Translate

05 ธันวาคม 2568

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๗ ว่าด้วยพระประวัติพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า

อโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๗ ว่าด้วยพระประวัติพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า
  
 [๘] สมัยต่อมาจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าโสภิตมีพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าอโนมทัสสี ทรงพระยศนับไม่ได้ มีพระเดชยากที่จะล่วงได้ พระองค์ทรงตัดเครื่องผูกทุกอย่าง ทรงทำลายภพ ๓ แล้ว ทรงแสดง ทางที่ไปไม่กลับ
             ในหมู่เทวดาและมนุษย์ พระองค์ทรงพระคุณนับ ไม่ได้ดังมหาสมุทร ยากที่จะให้จมลงเหมือนภูเขา ไม่มีที่สุดดุจ อากาศ พระคุณบานเต็มที่เช่นพญารัง สัตว์ทั้งหลายย่อมยินดีแม้ ด้วยการเห็นพระองค์สัตว์เหล่านั้นได้ฟังพระสุรเสียงที่ทรงเปล่ง ย่อมบรรลุอมตธรรม
                        ในกาลนั้น ธรรมาภิสมัยของพระองค์เจริญ- รุ่งเรืองในพระธรรมเทศนาครั้งที่ ๑ สัตว์ร้อยโกฏิได้ตรัสรู้
                        สมัยต่อ แต่นั้นมา เมื่อพระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตก ในพระธรรม เทศนาครั้งที่ ๒ สัตว์แปดสิบโกฏิได้ตรัสรู้
                        และสมัยต่อมาเมื่อ พระองค์ทรงยังฝนคือธรรมให้ตกให้สัตว์ทั้งหลายอิ่มหนำสำราญ ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ได้มีแก่สัตว์ ๗๘ โกฏิ
                        พระบรมศาสดา ได้ทรง ประชุมพระภิกษุผู้บรรลุอภิญญาและพลธรรม ผู้บานแล้วด้วยการ หลุดพ้น ๓ ครั้ง
                        ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพผู้ละความมัวเมา และ ความหลง มีจิตสงบระงับ ผู้คงที่ มาประชุมแปดแสน
                        ครั้งที่ ๒ พระภิกษุขีณาสพผู้ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ปราศจากธุลี สงบระงับ คงที่ มาประชุมเจ็ดแสน
                        ครั้งที่ ๓ พระภิกษุขีณาสพผู้บรรลุอภิญญา และพลธรรมผู้ดับสนิท มีตบะ มาประชุมหกแสน
                        สมัยนั้น เราเป็น ยักษ์มีฤทธิ์มาก เป็นใหญ่ ปกครองยักษ์หลายโกฏิให้อยู่ในอำนาจ แม้ครั้งนั้น เราก็ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้ทรงแสวงหา คุณใหญ่หลวงพระองค์นั้นแล้วได้ถวายข้าวและน้ำให้พระองค์เสวย พร้อมด้วยพระสงฆ์จนเพียงพอ แม้พระมุนีผู้มีพระนัยนาบริสุทธิ์
                        พระองค์นั้นก็ทรงพยากรณ์เราว่าผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ... ... ข้ามแม่น้ำใหญ่ฉะนั้นเราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว ก็ ยินดีมีใจปราโมทย์ อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งขึ้น
                        พระนครชื่อว่าจันทวดี พระบรมกษัตริย์พระนามว่ายสวา เป็น พระชนกของพระอโนมทัสสีศาสดา พระชนนีพระนามว่ายโสธรา พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หมื่นปี มีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อศิริ อุปศิริ และวัฑฒะ ทรงมีพระสนมนารีกำนัลใน สองหมื่นสามพันนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม
                        พระมเหสี พระนามว่าสิริมา พระราชโอรสพระนามว่าอุปสาละ พระองค์ ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยวอทองทรงบำเพ็ญ เพียรอยู่ ๑๐ เดือนเต็ม พระมหามุนีอโนทัสสีมหาวีรเจ้าอันพรหม ทูลอาราธนาแล้ว
                        ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ สุทัสนราชอุทยาน อันประเสริฐ ทรงมีพระนิสภเถระและพระอโนมเถระเป็นพระอัครสาวกพระเถระชื่อว่าวรุณเป็นพุทธุปัฏฐาก พระสุนทราเถรีและพระ สุมนาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของพระผู้มีพระภาคนั้น เรียกว่าต้นกุ่ม นันทิวัฑฒอุบาสกและสิริวัฑฒอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐากอุปลาอุบาสิกาและปทุมาอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิภา
                        พระ มหามุนีมีพระองค์สูง ๕๘ ศอก มีพระรัศมีซ่านออกสว่างไสวดัง พระอาทิตย์อุทัย ฉะนั้น ในครั้งนั้น มนุษย์ทั้งหลายมีอายุแสนปี พระองค์ดำรงพระชนมายุอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้น วัฏสงสารได้เป็นอันมาก
                        พระศาสนาของพระองค์บานสะพรั่ง งดงามด้วยพระอรหันต์ทั้งหลายผู้คงที่ผู้ปราศจากราคะและมลทิน พระศาสดาผู้ทรงยศนับไม่ได้และคู่พระสาวกผู้ไม่มีใครแม้นเสมือน หายไปหมดสิ้นแล้วสังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ
                        พระอโนมทัสสี พระบรมศาสดาชินเจ้า เสด็จนิพพาน ณ ธรรมาราม พระสถูปของ พระองค์สูง ๒๐ โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ ธรรมารามนั้น ฉะนี้แล.
 จบอโนมทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๗

ไม่มีความคิดเห็น: