
อโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๗ ว่าด้วยพระประวัติพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
![]() |
|
[๘] สมัยต่อมาจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตมีพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ทรงพระยศนับไม่ได้ มีพระเดชยากที่จะล่วงได้
พระองค์ทรงตัดเครื่องผูกทุกอย่าง ทรงทำลายภพ ๓ แล้ว ทรงแสดง
ทางที่ไปไม่กลับ
ในหมู่เทวดาและมนุษย์ พระองค์ทรงพระคุณนับ
ไม่ได้ดังมหาสมุทร ยากที่จะให้จมลงเหมือนภูเขา ไม่มีที่สุดดุจ
อากาศ พระคุณบานเต็มที่เช่นพญารัง สัตว์ทั้งหลายย่อมยินดีแม้
ด้วยการเห็นพระองค์สัตว์เหล่านั้นได้ฟังพระสุรเสียงที่ทรงเปล่ง
ย่อมบรรลุอมตธรรม
ในกาลนั้น ธรรมาภิสมัยของพระองค์เจริญ-
รุ่งเรืองในพระธรรมเทศนาครั้งที่ ๑ สัตว์ร้อยโกฏิได้ตรัสรู้
สมัยต่อ
แต่นั้นมา เมื่อพระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตก ในพระธรรม
เทศนาครั้งที่ ๒ สัตว์แปดสิบโกฏิได้ตรัสรู้
และสมัยต่อมาเมื่อ
พระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตกให้สัตว์ทั้งหลายอิ่มหนำสำราญ
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่สัตว์ ๗๘ โกฏิ
พระบรมศาสดา ได้ทรง
ประชุมพระภิกษุผู้บรรลุอภิญญาและพลธรรม ผู้บานแล้วด้วยการ
หลุดพ้น ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพผู้ละความมัวเมา และ
ความหลง มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ มาประชุมแปดแสน
ครั้งที่ ๒
พระภิกษุขีณาสพผู้ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากธุลี สงบระงับ
คงที่ มาประชุมเจ็ดแสน
ครั้งที่ ๓ พระภิกษุขีณาสพผู้บรรลุอภิญญา
และพลธรรมผู้ดับสนิท มีตบะ มาประชุมหกแสน
สมัยนั้น เราเป็น
ยักษ์มีฤทธิ์มาก เป็นใหญ่ ปกครองยักษ์หลายโกฏิให้อยู่ในอำนาจ
แม้ครั้งนั้น เราก็ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้ทรงแสวงหา
คุณใหญ่หลวงพระองค์นั้นแล้วได้ถวายข้าวและน้ำให้พระองค์เสวย
พร้อมด้วยพระสงฆ์จนเพียงพอ แม้พระมุนีผู้มีพระนัยนาบริสุทธิ์
พระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์เราว่าผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ...
... ข้ามแม่น้ำใหญ่ฉะนั้นเราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว ก็
ยินดีมีใจปราโมทย์ อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งขึ้น
พระนครชื่อว่าจันทวดี พระบรมกษัตริย์พระนามว่ายสวา เป็น
พระชนกของพระอโนมทัสสีศาสดา พระชนนีพระนามว่ายโสธรา
พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หมื่นปี มีปราสาทอันประเสริฐ
๓ ปราสาท ชื่อศิริ อุปศิริ และวัฑฒะ ทรงมีพระสนมนารีกำนัลใน
สองหมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม
พระมเหสี
พระนามว่าสิริมา พระราชโอรสพระนามว่าอุปสาละ พระองค์
ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยวอทองทรงบำเพ็ญ
เพียรอยู่ ๑๐ เดือนเต็ม พระมหามุนีอโนทัสสีมหาวีรเจ้าอันพรหม
ทูลอาราธนาแล้ว
ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ สุทัสนราชอุทยาน
อันประเสริฐ ทรงมีพระนิสภเถระและพระอโนมเถระเป็นพระอัครสาวกพระเถระชื่อว่าวรุณเป็นพุทธุปัฏฐาก พระสุนทราเถรีและพระ
สุมนาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคนั้น
เรียกว่าต้นกุ่ม นันทิวัฑฒอุบาสกและสิริวัฑฒอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐากอุปลาอุบาสิกาและปทุมาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิภา
พระ
มหามุนีมีพระองค์สูง ๕๘ ศอก มีพระรัศมีซ่านออกสว่างไสวดัง
พระอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น ในครั้งนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุแสนปี
พระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้น
วัฏสงสารได้เป็นอันมาก
พระศาสนาของพระองค์บานสะพรั่ง
งดงามด้วยพระอรหันต์ทั้งหลายผู้คงที่ผู้ปราศจากราคะและมลทิน
พระศาสดาผู้ทรงยศนับไม่ได้และคู่พระสาวกผู้ไม่มีใครแม้นเสมือน
หายไปหมดสิ้นแล้วสังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ
พระอโนมทัสสี
พระบรมศาสดาชินเจ้า เสด็จนิพพาน ณ ธรรมาราม พระสถูปของ
พระองค์สูง ๒๐ โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ ธรรมารามนั้น ฉะนี้แล.
จบอโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๗


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น