลามก ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑
    พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้
พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ คือ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่ออนุเคราะห์พระวินัย ๑
พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบทแก่สาวก อาศัยอำนาจประโยชน์ ๒ ประการนี้.
อรรถวสวรรค ที่ ๒ จบ.
Love of the Divine Tree (2025) อาจารย์มารหวนภพ ปีที่ฉาย : 2025 ความยาว
: 0 ชั่วโมง 45 นาที คุณภาพ : HD
  เสียง : พากย์ไทย N/A ผู้กำกับ: อิ่นเทา นักแสดงนำ: เติ้งเวย, Xiang Han Zhi, Chen Xin Hai, จางรุ่ย คำบรรยาย: "พฤกษาเซียน" เป็นซีรีส์เทพเซียน ("องครักษ์เสื้อแพร" และ "ปลดผนึกหัวใจหวนรัก") นำแสดงโดย เติ้งเวย ("จันทราอัสด") เซี่ยงหานจือ ("แสงส่องรัก ข้างกาย") ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง "พฤกษาเซียน" เขียนโดย ขวางซ่างเจียขวาง แห่งเมืองวรรณกรรมจินเจียง นักพรต เซียน ซูอี้สุ่ย (รับบทโดย เติ้งเวย)เมื่อสิบแปดปีที่ก่อน อาจารย์ มู่ ชิงเกอ (รับบทโดย เซี่ยงหานจือ)ได้เปลี่ยนชะตากรรมของเขา "มาร สาว" มู่ชิงเกอ ผู้กบฏก็ตายเพราะความอัปยศเช่นกัน สิบแปดปีต่อมา มู่ชิงเกอแปลงร่างเป็นเซวียหรานหร่าน (รับบทโดย เซี่ยงหานจือ) ซู อี้สุ่ยซึ่งประสบความสำเร็จในฐานะผู้นำของสำนักซีซาน ได้นำหราน หร่านที่อ่อนแอและกำลังจะตายเข้ามาในสำนักของเขา และสาบานว่า จะปกป้องนางไปจวบจนชีวิตจะหาไม่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตัวตน ของอาจารย์และลูกศิษย์ก็สลับเปลี่ยนกัน
Love of the Divine Tree (2025) อาจารย์มารหวนภพ ซีรีส์จีนย้อนยุคดรามาโรแมนติก เรื่องราวเมื่อ 18 ปีก่อน มู่ชิงเกอได้รับ ซูอี้สุ่ยเป็นศิษย์ ต่อมามู่ชิงเกอได้เปลี่ยนชะตากรรมของตัวเองเป็นมาร สาวมู่ชิงเกอ ผู้ก่อกบฏ เธอจึงตายไป 18 ปีต่อมา ซูอี้สุ่ยก็ได้กลายเป็น ผู้นำสำนักซีซาน เขาได้พบกับเซวียหรานหร่าน ซึ่งเธอก็คือมู่ชิงเกอ แต่ เธอกลับสูญเสียความทรงจำทั้งหมดและมีร่างกายอ่อนแอ ต่อมาเขาก็ได้ รับเธอเป็นศิษย์ ตั้งแต่นั้นมา อาจารย์และลูกศิษย์ก็ได้สลับเปลี่ยนกัน เรื่องราวระหว่างพวกเขานั้นเมื่อ 18 ปีก่อนเกิดอะไรขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: