
(บทที่ ๙๘)
ฝ่ายพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ทั้งสาม ออกจากบ้านเข่าญ่วนหลายเศรษฐี ก็ตั้งหน้าหมายตรงไปยังทิศปราจิณ เดินพลางพิศดูว่าเมืองพระพุทธเจ้ามีต้นไม้ดอกดวงพวงผลดารดาษหอมระรื่นร่มไปตามแถวถนนทุกแห่งทุกตำบลบ้าน ล้วนถือศีลกินแจตั้งหน้าทำบุญกุศลทุก ๆ คน อาจารย์กับศิษย์กลางวันก็เดินกลางคืนก็เข้าหยุดพักอาศัย เดินมาได้สักเจ็ดวัน แลไปข้างหน้าก็เห็นมีปราสาทราชมณเฑียรสลับซับซ้อนเป็นระดับดูสง่างาม พระถังซัมจั๋งอยู่บนหลังม้า เอาแซ่ชี้ถามเห้งเจียว่าที่ข้างหน้านั้นเป็นสถานที่อันใด
เห้งเจียตอบว่าที่สมมุติรูปพระพุทธเจ้า พระอาจารย์ลงนมัสการวันนี้มาถึงเขตพระพุทธเจ้าจริงแล้ว ทำไมจึงไม่ลงนมัสการเล่า พระถังซัมจั๋งได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้นก็ลงจากหลังม้าเดินมาถึงประตูนอกที่มีประสาทราชมณเฑียรนั้น แลไปที่ประตูเห็นหนุ่มน้อยผู้หนึ่งยืนอยู่ร้องถามไปว่าท่านเป็นผู้ที่มาจากเมืองไต้ถังเพื่อจะอาราธนาพระไตรปิฎกธรรมหรือมิใช่ พระถังซัมจั๋งแลไปเห็นผู้นั้นรูปร่างคมสันนุ่งห่มเป็นเพศผู้ประพฤติพรต ฝ่ายเห้งเจียแลเห็นก็จำได้ จึงบอกแก่พระอาจารย์ว่า ท่านผู้นี้คือ เป็นเทพบุตรกิมเต็งไต้เซียนรักษาเชิงเขาเล่งซัว ท่านมาคอยเพื่อจะรับพวกเรา พระถังซัมจั๋งได้ฟังดังนั้นก็รีบเดินเข้ามาใกล้กระทำคำนับทักถาม
ท่านกิมเต็งไต้เซียนหัวเราะแล้วคำนับตอบ พูดว่าท่านอาจารย์พึ่งมาถึงปีนี้เอง พระโพธิสัตว์บอกให้มาคอยเป็นหลายปี เมื่อสิบปีก่อนพระโพธิสัตว์รับคำสั่งของพระพุทธเจ้าไปยังประเทศจีน เพื่อจะหาคนมาอาราธนาพระไตรปิฎกธรรม ท่านบอกว่ากำหนดสองสามปีท่านจะมาถึงแห่งสำนักข้าพเจ้า ๆ ก็ตั้งใจคอยทุก ๆ ปีก็ไม่ได้ข่าวคราว มาจนบัดนี้จึงได้พบแก่ท่าน พระถังซัมจั๋งปราศรัยว่าขอบใจท่านไต้เซียนต้องมาคอยมีความลำบากมาก พระเดชพระคุณหาที่เปรียบมิได้ ครั้นพูดจาทักถามกันแล้วก็พากันเข้าในสำนัก ฝ่ายเห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งก็พากันยกหาบจูงม้าเข้ามาข้างในสำนักแล้ว จึงพากันมาปราศรัยคำนับทักถามไต้เซียนแล้วนั่งที่ตามสมควร
ฝ่ายกิมเต็งไต้เซียน ให้ศิษย์ยกน้ำร้อนน้ำชาและเครื่องแจมาเลี้ยง สั่งให้ต้มน้ำหอมให้พระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์อาบ ล้าง ชำระ ผลัดเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่มแล้วจึงจะได้ขึ้นไปนมัสการพระพุทธเจ้า
ฝ่ายพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ทั้งสาม ครั้นฉันแล้วก็พากันเข้าที่สรงน้ำ ชำระล้างเสร็จแล้วก็ผลัดเปลี่ยนนุ่งห่มเครื่องใหม่ เวลาจวนค่ำก็พากันพักหลับนอนคืนหนึ่ง พอเวลารุ่งแจ้งพระถังซัมจั๋งตื่นนอนแล้วล้างหน้าครองจีวรเรียบร้อยแล้ว จึงพาสานุศิษย์ทั้งสามออกมาสำนักนอก ลากิมเต็งไต้เซียนจะไป กิมเต็งไต้เซียนพูดสรรเสริญพระถังซัมจั๋งว่า เวลาวานนี้ดูสม มมเปื้อนเปรอะ วันนี้ดูสะอาดสำอางเรียบร้อยดี ภาคภูมิสมควรเป็นบุตรพระตถาคต พระถังซัมจั๋งคำนับลาจะออกเดิน กิมเต็งไต้เซียนว่าช้าก่อน ข้าพเจ้าจะนำทางพาท่านไปส่ง เห้งเจียว่าไม่ต้องท่านไต้เซียนไปส่ง หนทางนี้ข้าพเจ้าเข้าใจจำได้ ไต้เซียนพูดว่าเห้งเจียเข้าใจแต่เหาะเหินไปท่านอาจารย์เหาะเหินไม่ได้จะต้องเดินตามพื้นไป
เห้งเจียพูดว่าท่านไต้เซียนพูดเห็นจะจริง ด้วยข้าพเจ้าไปมาหลายครั้งก็จริง แต่เหาะเหินไปมามิได้เดินตามพื้นดิน หากมีทางเดินก็ดีแล้ว ขอเชิญท่านไต้เซียนได้อนุเคราะห์โปรดช่วยนำทางด้วย อาจารย์ข้าพเจ้ามีจิตศรัทธาจะใคร่รีบไปนมัสการพระพุทธเจ้า กิมเต๊งไต้เซียนหัวเราะแล้วก็มาจับมือพระถังซัมจั๋งนำเดินขึ้นช่องประตูธัมมา (อันที่จริงทางมิได้ออกจากสำนัก คือออกประตูหลังสำนักนั่นเอง เพื่อท่านกิมเต้งไต้เซียนจะชี้ให้รู้ซึ่งเขาเล่งซัวเท่านั้น) ไต้เซียนบอกว่าพระอาจารย์จงพิเคราะห์ดู ที่สูงถึงฟ้ามีรัศมีสว่างไสวเป็นชั้นๆ ซับซ้อนเป็นระดับถึงพันชั้นนั้น คือยอดเขาเล่งซัว เป็นที่สำนักของพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ และเป็นที่ประชุมแห่งพระอริยะเจ้าทั้งหลาย พระถังซัมจั๋งได้เห็นดังนั้นจิตคิดจะใคร่ลงนมัสการ เห้งเจียบอกว่ายังไม่ถึงที่ไหว้ แม้แลเห็นแล้วก็จริงแต่ยังไกลนัก แม้ไปถึงยอดเขาแล้วจะทำนมัสการสักเท่าใดก็ตามเถิด
กิมเต็งไต้เซียนพูดแก่พระถังซัมจั๋งว่าท่านกับสานุศิษย์มาถึงที่ชัยภูมิอันนี้แลเห็นเขาเล่งซัวแล้ว ข้าพเจ้าจะขอลากลับ พระถังซัมจั๋งคำนับแล้วก็ตั้งหน้าพากันเดินขึ้นเขาไป เห้งเจียนำหน้าค่อยๆ เดินมาได้ประมาณสักร้อยเส้นเศษ ก็แลเห็นลำกระแสน้ำไหลเชี่ยวดุจน้ำที่เทออกจากกระบอก ลำน้ำกว้างประมาณร้อยเส้น เงียบสงัดไม่มีผู้คนวี่แวว พระถังซัมจั๋งเห็นดังนั้นก็ตกใจจึงถามเห้งเจียว่า ทางนี้ท่านไต้เซียนกิมเต๊งชี้ผิดทางดอกกระมัง เห้งเจียว่าไม่ผิด อาจารย์ไม่เห็นหรือข้างหน้ามีสะพานข้ามฟากไป พระถังซัมจั๋งพูดว่า น้ำเชี่ยวกรากดังนี้สะพานอันเดียวจะข้ามอย่างไรได้ เห้งเจียว่าจะต้องข้ามไปทางสะพานนี้จึงจะได้ ถ้าจะไปทางอื่นก็จะไม่สำเร็จทางมรรคผล
พระถังซัมจั๋งพาสานุศิษย์เดินเข้าไปใกล้สะพาน ที่ข้างสะพานมีป้ายศิลาจารึกอักษรสามตัวว่า ลิ้งหุ้นโต้ แปลภาษาไทยว่าแทรกเมฆข้าม พิจารณาดูสะพานแต่ไกลดุจสายรุ้ง เข้าใกล้ดูดังไม้อันเดียวทั้งลื่นยากที่จะเดิน หากมิใช่ผู้ที่มีอภินิหารบารมีสร้างมามากแล้วก็อย่าพึงนึกเลย พระถังซัมจั๋งพิเคราะห์ดูแล้ว ให้มีใจหวาดหวั่น จึงพูดว่าสะพานนี้มิใช่ทางของมนุษย์เดิน จำเราจะต้องพากันไปหาทางอื่นเถิด เห้งเจียหัวเราะแล้วพูดว่าทางนี้จริงแท้ ๆ โป๊ยก่ายพูดว่าทางนี้จริงแล้วใครจะอาจข้ามไปได้ แม่น้ำก็กว้างน้ำก็เชี่ยวละลอกก็ซัดนูนซับซ้อน สะพานอันเดียวแลทั้งเล็กและลื่นด้วยทำอย่างไรจะสยายเท้าได้เล่า เห้งเจียว่าพี่น้องจงหยุดอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าจะข้ามไปก่อนแต่ผู้เดียว จะได้เห็นเป็นตัวอย่าง
เห้งเจียออกท่าเผ่นขึ้นบนสะพานลอยหน้าลอยตาเดินข้ามไป บัดเดี๋ยวก็ถึงหัวสะพานฟากข้างโน้นแล้วร้องตะโกนเรียกว่าข้ามมาเถิด พระถังซัมจั๋งสั่นศรีษะ โป๊ยก่ายว่ายากนักที่จะข้ามไปได้ เห้งเจียก็เดินข้ามกลับมา จับมือโป๊ยก่ายดึงมาว่า น้องตามพี่ข้ามไปเถิด โป๊ยก่าย งอมือ นอนกลิ้งลงกับพื้นร้องว่าสะพานลื่นนักข้ามไปไม่ได้ พี่จงผ่อนผันให้ข้าพเจ้าเหาะไปเถิด เห้งเจียจับมือโป๊ยก่ายพูดว่า ทางสะพานนี้ไปแห่งใดจึงเจ้าจะเหาะข้ามไป เพราะจำเป็นจะต้องข้ามไปทางสะพานนี้จึงจะสำเร็จซึ่งมรรคผล โป๊ยก่ายพูดว่า มรรคผลจะไม่สำเร็จได้แล้วเพราะข้าพเจ้าข้ามไม่ได้จริง ๆ เห้งเจียโป๊ยก่ายกำลังฉุดลากกันอยู่ที่ข้างสะพาน เหลือบแลไปในกระแสน้ำก็เห็นมีชายผู้หนึ่งมือถือถ่อค้ำเรือเข้ามาร้องว่าลงเรือจ้าง
พระถังซัมจั๋งดีใจพูดว่าสานุศิษย์อย่าวุ่นวายมีเรือจ้างมารับแล้ว คนทั้งสามแลไปก็เห็นเรือเข้ามาใกล้ฝั่ง เห้งเจียเหลือบแลเล็งด้วยทิพย์จักษุก็เห็นได้ว่า ผู้เจ้าของเรือนั้นคือท่านเตี๊ยบจิ๊นโจ๊ซือเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ เห้งเจียรู้แน่ดังนั้นแล้ว ก็กวักมือร้องเรียกว่าค้ำเรือเข้ามาเถิด เรือก็เข้ามาถึงฝั่ง พระถังซัมจั๋งแลลงไปในเรือก็ตกใจ จึงพูดว่าเรือของท่านทำไมจึงไม่มีท้องเรือ เรืออย่างนี้จะบรรทุกคนโดยสารข้ามไปอย่างไรได้เล่า พระโพธิสัตว์เจ้าของเรือตอบว่า เรือของข้าพเจ้ามีชื่อตั้งแต่เริ่มมีฟ้ามีดินจนบัดนี้ อาศัยข้ามส่งมาดังนี้ถึงมีคลื่นมีลมเรือก็ไม่โคลง ไม่มีก่อนมีหลังสม่ำเสมอไม่เสพย้อมด้วยอายตนะภายนอก อาจรวมหมื่นกัลป์แสนกัลป์โดยสะดวกสุขสำราญ เรือไม่มีท้องอาจข้ามมหาสมุทรส่งคนข้ามน้ำมาแต่โบราณจนปัจจุบันบัดนี้
เห้งเจียได้ฟังก็นมัสการพูดว่า ขอบคุณพระบารมีคุณท่านหาที่เปรียบมิได้ ซึ่งได้มารับส่งอาจารย์ข้าพเจ้า แล้วผินหน้ามาบอกแก่อาจารย์ว่านิมนต์เถิด เรือไม่มีท้องก็จริงแต่ไม่เป็นไร หากจะมีคลื่นลมสักเท่าใด ๆ ก็ไม่ล่มจมลงไปได้ดอก พระถังซัมจั๋งยังสงสัยไม่ใคร่จะวางใจ เห้งเจียเข้ามาใกล้แล้วผลักอาจารย์ลงไป พระถังซัมจั๋งยั้งตัวไม่ได้ก็พลัดตกลงไปในน้ำ ท่านเจ้าของเรือจับฉุดขึ้นไว้ไม่ทันจะเปียกน้ำ พระถังซัมจั๋งนึกเคืองเห้งเจีย เห้งเจียพาโป๊ยก่ายซัวเจ๋งยกหาบจูงม้าลงในเรือยืนบนกระทง ท่านโพธิสัตว์เจ้าของเรือก็ค่อยค้ำเรือออกจากฝั่ง ถึงกลางกระแสน้ำก็แลเห็นซากอาศพลอยตามกระแสน้ำลงมา พระถังซัมจั๋งแลเห็นดังนั้นก็ตกใจครั่นคร้าม เห้งเจียแลเห็นดังนั้นก็หัวเราะร้องบอกว่าอาจารย์อย่ากลัว อันซากอาศพนั้นเดิมคือท่านเองไม่ใช่หรือ โป๊ยก่ายร้องว่าคือท่าน ๆ ซัวเจ๋งตบมือร้องว่าคือท่าน ๆ เจ้าของเรือพูดขึ้นว่านั่นแลคือท่านสมควรจะรื่นเริงยินดีแล้ว เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งก็พร้อมกันโห่ร้องสรรเสริญขึ้น เรือก็ค่อยแล่นมาถึงตลิ่ง
พระถังซัมจั๋งขึ้นบนฝั่งแล้ว ตั้งแต่นี้ก็ปราศจากรูปขันธ์และตัณหาทั้งสิ้น ลุถึงมรรคผลจิตใจใสสะอาด เรียกว่ามหาปัญญาได้ข้ามสมุทรทุกข์เป็นที่สุดธรรม อาจารย์กับศิษย์ก็พากันขึ้นบก แลดูนาวาลำนั้นก็ไม่เห็นมิได้รู้ว่าไปทางไหน เห้งเจียจึงไขความจริงว่า ท่านเจ้าของเรือนั้นคือพระโพธิสัตว์เจ้าท่านมารับพวกเรา พระถังซัมจั๋งจึงได้สติมีความขอบคุณสานุศิษย์ทั้งสาม เห้งเจียคำนับอาจารย์แล้วพูดว่า ต่างก็ไม่ต้องยกบุญยอคุณอะไรกัน เพราะพวกข้าพเจ้าทั้งสามพึ่งพระบารมีได้ชักนำกันเข้ามาในทางสัมมาทิฐิ รักษาศีลภาวนาเจริญกรรมฐานวิปัสสนาถึงแก่มรรคผล อาจารย์พึ่งข้าพเจ้าปกครองรักษาป้องกันอันตรายต่าง ๆ จึงได้สำเร็จประโยชน์ละกิเลสถึงความบริสุทธิ์ได้ นิมนต์พระอาจารย์พิจารณา ๆ ดูข้างหน้านั้น มีต้นผลไม้ชูดอกออกช่อหอมงามต่าง ๆ ทั้งฝูงนกวิหกหงส์ชาติต่าง ๆ เป็นที่ชัยภูมิอันงาม จะเปรียบกับที่ภูตผีปีศาจมันเปลี่ยนแปลงทุก ๆ แห่งมาจะเป็นอย่างไรกัน
พระถังซัมจั๋งพิศดูแล้วก็ออกปากสรรเสริญว่าไม่รู้สิ้น ในกายตัวก็เบาจึงรีบก้าวเดินขึ้นเขาเล่งซัว แลขึ้นไปก็เห็นพระอารามลุ่ยอิมยี่สูงตระหง่านละลิ่ว ประดับประดาล้วนแล้วไปด้วยแก้วอันวิเศษสีต่าง ๆ ฉายรัศมีออกโชติช่วงชัชวาลดูดุจวิมานเมืองสวรรค์ เป็นที่สะอาดไม่มีธุลีละอองมาปะปนให้เปื้อนหมอง อาจารย์กับศิษย์เวลานั้นต่างมีความสำราญรื่นเริงปิติโสมนัส เดินพลางพิจารณาพลางก็ขึ้นถึงยอดเขาเล่งซัว แลไปที่ต้นไม้ใหญ่ทุก ๆ แห่ง มีอุบาสก อุบาสิกาผู้รักษาศีลกินแจนั่งกระทำความเพียรบำเพ็ญภาวนาทุกๆ คนไม่เกียจคร้าน พระถังซัมจั๋งก็ลดกายลงกระทำคำนับทุก ๆ คน หมู่พระสงฆ์กับพระภิกขุนี สามเณรอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายพากันพนมมือพูดว่า ท่านอาจารย์อย่าเพิ่งทำคำนับข้าพเจ้าก่อน นิมนต์ไปหาพระมุนีเจ้ากระทำเคารพแล้วจึงค่อยมาวิสาสะสนทนากับด้วยพวกข้าพเจ้าเถิด
เห้งเจียหัวเราะแล้วพูดว่า รีบเดิน ๆ เข้าไปเคารพพระผู้เป็นเจ้าเถิด พระถังซัมจั๋งดีใจรีบเดินตามเห้งเจีย ๆ ตรงมาถึงประตูวัดชั้นที่หนึ่ง ที่ประตูนี้มีท้าวกิมกังมหาราชเฝ้าประตูสององค์ออกมาต้อนรับ ถามว่าท่านอาจารย์มาถึงแล้วหรือ พระถังซัมจั๋งตอบว่าอาตมภาพตั๊นเหี้ยนจึงมาถึงแล้ว ตอบแล้วจะใคร่เลยเข้าไปในประตู ท้าวกิมกังมหาราชทั้งสององค์พูดว่าท่านรอพักสักประเดี๋ยวก่อน จะกราบทูลพระเป็นเจ้าให้ทรงทราบก่อนแล้วจึงเข้าไปเฝ้า ท้าวกิมกังจึงเข้าไปบอกประตูชั้นที่สองทราบแล้ว ประตูชั้นที่สองมีกิมกังเฝ้าสี่องค์ จึงให้สององค์เข้าไปบอกชั้นสามทราบก่อนแล้ว
ประตูชั้นที่สามมีมหาเถรองค์หนึ่งทราบเหตุแล้ว ก็รีบเข้าไปยังหอใหญ่ลดกายลงทำเคารพแล้วก็กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าได้ทราบ บัดนี้พระสงฆ์เมืองใต้ถังซึ่งจะมาอาราธนาพระธรรมนั้นมาถึงแล้ว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดี จึงตรัสสั่งสาวกทั้งหลายให้ประชุมพร้อมกัน
ฝ่ายหมู่สาวกทั้งหลายครั้นได้ทราบว่า พระองค์ตรัสสั่งดังนั้นแล้ว ทุก ๆ หมู่ก็มาแวดล้อมพระพุทธองค์อยู่ทุกท่าน คือห้าร้อยพระอรหันต์ สามพันเจ้าเอี๋ยดที้ เทพยดาดาวสิบแปดองค์ เจ้าแคล้นรักษาธรรมสิบแปดองค์ เรียงสองข้างเป็นลำดับพร้อมแล้ว พระพุทธองค์จึงโปรดให้พระถังซัมจั๋งเข้าไปเฝ้า
ฝ่ายพระถังซัมจั๋ง ก็สำรวมกิริยาค่อยย่างก้าวโดยเรียบร้อยเดินเข้าไป เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งจูงม้าหาบของตามหลังพระถังซัมจั๋งเข้าไปยังที่หอใหญ่ ครั้นถึงพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ก็ลดกายลงกระทำนมัสการประทักษิณสามรอบมาตรงพระพักตร์ พระถังซัมจั๋งก็คุกเข่าลงนำหนังสือเดินทางทูลศรีษะถวายสมเด็จพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงรับมาทอดพระเนตรแล้ว ก็ส่งคืนให้พระถังซัมจั๋ง ๆ รับแล้วก็กระทำเคารพกราบลงกับพื้นแล้วทูลว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทราบ ข้าพเจ้าคือตั๊นเหี้ยนจึงรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าถังไท้จงฮ่องเต้เมืองใต้ถัง มาโดยทางไกลถึงพระอารามอันวิเศษ ณ กาลบัดนี้ เพื่อขออาราธนาพระไตรปิฎกธรรมคัมภีร์อันพิเศษ เพราะพระองค์มีพระทัยศรัทธาเพื่อจะทรงกระทำมหากุศล แผ่กุศลให้แก่สัตว์ทั้งหลายเป็นการใหญ่ ขอพระมหากรุณาธิคุณเจ้าโปรดเปิดเผยพระคุณธรรมอันยิ่ง ประทานพระคัมภีร์ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้ากลับไปเมือง
เมื่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงฟังพระถังซัมจั๋งกราบทูลดังนั้นแล้ว จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสแก่พระถังซัมจั๋งว่า ดูกรท่านพระถังซัมจั๋ง ประเทศจีนมีอาณาเขตกว้างใหญ่สัตว์มนุษย์ก็มากหลาย แต่มากไปด้วยปาปะบุคคลที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและบริโภคกามคุณ กลับกลอกพลิกแพลงไม่เที่ยงตรง เต็มไปด้วยความประมาทไม่เชื่อฟังคำสอนในพระพุทธศาสนา ไม่เอื้อเฟื้อต่อกุศลผลทาน ปราศจากความเคารพนับถือผู้มีคุณเกรงกลัวอาญาข้อบังคับ ปราศจากความกตัญญูต่อญาติมิตร บิดา มารดา มากไปด้วยความประมาททำให้จิตใจเศร้าหมองขุ่นมัว เอาผิดเป็นชอบ กอปรไปด้วยอกุศลโทษเหลือที่จะพรรณาได้ เพราะฉะนั้นจะมีแต่ทางที่จะไปสู่อบายภูมิเสียโดยมาก ทนทุกข์เวทนาแสนสาหัส แม้ว่าจะพ้นนรกมาได้ ก็จะมาพบปะสนธิในหมู่สัตว์เดรัจฉาน และเปรตวิสัยอสุรกายใช้เวรเกณฑ์กรรม เวียนว่ายตายเกิดอยู่อบายภูมิหามีที่สุดไม่ ซึ่งเป็นอยู่ดังนั้นก็เพราะอกุศลกรรมให้โทษ
แม้ว่าในประเทศจีนมีศาสนาก๋งจื๊อ ชักนำสั่งสอนและมีกฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดตามอาญาของพระมหากษัตริย์ก็จริงอยู่ แต่ยังหาแจ่มแจ้งไม่ ยังเป็นที่มืดมัวอยู่ เหตุใดเล่าพระตถาคดมีพระคัมภีร์ธรรมอาจนำความเศร้าหมองและปลดเปลื้องซึ่งทุกข์ภัยทั้งหลายได้ ด้วยพระไตรปิฎกทั้งสาม คือ พระสูตรและพระปรมัต พระวินัย พระไตรปิฎก ธรรมสามสิบห้าผูก คิดออกเป็นเล่มห้าพันร้อยสี่สิบสี่เล่ม แสดงข้อปฏิบัติทางสัมมาปฏิบัติทั้งสิ้น ในมนุษย์โลกนี้มีพร้อมบริบูรณ์สรรพการ แต่ไม่ออกจากพระไตรปิฎก ธรรมของพระตถาคต บัดนี้พระถังซัมจั๋งมาจากเมืองไกลจะให้ไปพร้อมทั้งสามคัมภีร์ แต่ประเทศจีนนั้นมนุษย์ทั้งหลายมากไปด้วยโมหะความโง่เขลาดื้อดึง ก็จะทำลายคำสอนอันเป็นทางสัมมาทิฐิ ไม่สามารถจะรู้ธรรมอันพิเศษได้ ธรรมของพระตถาคตก็จะเสื่อมสูญไป ตรัสดังนั้นแล้วจึงทรงเรียกพระมหากัสสปะกับพระอานนท์ทั้งสอง สั่งให้นำพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ทั้งสามไปเลี้ยงดูด้วยเครื่องแจทิพย์ แล้วก็พาไปยังหอไตรเปิดประตูตู้ค้นเอาพระไตรปิฎกออกมาตรวจดูให้แก่พระถังซัมจั๋ง ไปยังประเทศจีนสั่งสอนคนทั้งหลายให้แพร่หลายเป็นคุณประโยชน์อันใหญ่ยิ่ง
ฝ่ายพระเถระเจ้าทั้งสอง ได้ฟังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสดังนั้น ก็นำพระถังซัมจั๋ง เห้งเจีย โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งไปยังหอ มณีรัตนะ พระถังซัมจั๋งกับศิษย์ก็พากันชมห้องหออันประดับประดาไปด้วยแก้วเก้าเนาวรัตน์อันมีรัศมีสีสรรพต่าง ๆ อันจะหาในมนุษย์โลกมิได้ ฝ่ายหมู่เทพยดาเทพารักษ์พนักงาน ก็จัดแจงเครื่องแจพร้อมทั้งคาวหวานล้วนแล้วไปด้วยทิพย์โอชาทั้งสิ้น อันจะหาเปรียบในมนุษย์โลกนี้มิได้ ครั้นจัดเสร็จแล้วจึงเชิญพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์เข้านั่งพร้อมกันตามลำดับ
ฝ่ายอาจารย์กับศิษย์เข้าที่พร้อมกันแล้ว ก็นมัสการพระบารมีคุณของสมเด็จพระพุทธองค์แล้ว ก็กระทำภัตตากิจกินอาหารตามสบาย มีความเบิกบานกระมลจิตทั้งศิษย์และอาจารย์ ฉันเครื่องทิพย์กระยาหารอิ่มหนำสำเร็จสิ้นเวลาแล้ว พระมหากัสสปะเถระเจ้ากับพระอานนท์จึงนำพาเข้าไปยังหอพระไตรปิฎกธรรม เห็นเป็นรัศมีสีแสงโชติช่วงสว่างตาหาที่เปรียบมิได้ พิจารณาดูตู้ที่ใส่พระไตรปิฎกธรรมก็ประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาต่าง ๆ สี ตามตู้มีมาตราจารึกชื่อพระคัมภีร์เรียงรายเป็นระเบียบเรียบร้อย คือ
คัมภีร์เนียดพินเกงหนึ่งตู้เจ็ดร้อยสี่สิบแปดเล่มคัมภีร์โต๊สัตเกงหนึ่งตู้พันยี่สิบเอ็ดเล่มคัมภีร์ชื่อคงจั๋นเกงหนึ่งตู้สี่ร้อยเล่มคัมภีร์ซิวเล่งเงี้ยมเกงหนึ่งตู้ร้อยสิบเล่มคัมภีร์อิมอิเกงหนึ่งตู้ห้าสิบเล่มคัมภีร์ค้วยเตี๊ยเกงหนึ่งตู้ร้อยสี่สิบเล่มคัมภีร์โป๊จั๋นเกงหนึ่งตู้สี่สิบห้าเล่มคัมภีร์ฮัวเงี้ยมเกงหนึ่งตู้ห้าร้อยเล่มคัมภีร์เล่ยจีนยู้เกงหนึ่งตู้เก้าสิบเล่มคัมภีร์ต้ายปัญญะเกงหนึ่งตู้เก้าพันหนึ่งร้อยหกสิบเล่มคัมภีร์ต้ายก้วงเม่งเกงหนึ่งตู้สามร้อยเล่มคัมภีร์บ้วยเจงอิ๊วเกงหนึ่งตู้หนึ่งพันหนึ่งร้อยสิบเล่มคัมภีร์ญุยมอเกงหนึ่งตู้ร้อยเจ็ดสิบเล่มคัมภีร์ซำหลุนเปี๊ยดเกงหนึ่งตู้สองร้อยเจ็ดสิบเล่มคัมภีร์กิมกังเกงหนึ่งตู้ร้อยเล่มคัมภีร์เจี๊ยฮวยหลุนเกงหนึ่งตู้ร้อยยี่สิบเล่มคัมภีร์ฮุดปุ๊นเห้งเกงหนึ่งตู้แปดร้อยเล่มคัมภีร์เง้าเล้งเกงหนึ่งตู้สามสิบสองเล่มคัมภีร์โผ้ซาดก๊ายเกงหนึ่งตู้ร้อยสิบหกเล่มคัมภีร์ด้วยจิบเกงหนึ่งตู้ร้อยสามสิบเล่มคัมภีร์มอเกี๊ยดเกงหนึ่งตู้สามร้อยห้าสิบเล่มคัมภีร์ฮวบฮัวเกงหนึ่งตู้ร้อยเล่มคัมภีร์ยู้แก่เกงหนึ่งตู้ร้อยเล่มคัมภีร์โป๊เสี้ยงเกงหนึ่งตู้ร้อยยี่สิบเล่มคัมภีร์ไซเทียนหลุนหนึ่งตู้ร้อยเจ็ดสิบเล่มคัมภีร์เจงกี้เกงหนึ่งตู้ร้อยห้าสิบหกเล่มคัมภีร์ฮุดก๊กจั๊บเกงหนึ่งตู้พ้นเก้าร้อยห้าสิบเล่มคัมภีร์คี้สินหลุนเกงหนึ่งตู้พันเล่มคัมภีร์ใต้ตี้โต๊วเกงหนึ่งตู้พันแปดสิบเล่มคัมภีร์ฮุยเกงหนึ่งตู้พันสองร้อยแปดสิบเล่มคัมภีร์ปุ้นก๊อกเกงหนึ่งตู้แปดร้อยห้าสิบเล่มคัมภีร์เจี๊ยลุดปุ๊นเกงหนึ่งตู้สองร้อยเล่ม
คัมภีร์ต้ายจงเชียเกงหนึ่งตู้สองร้อยยี่สิบเล่มคัมภีร์อุยเซ๊กหลุนเกงหนึ่งตู้ร้อยเล่มคัมภีร์กูเฉียหลุนเกงหนึ่งตู้สองร้อยเล่ม
ฝ่ายพระมหาเถรกับพระอานนท์นำพระถังซัมจั๋งตรวจดูยอดคัมภีร์ทุกคัมภีร์แล้ว จึงถามพระถังซัมจั๋งว่า ท่านสามารถจะนำพระคัมภีร์ไปได้หรือ พระถังซัมจั๋งกับศิษย์ก็รับว่าจะนำไปได้ พระอานนท์จึงมอบคัมภีร์พระธรรมให้แก่พระถังซัมจั๋ง ๆ ก็ให้เห้งเจียมารับพระคัมภีร์ผูกห่อมัดดีแล้วก็บรรทุกบนหลังม้า ที่ยังเหลือมัดเข้าเป็นสองหาบให้ซัวเจ๋งโป๊ยก่ายหาบไป แล้วก็พร้อมกันมาที่พระพุทธเจ้า นมัสการลาพระอริยะสาวกทั้งหลาย กับหมู่เทพบุตรและเทพารักษ์ทั้งปวง แล้วก็ออกจากประตูพระอารามลงจากเขาลุ่ยอิมยี่ ตั้งหน้าหมายทิศบูรพาเดินออกไป ในที่พระอารามใหญ่นั้น ยังมีพระพุทธเจ้าเยียนเตงพระองค์หนึ่ง ได้ทราบว่าให้พระไตรปิฎกไปก็มีความยินดี แต่อันที่จริงพระกัสสปะกับพระอานนท์ ให้คัมภีร์กระดาษเปล่าไม่มีตัวอักษรไป พระเยียนเตงจึงตรัสว่า ประเทศจีนนั้นพระภิกษุสงฆ์ยังมืดมัวนัก จะไม่เข้าใจคัมภีร์ที่ไม่มีอักษรดังนี้ จะมิเสียทีที่พระถังซัมจั๋งตั้งใจมาอาราธนาพระธรรมไปหรือ
พระเยียนเตงตรัสดังนั้นแล้ว จึงสั่งแก่พระมหาเถระแปะฮุงซึงเจียว่า ท่านจงรีบตามพระถังซัมจั๋งไปแผลงอิทธิฤทธิ์รวบเอาคัมภีร์ไม่มีอักษรคืนกลับมา เธอจะได้กลับมาอาราธนาพระคัมภีร์ที่มีอักษรนั้นไป พระมหาเถรแปะฮุงซึงเจียออกจากพระอารามแล้ว ก็กระทำปาฏิหารย์บันดาลเป็นลมพายุพัดตามไป
(บทที่ ๙๙)
ฝ่ายพระถังซัมจั๋งกับศิษย์ทั้งสามกำลังเดินไป ได้ยินสายลมพัดดังอู้ๆ มาข้างหลัง ก็นึกเสียว่าเป็นด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้าจึงมิได้คิดที่จะระวังอันใด พอได้ยินเสียงอู้ใหญ่แลไปที่กลางอากาศเห็นยื่นมือลงมารวบเอาพระคัมภีร์บนหลังม้าไปทั้งสิ้น พระถังซัมจั๋งเห็นดังนั้นก็ทุบ อกตกใจร้องเรียกเห้งเจียให้ไล่ตามไป ฝ่ายแปะฮุงซึงเจีย แลเห็นเห้งเจียเหาะไล่ตามมาจวนจะถึง ก็มีความวิตกเกรงว่าเห้งเจียมีตะบองเหล็ก ด้วยเธอไม่ทันจะรู้ความตามเหตุผล ไล่มาทันเข้าก็จะตีเอา คิดดังนั้นแล้วจึงฉีกห่อคำภีร์ทิ้งสาดโปรยลงมายังพื้นดิน เห้งเจียเห็นห่อคัมภีร์แตกขาดกระจุยกระจายไปทั้งสิ้นก็ลดลงไปยังพื้นเก็บคัมภีร์อยู่มิได้แลตามไป ฝ่ายพระแปะฮุงซึงเจียก็กลับมาทูลพระเยียนเตงตามที่ไปกระทำมาแล้วทุกประการ
ฝ่ายโป๊ยก่ายตามมาแลเห็นพระคัมภีร์เรี่ยราดตกลงมาก็เข้าช่วยเห้งเจียเก็บรวบรวมใส่บ่าแบกกลับไปหาพระถังซัมจั๋ง ๆ เห็นดังนั้นก็มีความโทมนัสถอนใจใหญ่ว่า ในประเทศที่พระพุทธเจ้าแล้วยังมีมารยักษ์มาผจญผลาญดังนี้อีกเล่า ซัวเจ๋งเอาห่อมาแก้ดูเล่มหนึ่งไม่เห็นมีตัวอักษรก็คิดประหลาดใจ จึงเอาไปยื่นให้อาจารย์ดู แล้วพูดว่าอาจารย์จงดูหรือ นี่ทำไมจึงไม่มีตัวอักษรดังนี้เล่า เห้งเจียเปิดขึ้นดูอีกเล่มหนึ่งก็ไม่มีตัวอักษรเหมือนกัน โป๊ยก่ายก็หยิบมาเปิดดูอีกหนึ่งเล่มก็ไม่มีตัวอักษรอีกเหมือนกัน พระถังซัมจั๋งให้เปิดดูทุก ๆ เล่มก็ไม่มีอักษรเหมือนกันทุก ๆ เล่ม พระถังซัมจั๋งถอนใจใหญ่แล้วพูดว่าเมืองใต้ถังบุญวาสนาไม่มีเสียแล้ว ไม่มีตัวอักษรดังนี้จะเอาไปทำอะไรได้
เมื่อเป็นดังนี้แล้วจะกลับไปหาพระเจ้าแผ่นดินอย่างไรได้ เห้งเจียนึกขึ้นมาได้ว่า ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วคือพระอานนท์กับพระกัสสปะถามถึงของกำนัน เพราะเราว่าไม่มีอะไรจึงให้คัมภีร์ที่ไม่มีอักษรมาดังนี้ จำเราจะต้องพากันกลับไปกราบทูลพระพุทธเจ้าว่าเธอทั้งสองทวงของกำนัน ไม่มีจะให้จึงได้แกล้งให้คัมภีร์ที่ไม่มีอักษรให้เสียการดังนี้ โป๊ยก่ายว่าพี่คิดดังนั้นดีแล้ว อาจารย์กับศิษย์เห็นพร้อมกันแล้ว ก็พากันรีบกลับมาครั้นถึงก็เข้าในประตูแลเห็นหมู่สาวกและเทพยดาทั้งปวง ก็กระทำความเคารพแล้วหัวเราะถามว่า ท่านอาจารย์กลับมาเปลี่ยนพระคัมภีร์หรือ พระถังซัมจั๋งว่าจะกลับมาขอเปลี่ยนพระคัมภีร์
หมู่ท้าวเจ้ากิมกังก็มิได้ห้ามปรามปล่อยให้เธอเดินเข้าประตูไป ตรงเข้าไปถึงพระพุทธเจ้าแล้วก็ถวายนมัสการกราบไหว้ ทูลว่าพวกข้าพระพุทธเจ้าทนความยากแสนสาหัสมาจากเมืองไกล พบปะแต่มารร้ายราวีทุกแห่งหนตำบลมา กว่าจะถึงพระพุทธองค์ พระกัสสปะกับพระอานนท์แกล้งให้เสียการทั้งนี้ ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรด เธอให้คัมภีร์ข้าพระพุทธเจ้าไปไม่มีตัวอักษรเช่นนี้ จะเอาไปทำอะไรได้ ขอพระองค์ได้โปรดเถิด สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อได้ทรงฟังพระถังซัมจั๋งกราบทูลดังนั้นทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า ถังซัมจั๋งอย่ามีความโทมนัสเสียใจเลย ท่านทั้งสองทวงของกำนันตถาคตก็ได้ทราบตลอดแล้ว อันที่จริงพระคัมภีร์ธรรมไม่ให้ใครง่าย ๆ แลจะให้กันเปล่านั้นก็ไม่ได้ ดังสมัยหนึ่งพระภิกษุสงฆ์เอาคัมภีร์ลงไปจากเขา ไปยังที่บ้านเศรษฐีเตี้ยแกในเมืองราชคฤห์ สวดพระพุทธมนต์จบหนึ่งก็ได้คุ้มรักษาในบ้านเศรษฐี ตายไปก็ได้ไปสวรรค์สุคติ พระภิกษุสงฆ์ก็ได้รับบิณฑบาตเจ้าภาพให้ข้าวสารสามถังกับเงินทองบ้างเล็กน้อย
ตถาคตยังเห็นว่าเป็นการดูถูกพระธรรมผิดไปจะพาให้บุตรนัดดาทดถอยน้อยทรัพย์ ถังซัมจั๋งมามือเปล่าแต่จะใคร่ได้พระคัมภีร์ เพราะฉะนั้นจึงได้พระคัมภีร์เปล่าไม่มีอักษรดังนั้น อันคัมภีร์ไม่มีอักษรนั้นเป็นคัมภีร์อันวิเศษแท้ เพราะเมืองใต้ถังผู้ปฏิบัติยังหาลุถึงมรรคและผลไม่ จึงได้เอาคัมภีร์เปล่านั้นให้ไป สมเด็จพระผู้มีพระภาคตรัสดังนั้นแล้ว จึงตรัสแก่พระมหากัสสปะและพระอานนท์ว่า ท่านทั้งสองจงรีบไปตรวจดูพระคำภีร์ที่มีอักษรทุก ๆ เล่มว่าจะมีสักเท่าใด จงบอกให้ถังซัมจั๋งรู้แล้วก็จงมอบให้ไป
ส่วนพระมหาเถรเจ้าทั้งสอง เมื่อได้ฟังพระตรัสสั่งดังนั้น ก็ถวายนมัสการคลานถอยออกมาแล้ว ก็พาพระถังซัมจั๋งกับศิษย์ทั้งสามไปยังหอพระไตรปิฎก ครั้นถึงพระเถระเจ้าทั้งสององค์ก็ถามว่า มีของอะไรมาบ้างหรือเปล่า พระถังซัมจั๋งก็ไม่มีอะไรจึงเรียกซัวเจ๋งให้เอาบาตรนั้นมา ประคองสองมือถวายพูดว่า อาตมภาพมาทางไกลหาได้มีสิ่งใดติดมาไม่ มีมาแต่บาตรนี้ซึ่งเป็นของพระเจ้าแผ่นดินพระราชทานไว้สำหรับขาดเหลือกลางทางจะได้บิณฑบาตฉัน ข้าพเจ้าขอเอาบาตรนี้ถวายเป็นทางน้ำจิตที่นับถือ ขอพระเถระเจ้าทั้งสองได้โปรดประทานพระคัมภีร์ที่มีอักษรนั้น จึงจะไม่ผิดแก่รับสั่งของพระเจ้าแผ่นดินใต้ถัง และ ทั้งไม่เสียเวลาที่อาตมภาพมาโดยแสนทุเรศกันดาร
ฝ่ายพระกัสสปะกับพระอานนท์เมื่อได้รับบาตรมาแล้ว ก็พาพระถังซัมจั๋งกับศิษย์ทั้งสามเข้าไปในหอไตร ตรวจพระคัมภีร์ทุก ๆ ผูกแล้วก็ชี้ให้พระถังซัมจั๋ง พระถังซัมจั๋งจึงเรียกสานุศิษย์ทั้งสามให้มารับทุก ๆ เล่ม แล้วตรวจดูอย่าให้เหมือนครั้งก่อนได้ เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งก็เข้าตรวจดูทุก ๆ เล่ม รวมห้าพันสี่สิบแปดเล่ม ครั้นรวบรวมมัดห่อแล้วก็บรรทุกขึ้นหลังม้า อีกห่อหนึ่งโป๊ยก่ายแบกซัวเจ๋งหาบข้าวของเห้งเจียจูงม้า พระถังซัมจั๋งจัดเรียบร้อยสำรวมกิริยาแล้วก็พากันออกมายังที่พระพุทธเจ้า เวลานั้นพระถังซัมจั๋งมีความยินดีปรีดาปราโมทย์เป็นที่สุด สมเด็จพระพุทธเจ้ารับสั่งให้พระมหาเถร เห่งเล้งฮอกโฮ้ทั้งสองไปตีระฆังสัญญาณขึ้นสามลาเป็นการประชุมใหญ่ หมู่พระอรหันต์ขีณาสพห้าพันแปดร้อย พระภิกษุ ทั้งพระโพธิสัตว์และอุบาสก อุบาสิกา แลหมู่เทพยดาเทพารักษ์ทั้งหลายมาประชุมแวดล้อมองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมกันแล้ว เทพยเจ้าก็ประโคมดุริยางค์ดนตรีขึ้นถวายนมัสการพร้อมกัน กระแสเสียงนฤนาท สนั่นก้องในท้องนภากาศประเทศ
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่เหนือรัตนบันลังก์ ทรงเผยพระพุทธฎีกาตรัสถามพระกัสสปะกับพระอานนท์เถระเจ้าว่า ให้พระคัมภีร์ธรรมไปนั้นมากน้อยเท่าใด จงแสดงให้ตถาคตทราบ พระเถระเจ้าทั้งสององค์เมื่อได้ฟังพระพุทธฎีกาตรัสถามดังนั้น จึงกราบทูลว่าพระคัมภีร์ธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดประทานให้พระถังซัมจั๋งไปนั้น คือ
พระคัมภีร์พิดพินร้อยเล่มคัมภีร์โผ้สัตว์เกงสามร้อยหกสิบเล่มคัมภีร์เล่งฮือจั๋งเกงยี่สิบเล่มคัมภีร์สิ่วเล่งเงี้ยมเกงสามสิบเล่มคัมภีร์จินอี่เกงสี่สิบเล่มคัมภีร์ค้วยเตึ๊ยวเกงสี่สิบเล่มคัมภีร์โป๊จั๋งเกงยี่สิบเล่มคัมภีร์ฮัวเงี้ยมเกงแปดสิบเล่มคัมภีร์เล้ยจินปู๊เกงสามสิบเล่มคัมภีร์ต้ายปัญญะเกงหกสิบเล่มคัมภีร์ต้ายก้วงห้าสิบเล่มคัมภีร์ย้วยเจงอิ๋วเกงห้าร้อยสามสิบเล่มคัมภีร์อุยมอเกงสามสิบเล่มคัมภีร์ซัมหลุนเปี๊ยดเกงยี่สิบเล่มคัมภีร์ฮุดปุ๊นเห่งเกงร้อยสิบหกเล่มคัมภีร์เง้าเล่งเกงยี่สิบเล่มคัมภีร์โผ้สัตว์ก๊ายเกงหกสิบเล่มคัมภีร์ต้ายก๊วยสามสิบเล่มคัมภีร์มอเกี๊ยดเกงร้อยสี่สิบเล่มคัมภีร์ฮวบวาเกงสิบเล่มคัมภีร์ยู้แก่เกงสามสิบเล่มคัมภีร์โป๊เสียงเกงร้อยเจ็ดสิบเล่มคัมภีร์ไซยทีหลุนเกงสามสิบเล่มคัมภีร์เจงกี่เกงร้อยสิบเล่มคัมภีร์ฮุดก๊กจั๊บเกงหกสิบสามเล่มคัมภีร์กี้สินหลุยเกงห้าสิบเล่มคัมภีร์ต้ายตี๊โต้เกงเก้าสิบเล่มคัมภีร์โป๊ฮุยเกงร้อยสี่สิบเล่มคัมภีร์เล่งก๊กเกงห้าสิบหกเล่มคัมภีร์เจี๊ยลุกบุ้นเกงสิบเล่มคัมภีร์ต้ายขงเฉียเกงสิบสี่เล่มคัมภีร์อุยเซ็กหลุนเกงสิบเล่มคัมภีร์เกี๊ยนเสียหลุนเกงสิบเล่ม
รวมทั้งสิ้นสามสิบห้าผูกเป็นเล่มห้าแสนสี่สิบแปดเล่ม ประทานแก่พระถังซัมจั๋งไปยังประเทศจีน รวบรวมใส่บนหลังม้าบ้างหาบบ้างพร้อมแล้ว จะเข้ามาถวายนมัสการลา
ฝ่ายพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ทั้งสาม วางหาบลงแล้วก็กราบกรานนมัสการลา จึงสมเด็จพระผู้มีพระภาคตรัสแก่พระถังซัมจั๋งว่า อันคัมภีร์ธรรมของพระตถาคตนี้ เป็นมหากุศลอันใหญ่หาที่เปรียบมิได้เป็นธรรมในฝ่ายพระพุทธศาสนา หากถึงประเทศจีนแล้ว ให้ปกแผ่แก่มหาชนทั่วไปในนานาประเทศ อย่าได้มีความหมิ่นประมาท ถ้าไม่กินแจรับศีลให้บริสุทธิ์ก่อน อย่าได้เปิดพระคำภีร์ของพระตถาคต ในพระคัมภีร์นั้นเป็นอันประเสริฐจะทำให้ถึงซึ่งมรรคและผล และสว่างแจ่มแจ้งเป็นหนทางวิสุทธิมรรคแท้ พระถังซัมจั๋งได้ฟังพระพุทธฎีกาตรัสดังนั้นก็กราบลงรับพระพุทธพจน์แล้วก็คลานถอยหลังออกจากที่ มาถึงประตูที่สามต่างนมัสการลาหมู่พระอริยะบุคคลทั้งหลาย กับพระภิกษุสงฆ์และเทพยดาเทพารักษ์ แล้วก็เดินออกจากพระอารามไป ส่วนสมเด็จพระพุทธองค์โปรดประทานธรรมเทศนาแล้วก็เลิกประชุม
ฝ่ายพระโพธิสัตว์กวนอิมอยู่ที่นั่นจึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งพระองค์มีรับสั่งให้ข้าพระพุทธเจ้าไปประเทศจีนหาคนที่จะมาอาราธนาพระธรรม มาบัดนี้ก็สำเร็จแล้วคิดรวมกันได้สิบสี่ปี รวมวันห้าพ้นสี่ร้อยวัน ยังขาดอยู่แปดวันจึงจะครบตามกำหนด ข้าพเจ้าขอถวายคืนรับสั่ง สมเด็จพระพุทธองค์ได้ทรงฟังพระโพธิสัตว์กวนอิมกราบทูลดังนั้น จึงตรัสว่าชอบแล้ว ๆ ในทันใดนั้นจึงตรัสแก่ท้าวกิมกังทั้งแปดว่า จงรีบจัดแจงแผลงฤทธาอานุภาพส่งถังซัมจั๋งกลับไปยังเมืองใต้ถัง เมื่อถึงแล้วนำพระธรรมออกปกแผ่ให้แพร่หลายทั่วแล้วจงรับพระถังซัมจั๋งกลับมายังไซที กำหนดในแปดวันจึงครบกำหนดห้าพันสี่สิบแปดวัน อย่าได้เสียเวลากาล ท้าวกิมกังทั้งแปดได้รับสั่งดังนั้นแล้ว ก็กระทำความเคารพถอยออกมาจากพระอารามรีบตามพระถังซัมจั๋งร้องเรียกว่า ท่านอาจารย์จงตามพวกข้าพเจ้าทั้งแปดนี้ไป
The Monkey King Quest For The Sutra เห้งเจียจอมอิทธิฤทธิ์ 2002 ตอนที่ 15-24 พากย์ไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น