Translate

10 ธันวาคม 2568

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก วิปัสสีพุทธวงศ์ที่ ๑๙ ว่าด้วยพระประวัติพระวิปัสสีพุทธเจ้า

วิปัสสีพุทธวงศ์ที่ ๑๙ ว่าด้วยพระประวัติพระวิปัสสีพุทธเจ้า
 [๒๐] ในกัปต่อมาจากพระปุสสพุทธเจ้า มีพระสัมพุทธเจ้าผู้สูงสุดกว่า สัตว์ ผู้มีจักษุ มีพระนามว่าวิปัสสี เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ ทรงทำลายกระเปาะฟองไข่คืออวิชชาแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณ อันอุดม เสด็จไปยังพระนครพันธุมดี เพื่อทรงประกาศพระธรรมจักร ทรงประกาศพระธรรมจักรให้เทวดาและมนุษย์ได้ตรัสรู้
 
                        ธรรมาภิ สมัยครั้งที่ ๑ จะพึงกล่าวด้วยการนับมิได้ ทรงประกาศจตุราริยสัจ ในพระนครนั้น
                        ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่สัตว์แปดหมื่นสี่พัน มนุษย์แปดหมื่นสี่พันออกบวชตาม พระสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงแสดง ธรรมแก่เขาผู้มาถึงอาราม พระชินเจ้าทรงตั้งอยู่ในเหตุโดยการตรัส ด้วยอาการทั้งปวง
                        แม้มนุษย์เหล่านั้นได้บรรลุธรรมอันประเสริฐ เป็นธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓
                        พระวิปัสสีบรมศาสดา ทรงมีการประชุม พระภิกษุขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน ผู้มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันหนึ่งแสนหกหมื่นแปดพัน ครั้งที่ ๒ หนึ่งแสน ครั้งที่ ๓ แปดหมื่น
                        พระสัมพุทธเจ้าทรงรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ในท่ามกลางหมู่พระภิกษุขีณาสพนั้น สมัยนั้น เราเป็นพระยานาคราช ผู้มีฤทธิ์มาก มีบุญ ทรงความรุ่งเรือง มีนามชื่อว่าอตุละ 
                        ในกาลนั้น เราแวดล้อมด้วยนาคหลายโกฏิเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นเชษฐบุรุษ ของโลก ประโคมดนตรีทิพย์ถวาย ครั้นเข้าเฝ้าพระองค์ผู้เป็นนายก ของโลกแล้ว เรานิมนต์พระองค์แล้ว ได้ถวายตั่งทองอันวิจิตรด้วย แก้วมณีและแก้วมุกดา ประดับด้วยอาภรณ์ทั้งปวง แก่พระองค์ผู้ เป็นพระธรรมราชา
                        แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ประทับนั่งท่าม กลางสงฆ์แล้ว ก็ทรงพยากรณ์เราว่า ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ ผู้นี้จัก ได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ........ ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น เราได้ฟัง พระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้วยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง ได้อธิษฐาน วัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการให้ยิ่งขึ้นไป
                        พระนครชื่อว่า พันธุมดี พระบรมกษัตริย์พระนามว่าพันธุมะ เป็นพระชนกของ พระวิปัสสีบรมศาสดา พระนางพันธุมดี เป็นพระชนนี พระองค์ทรง ครอบครองอาคารสถานอยู่แปดพันปี
                        ทรงมีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อนันทะ สุนันทะ และสิริมา ทรงมีพระสนมนารีกำนัล ในสี่หมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสี พระนามว่าสุทัสนา พระราชโอรสพระนามว่าสมวัตตขันธ์
                        พระองค์ ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยราชรถพระที่นั่ง ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม พระวิปัสสีมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายก ของโลก อุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว
                        ทรงประกาศ พระธรรมจักร ณ มฤคทายวัน ทรงมีพระขันธเถระและพระติสสนาม เถระ เป็นพระอัครสาวก พระเถระชื่อว่าอโสก เป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระจันทาเถรีและพระจันทมิตตาเถรี เป็นพระอัครสาวิกา
                        ไม้โพธิ พฤกษ์ของพระองค์เรียกกันว่าไม้แคฝอย ปุนัพพสุมิตตอุบาสกและ นาคอุบาสก เป็นอัครอุปัฏฐาก สิริมาอุบาสิกาและอุตตราอุบาสิกา เป็นอัครอุปัฏฐายิกา
                        พระวิปัสสีสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกสูง ๘๐ ศอก พระองค์มีพระรัศมีเปล่งปลั่ง แผ่ไป ๗ โยชน์ โดยรอบ ครั้งนั้น พระพุทธเจ้ามีพระชนมายุแปดหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงอยู่ เท่านั้น
                        ทรงช่วยหมู่ชนให้ข้ามพ้นวัฏฏสงสารเป็นอันมาก ทรงเปลื้อง เทวดาและมนุษย์เป็นอันมากให้พ้นจากเครื่องผูก ตรัสบอกทางและ มิใช่ทางแก่ปุถุชนที่เหลือ ทรงแสดงแสงสว่าง ทรงแสดงอมตบท ทรงรุ่งเรืองดังกองไฟ
                        แล้วเสด็จนิพพานพร้อมด้วยพระสาวก พระฤทธิ์ และบุญอันประเสริฐ พระลักษณะและลายจันทรอันสวยงามทุกอย่าง หายไปสิ้น สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระวิปัสสิวีรเจ้าผู้ประเสริฐ กว่านรชน เสด็จนิพพาน ณ สุมิตตาราม พระสถูปอันประเสริฐของ พระองค์สูง ๗ โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ สุมิตตารามนั้น ฉะนี้แล.
 จบวิปัสสีพุทธวงศ์ที่ ๑๙

ไม่มีความคิดเห็น: