ท่องนรกอเวจี ตอนที่ 2 พระจี้กง นำพาชิวเซิงไปชำระกายที่สระทิพย์
ประกาศ เลขาตำหนักเง็กเซียนฮ่องเต้ ประทับทรง
พระราชโองการ เง็กเซียนฮ่องเต้ ประธานสำนักประทับ ทรง วันที่ 7 มกราคม 2537
เทพมหาอํามาตย์สีประทับทรงอัญเชิญราช มนุษย์ชั่วตีแผ่ขุม เทพแลคนโองการ มีแฝง อเวจี น้อมรับ
ประกาศทั่ว ทุกแห่งหน ที่มืดมน
พระบรมราชโองการ
เทพดาวหลิวแห่งตำหนักใต้ ประทับทรง วันท่ี 7 มกราคม 2527
ท่องนรกอเวจี ตอนที่ 3 พระจี้กงนำชิวเซิงท่องอเวจี
คำนำ เทพเจ้าฮุนหยวน ประทับทรงวันที่ 7 มกราคม 2527
คำนำ พระอรหันต์จี้กง ประทับทรงวันที่ 7 มกราคม 2527

คำนำ พระโพธิสัตว์กวนอิม ประทับทรงวันที่ 7 มกราคม 2527
ท่องนรกอเวจี ตอนที่ 4 สัมภาษณ์ฮิตเลอร์และฉินก้วยฉินก้วย
คำนำ พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ประทับทรงวันที่ 7 มกราคม 2527
อานิสงส์พิมพ์หนังสือ “ท่องอเวจี”
ครั้งที่ 1 “พระจี้กงพาชิวเซิงไปทัศนาเมืองนรก”พระจี้กง ประทับทรง วันที่ 17 มกราคม 2527
เส้นหนทางสู่ แดนสวรรค์ ใช่เหลือเข็ญชายบำเพ็ญ หญิงบำเพ็ญ แลทั้งสามคุณธรรมสิบ แม่บ้านสี่ เชื่อฟังประเสริฐล้ำ คุณธรรม อย่าละเลย
มักจะ เมตตาสงสารเพื่อนมนุษย์ที่มีความเป็นอยู่ยากแค้น เมื่อบริจาคทานก็ไม่เคยหวังผลตอบแทน ยิ่งกว่านั้น ตำราคัมภีร์ ทั้งสามศาสนา (พุทธ เต๋า ขงจื้อ) ยังได้ศึกษามาอย่างลึกซึ้ง บัดนี้ได้รับเทวโองการให้ลิขิตหนังสือ “ท่องอเวจี” ด้วยนาย ชิวเซิง ชาติก่อนได้ตั้งปณิธานไว้ว่า จะโปรดสัตว์ผู้หลงเดินทาง ผิดให้หันสู่ทางธรรม ดังนั้นในวันนี้จึงได้มีความผูกพันเกี่ยว กับการทรงลิขิตหนังสือครั้งนี้ เอาละ... คืนนี้อาตมาจะนำเธอออกทองเที่ยว ชิวเซิงรีบ ทำจิตให้สงบ (พระจี้กงเอาพัดโบก 1 ที ปากก็ท่องคาถาพึมพำ แล้วจิตวิญญาณของชิวเซิงก็ตามพระจี้กงไป) ชิวเซิง: เมื่อครู่นี้กระผมถูกอาจารย์เอาพัดโบก 1 ที รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิวดุจสำลี อาจารย์ครับ วันนี้ เป็นวันออก ท่องเที่ยวครั้งแรกของผม ผมมีความรู้สึกปลาบปลื้มยินดี อย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะมา เปิดเผยสภาพการณ์ อันแท้จริงของนรกอเวจีจึงไม่กล้าทำให้จิตฟุ้งซ่าน ขอให้ อาจารย์โปรดชี้แนะส่งเสริมผมด้วย พระจี้กง: ชิวเซิง....เธอไม่ต้องตื่นเต้น อาจารย์จะให้ยา เม็ด “จิตสงบ” แก่เธอเม็ดหนึ่ง ชิวเซิง: หลังจากกินยาแล้วรู้สึกจิตใจปลอดโปร่งเย็น สบายขึ้นทันที ขอบพระคุณมากครับ พระจี้กง: ชิวเซิง รีบหลับตา ชิวเซิง: ขณะที่เดินทางอยู่นี้ รู้สึกคล้ายกับว่าลมอันหดหู่วังเวงมากระทบที่ขั้วหัวใจจนขนลุก พระจี้กง: เอาละ.....ลืมตาได้แล้ว ชิวเซิง: อาจารย์ครับ...ที่นี่เป็นที่ไหนครับ พระจี้กง: นี่คือทางที่จะไปยังตำหนักพระโพธิสัตว์กษิติ ครรภ์ ชิวเซิง: เล่าขานกันว่าในเมืองนรกนี่ล้วนแต่เป็นผู้ที่ตอน มีชีวิตอยู่ทำแต่กรรมชั่ว จึงต้องตกนรก ไฉนคนที่นี่หน้าตาจึง ดูมีสง่าราศี ไม่มีแววของคนชั่วร้ายเลยแม้แต่น้อย พระจี้กง: นั่นเป็นการเล่าขานที่คลาดเคลื่อนต่อความ เป็นจริง คนเหล่านี้กำลังจะไปที่พระโพธิสัตว์ แสดงธรรม เพื่อ ฟังพระธรรม จึงไม่มีลักษณะของคนทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย เอาละ.....อาจารย์จะเรียกวิญญาณนักบุญ มาสักคนหนึ่ง เธอ สัมภาษณ์เขาดูได้ ชิวเซิง: ท่านลุงครับ ทำไมท่านจึงได้มาอยู่ที่นี่แล้ว กำลังจะไปที่ใดครับ วิญญาณนักบุญ: ผมเป็นคนเมืองไถจุง ตอนเป็นมนุษย์ ได้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ ไม่แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น ไม่มี ความโลภ และทุกเดือนมักจะบริจาคเงิน และข้าวสารให้แก่ สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า พร้อม กับนำของเล่นที่เด็ก ๆ ชอบเป็นจำนวนมากไปบริจาคด้วย อยู่มาคืนวันหนึ่ง ได้เป็น ไข้ไม่สบายขึ้นมาอย่างฉับพลัน และได้ตายด้วยความสงบ หลังจากนั้นเจ้าพระภูมิได้กรุณานำทางไปยังเมืองยมโลก ซึ่ง ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จากท่านยมบาล โดยชมเชยว่า ตอนผมเป็นมนุษย์ได้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์และบริจาค ทานด้วยความรัก และเมตตา ซึ่งเป็นเรื่องหายากยิ่ง และจัด เจ้าหน้าที่ให้นำผมท่องเที่ยวเมืองนรกจนทั่ว ต่อมาได้จัดให้ ผมเข้า อยู่ในกลุ่มวิญญาณกุศล ได้ฟังเหล่าเทพ พรหม พระโพธิสัตว์แสดงธรรมอยู่เสมอ ตอนนี้กำลังจะไปโรงธรรม เพื่อ ฟังธรรม ชิวเซิง: อ๋อ....ที่แท้เช่นนี้เอง มิน่าจึงไม่มีลักษณะของ ความทุกข์ร้อนแม้แต่น้อย พระจี้กง: เอาละ....เรารีบไปพบพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ กันเถอะ ชิวเซิง: อาจารย์ครับ....ถ้าผมจะขอให้ท่านพระโพธิสัตว์ แสดงธรรมเกี่ยวกับเรื่องราวของสถาน ธรรมจะได้ไหมครับ? พระจี้กง: ย่อมได้ เธอรีบไปคารวะท่านพระโพธิสัตว์ก่อน ชิวเซิง: สวัสดีครับ....กระผมชิวเซิงขอคารวะท่านพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์: เจริญพร....ขอต้อนรับท่านจี้กงและชิวเซิงแห่งสำนักเซิ่งเทียน ที่ให้เกียรติมา เยือนถึงเมืองยมโลก พระจี้กง: ท่านพระโพธิสัตว์เกรงใจไปแล้ว อาตมา ภาพได้รับพระราชโองการ ให้นำนายชิวเซิงมา เปิดเผยสภาพ การณ์อันแท้จริงของนรกอเวจี หวังว่าท่านพระโพธิสัตว์คงจะ เอื้ออำนวยความสะดวก พระโพธิสัตว์: แน่นอน ชิวเซิง: ขอกราบเรียนถามท่านพระโพธิสัตว์ท่านมีพระ มหาปณิธานว่า “หากขุมนรกยังไม่ว่าง เปล่าจักไม่บรรลุพุทธะ” กระผมอยากขอความกรุณาจากท่านพระโพธิสัตว์ได้โปรด เมตตาชี้ทางสว่างให้แก่สัตว์ โลก เพื่อให้มวลมนุษย์รู้แจ้ง สัจ ธรรม สามารถนำไปปฏิบัติ ทุกคนจะได้หลีกเลี่ยงการตก นรกโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระโพธิสัตว์: จิตใจงามอย่างเธอนี้ หาได้ยากยิ่งนัก เอาละ....เราจะอธิบายอย่างง่าย ๆ ถ้า หากมนุษย์ชาวโลก อยากจะหนีพ้นวังวนแห่งนรก ก่อนอื่นผู้ชายจะต้องปฏิบัติ ตามสายสัมพันธ์หลัก 31 และคุณธรรม 102 ส่วนหญิงก็ปฏิบัติ ตามเชื่อฟัง 33 และคุณธรรมแม่บ้าน 44 หมั่นสร้างบุญกุศล ละเว้นความชั่วต่าง ๆ เช่นนี้ ก็จะหนีพ้นวิถีแห่งนรกก้าวสู่ หนทางแห่งสวรรค์สายสัมพันธ์หลัก 3 คือ 1.นายเที่ยงธรรม บ่าวซื่อสัตย์ 2.บิดามารดา บุตรกตัญญู 3.สามีเอาใจใส่ภรรยาคล้อยตาม รักใคร่ปรองดองกัน คุณธรรม(บุรุษ) 10 คือ 1.กตัญญูรู้คุณ 2.พี่รักน้อง น้องเคารพพี่ 3.ซื่อสัตย์จงรักภักดี 4.มีสัจจะ 5.จริยามีมารยาท 6.เที่ยงธรรม มีมโนธรรม 7.สุจริต ใจซื่อมือสะอาด 8.มีความ ละอาย เกรงกลัวต่อบาป 9.มีเมตตา 10.มีปัญญา หมั่นศึกษาหาความรู้ รู้จักแยกแยะชั่วดี เชื่อฟัง 3 คือ 1.ตอนยังไม่ออกเรือน เชื่อฟังบิดามารดา 2.ออกเรือนแล้ว เชื่อฟังสามี 3.สิ้นสามีแล้ว ฟังบุตร (เลี้ยงดูพ่อแม่สามี หากไม่จําเป็นจริงๆ ไม่ควรแต่งงานใหม่ เมื่อบุตรโตแล้วเป็นคนดีมีความสามารถก็มอบกิจการงานให้บุตรจัดการดูแลแทน ส่วนตน คอยให้คำแนะนำ) คุณธรรมแม่บ้าน 4 คือ 1.ความประพฤติงาม คือประพฤติอยู่ในกรอบประเพณีอันดี 2.วาจางาม คือพูดจาไพเราะ ไม่พูดคำเท็จ คำหยาบนินทา 3.งานงาม คือมีฝีมือ รู้หน้าที่ การเรือนการครัว เย็บปักถักร้อย ไม่ใช้จ่ายฟุ้มเฟือย 4.หน้าตางาม คือ หน้าตาสะอาด ผม เผ้าเรียบร้อย ไม่บึ้งตึง ไม่ตบแต่งด้วยเครื่องสำอาง สวมใส่เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย
พระจี้กง: “ภัยพิบัติหรือโชคลาภนั้นไร้ประตูล้วนแต่ตน เรียกหาเอง” เนื่องจากชาวโลกปลงไม่ตก วางไม่ลงเรื่อง ความรัก ความชัง และทรัพย์สินเงินทอง ดังนั้นจึงได้สร้าง บาปมหันต์เมื่อตายแล้วจึงต้องตกนรก พระโพธิสัตว์: เราจะนำท่านจี้กง และชิวเซิงไปทัศนา สถานธรรม (ขณะนี้พระจี้กง พระ โพธิสัตว์ และชิวเซิงได้ไปถึง ธรรมสถาน) ชิวเซิง: อ๋อโฮ...เป็นโรงบรรยายธรรมท่ีใหญ่โตรโหฐาน ทีเดียว หนึ่งแถว...สองแถว...สามแถว ...สี่แถว....ดูคล้ายกับ ห้องเรียนที่จุคนได้ 2-3 ร้อยคน บนเวทีมีพระอาจารย์ทาง ศาสนาพุทธรูปหนึ่ง กำลังแสดงพระธรรมเทศนาแก่เหล่า วิญญาณ พระอาจารย์บนเวที ได้กล่าวอย่างจริงจังว่า “วันนี้ อาตมาภาพรู้สึกยินดีมาก ที่มีโอกาสมาแสดงธรรมต่อท่านทั้ง หลาย พวกท่าน ตอนเป็นมนุษย์ล้วนแต่เป็นคนดีมีศีลธรรม แต่น่าเสียดายที่ไม่รู้จักฝึกปฏิบัติทางพุทธธรรม อันเป็นการ ยกระดับ จิตวิญญาณ ดังนั้นจึงยังต้องอยู่ที่นี่ก่อนเพื่อเริ่มต้น ฝึกฝนกันใหม่” (ชิวเซิงฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ ถูกพระจี้กง เรียก “เราสมควรกลับได้แล้ว”) ชิวเซิง: กราบเรียนถามท่านพระโพธิสัตว์ ทําไมที่เมือง ยมนี้ ยังต้องจัดตั้งสถานที่บรรยาย ธรรมเช่นนี้ขึ้น พระโพธิสัตว์: สวรรค์เบื้องบนนั้นทรงเมตตาการุณย์ ดังนั้นเพื่อเป็นการยกระดับจิตวิญญาณ ของบรรดาวิญญาณ กุศลให้สูงขึ้น จึงจัดให้พวกเขาได้รับฟังพระธรรมด้วยตนเอง อันเป็นการขัดเกลาจิตเดิมแท้ให้ รู้แจ้ง ฉะนั้นจึงได้จัดสร้าง สถานที่แห่งนี้ขึ้นมา ชิวเซิง: ขอบพระคุณท่านพระโพธิสัตว์ ที่กรุณาให้ ความสว่างแก่กระผม พระจี้กง: เอาละ....ชิวเซิงรีบกราบลาท่านพระโพธิสัตว์ ชิวเซิง: กระผมขอกราบลาท่านพระโพธิสัตว์ครับ พระจี้กง: ชิวเซิง รีบขึ้นยานดอกบัวแล้วหลับตา....ถึง สำนักเซิ่งเทียนแล้ว วิญญาณ กลับเข้าร่าง การเข้าทรงลิขิตใน วันนี้เสร็จแล้ว เรากลับละ เทพดาวหลิว: ภารกิจในวันนี้ สำเร็จเรียบร้อย เราก็ กลับด้วยเพราะการทำชั่วรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา จะปรากฏ หน้าตาอันดุร้าย ส่วนจิตใจก็แฝงด้วยรูปลักษณ์ของมาร ปีศาจ จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต นี่ก็คือการเริ่มพบกับความเจ็บปวดของผู้ทำชั่ว ดังนั้น ผู้ประพฤติชั่วที่สุดเมื่อสิ้น หนทางก็ได้ แต่อาศัยเหล้าแก้กลุ้มหรือเล่นการพนัน ซึ่งเป็นการทำตนให้ ตกต่ำยิ่งขึ้น เมื่อถึงเวลากายเนื้อแตก สลาย ประตูนรกก็จะ เปิดกว้างรอคอยให้คนพวกนี้ล่ามตนเองเข้าสู่ตะแลงแกงลิ้ม รสชาติอันเจ็บปวดของหน้าต่าง สายบัว ชิวเซิง: วันนี้ได้ฟังอาจารย์แสดงธรรม ทำให้กระผม เข้าใจกระจ่างแจ้งยิ่งขึ้น พระจี้กง: เข้าใจข้อไหน ชิวเซิง: คือคนดีอะไร ๆ ก็ดี คนชั่วอะไร ๆ ก็แย่ พระจี้กง: เออ....ไม่เลว เช่นเธอนี้ขณะนี้ก็คือคนดี คือ ไม่ได้ทำเพื่อลาภยศสรรเสริญ แต่ทำเพื่อสังคมส่วน พระจี้กง: ผู้ที่ชอบก่อกรรมทำชั่ว มักคิดว่าการหลอก ลวงฉ่อโกง เป็นการแสดงถึงความเฉลียวฉลาด คิดว่าการ เบียดเบียนรังแกคนดีเป็นความประพฤติที่มีเกียรติ ดังนั้น จึง ถือเป็นของสนุก มีโอกาสหลอกลวงได้ก็หลอกลวง มีโอกาส รังแกได้ก็รังแก ก่อกรรมแล้ว ยัง ไมรู้สึกสำนึกตน ยังเบิกบาน สำราญใจ คิดว่าตนเก่ง ดังนั้นจึงอาศัย อำนาจอิทธิพลและ กำลังอันเหนือกว่าของตน เที่ยวก่อกรรมทำเข็ญอย่างไม่เกรง กลัวเทวดาฟ้าดิน โดยคิดว่า ไม่มีใครรู้เห็น บุคคลเช่นนี้ความ จริงไม่รู้จัก ว่า อะไรคือความเจ็บปวด อะไรเรียก ว่า ถูกรังแก ชิวเซิง: อาจารย์ครับ....แบบนี้คนดีก็เสียเปรียบซิครับ พระจี้กง: ศิษย์โง่....การหลอกลวงคนอาจหลอกได้ เพียงครั้งเดียว แต่ไม่อาจหลอกลวง ได้ตลอดไป การรังแกคน อาจรังแกได้เพียงครั้งเดียว แต่ไม่อาจรังแกได้ตลอดไป ดังนั้น จึงเป็นผู้มีความสุขสมใจ เพียงชั่วครู่ยาม แต่ผลสุดท้ายก็ต้อง พบกับความเจ็บปวดตามผลแห่งกรรม ชิวเซิง: ขอให้ได้เป็นเช่นนี้เถอะ มิฉะนั้น คนชั่วก็จะยิ่ง ได้ใจ คนดีก็จะยิ่งเสียเปรียบ พระจี้กง: ทําดีย่อมเจริญ ที่ทำดีแล้วไม่เจริญ เพราะ ยังมีกรรมของบรรพบุรุษเหลือไว้ เมื่อ กรรมหมดย่อมเจริญ ทำชั่วย่อมวิบัติ ที่ทำชั่วแล้วไม่วิบัติ เพราะยังมีบุญของ บรรพบุรุษเหลือไว้ เมื่อบุญหมด ย่อมวิบัติ ดังนั้นผู้ทําความดี ดูผิวเผินอาจจะเสียเปรียบ แต่ผลสุดท้ายย่อมได้เปรียบกว่า ผู้ทําความชั่วผิวเผินอาจจะ ได้เปรียบ แต่ผลสุดท้ายย่อมต้องได้ รับผล กรรมสนอง ชิวเซิง: แต่คนยุคปัจจุบันนี้ สนใจแต่ส่ิงที่มองเห็นได้ ด้วยตาเท่านั้น พระจี้กง: ฮ่าฮ่า ทําดีย่อมมีสุข การทำบุญให้ทานเป็น ความสุขใจของผู้ทําความดี ดูผิวเผินเป็น การจ่ายออกแต่ทาง ด้านจิตเป็นการรับ เมื่อถึงตอนกายเนื้อแตกดับยังจะได้รับ การส่งเสริมจากเทพยดา นำทางไป ส่งจนถึงแดนสวรรค์ได้ เสวยสุขสำราญอย่างอิสระเสรี ส่วนผู้ทําชั่วก็เป็นอีกอย่าง
ครั้งที่ 2 “พระจี้กงนำชิวเซิงไปชำระกายทิพย์”พระจี้กงประทับทรง วันที่ 24 มกราคม 2527รวม ชิวเซิง: ขอบพระคุณอาจารย์ที่เยินยอ พระจี้กง: เอาละ...เวลาไม่คอยท่า เรารีบเดินทางกันเถิด ชิวเซิง: ครับ... ผมนั่งยานดอกบัวพร้อมแล้วอาจารย์ไป ได้แล้วครับพระจี้กง: ชิวเซิง....ถึงแล้วรีบลง ชิวเซิง: โอ....ทิวทัศน์ที่นี่สวยเหลือเกิน มีภูเขาและลําน้ำ น้ำก็ใสแจ๋วจนเห็นก้นสระ ในสระมีคน อยู่หลายคนดูเหมือน กำลังว่ายน้ำ เหนือหัวพวกเขาล้วนมีรังสีเป็นสีทอง สีขาว สี แดง ลักษณะล้วนแต่เป็น ผู้บรรลุธรรม อาจารย์ครับทําไม พวกเขาจึงมาอาบน้ำกันอยู่ที่นี่ ? พระจี้กง: นี่คือสระน้ำทิพย์ น้ำในสระเป็นน้ำที่ไหลมา จากแม่น้ำไตรวิสุทธิ์ บนสวรรค์ชั้นสูง ดังนั้น น้ำนี้จึงใสสะอาด เป็นพิเศษ ผู้ที่จะมาอาบน้ำที่นี่ได้ จะต้องเป็นเทพหรือพรหมที่ บรรลุธรรม หรือไม่ก็ต้องเป็น ผู้ที่ได้รับการโปรดเกล้าให้มา ดำรงตำแหน่งเจ้าในเมืองมนุษย์ ดังนั้นน้ำในสระนี้ จึงมี สรรพคุณวิเศษสามารถทํา ให้คนลืมความห่วงกังวลทั้งปวง และทําให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยคุณประโยชน์ที่สำคัญที่สุด ก็คือ สามารถชำระ ล้างความสกปรกของจิต ชิวเซิง...เธอมี บุญแล้ว เพราะเธอได้รับพระราชโองการให้ลิขิตหนังสือ อาจารย์จะให้เธอ ลงไปชำระกายให้สะอาด ชิวเซิง: ขอบพระคุณครับ ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้ (ขาดคำ ชิวเซิงก็โดดลงไปในสระ ได้ยินแต่เสียงตูม) ชิวเซิง: โอ้...เย็นสบายดีจัง ไม่คิดว่าจะได้มาอาบน้ำ แบบนี้ ขอถือโอกาสเล่นน้ำให้ สะใจสักทีเถิด พระจี้กง: ชิวเซิง สมควรแก่เวลาแล้ว อย่าเล่นจน เพลิน รีบขึ้นมาเถอะ เทพารักษ์: นมัสการท่านจี้กง มนุษย์ปุถุชนผู้นี้ไฉนจึง มาอาบน้ำอยู่ท่ีนี่ ? พระจี้กง: คนผู้นี้คือ ชิวเซิงคนทรงของสำนักเซิ่งเทียน แห่งเมืองไถจุง เนื่องจากได้รับพระ ราชโองการให้ลิขิตหนังสือ ดังนั้นอาตมาจึงพามาที่นี่ เพื่อชำระกายทิพย์ให้สะอาดเสีย ก่อน เทพารักษ์: อ๋อ...ถ้าเช่นนั้น ก็เชิญตามสบายครับ ชิวเซิง: สบายตัวดีจัง พระจี้กง: ชิวเซิง...รีบคารวะท่านเทพารักษ์ ชิวเซิง: คารวะท่านเทพารักษ์ หากมีที่ไม่สมควรโปรด อภัยด้วยครับ เทพารักษ์: ไม่เป็นไร ๆ เมื่อมาด้วยพระราชโองการ เรายินดีอํานวยความสะดวกอย่างเต็มที่ พระจี้กง: อ๋อ... วันนี้ไหน ๆ มาถึงนี่แล้ว เพื่อไม่ให้เสีย เที่ยว ขอถือโอกาสเก็บข้อมูล ดูเหมือนเทวดาที่อยู่กลางสระ คนนั้นเพิ่งจะบรรลุธรรมไม่นาน รบกวนท่านเทพารักษ์ช่วย แจ้งเขาทีว่าเราจะขอสนทนา ด้วย เทพารักษ์: ได้ครับ เทวดาจาง: นมัสการพระอาจารย์จี้กง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น