Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 法華経 สัทธรรมปุณฑริกสูตร แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 法華経 สัทธรรมปุณฑริกสูตร แสดงบทความทั้งหมด

17 มีนาคม 2567

สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ ๒๘ บทการชักชวนและความตั้งใจของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์

  
 ในเวลานั้น พระ
สมันตภัทรโพธิสัตว์ผู้มีชื่อเสียงในอภิญญาอัน ใช้ได้อย่างอิสระ ความสง่างามและคุณความดี พร้อมด้วยพระมหาโพธิสัตว์จำนวนมากมาย ไม่มีขอบเขตจำกัด ไม่อาจบรรยายได้ ได้เดินทางมาจากทิศตะวันออก ทุกดินแดนที่ท่านผ่านมาสั่นสะเทือน ดอกบัวมณีโปรยปรายลงมา และมีการบรรเลงดนตรีต่าง ๆ มากมายหลายร้อยพันหมื่นล้านชนิดโดยตลอด
 นอกจากนี้ยังมีหมู่เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ มนุษย์ และอมนุษย์ จำนวนนับไม่ถ้วน ได้แวดล้อมท่านในที่ประชุมใหญ่ คนเหล่านี้ต่างแสดงให้เห็นความสง่างาม คุณความดี และพลังเหนือธรรมดา เมื่อพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ได้มาถึงเขาคิชฌกูฏในสหาโลกธาตุ ท่านได้เข้าไปถวายอภิวาทแทบเบื้องยุคลบาทของพระศากยมุนีพุทธเจ้า และทำทักษิณาวรรตสามรอบแล้วได้ กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อข้าพระองค์อยู่ในพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้ารัตนเตโชยุทคตราช อันอยู่ห่างไกลจากที่นี่ ข้าพระองค์ได้ยินการเทศนาพระสัทธรรมปุณฑริกสูตรในสหาโลกธาตุนี้ ข้าพระองค์พร้อมด้วยหมู่พระโพธิสัตว์มากมายไม่มีขอบเขตจำกัดหลายร้อยพันหมื่นล้าน จึงได้มาที่นี่เพื่อที่จะได้สดับและน้อมรับพระสูตรนี้ไว้ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงโปรดสอนพระสูตรนี้แก่พวกข้าพระองค์ด้วยเถิด
 อนึ่ง สาธุ ชนชายและหญิงในสมัยหลังจากพระตถาคตเจ้าเสด็จเข้าสู่ความดับแล้ว ทำอย่างไรพวกเขาจึงสามารถที่จะได้มาซึ่งพระสัทธรรมปุณฑริกสูตรนี้ พระเจ้าข้า” 
 พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ว่า  “ในสมัยหลังจากพระตถาคตเจ้าได้เสด็จเข้าสู่ความดับแล้ว ถ้าสาธุชนชายและหญิงทั้งหลายทำเงื่อนไข ๔ ประการให้สำเร็จได้แล้ว พวกเขาก็สามารถที่จะได้มาซึ่งพระสัทธรรมปุณฑริกสูตรนี้
ประการที่ ๑ พวกเขาจะต้องได้รับการคุ้มครองและรักษาไว้ในพระทัยของพระพุทธะทั้งหลาย
ประการที่ ๒ พวกเขาจะต้องปลูกฝังรากเหง้าแห่งความดีไว้เสมอ
ประการที่ ๓ พวกเขาจะต้องเข้าไปอยู่ในขั้นที่แน่นอนแห่งการเข้าถึงการตรัสรู้
ประการที่ ๔ พวกเขาจะต้องเกิดความตั้งใจแน่วแน่ที่จะช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ ในสมัยหลังจากพระตถาคตเจ้าเสด็จเข้าสู่ความดับแล้ว ถ้าสาธุชนชายและหญิงทั้งหลายได้ทำเงื่อนไขทั้ง ๔ ประการนี้ ให้สำเร็จได้แล้ว พวกเขาจะได้พระสูตรนี้แน่นอน” 
 ในเวลานั้น พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ได้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ในสมัยชั่วร้ายและไม่บริสุทธิ์แห่งสมัยห้าร้อยปีสุดท้าย ถ้า มีผู้ใดน้อมรับและยึดถือพระสูตรนี้ ข้าพระองค์จะปกป้องคุ้มครองให้เขาเป็นอิสระจากความเสื่อมและอันตราย คอยดูว่าเขาจะได้รับความสงบและความเงียบ และทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครคอยจ้องฉวยโอกาสจากความบกพร่องของเขาได้ ไม่มีมาร บุตรมาร ธิดามาร เสนามาร หรือผู้ที่ถูกมารสิง ไม่มียักษ์ รากโษส กุมภัณฑ์ ปีศาจ กริตยะ ปุตนะ เวตาล หรือสัตว์อื่น ๆ ที่คอยทำความเดือดร้อนแก่มนุษย์ สามารถที่จะฉวยโอกาสทำอันตรายแก่เขาได้ “ไม่ว่าคนผู้นั้นกำลังเดินหรือกำลังยืนอยู่ ถ้าเขาอ่านและสวดพระสูตรนี้แล้ว
 ในเวลานั้น ข้าพระองค์จะขี่ช้างเผือกหกงาพร้อมด้วยหมู่พระมหาโพธิสัตว์จะมายังที่อยู่ของเขา ข้าพระองค์จะแสดงตนให้ปรากฏถวายทาน ให้การปกป้องคุ้มครอง และทำความสบายใจให้แก่เขา ข้าพระองค์กระทำอย่างนี้ เพราะว่าข้าพระองค์ต้องการจะถวายเครื่องสักการะแด่พระสัทธรรมปุณฑริกสูตรด้วย เวลาใดเขานั่งไตร่ตรองพิจารณาพระสูตรนี้ เวลานั้นข้าพระองค์ก็จะทรงช้างเผือกอย่างกษัตริย์มาหาเขา และแสดงตนให้ปรากฏแก่เขาด้วย ถ้าคนผู้นั้นลืมวลีหนึ่งหรือคาถาหนึ่งของพระสัทธรรมปุณฑริกสูตร ข้าพระองค์จะบอกให้เขาทราบในทันที และร่วมกับเขาในการอ่านและการสวด เพื่อว่าเขาจะได้รับความเข้าใจ ในเวลานั้น ผู้ที่รับ ยึดถือ อ่าน และสวดพระสัทธรรมปุณฑริกสูตรสามารถที่จะได้เห็นกายของข้าพระองค์
 เมื่อเขาได้เห็นแล้วเขาจะมีความปีติยินดียิ่งนัก แล้วเขาจะได้อุทิศตนด้วยความขยันขันแข็งยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าเมื่อเขาได้เห็นข้าพระองค์แล้ว ในทันทีเขาจะได้สมาธิ และธารณี ธารณีเหล่านี้มีชื่อว่า ธารณียาวรตา โกฏีศตสหัสวรตา สรวรุตโกศัลยาวรตา เขาจะได้ธารณีเช่นธารณีเหล่านี้  “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ในสมัยข้างหน้า ในสมัยอันชั่วร้ายและไม่บริสุทธิ์แห่งสมัยห้าร้อยปีสุดท้าย ถ้าบรรดาภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก หรืออุบาสิกาผู้แสวงหา รับ ยึดถือ อ่าน สวด และคัดลอกพระสัทธรรมปุณฑริกสูตรนี้ และปรารถนาที่จะปฏิบัติพระสูตรนี้แล้ว พวกเขาจะต้องปฏิบัติดังกล่าวอย่างมุมานะและด้วยใจเดียวเป็นเวลา ๒๑ วัน เมื่อครบ ๒๑ วันแล้ว
 ข้าพระองค์จะทรงช้างเผือกหกงาแวดล้อมด้วยพระโพธิสัตว์จำนวนมากมาย และด้วยกายนี้อันเป็นกายที่สรรพสัตว์ทั้งหลายยินดีที่จะได้เห็น ข้าพระองค์จะสำแดงตนให้ปรากฏแก่คนผู้นั้นและสอนพระธรรมแก่เขา นำการสั่งสอน คุณประโยชน์ และความปีติยินดีมาให้แก่เขา ข้าพระองค์ยังจะมอบธารณีมนต์ให้แก่เขาด้วย และเพราะว่าเมื่อเขาได้รับมนต์เหล่านี้แล้ว จะ ไม่มีอมนุษย์ตนใดสามารถทำอันตรายแก่เขาได้ หรือเขาจะไม่ถูกสตรีเพศใดล่อลวงให้ลุ่มหลงได้ ข้าพระองค์ยังจะคุ้มครองเขาด้วยตนเองตลอดเวลา เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ
องค์ได้ทรงโปรดให้ข้าพระองค์ได้ประกาศธารณีเหล่านี้เถิดพระเจ้าข้า”
 ครั้นแล้ว ณ เบื้องพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า ท่านได้ประกาศมนต์เหล่านี้ดังนี้ อทันเท ทันทปติ ทันทวรเต ทันทกุษเล ทันทสุธเร สุธเร สุธรปติ พุทธปัษยเนสรวธารณิ-อวรตนิ สรวภัษยวรตนิ สุ-อวรตนิ สังฆปริกษนิ สังฆนิรฆตนิ อสังเค สังคปคเต ตริอัธวสังคตุลย-อรเต-ปรัปเต สรวสังคสมติกรันเต สรวธรมสุปริกษิเต สรวสัตตวรุตโกศัลยนุคเต สิงหวิกริทิเต
 “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ถ้าพระโพธิสัตว์องค์ใดสามารถได้สดับธารณีเหล่านี้ เขาควรจะเข้าใจว่านั่นเกิดจากอภิญญาของพระสมันตภัทร ถ้าเมื่อใดพระสัทธรรมปุณฑริกสูตรได้เผยแพร่ไปทั่วชมพูทวีป มีพวกที่น้อมรับและยึดถือพระสูตรนี้ พวกเขาควรจะคิดกับตนเองดังนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพลังและอิทธิฤทธิ์ของพระสมันตภัทรทั้งสิ้น! ถ้ามีพวกที่รับ ยึดถือ อ่าน และสวดพระสูตรนี้ จดจำไว้อย่างถูกต้อง เข้าใจหลักการของพระสูตร และปฏิบัติตามที่พระสูตรได้สอนไว้แล้ว พวกเขาควรจะรู้ว่า พวกเขากำลังปฏิบัติการปฏิบัติของพระสมันตภัทรนั่นเอง ภายใต้พระพุทธะจำนวนมากมายไม่มีขอบเขตจำกัด พวกเขาจะได้ปลูกรากเหง้าที่ดีไว้ลึกในพื้นดินแล้ว และพระตถาคตเจ้าจะทรงใช้พระหัตถ์ตบเบา ๆ บนศีรษะของพวกเขา  “ถ้าพวกเขาเพียงแต่ทำการคัดลอกพระสูตรเท่านั้น 
 เมื่อพวกเขาสิ้นชีวิตลง พวกเขาจะเกิดใหม่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในเวลานั้น จะมีหมู่เทพธิดา ๘๔,๐๐๐ องค์มาบรรเลงเครื่องดนตรีทุกชนิดคอยต้อนรับ คนเช่นนั้นจะได้สวมมงกุฎทำด้วยวัตถุมีค่า ๗ อย่าง และจะมีความรื่นเริงบันเทิงใจในหมู่เทพธิดาเหล่านั้น แล้วจะมีกว่านี้อีกสักเท่าใด ถ้าพวกเขารับ ยึดถือ อ่าน และสวดพระสูตรนี้ จดจำอย่างถูกต้อง เข้าใจหลักการ และปฏิบัติตามที่พระสูตรได้สอนไว้ ถ้ามีคนที่รับ ยึดถือ อ่าน สวด และเข้าใจหลักการของพระสูตรนี้แล้ว เมื่อคนอย่างนี้สิ้นชีวิตลง พระพุทธะหนึ่งพันพระองค์จะยื่นพระหัตถ์ออกมารับพวกเขาไว้ อันจะทำให้พวกเขาเป็นอิสระจากความกลัวทั้งปวง และคุ้มครองมิให้พวกเขาตกลงสู่อบายภูมิ
 แต่ในทันที พวกเขาจะมุ่งตรงไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต อันเป็นที่สถิตของพระเมตไตรยโพธิสัตว์ โน่นเทียว พระเมตไตรยโพธิสัตว์ผู้ทรงมีมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ และแวดล้อมอยู่ด้วยหมู่พระมหาโพธิสัตว์ พระองค์ทรง มีนางฟ้าบริวารมากมายหลายร้อยพันหมื่นล้าน และคนเหล่านี้จะได้เกิดใหม่ในท่ามกลางพวกเขา นั่นคือผลบุญ และประโยชน์ที่พวกเขาจะพึงได้รับ  “เพราะฉะนั้น ท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายควรจะตั้งใจคัดลอกด้วยตนเอง หรือทำให้ผู้อื่นคัดลอก ควรจะรับ ยึดถือ อ่าน และสวด จดจำไว้อย่างถูกต้อง และปฏิบัติตามที่พระสูตรนี้ได้สอนไว้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนั้น ในเวลานี้ข้าพระองค์จะใช้อภิญญาปกป้องคุ้มครองพระสูตรนี้ และหลังจากพระตถาคตเจ้าเสด็จเข้าสู่ความดับแล้ว ข้าพระองค์จะทำให้พระสูตรนี้เผยแพร่กว้างไกลไปทั่วชมพูทวีป และจะคอยดูแลมิให้สิ้นสุดหยุดลงได้ พระเจ้าข้า” 
 ในเวลานั้น พระศากยมุนีพุทธเจ้าได้ตรัสสรรเสริญด้วยพระดำรัสนี้ว่า “ดีมาก ดีมาก สมันตภัทร! ท่านสามารถคุ้มครอง และช่วยเหลือพระสูตรนี้ และยังจะช่วยให้สรรพสัตว์มากมายได้รับความสงบสุข และผลประโยชน์ ท่านได้มาซึ่งบุญกุศลอันไม่อาจคาดคะเนได้ และมหาเมตตาและมหากรุณาอันลึกซึ้งเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากในอดีตกาลอันนานไกล ท่านได้แสดงความปรารถนาในอนุตตรสัมมาสัมโพธิ และยังได้ตั้งปณิธานที่จะใช้อภิญญาของท่านคอยปกป้องและคุ้มครองพระสูตรนี้ และเราก็จะใช้อภิญญาของเราปกป้องคุ้มครองผู้ที่สามารถน้อมรับและยึดถือนามของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ด้วย  “สมันตภัทร ถ้ามีพวกที่รับ ยึดถือ อ่าน สวดพระสูตรนี้ จดจำไว้อย่างถูกต้อง ปฏิบัติตาม และคัดลอกพระสูตรนี้แล้ว ท่านควรจะทราบว่า คนเช่นนั้นได้เห็นพระศากยมุนีพุทธเจ้ามาแล้ว
 มันเป็นดังว่า พวกเขาได้สดับพระสูตรนี้มาโดยตรงจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า ท่านควรจะทราบว่า คนเช่นนั้นได้ถวายทานแด่พระศากยมุนีพุทธเจ้ามาแล้ว ท่านควรจะทราบว่า คนเช่นนั้นได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าแล้วว่าผู้เป็นเลิศ ท่านควรจะทราบว่า คนเช่นนั้นได้ถูกตบศีรษะเบา ๆ แล้วโดยพระศากยมุนีพุทธเจ้า ท่านควรจะทราบว่า คนเช่นนั้นได้รับการปกคลุมไว้แล้วด้วยจีวรของพระศากยมุนีพุทธเจ้า  “พวกเขาจะไม่มีความโลภหรือยึดติดอยู่กับโลกียสุขอีกต่อไป พวกเขาจะไม่นิยมในคัมภีร์หรือวรรณะคดีใด ๆ ที่ไม่เป็นพุทธธรรม พวกเขาจะไม่ยินดีในการสมาคมกับคนเช่นนั้นหรือกับคนที่มีอาชีพอันเป็นบาป เช่น คนฆ่าสัตว์ คนเลี้ยงหมู คนเลี้ยงแกะ หรือเลี้ยงไก่ หรือเลี้ยงหมา หรือพวกพ่อเล้าแม่เล้า
 คนเหล่านี้จะมีความซื่อสัตย์และมีความเที่ยงตรงในใจและในเจตนา มีความจำถูกต้องแม่นยำ และจะมีพลังแห่งบุญกุศล พวกเขาจะไม่ถูกรบกวนด้วยพิษร้ายทั้งสาม หรือจะไม่ถูกรบกวนด้วยความริษยา ความสำคัญตนเอง ความทะนงตัว หรือความหยิ่งยโส
 คนเหล่านี้จะมีความปรารถนาน้อย จะถูกทำให้พอใจได้อย่างง่าย ๆ และจะรู้ว่าจะปฏิบัติการปฏิบัติของพระสมันตภัทรอย่างไร “สมันตภัทร หลังจากพระตถาคตเจ้าเสด็จเข้าสู่ความดับแล้ว ในสมัยห้าร้อยปีสุดท้าย ถ้าท่านเห็นผู้ใดรับ ยึดถือ อ่าน และสวดพระสัทธรรมปุณฑริกสูตร ท่านควรจะคิดกับตนเองดังนี้ อีกไม่นานคนผู้นี้จะไปถึงสถานแห่งการปฏิบัติ พิชิตหมู่มาร และบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิ เขาจะหมุนจักรแห่งธรรม ตีกลองแห่งธรรม เป่าสังข์แห่งธรรม และหลั่งฝนแห่งธรรม เขามีค่าควรแก่การนั่งเหนือสีหบัลลังก์แห่งธรรมในท่ามกลางที่ประชุมใหญ่แห่งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย”  “สมันตภัทร ในสมัยข้างหน้า ถ้ามีพวกที่รับ ยึดถือ อ่าน และสวดพระสูตรนี้แล้ว คนเช่นนั้นจะไม่มีความโลภหรือยึดติดในเครื่องนุ่งห่ม เครื่องนอน อาหารและเครื่องดื่ม หรือของจำเป็นในชีวิตประจำวันอื่น ๆ อีกต่อไป 
 ความปรารถนาของพวกเขาจะไม่ไร้ผล และในชาตินี้จะได้รับแต่ผลตอบแทนแห่งความโชคดี ถ้ามีผู้ใดดูถูกหรือเหยียดหยามพวกเขาด้วยการกล่าวว่า ‘แกมันเป็นเพียงไอ้คนบ้า! ไม่มี
ประโยชน์อะไรที่แกจะปฏิบัติการปฏิบัติเหล่านี้ ในที่สุดแกก็จะไม่ได้รับอะไรเลย!’ ดังนี้ แล้วคนผู้นั้นจะได้รับโทษแห่งบาปของเขาด้วยการไปเกิดใหม่ไม่มีตา ชาติแล้วชาติเล่า แต่ถ้ามีผู้ใดบริจาคทานแก่พวกเขาและกล่าวสรรเสริญพวกเขาแล้ว เขาผู้นั้นจะได้รับผลตอบแทนชนิดที่เห็นได้ชัดในชาติปัจจุบันนี้ “ถ้าผู้ใดได้เห็นคนที่รับและยึดถือพระสูตรนี้แล้ว พยายามที่จะเปิดเผยความผิดหรือความชั่วของคนผู้นั้น
 ไม่ว่าเรื่องที่พูดจะเป็นจริงหรือเป็นเท็จก็ตาม ในชาติปัจจุบันนี้ เขาจะได้รับความทุกข์ทรมานด้วยโรคเรื้อนน้ำเต้า ถ้าผู้ใดดูถูกหรือหัวเราะเยาะคนผู้นั้นแล้ว ในชาติแล้วชาติเล่า เขาจะเกิดมามีฟันหักหรือฟันห่าง ริมฝีปากน่าเกลียด จมูกแฟบ แขนขาบิดเกหรือพิการ และตาเหล่ ร่างกายของเขาจะมีกลิ่นเหม็น มีแผลพุพองน้ำเลือดน้ำหนองไหล และจะทรมานด้วยโรคท้องมาน หายใจหอบถี่และเต็มไปด้วยโรคร้ายอื่น ๆ ทุกชนิด เพราะฉะนั้นสมันตภัทร ถ้าท่านเห็นผู้ใดที่รับและยึดถือพระสูตรนี้ ท่านจะต้องรีบลุกขึ้นต้อนรับเขาแต่ไกล แสดงความเคารพนับถือเขาให้เหมือนกับท่านกระทำต่อพระพุทธเจ้าทีเดียว” เมื่อบทการชักชวนและความตั้งใจพระสมันตภัทรโพธิสัตว์นี้ได้สอนจบลงแล้ว พระโพธิสัตว์มากมายไม่มีขอบเขตจำกัดดังเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา ได้ธารณีอันทำให้พวกเขาสามารถที่จะจดจำคำสอนได้ร้อยพันหมื่นล้านเที่ยว และ พระโพธิสัตว์มากมายเท่าเม็ดธุลีในสามพันพันใหญ่โลกธาตุได้ทำมรรคของพระสมันตภัทรให้สมบูรณ์
 เมื่อพระพุทธเจ้าได้เทศนาพระสูตรนี้จบแล้ว พระสมันตภัทรและพระโพธิสัตว์อื่น ๆ พระสารีบุตรและพระสาวกอื่น ๆ รวมทั้งเหล่า
เทวดา นาค มนุษย์ และอมนุษย์ สมาชิกทั้งหมดแห่งที่ประชุมใหญ่ ต่างเต็มตื้นไปด้วยความปีติยินดียิ่งนัก ทั้งหมดได้น้อมรับและยึดถือพระโอวาทของพระพุทธเจ้า ครั้นแล้วต่างได้ถวายบังคมลาพระพุทธองค์ถอยออกไป

สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ ๒๗ อนุปรีนทนาปริวรรต ว่าด้วยความชื่นชมยินดี

   ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ทรงลุกจากธรรมาสน์นั้น ทรงรวบพระโพธิสัตว์เหล่านั้นทั้งหมดให้รวมกัน ด้วยฝ่าพระหัตถ์ข้างขวา ที่ถึงพร้อมด้วยฤทธิ์เพื่อจัดระเบียบให้อาศัยอยู่ที่พระหัตถ์ข้างขวา แล้วตรัสในขณะนั้นว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เราจะให้ จะมอบให้ จะวางไว้ให้ จะยกให้ ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนี้ที่เราสะสมไว้ตลอดร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ จนประมาณมิได้ ไว้ในกำมือของพวกท่าน
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระสัทธรรมจะสมบูรณ์ และแพร่ขยายออกไปกว้างไกล โดยประการใด ท่านพึงกระทำโดยประการนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงโอบพระโพธิสัตว์ทั้งปวงไว้ ด้วยฝ่าพระหัตถ์ข้างขวา แล้วตรัสข้อความนี้ เป็นครั้งที่สองและสามว่า 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เราจะให้ จะมอบให้ จะวางไว้ให้ จะยกให้ ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนี้ ที่เราสะสมไว้ตลอดร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ จนประมาณมิได้ ไว้ในกำมือของพวกท่าน 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงรับไว้ พึงรักษาไว้ พึงอ่าน พึงท่องจำ พึงแสดง พึงประกาศ และพึงให้สัตว์ทั้งปวงได้รับฟัง
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เราเป็นผู้ไม่พยาบาท ไม่มีจิตใจที่คับแคบ เป็นผู้เชื่อมั่น เป็นผู้มอบให้ซึ่งพุทธวิทยา ตถาคตวิทยาและสยัมภูวิทยา
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เราเป็นเจ้าแห่งมหาทานดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย แม้ท่านทั้งหลาย พึงศึกษาตามเรานั่นเอง กุลบุตรและ
กุลธิดาทั้งหลายผู้เข้าถึงญาณทัศนะของพระตถาคต อันเป็นมหากุศโลบาย ด้วยความไม่ริษยา พึงได้ฟังธรรมบรรยายนี้ ส่วนผู้ที่ไม่มีศรัทธา ท่านทั้งหลาย พึงให้เขาน้อมรับในธรรมบรรยายนี้ 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย พึงตอบแทนคุณพระตถาคตด้วยอาการอย่างนี้
 เมื่อพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ตรัสแล้วอย่างนั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลาย ได้เป็นผู้เบิกบานด้วยความปรีติยินดีเป็นอย่างมาก พระโพธิสัตว์เหล่านั้น ได้เกิดความเคารพอย่างสูง น้อมกาย โน้มกาย ย่อกายถวายเคารพต่อพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ก้มศีรษะประคองอัญชลี กราบทูลพระผู้มีพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ด้วยเสียงดังพร้อมกันว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตมีพระดำรัสสั่งประการใด ข้าพระองค์จักปฏิบัติโดยประการนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายจักปฏิบัติตามพระดำรัสสั่งของพระตถาคตทั้งปวงให้สมบูรณ์ขอพระผู้มีพระภาคจงมีความขวนขวายน้อย จงประทับอยู่ตามความสุขเถิด
 แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ก็ได้ตรัสอย่างนี้ด้วยพระสุรเสียงดังอย่างเดียวกัน กับคณะของพระโพธิสัตว์ว่า ขอพระผู้มีพระภาค จงมีความขวนขวายน้อย ขอจงประทับตามความสุขเถิด แต่พระผู้มีพระภาค พระตถาคตมีพระดำรัสสั่งประการใด ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักปฏิบัติโดยประการนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลาย จักยังพระดำรัสสั่งของพระตถาคตทั้งปวงให้สมบูรณ์
 ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ได้ส่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้นทั้งปวง ผู้มาแล้วจากโลกธาตุอื่น และพระผู้มีพระภาคได้ตรัสอวยพร ถึงความเป็นอยู่ด้วยความสุข แก่พระตถาคตเหล่านั้นว่า "ขอพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย จงเป็นอยู่ด้วยความสุขเถิด พระผู้มีพระภาคได้ประดิษฐานรัตนสถูปนั้น ของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูรัตนพระองค์นั้น ไว้ในที่เดิม และได้ถวายพระพรแก่พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วย"
 เมื่อพระผู้มีพระภาค ผู้มีพระทัยยินดี ตรัสแล้วอย่างนั้นแล้ว พระ
ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย อันประมาณมิได้ ที่มา
จากโลกธาตุอื่น ที่เข้าไปสู่สิงหาสน์ ณ โคนรัตนพฤกษ์รวมทั้งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตรัตนะ กับคณะของพระโพธิสัตว์ทั้งปวง พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลาย ที่ประมาณมิได้ นับมิได้ อันมี พระวิศิษฏจาริตร เป็นประมุขที่ได้ผุดขึ้นจากรอยแยกของปฐพี รวมทั้งพระมหาสาวก บริษัท 4 ชาวโลกรวมทั้งเทวดา มนุษย์ ยักษ์ คนธรรพ์ ต่างชื่นชมยินดีในพระดำรัส ที่พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว
             บทที่ 27 อนุปรีนทนาปริวรรต ว่าด้วยความชื่นชมยินดี มีเพียงเท่านี้

สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ ๒๖ สมันตภัทโรตสาหนปริวรรต ว่าด้วยความเพียรพยายามของพระสันตภัทรโพธิสัตว์

 
   ได้ยินว่า ครั้งนั้น ในทิศตะวันออก พระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ซึ่งมีพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ติดตามแวดล้อมเหลือคณานับ ด้วยพุทธเกษตรที่สั่นไหว ด้วยดอกบัวที่โปรยลงมาและด้วยร้อยพันโกฏิดนตรีทีกำลังบรรเลง พระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ที่ติดตามแวดล้อมด้วยพระโพธิสัตว์ผู้มีอานุภาพอันยิ่งใหญ่ด้วยการแสดงของพระโพธิสัตว์อันยิ่งใหญ่ด้วยฤทธิ์ของพระโพธิสัตว์อันยิ่งใหญ่ ด้วยความเป็นใหญ่ของพระโพธิสัตว์อันยิ่งใหญ่ ด้วยสัญญาของพระโพธิสัตว์อันยิ่งใหญ่ ด้วยเดชของพระโพธิสัตว์อันยิ่งใหญ่ ที่กำลังส่องแสงอยู่ด้วยโพธิสัตวยานอันยิ่งใหญ่ ด้วยปาฏิหาริย์ของพระโพธิสัตว์อันยิ่งใหญ่ ด้วยเทพ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ มนุษย์และอมนุษย์เป็นอันมาก ได้มาถึงโลกธาตุนี้ ด้วยฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ที่คิดคำนวณไม่ได้อย่างนี้ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคที่ภูเขาคิชฌกูฏ
 ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ได้น้อมเศียรเกล้าถวายอภิวาทพระบาทของพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิน 7 ครั้ง แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์มาที่นี่ จากพุทธเกษตรของพระผู้มีพระภาคตถาคต รัตนเดโชภยุทคตราช ข้าแต่พระผู้มีพระภาค  ในสหาโลกธาตุนี้ จะมีการแสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตร ข้าพระองค์มาสู่ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคตถาคตศากยมุนี เพื่อฟังธรรมบรรยายนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระโพธิสัตว์หลายร้อยพันองค์เหล่านี้และเหล่านั้น ได้มาเพื่อฟังธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ เป็นการดียิ่ง จึงขอให้ พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จงแสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ โดยพิสดาร แก่พระ
โพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้
 เมื่อพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ กราบทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาค จึงได้ตรัสกับพระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า ดูก่อนกุลบุตร พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความรู้สูงแต่ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ เป็นธรรมที่ไม่มีการแตกแยก (เจือปน) พระโพธิสัตว์เหล่านั้น จึงทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นอย่างนั้น ข้าแต่พระสุคต เป็นอย่างนั้น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกาทั้งหลาย ได้ประชุมกันแล้วในบริษัทนั้น
 พระผู้มีพระภาคจึงตรัสถึงประโยชน์ของการตั้งมั่น ในธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตร ของบริษัทเหล่านั้น กับ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า ดูก่อนกุลบุตร ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้จักตกอยู่ในมือของมาตุคาม ผู้ประกอบด้วยธรรม 4 ประการ? ธรรม4ประการคืออะไรบ้าง?   เธอต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า  เธอต้องเป็นผู้สะสมกุศลมูลไว้ เธอเป็นผู้ดำรงอยู่ห่างไกลจากกองนรก เธอเป็นผู้ยังจิตให้ตั้งมั่นในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เพื่อป้องกันสัตว์ทั้งปวง 
 ดูก่อนกุลบุตร ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ครั้งนั้น พระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ไดกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ในกาลสมัยสุดท้าย ในกาลปัจจุบันห้าสิบสุดท้าย ข้าพระองค์จักทำการคุ้มครองภิกษุทั้งหลาย ผู้รักษาพระสูตรนี้ จักทำการปัดเป่าความทุกข์ จักขจัดโทษ จักขจัดความเลวร้ายของยาพิษ ใครก็ตามที่เพ่งหาช่อง ย่อมไม่ได้แทรกแซงผู้สอนธรรมเหล่านั้น มารผู้มีใจบาปผู้แสวงหาโอกาส ก็ย่อมไม่ได้โอกาส บุตรของมาร เทวบุตรผู้มีกายเป็นมาร มารกัลยา บริวารของมาร แม้ชนทั้งหลาย ผู้ดำรงอยู่ในหมู่มาร ก็จักไม่ได้โอกาสแทรกแซง เทวบุตร ยักษ์ เปรต นางรากษส นางเทพธิดา ผู้เพ่งแสวงหาโอกาส ย่อมไม่ได้โอกาสแทรกแซงผู้สอนธรรมนั้น
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์จักทำการคุ้มครอง ผู้สอนธรรมนั้น ตลอดกาลเป็นนิตย์ อย่างสม่ำเสมอ เมื่อใด ผู้สอนธรรมนั้นก้าวขึ้น สู่ที่เดินจงกรม เพื่อประกอบความเพียรตามที่คิด ในธรรมบรรยายนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมื่อนั้น ข้าพระองค์จักขึ้นสู่ช้างทรงเผือก มี 6 งา ในที่ใกล้ชิดของผู้สอนธรรมบรรยายนั้น ที่แวดล้อมด้วยพระโพธิสัตว์ เข้าไปสู่ที่ใกล้กุฏิอันเป็นที่จงกรมของผู้สอนธรรมนั้น เพื่อรักษาธรรมบรรยายนั้น ในกาลใด โดยที่สุด บทและพยัญชนะจากธรรมบรรยายนั้นและ
นี้ ของผู้สอนธรรมนั้น ผู้ประกอบด้วยความเพียร ตามที่คิดในธรรมบรรยายนี้จักตกหล่นไป
 ในกาลนั้น ข้าพระองค์จักขึ้นช้างทรงเผือก 6 งานั้น ไปปรากฏพักตร์ต่อผู้สอนธรรมนั้น ยังธรรมบรรยายนี้ให้ดำเนินไปโดยไม่บกพร่อง ก็เมื่อผู้สอนธรรมนั้น เห็นร่างกายของข้าพระองค์แล้ว และ ได้ฟังธรรมบรรยายนี้ โดยสมบูรณ์จากสำนักของข้าพระองค์ จักยินดีมีความพอใจสูงสุด ปราโมทย์ เกิดปีติโสมนัส จักปรารภความเพียรในธรรมบรรยายนี้ด้วยปริมาณที่มากขึ้น เขาจักได้สมาธิ พร้อมกับการได้เห็นข้าพระองค์ และจักได้มนตรีชื่อว่า ธารัณยาวรรตา จักได้มนตร์ชื่อว่า โกฏิศตสหัสราวรรตา และจักได้มนตร์ชื่อว่า สรรวรุตเกาศัลยาวรรตา
  ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ในกาลสมัยสุดท้าย ในกาลที่เป็นครึ่งหลัง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้รักษาพระสูตร คัดลอกพระสูตร แสวงหาระสูตร และท่องจำพระสูตรในกาลสมัยสุดท้ายในครึ่งหลังของกาลสมัย ชนเหล่าใด ได้ก้าวขึ้นสู่การเดินจงกรม ประกอบด้วยความเพียรในธรรมบรรยายนี้ ตลอดสามสัปดาห์หรือยี่สิบเอ็ดวัน ข้าพระองค์จักปรากฏตนอันเป็นที่พบเห็นด้วยความรัก ของสัตว์ทั้งปวง ข้าแต่พระองค์ ขึ้นสู่ช้างทรง สีเผือก 6 งา นั้นแลแวดล้อมด้วยคณะของพระโพธิสัตว์ จักมาสู่ที่จงกรมของผู้สอนธรรมเหล่านั้น ในวันที่ยี่สิบเอ็ด
 ครั้นมาแล้ว จักยังผู้สอนธรรมเหล่านั้น ให้มีความสุข ความปราโมทย์ ความเข้มแข็งและความยินดีข้าพระองค์ จักให้มนตร์แก่พวกเขา ในกาลใด ผู้สอนธรรมเหล่านั้น เกิดความท้อถอยด้วยเหตุใดก็ตาม มนุษย์หรืออมนุษย์ก็ตาม ย่อมไม่ได้โอกาสแทรกแซงผู้สอนธรรมเหล่านั้น แม้สตรีทั้งหลาย ก็สามารถดึงเข้าออกมาได้ ข้าพระองค์จักทำการคุ้มครองปัดเป่าความทุกข์ ดูแลอันตราย จักขจัดความร้ายแรงของพิษ ของผู้สอนธรรมนั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลายจักให้บทมนตร์เหล่านี้แก่ผู้สอนธรรมเหล่านั้น
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค บทมนตร์เหล่านั้นคือ  อทณฺเฑ ทณฺฑปติ ทณฺฑาวรฺตนิ ทณฺฑกุศเล ทณฺฑสุธาริ สุธารปติ พุทฺธปศฺยเน  สรฺวธารณิ อาวรฺตนิ สํวรฺนติ สํฆปรีกฺษิ สํฆนิรฺฆาตนิรฺมปรีกฺษิเต สฺวสตฺตฺวรุตเกา ศฺลยานุคเต สึหวิกฺรีฑิเต อนุวรฺเต วรฺนตนิ วรฺตาลิ สฺวาหา 
  ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมื่อบทมนตร์เหล่านี้ ที่ชัดเจนเข้าสู่โสตประสาทของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์องค์ใด เขาจะพึงทราบว่า นี้คือความตั้งใจมั่นของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระองค์นั้น 
  ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ที่เจริญอยู่ในชมพูทวีปนี้ จักตกอยู่ในกำมือของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลายเหล่าใด ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ผู้สอนธรรมเหล่านั้น พึงทราบว่า ธรรมบรรยายนี้ ตกอยู่ในกำมือของพวกเราทั้งหลาย เพราะอานุภาพของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ และเพราะอำนาจของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น จักร่วมปฏิบัติกับพระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ สัตว์เหล่านั้น เป็นผู้มีกุศลมูลสะสมแล้วต่อพระพุทธเจ้าจำนวนมาก ชนเหล่าใด ย่อมคัดลอกรักษาพระสูตรนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ชนเหล่านั้น ชื่อว่า ได้กระทำกิจ อันเป็นทีรักแก่ข้าพระองค์แล้ว ชนเหล่าใด คัดลอกพระสูตรนี้ และเข้าใจอรรถ ของพระสูตรนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ชนเหล่านั้น ครั้นคัดลอกพระสูตรนั้นแล้ว จุติจากโลกนี้ ไป
บังเกิดในท่ามกลางสภาของเทวดาชั้นตรัยตรึงค์ พร้อมกับที่ชนเหล่านั้นเกิดขึ้น จักมีนางอัปสรจำนวน 84,000 นางเข้ามาหา เทพบุตรเหล่านั้น มีเทริด ขนาดเท่ากลอง ได้ดำรงอยู่ในท่ามกลางนางอัปสรเหล่านั้น
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เพราะคัดลอกธรรมบรรยายนี้ จึงมีกองบุญถึงเพียงนี้ จะป่วยกล่าวไปใย ถึงผู้ที่ศึกษา ท่องบ่น คิดใคร่ครวญ จดจำไว้ในใจอีกเล่า
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เพราะฉะนั้นธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ พึงคัดลอกไว้ด้วยความเคารพ ในขณะนี้ และพึงคัดลอกด้วยความระมัดระวัง ผู้ใดคัดลอกด้วยมนสิการ อันไม่หวั่นไหว พระหัตถ์จำนวนพันของพระพุทธเจ้า จักน้อมเข้าไปหาผู้นั้น ในกาลเป็นที่มรณะ จักปรากฏพระพักตร์จำนวนพันของพระพุทธเจ้าแก่เขา เขาย่อมไม่ตกไปสู่ทุคติ เมื่อจุติจากโลกนี้ เราจะไปบังเกิดในท่ามกลางเทพชั้นดุสิต ที่พระไมเตรยโพธิสัตว์มหาสัตว์ประทับอยู่ เขาเป็นผู้ประกอบด้วยลักษณะที่ประเสริฐ32ประการ แวดล้อมด้วยหมู่พระโพธิสัตว์ ติดตามด้วยนางอัปสรร้อยพันหมื่นโกฏิ เมื่อแสดงธรรม
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เพราะฉะนั้น กุลบุตรหรือกุลธิดา ผู้ฉลาด ควรคัดลอกธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ไว้ ด้วยความเคารพ พึงแสดงด้วยความเคารพ พึงท่องบ่นด้วยความเคารพ พึงจำใส่ใจด้วยความเคารพ
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย คุณทั้งหลายอันประมาณมิได้จักมี เพราะการคัดลอก การแสดง การท่องบ่น การเจริญภาวนา การกระทำไว้ในใจ ซึ่งพระธรรมบรรยายนี้
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เพราะฉะนั้น กุลบุตรหรือกุลธิดา ผู้ฉลาดนั้น จึงควรรักษาธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ คุณานิสงส์มากมายถึงเพียงนี้ จักมีแก่กุลบุตรเหล่านั้น ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เพราะฉะนั้น แม้ข้าพระองค์เอง ก็จักทำให้ธรรมบรรยายนี้ ตั้งมั่น ในบัดนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ด้วยการทำให้ตั้งมั่นของข้าพระองค์ ธรรมบรรยายนี้ จักเจริญในชมพูทวีปนี้ต่อไป
 ในขณะนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ได้ประทานสาธุการ แก่พระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า สาธุ สาธุ สมันตภัทร ท่านเป็นผู้ปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ของชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูล และเพื่อความสุขของหมู่ชนส่วนมาก ท่านเป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ที่คิดคำนวณมิได้ถึงเพียงนี้ มีอัธยาศัยที่ยึดครองด้วยมหากรุณา มีการเกิดขึ้นแห่งจิต ที่ไม่มีสิ่งใดยึดครองได้ ท่านเอง จะกระทำความมั่นคงให้แก่ผู้สอนธรรมเหล่านั้น
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ชนเหล่าใดรักษานามของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์มหาสัตว์ พึงทราบว่า ชนเหล่านั้น ได้พบพระตถาคตศากยมุนีแล้ว ได้ฟังธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ จากสำนักของพระผู้มีพระภาคศากยมุนีแล้ว ได้บูชาพระตถาคตศากยมุนีแล้ว ได้สาธุการต่อพระตถาคตศากยมุนี ผู้แสงดธรรมแล้ว เขาได้อนุโมทนา กาบธรรมบรรยายนี้แล้ว พระตถาคตศากยมุนีได้วางฝ่าพระหัตถ์ลงบนศีรษะของพวกเขาแล้ว เขาได้ห่มพระผู้มีพระภาคศายกมุนีด้วยผ้าจีวร
 ดูก่อนสมัตภัทร พึงทราบว่ากุลบุตรหรือกุลธิดาเหล่านั้น ได้ยืดถือคำสอนของพระตถาคตแล้ว พวกเขาจะไม่มีความยินดีในโลกายัต จะไม่เป็นผู้ยินดีหลงใหลในวรรณะคดี(บทกลอน) นักฟ้อน นักกายกรรม นักมายากล ไม่เป็นนักค้าสุรา ขายเนื้อแกะ ขายสัตว์ปีก ขายสุกร นักเลงสตรี สัตว์เหล่านี้ จะไม่เป็นที่ยินดีของกุลบุตรกุลธิดาเหล่านั้น เมื่อได้ฟัง ได้คิด ได้ท่องจำ ได้อ่านพระสูตรเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะไม่มีความยินดีต่อสิ่งอื่นอีกเลย พึงทราบว่า สัตว์เหล่านั้น เป็นผู้ประกอบด้วยสภาวธรรม เป็นผู้มีโยนิโสมนสิการประจำจิต สัตว์เหล่านั้นเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งหลังแห่งบุญของตน เป็นที่พบเห็นด้วย ความรักของสัตว์ทั้งหลาย 
                       ภิกษุเหล่าใดรักษาพระสูตรได้อย่างนี้ ภิกษุเหล่านั้น ไม่มีราคะเบียนเบียน ไม่มีโทสะ โมหะ ความอิจฉา ความริษยา การคตโกง ความทะนงตัว ความเย่อหยิ่ง ความหลอกลวง มาเบียดเบียนได้ ดูก่อนสมันตภัทร ผู้สอนธรรมเหล่านั้น เป็นผู้พอใจในลาภของตน
 ดูก่อนสมันตภัทร ในกาลสมัยสุดท้าย ในครึ่งหลังของยุคที่เหลืออยู่ ผู้ใดได้พบพระภิกษุผู้รักษาธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตร พึงให้จิตบังเกิดขึ้นว่า กุลบุตรผู้นี้ จักไปถึงลานแห่งการตรัสรู้ กุลบุตรผู้นี้จักชนะกองทัพมาร กุลบุตรผู้นี้จักหมุนธรรมจักรให้เคลื่อนไป กุลบุตรผู้นี้จักลั่นกลองธรรม กุลบุตรผู้นี้จักเป่าสังข์ธรรม กุลบุตรผู้นี้จักโปรยฝนแห่งธรรม กุลบุตรผู้นี้จัก
ขึ้นสู่ธรรมสิงหาสน์ ในกาลสมัยสุดท้าย ในครึ่งหลังแห่งยุคที่เหลืออยู่ ภิกษุเหล่าใด รักษาธรรมบรรยายนี้ ภิกษุเหล่านั้นจักไม่มีความโลภ ไม่โลภในจีวร ไม่โลภในบาตร ผู้สอนธรรมเหล่านั้น เป็นผู้ซื่อตรง ผู้สอนธรรมเหล่านั้น เป็นผู้ได้วิโมกษ์ทั้งสามประการ คุณธรรมที่ปรากฏจักมีแก่ชนเหล่านั้น สัตว์เหล่าใดมอบความเข้าใจผิด (ความหลง) แก่ภิกษุ ผู้รักษาพระสูตรและสอนธรรมสัตว์เหล่านั้นจะเป็นผู้บอดโดยกำเนิด ร่างกายของบุคคลผู้ตำหนิภิกษุ ที่รักษาพระสูตรเห็น ปานนี้ จะมีจุดต่างดำ ในชาตินี้นั่นเอง ชนเหล่าใดทำการเยาะเย้ย พูดจาถากถางภิกษุ ผู้คัดลอกพระสูตรนี้ ชนเหล่านั้น จักเป็นผู้มีฟันหัก ฟันห่าง มีริมฝีปากที่น่าเกลียด มีจมูกแบน มีมือและเท้าพิการ มีตาเหล่ มีกายพุพอง มีร่างกายเต็มไปด้วยฝี ฝีหัวใหญ่ แผลพุพอง โรคเรื้อนและหิด ชนเหล่าใด กล่าววาจาที่เป็นจริง หรือไม่จริง อันไม่เป็นที่รัก แก่ผู้คัดลอกพระสูตร ผู้ท่องพระสูตรผู้รักษาพระสูตร และผู้แสดงพระสูตรเช่นนั้น พึงทราบว่า บาปกรรมของผู้นั้น เป็นสิ่งที่หนักยิ่ง 
ดูก่อนสมันตภัทร เพราะเหตุนั้น ประชาชนทั้งหลาย 
แม้ในที่ใกล้ พึงยืนขึ้น ทำความเคารพแก่ภิกษุ ผู้รักษาธรรมบรรยายนี้ ชนทั้งหลาย พึงทำความเคารพในสำนักของพระตถาคต ฉันใด พึงทำความเคารพต่อภิกษุ ผู้รักษาพระสูตรนี้ ฉันนั้น เพื่อพระตถาคตแสดงสมันตภัทรโรตสาหนปริวรรตนี้อยู่ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์จำนวนร้อยพันโกฏิ มีจำนวนเท่าเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคาได้เปลี่ยนมารับมนตร์
   ว่าด้วยความเพียรพยายามของพระสันตภัทรโพธิสัตว์ บทที่ 26 สมันตภัทโรตสาหนปริวรรต มีเพียงเท่านี้

สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ ๒๕ ศุภวยูหราชปูรวโยคปริวรรต ว่าด้วยปุพพโยคกรรมของพระศุภวยูหราชโพธิสัตว์

อิซึโมะไทฉะ
 
   ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกับคณะของพระโพธิสัตว์ทั้งปวงว่า ดูก่อนกุลบุตร เรื่องเคยมีมาแล้ว ในอดีตอันยาวนานจนนับมิได้ ได้มีมาแล้วหลายกัลป์จนนับไม่ได้ ในกาลสมัยนั้น พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ได้อุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีใครยิ่งกว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีใครยิ่งกว่าเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม ใน ปริยทรรศนกัลป์ ณ ไวโรจนรัศมิประติมัณฑิตโลกธาตุ 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ในศาสนาของพระตถาคตทรงพระนามว่าพระชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะนั้น ได้มีพระราชาองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าศุภวยูหะ
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระเจ้าศุภวยูหะนั้น ได้มีพระมเหสีองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า วิมลทัตตา
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระเจ้าศุภวยูหะนั้น มีพระโอรสสองพระองค์ องค์หนึ่งชื่อว่าวิมลครรภ องค์ที่สองชื่อ วิมลเมตร พระราชบุตรทั้งสองพระองค์นั้นมีฤทธิ์มาก มีปัญญา มีบุญ มีความรู้ เป็นผู้ประกอบด้วยจริยาวัตรของพระโพธิสัตว์ เช่น ประกอบในทานบารมี ศีลบารมี ขันติบารมี วิริยบารมี ฌานบารมี ปัญญาบารมี อุปายโกศลบารมี จนถึงเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขาบารมี ในโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ เป็นผู้เข้าถึงสมาธิทั้งปวง คือวิมลสมาธิ นักษัตรราชาทิตยสมาธิ วิมลนิรภาสสมาธิ วิมลาภาสสมาธิ อลังการศุภสมาธิ และมหาเตโชครรภสมาธิ
 ในกาลสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ได้แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์เหล่านั้น และเพื่ออนุเคราะห์แก่พระเจ้าศุภวยูหะนั้นด้วย
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น ราชบุตร วิมลครรภ กับราชบุตร วิมลเนตร ได้เสด็จเข้าไปหาพระราชมารดาของตน  ครั้นเข้าไปหาแล้ว ได้ประนมมืออัญชลี กราบทูลพระมารดาว่า ข้าแต่พระแม่เจ้า ข้าพระองค์ทั้งสองจักไปเข้าเฝ้า นมัสการใกล้ๆ พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ณ ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้น ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุใด? ข้าแต่พระแม่เจ้า เพราะว่า พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นี้ จักประกาศธรรมบรรยาย ชื่อสัทธรรมปุณฑรีกสูตรโดยพิสดารต่อหน้าชาวโลก รวมทั้งเทวโลก ข้าพระองค์ทั้งสองจักไปเพื่อฟังธรรมนั้น
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย เมื่อพระราชบุตรทั้งสองกล่าวอย่างนั้น พระอัครมเหสีวิมลทัตตา ได้ตรัสกับราชบุตรวิมลครรภและวิมลเนตรว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งสอง ได้ยินว่า พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้เป็นบิดาของเจ้าทั้งสองนั้น เลื่อมใสในพราหมณ์ ฉะนั้น เจ้าทั้งสองคงไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเฝ้าพระตถาคตนั้น
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระราชบุตรทั้งสองคือวิมลครรภและวิมลเนตร ได้ประนมมือประคองอัญชลี กราบทูลพระมารดาผู้ให้กำเนิดว่า ข้าพระองค์ทั้งสองประสูติแล้วในตระกูลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่ข้าพระองค์ทั้งสอง ก็เป็นราชบุตรที่มีคุณธรรม
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระอัครมเหสีวิมลทัตตา ได้ตรัสกับพระราชบุตรทั้งสองนั้นว่า ดีละ ดีละ กุลบุตรทั้งสอง เจ้าทั้งสอง จงแสดงปฏิหาริย์บางอย่าง เพื่ออนุเคราะห์แก่พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้เป็นพระบิดาของเจ้า พระองค์คงมีความเชื่อมั่นในเจ้าทั้งสองบ้าง เมื่อพระองค์เชื่อมั่นแล้ว จะพึงอนุญาตให้พวกเรา ได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้น 
  ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ในขณะนั้น พระราชบุตรทั้งสอง คือ วิมลครรภและวิมลเนตร ได้เหาะขึ้นไปสู่อากาศสูงประมาณ 8 ชั่วต้นตาล แล้วแสดงยมกปาฏิหาริย์ตามพุทธอนุญาต เพื่อสงเคราะห์แก่พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้เป็นพระราชบิดา พระราชบุตรทั้งสองนั้น เมื่อขึ้นไปแล้วได้เตรียมที่ประทับในอากาศนั้น ได้เดินจงกรมในอากาศ ทำให้ฝุ่นตลบขึ้นไปในอากาศแล้วโปรยสายฝนออกจากส่วนภายใต้ของร่างกาย ในอากาศนั่นเอง ทำให้กลุ่มเพลิงโชติช่วงขึ้นจากส่วนเบื้องล่างของร่างกาย พระราชบุตรทั้งสองนั้น เป็นผู้มีร่างกายสูงใหญ่ แล้วกลายเป็นร่างเล็ก เป็นผู้มีร่างกายเล็ก แล้วกลายเป็นร่างสูงใหญ่ ในอากาศนั่นเอง อันตรธานไปในอากาศ แล้วผุดขึ้นบนพื้นดิน ครั้นผุดขึ้นบนพื้นดินแล้ว ก็ไปผุดขึ้นในอากาศอีก
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระราชบุตรทั้งสองนั้น ได้ชักนำพระเจ้าศุภวยูหะ พระราชบิดาของตน ด้วยฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหล่านี้ 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ในขณะนั้น เมื่อพระเจ้าศุภวยูหะ ทรงเห็นฤทธิ์ปาฏิหาริย์นั้นของราชบุตรทั้งสองแล้ว ทรงยินดี ปลาบปลื้มใจสูงสุด ปราโมทย์ เกิดปีติโสมนัส ประนมมือประคองอัญชลี ตรัสกับราชบุตรทั้งสองนั้นว่า
  ดูก่อนราชบุตรทั้งสอง ใครเป็นครูของเจ้าทั้งสอง หรือเจ้าทั้งสอง เป็นศิษย์ของใคร?
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระราชบุตรทั้งสองนั้น ได้กราบทูลพระเจ้าศุภวยูหะนั้นว่า ข้าแต่มหาราช พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตร
ราชสังกุสุมิตาภิชญะพระองค์นั้น ผู้เข้าไปสู่อาสนะแห่งธรรม ย่อมประทับอยู่ ย่อมดำรงอยู่ และจะดำรงอยู่ต่อไป ที่โคนรัตนโพธิพฤกษ์ พระองค์จักประกาศธรรมบรรยาย สัทธรรมปุณฑรีกสูตร โดยพิสดาร ต่อหน้าชาวโลกและเทวโลก พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นคือครูของข้าพระองค์ทั้งสอง ข้าแต่มหาราช ข้าพระองค์ทั้งสอง เป็นศิษย์ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะนั้น ได้ตรัสกับราชบุตรทั้งสองนั้นว่า
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งสอง เราทั้งหลายจักเฝ้าพระศาสดาพระองค์นั้นของเจ้าทั้งสองด้วย เราทั้งหลายจักไปสู่ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น ราชบุตรทั้งสองพระองค์นั้น ได้ลงจากอากาศ เข้าไปหาพระชนนีผู้เป็นพระมารดาของตน ครั้นเข้าไปหาแล้ว ประนมมือประคองอัญชลี กราบทูลพระชนนี ผู้เป็นมารดาของตนว่า ข้าแต่พระแม่เจ้า ข้าพระองค์ทั้งสอง ได้แนะนำพระบิดาไห้ตั้งอยู่ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ข้าพระองค์ทั้งสอง ชื่อว่า ได้กระทำกิจที่ควรแนะนำแก่พระบิดาแล้ว พระแม่เจ้าจึงควรไปพบพระองค์ในบัดนี้ ข้าพระองค์ทั้งสองจักไปสู่ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ขณะนั้น พระราชบุตรวิมลครรภและวิมลเนตร ได้กล่าวกับพระชนนี ผู้เป็นพระมารดาของบพระองค์ด้วยสองคาถาว่า
1 ข้าแต่พระมารดา ขอพระองค์จงอนุญาตการบรรพาเป็นอนาคาริก แก่ข้าพระองค์ทั้งสอง ข้าพระองค์ทั้งสอง จักบรรพชาอุปสมบท เพราะพระตถาคตนั้นเป็นผู้ที่พบได้ยากยิ่ง
2 พระชินเจ้านั้น เป็นผู้ทีพบได้ยากยิ่งกว่าการพบต้นมะเดื่อที่มีดอก ข้าพระองค์ทั้งสองจักสละแล้วไปบวช เพราะการถึงพร้อมด้วยโอกาสอย่างนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง พระมเหสีวิมลทัตตา ตรัสว่า
3 ดูก่อนราชบุตรทั้งสอง เราอนุญาต ดีละ ท่านทั้งสองจงไปในวันนี้ แม้เราเองก็จักบวช เพราะพระตถาคตนั้น เป็นผู้ที่พบได้ยากยิ่ง 
         ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระราชโอรสทั้งสอง เมื่อได้กล่าวคาถาเหล่านี้แล้ว ได้กราบทูลพระมารดาพระบิดาว่า ข้า
แต่พระมารดาพระบิดา ดีละ ท่านทั้งหลาย จงไปเราทุกคนควรไปสู่ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะนั้นด้วยการ เราทั้งหลายจักเข้าไปพบ นมัสการเฝ้าพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เพื่อฟังธรรม ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุไร?
 ข้าแต่พระมารดาพระบิดา เพราะการเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้านั้น เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง เช่นเดียวกับการแสวงหาดอกมะเดื่อ และการเข้าไปสู่คอเต่าอันเป็นช่องแคบในกลียุคของมหาสมุทร ข้าแต่พระมารดา พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ข้าแต่พระมารดาพระบิดา เพราะฉะนั้น เราทั้งหลาย เป็นผู้มีบุญอย่างยิ่ง ที่มาเกิดในศาสนาเช่นนี้ ข้าแต่พระมารดาพระบิดา ดีละ ขอพระองค์ทั้งสอง จงอนุญาตการอุปสมบทนั้นข้าพระองค์ทั้งสองจักไป ข้าพระองค์ทั้งสอง จักอุปสมบท ในที่ประทับของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะพระองค์นั้น ข้าแต่พระมารดาพระบิดา เพราะว่า การได้พบพระตถาคตทั้งหลาย เป็นสิ่งที่ได้โดยยากยิ่ง กาลที่เป็นเช่นในวันนี้ เป็นสิ่งที่ได้โดยยากยิ่ง พระธรรมราชา ที่เป็นเช่นนี้ก็ก็หาได้ยากยิ่ง การถึงพร้อมด้วยโอกาสเช่นนี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากที่สุด
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย สมัยนั้น นางสนมจำนวน 84,000 คน ภายในวังของพระเจ้าศุภวยูหะ ได้เป็นฐาน (ภาชนะ) รองรับธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนั้น ราชบุตรวิมลเนตร ได้เป็นผู้ประพฤติในธรรมบรรยายนี้ ส่วนราชบุตรวิมลครรภ ได้เป็นผู้ประพฤติในสรรวสัตวปาปชหนสมาธิ ตลอดหลายร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ ด้วยคิดว่า สัตว์ทั้งปวงจะพึงละบาปทั้งปวงได้อย่างไร พระมเหสีวิลทัตตา พระมารดาของพระราชกุมารทั้งสองนั้น ประสงค์จะสนทนากับพระพุทธเจ้าทั้งปวง ถึงฐานะการปฏิบัติธรรมจากพระพุทธเจ้าทั้งปวง
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระราชบุตรทั้งสอง ได้นำพระเจ้าศุภวยูหะ พระสหาย พระญาติ และชนบริวารของพระองค์ทั้งปวงเข้าสู่ศาสนาของพระตถาคต ก็พระมเหสีวิมลทัตตานั้น พร้อมกับชนผู้เป็นบริวารของพระองค์ทั้งปวง และพระโอรสทั้งสองนั้น ซึ่งเป็นราชบุตรของพระเจ้าศุภวยูหะ ร่วมกับสัตว์ทั้งหลาย จำนวน 42,000 คน พร้อมกับนางสนมในวัง อำมาตย์ รวมกันทั้งหมด เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะนั้น ครั้นเข้าไปแล้ว ได้ถวายอภิวาทพระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า กระทำประทักษินพระผู้มีพระภาค 3 ครั้ง แล้วยืนอยู่ในที่สมควรข้างหนึ่ง 
         ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ทรงทราบว่า พระเจ้าศุภวยูหะ พร้อมบริวารมาเฝ้า ทรงให้พบ ให้เกิดศรัทธา ให้เกิดความยินดี ปราโมทย์ด้วยธรรมกถา 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค ทรงทำให้พระเจ้าศุภวยูหะ เป็นสัมมาทิฏฐิ ยินดี เกิดศรัทธา อุตสาหะ ปราโมทย์ด้วยธรรมกถานั้น ในขณะนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้ยินดีแล้วเกิดปีติโสมนัส ทรงสวมมงกุฎแก่พระอนุชา แต่งตั้งไว้ในราชสมบัติ พร้อมกับราชบุตรและชนผู้เป็นบริวารของพระองค์ พระมเหสีวิมลทัตตา และคณะสตรีที่เป็นบริวารราชบุตรทั้งสองพร้อมกับหมู่สัตว์ จำนวน 42,000 คนทั้งหมดพร้อมใจกันละบ้านเรือน บวชเป็นอนาคาริกด้วยศรัทธาในศาสนาของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ครั้นอุปสมบทแล้วพร้อมกับบริวาร ได้ประกอบความเพียร นำไปสู่การพิจารณา เจริญภาวนา ท่องบ่นตลอดเวลา 42,000ปี 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ได้บรรลุสมาธิชื่อ สรรวคุณาลังการวยูหะ โดยกาลล่วงไปถึง 84,000 ปี พร้อมกับการได้สมาธินั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ได้เหาะขึ้นไปในอากาศ สูงประมาณ 7 ชั่วต้นตาล
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ ผู้ยืนอยู่ในอากาศ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะพระองค์นั้นว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระราชบุตรทั้งสองนี้ คือครูของข้าพเจ้า เพราะข้าพระองค์ ถูกราชบุตรทั้งสองนี้ ชักนำออกจากมิจฉาทิฏฐินั้น ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ ของเธอทั้งสองให้ดำรงอยู่ในศาสนาของพระตถาคต พร้อมกับญาติ มิตร เตือนให้มาพบพระตถาคต ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ราชบุตรทั้งสองเป็นกัลยาณมิตร ที่ประสูติในราชวังของข้าพระองค์ ในรูปของพระโอรส แต่เป็นผู้เตือนข้อความการระลึกถึงกุศลมูลในอดีตให้(ข้าพระองค์) 
         เมื่อพระเจ้าศุภวยูหะตรัสอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ได้ตรัสกับพระเจ้าศุภวยูหะนั้นว่า "เป็นเช่นนั้น มหาราช เป็นอย่างที่พระองค์ตรัส
 ดูก่อนมหาราช ความเป็นกัลยณมิตร ของกุลบุตร กุลธิดา ผู้มีกุศลมูลสะสมไว้แล้ว ผู้บังเกิดในคติภพ และบังเกิดในสถานที่อาศัยทั้งปวง ย่อมเป็นสิ่งที่หาได้ง่าย เป็นสิ่งที่ครูได้ทำให้มั่นคงแล้ว เป็นการสอน อบรม และเตรียมพร้อมแล้วในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
 ดูก่อนมหาราช ท่านจงดู พระราชบุตรทั้งสองพระองค์นี้ พระเจ้าศุภวยูหะตรัสว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ได้เห็นแล้ว ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์ได้เห็นแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
 ดูก่อนมหาราช ได้ยินว่า พระราชบุตรทั้งสองนี้ ได้กระทำการบูชาในสำนัก พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายใน 65 แม่น้ำคงคา ราชบุตรทั้งสองจะเป็นผู้รักษาธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งหลาย และเพื่อประโยชน์ที่ก่อให้เกิดความเพียรในสัมมาทิฏฐิของสัตว์ทั้งหลาย ผู้มีความเห็นผิด 
    ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ 
ได้ลงจากท้องฟ้า ประนมมือประคองอัญชลี กราบทูลพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อนั้น เป็นการดียิ่ง ขอพระตถาคตจงชี้แจงว่า พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ประกอบด้วยความรู้เช่นไร เหตุใดมงกุฎบนพระเศียร จึงส่องประกาย พระผู้มีพระภาค มีพระเนตรปราศจากมลทิน พระโลมาระหว่างคิ้ว (อูรณาโกศ) ย่อมส่องประกาย ราวกับแสงอันเรืองรองของพระจันทร์และสังข์ แถวพระทนต์เรียบสนิท ไม่มีช่องว่าง ส่องประกาย พระผู้มีพระภาคมีพระโอษฐ์ ดุจรูปพระปฏิมา พระสุคตมีพระเนตรที่งดงามยิ่ง 
         ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ 
ได้สรรเสริญพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ด้วยคุณทั้งหลายเหล่านี้ และได้สรรเสริญพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ด้วย
คุณเหล่าอื่นอีกร้อยพันหมื่นโกฏิ ในขณะนั้นได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง คำสอนของพระตถาคต มีประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้ พระธรรมวินัยที่พระตถาคตทรงแสดงนั้นมีคุณค่าที่ไม่สามารถคิดคำนวณได้ การศึกษาตามพระตถาคต ย่อมได้รับความรู้ดียิ่ง ข้าแต่พระผู้มีพระภาค โดยที่สุดในวันนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลาย ส่วนมากจะไม่ตกไปสู่อำนาจของจิต จะไม่ตกไปสู่อำนาจของมิจฉาทิฏฐิ จะไม่ตกไปสู่อำนาจของความโกรธ และจะไม่ตกไปสู่อำนาจของอกุศลที่เกิดขึ้นในจิต
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ได้มีกุศลธรรมเหล่านี้ จึงไม่
ปรารถนาจะก้าวสู่ภูมิของพระผู้มีพระภาค พระราชาพระองค์นั้น ได้ถวายอภิวาทพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า แล้วเข้าไปสู่อวกาศ ได้ยืนอยู่อย่างนั้น 
         ครั้งนั้น พระเจ้าศุภวยูหะกับพระนางวิมลทัตตาอัครมเหสี ได้โยนมุกดาหาร มูลค่าร้อยพัน ขึ้นไปในอากาศ แต่พระผู้มีพระภาค มุกดาหารที่โยนไปในอากาศ เพื่อคล้องพระเศียรของพระผู้มีพระภาคนั้น ได้กลายเป็นกูฏาคารมุกดาหารตั้งอยู่ มี 4 เสา 4 มุม ถูกแบ่งเป็นส่วนเท่ากัน น่าชมยิ่งนัก บนกูฏคารนั้น มีที่ประทับ ซึ่งตกแต่งด้วยผ้าหลายร้อยพันชิ้น บนที่ประทับนั้น ปรากฏเป็นรูปของพระตถาคต ประทับนั่งขัดสมาธิ พระเจ้าศุภวยูหะเกิดความคิดว่า พุทธญาณนี้มีอานุภาพมาก พระตถาคตประกอบด้วยคุณที่ไม่อาจคำนวณได้ รูปของพระตถาคตไปปรากฏอยู่ท่ามกลางกูฏคาร น่าเลื่อมใส น่าชมยิ่งนัก เป็นบ่อเกิดแห่งสี ที่งดงามอย่างยิ่ง 
                     ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชลธรครรชิตโฆษสุสวรนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะตรัสกับบริษัททั้ง 4 ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย ย่อมเห็นพระเจ้าศุภวยูหะ ผู้ยืนอยู่ในอากาศ กำลังบันลือสุรสีหนาทแล้วหรือ?
 ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เห็นแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าศุภวยูหะนี้ ครั้นได้อุปสมบทในศาสนาของเราแล้ว จัก ได้เป็น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในโลกทรงพระนามว่า ศาเลนทรราช เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีใครยิ่งกว่าเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่ไม่มีใครยิ่งกว่าเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม ในวิสตีรณวดีโลกธาตุ กัลป์นั้นมีชื่อว่า อภยุทคตราช
 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศาเลนทรราช นั้น มีหมู่พระโพธิสัตว์ ที่ประมาณมิได้ มีหมู่พระสาวกที่ประมาณมิได้ วิสตีรณวติโลกธาตุนั้น จะเสมอเรียบดุจฝ่ามือ และประดับด้วยไพฑูรย์ พระองค์ (ศุภวยูหะ) จักเป็น พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ใครๆ คิดไม่ถึงด้วยประการอย่างนี้
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ความสงสัย ความเข้าใจผิด ความไม่แน่ใจ อาจจะทีแก่ท่านทั้งหลายว่า กาลสมัยนั้น พระเจ้าศุภวยูหะ เป็นคนอื่นหรือ?
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย ไม่ควรคิดเห็นอย่างนั้น ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุไร? เพราะพระเจ้าศุภวยูหะ ในกาลสมัยนั้น คือ พระปัทมศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ นี้เอง
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ความสงสัย ความเข้าใจผิด หรือความไม่แน่ใจ พึงมีอยู่แก่ท่านทั้งหลายว่า พระอัครมเหสีวิมลทัตตา ในกาลสมัยนั้น เป็นบุคคลอื่นหรือ?
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลายไม่ควรคิดเห็นอย่างนั้น ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุไร? เพราะพระอัครมเหสีวิมลทัตตา ในกาลสมัยนั้น ก็คือ พระไวโรจนรัศมีประมัณฑิตธวัชราชโพธิสัตว์มหาสัตว์ นี้เอง เพื่ออนุเคราะห์ต่อพระเจ้าศุภวยูหะ และต่อสัตว์เหล่านั้น พระโพธิสัตว์ไวโรจนรัศมีประมัณฑิตธวัชราช จึงเข้าถึงความเป็นพระมเหสีของพระเจ้าศุภวยูหะ 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านอาจมีความสงสัย ความเข้าใจผิด และความไม่แน่ใจว่า ในกาลสมัยนั้น พระราชบุตรทั้งสอง เป็นบุคคลอื่นหรือ? 
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลายไม่ควรคิดเห็นอย่างนั้น ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุใด? เพราะ พระราชบุตรทั้งสองนั้น คือ พระไภษัชยราช กับพระไภษัชยสมุทคต โดยกาลสมัยนั้น ได้เป็นโอรสของพระเจ้าศุภวยูหะ
. ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ไภษัชยราบ กับไภษัชยสมุทคต เป็นผู้ประกอบด้วยคุณ ที่ไม่สามารถคิดคำนวณได้ ได้สร้างกุศลมูลไว้ในหลายร้อยพันหมื่นโกฏิพุทธกาล ชนเหล่าใด จักท่อจำพระนามของสัตบุรุษทั้งอสงพระองค์นี้ ชนเหล่านั้นทั้งหมดเป็นผู้ที่ชาวโลกและเทวโลก พึงกระทำความนอบน้อม 
         ได้ยินว่า เมื่อพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงปูรวโยคปริวรรตนี้อยู่นั้น สัตว์จำนวน 84,000 คน ได้มีธรรมจักษุ ที่ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน และบริสุทธิ์ในธรรมทั้งหลาย 
             บทที่ 25 ศุภวยูหราชปูรวโยคปริวรรต ว่าด้วยปุพพโยคกรรมของพระศุภวยูหราชโพธิสัตว์ มีเพียงเท่านี้

สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ ๒๔ สมัตมุขปริวรรต ว่าด้วยการสำแดงร่างของพระอวโลกิเตศวร

อิซึโมะไทฉะ
 
   ครั้งนั้น พระอักษยมติ โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้ 
ลุกจากอาสนะ ห่มผ้าอุตตราสงค์เฉวียงบ่า คุกเข่า ขวาลงที่พื้นดิน ประคองอัญชลีต่อพระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเพราะเหตุไรจึงเรียก พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ว่าอวโลกิเตศวร
         เมื่อพระโพธิสัตว์ได้กราบทูลดังนั้น พระผู้มีพระภาค จึงตรัสกับพระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ ว่า ดูก่อนกุลบุตร สัตว์จำนวนหลายร้อยพันหมื่นโกฏิ ที่รวมกันอยู่ในที่นี้ ย่อมคล้อยตามความทุกข์สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ถ้าได้ฟังชื่อของ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ก็จะหลุดพ้นจากกองทุกข์นั้นได้
 ดูก่อนกุลบุตร สัตว์เหล่าใด ท่องจำ นามของพระอวโลกิเตศววโพธิสัตว์มหาสัตว์ ถ้าสัตว์เหล่านั้น ตกลงในกองไฟใหญ่ เขาทั้งหมดจะรอดพ้นจากกองไฟใหญ่นั้นได้ด้วยเดชของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์
 ดูก่อนกุลบุตร  ถ้าสัตว์ทั้งหลาย ถูกกระแสน้ำพัดพาไป พึงกระทำการเพรียกพระนาม ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ 
มหาสัตว์ แม่น้ำทั้งปวงเหล่านั้น จะให้ความรักเอ็นดูแก่สัตว์เหล่านั้น
 ดูก่อนกุลบุตร  ถ้าสัตว์จำนวนร้อยพันหมื่นโกฏิ ลงเรือไปในท่ามกลางมหาสมุทร ทรัพย์สินที่สร้างไว้ เช่น เงิน ทอง แก้วมณี มุกดา เพชร ไพฑูรย์ สังข์ ประพาฬ มรกต สุมาร์คลวะ และมุกแดง เป็นต้น (จะเสียหาย) เรือของเขาถูกพายุพัดไปติดเกาะของรากษส ถ้าในเรือนั้น พึงมีสัตว์ผู้หนึ่ง กระทำการเพรียกพระนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ เขาเหล่านั้นทั้งหมด จะรอดพ้นจากเกาะของรากษสนั้น
 ดูก่อนกุลบุตร เพราะเหตุนี้เอง พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ จึงได้ชื่อว่า "อวโลกิเตศวร" 
         ดูก่อนกุลบุตร ถ้าผู้ต้องโทษประหาร เอ่ยพระนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ อาวุธทั้งหลายของเพชฌฆาตเหล่านั้น จะแตกกระจาก ดูก่อนกุลบุตร ถ้าโลกธาตุทั้งสามพันน้อยใหญ่ เต็มไปด้วยปีศาจและยักษ์ เมื่อมีผู้เอ่ยนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ปีศาจและยักษ์ทั้งหลายที่คิดชั่ว จะไม่สามารถมองเห็นได้ ดูก่อนกุลบุตร สัตว์บางคน ถูกจองจำด้วย
เครื่องพันธนาการ ขื่อคา โซ่ตรวน ที่ทำด้วยไม้และเหล็ก เขาจะมีความผิด หรือไม่มีความผิดก็ตาม ขื่อและโซ่ตรวนเหล่านั้น จะคลายออกทันที ด้วยการเอ่ยพระนามของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น
 ดูก่อนกุลบุตร ประถมเหตุของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ เป็นอย่างนี้ ดูก่อนกุลบุตร ถ้าโลกธาตุทั้งสามพันน้อยใหญ่นั้น เต็มไปด้วยทุรชน ศัตรู โจรผู้ร้ายและศาสตราวุธ หัวหน้าพ่อค้าคนหนึ่ง นำพ่อค้าจำนวนมาก ที่มั่งคั่งด้วยรัตนะอันหาค่ามิได้ไปด้วย เมื่อเขากำลังเดินทางอยู่ ได้พบโจรทุรชนผู้เป็นศัตรูเหล่านั้น ซึ่งมีอาวุธครบมือ ครั้นพบแล้วก็จะสะดุ้งกลัว เกิดความรู้สึกว่า ตนเองหมดที่พึ่งแล้ว ครั้นผู้นำพ่อค้าวาณิชผู้นั้น กล่าวกับพ่อค้าว่า
 ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย จงอย่ากลัวไปเลย ท่านทั้งหลายจงอย่ากลัวท่านทั้งปวง จงเอ่ยพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ประทานความไม่มีภัย ด้วยเสียงอันดังเพียงครั้งเดียว ลำดับนั้น ท่านทั้งหลายจะรอดพ้นจากภัยคือโจรและภัยคือศัตรูในทันที 
 ครั้งนั้น พ่อค้าทั้งปวงนั้น ได้เอ่ยพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ด้วยเสียงอันดังพร้อมกันว่า ขอนมัสการ นอบน้อม ต่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้ประทานความไม่มีภัย (นโม นมสฺตสฺไม อภยํ ททายาวโลกิเตศฺวราย โพธิสตฺตฺวาย มหาสตฺตฺวาย) พ่อค้านั้นได้รอดพ้นแล้วจากภัยทั้งปวง พร้อมกับการเอ่ยพระนามเท่านั้น
 ดูก่อนกุลบุตร อภินิหาร(อำนาจ) ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์เป็นอย่างนี้ 
  ดูก่อนกุลบุตร สัตว์ทั้งหลายผู้มีราคจริต เมื่อได้นมัสการพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์แล้ว ก็จะเป็นผู้ปราศจากราคะ สัตว์ทั้งหลายผู้มีโทสจริต เมื่อได้นมัสการพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์แล้ว ก็จะเป็นผู้ปราศจากโทสะ สัตว์ทั้งหลายผู้มีโมหจริต เมื่อได้นมัสการพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์แล้ว ก็จะเป็นผู้ปราศจากโมหะ ดูก่อนกุลบุตรพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ เป็นผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้
  ดูก่อนกุลบุตร หากสตรีใด ปรารถนาจะมีบุตร แล้วนมัสการพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ เธอจะได้บุตรที่มีรูป สง่างาม น่าชมยิ่งนัก บุตรของนางจะประกอบด้วยลักษณะแห่งบุตร อันเป็นทีรักของชนส่วนมาก เป็นทีน่าปลื้มใจ เป็นผู้สร้างกุศลมูลไว้ดีแล้ว สตรีใดปรารถนาจะได้บุตรี สตรีนั้นจะได้บุตรีที่มีรูปงาม สง่า น่าชมยิ่งนัก ประกอบด้วยผิวพรรณอันงดงาม ประกอบด้วยลักษณะที่สมบูรณ์ของเด็กหญิง เป็นที่รักของชนจำนวนมาก เป็นผู้สะสมกุศลมูลไว้ดีแล้ว
 ดูก่อนกุลบุตร อภินิหารของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์เป็นอย่างนี้   ดูก่อนกุลบุตร ชนเหล่าใด นมัสการ เอ่ยพระนามพระอวโลกิเตศวร ผลการกระทำของเขาจะไม่สูญเปล่า(ไม่เป็นโมฆะ) ดูก่อนกุลบุตร ชนใด นมัสการและเอ่ยพระนามพระอวโลกิเตศวรและชนใดนมัสการ เอ่ยพระนามพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ซึ่งมีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายใน 62 แม่น้ำคงคา ชนใดทำการบูชา พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ที่ดำรงพระชนม์อยู่ตลอดไป ด้วยการ ถวายจีวร บิณฑบาต ที่นอน ที่นั่งและเภสัชแก่ผู้ป่วย ดูก่อนกุลบุตร ท่านคิดว่า ข้อนั้นเป็นอย่างไร กุลบุตร หรือกุลธิดา ได้สะสมบุญญาธิการอันบริสุทธิ์จากกรรมนั้นหรือไม่ เมื่อกล่าวอย่างนั้นแล้ว
 พระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค มาก ข้าแต่พระสุคต มาก กุลบุตร หรือกุลธิดา ได้สะสมบุญญาธิการ อันบริสุทธิ์จากกรรมนั้นไว้จำนวนมาก พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า 
 ดูก่อนกุลบุตร บุคคลใด กระทำสักการะต่อพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าถึงเพียงนั้น ชื่อว่า เป็นผู้ได้กระทำบุญไว้แล้ว บุคคลใด ทำการนอบน้อม เอ่ยนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ โดยที่สุดแม้เพียงครั้งเดียว บุคคลนั้น ชื่อว่า เป็นผู้กระทำบุญที่เสมอกัน ไม่ยิ่งไปเกินกว่าทั้งสองประการนั้น บุคคลใด ทำสักการะ เอ่ยพระนามของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า ซึ่งมีจำนวนมากเท่ากับเมล็ดทรายใน 62 แม่น้ำคงคา และบุคคลใด พึงกระทำการนอบน้อม เอ่ยนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้กระทำกองบุญทั้งสองอย่างนั้น ใครๆก็ไม่อาจทำลายลงได้ ตลอดร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ ดูก่อนกุลบุตร บุญที่เกิดจากการเอ่ยพระนามพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ประมาณมิได้ ด้วยประการฉะนี้ 
          ครั้งนั้น พระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุใดพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ จึงต้องท่องไปในสหาโลกธาตุนี้ ทำไมจึงต้องแสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย และอุบายโกศลวิสัยของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์เป็นอย่างไร?
 เมื่อกราบทูลดังนั้นแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสกับพระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้แสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย ในโลกธาตุปัจจุบัน ด้วยรูปของพระพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ แสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย ในโลกธาตุอื่น ด้วยรูปของพระโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ แสดงธรรมแก่สัตว์บางจำพวก ด้วยรูปของพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ แสดงธรรมแก่สัตว์บางจำพวก ด้วยรูปของพระสาวก พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ แสดงธรรมแก่สัตว์บางจำพวกด้วยรูปของพระพรหม พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ แสดงธรรมแก่สัตว์บางจำพวก ในรูปของท้าวสักกะ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ แสดงธรรมแก่สัตว์บางจำพวก ในรูปของคนธรรพ์ แสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลายที่ยักษ์พอแนะนำได้ ในรูปยักษ์ แก่สัตว์ทั้งหลายที่พระอิศวรพอจะแนะนำได้ ในรูปของพระอิศวร แก่สัตว์ทั้งหลายที่พระมเหศวรพอจะแนะนำได้ ในรูปของพระมเหศวร สัตว์ทั้งหลายที่พระเจ้าจักรพรรดิพอจะแนะนำได้ จะแสดงธรรมในรูปของพระจักรพรรดิ สัตว์ทั้งหลาย ที่ปีศาจพอจะแนะนำได้ ก็จะแสดงธรรมในรูปของปีศาจ สัตว์ทั้งหลาย ที่ท้าวกุเวรพอจะแนะนำได้ ก็จะแสดงธรรมในรูปของท้าวกุเวร สัตว์ทั้งหลายที่เสนาบดีพอจะแนะนำได้ ก็จะแสดงธรรมในรูปของเสนาบดี สัตว์ที่พราหมณ์พอจะแนะนำได้ ก็จะแสดงธรรมในรูปของพราหมณ์ สัตว์ที่พระวัชรปาณีพอจะแนะนำได้ ก็จะแสดงธรรมในรูปของพระวัชรปาณี 
 ดูก่อนกุลบุตร เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลาย ควรบูชาพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ เสียตั้งแต่บัดนี้ ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่อมประทานความปลอดภัยแก่หมู่สัตว์ ผู้มีความกลัว เพราะเหตุนี้ ในสหาโลกธาตุ จึงเรียกพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า "พระอภยัททะ" (ผู้ประทานความปลอดภัย) 
         ครั้งนั้น พระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลาย ควรให้รางวัลเพื่อธรรมและเครื่องนุ่งห่มเพื่อธรรม แก่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระผู้มีพระภาค จึงตรัสว่า ดูก่อนกุลบุตร ท่านทั้งหลายย่อมสมหวัง ณ บัดนี้
 ขณะนั้น พระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ได้ปลดมุกดาหาร มีค่าร้อยพัน จากศอของตนเอง ให้เป็นรางวัลแห่งธรรม แด่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า ดูก่อนสัตบุรุษ ขอท่านจงรับรางวัลแห่งธรรมนี้ จากข้าพเจ้าด้วยเถิด พระอวโลกิเตศวร ไม่ทรงรับ
  ครั้งนั้น พระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ได้ตรัสกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า ดูก่อนกุลบุตร ขอท่านจงรับมุกดาหารนี้เถิด เพื่ออนุเคราะห์แก่พวกเรา 
          ครั้งนั้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ทรงรับมุกดาหารนั้น จากพระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ เพื่อให้ความอนุเคราะห์แก่พระอักษยมติโพธิสัตว์มหาสัตว์ แก่บริษัทสี่ แก่เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ กินนร มโหรคะ มนุษย์และอมนุษย์ ครั้นรับแล้ว พระองค์ได้แบ่งมุกดาหารนั้นออกเป็นสองส่วน ครั้นแบ่งแล้ว ได้ถวายส่วนหนึ่งแก่พระผู้มีพระภาคศากยมุนี ได้ถวายส่วนที่สองไว้ที่รัตนสถูปของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูรัตนะ
 ดูก่อนกุลบุตร พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่อมท่องไปในสหาโลกธาตุนี้ ด้วยการแปลงร่างต่างๆ(ด้วยการกระทำต่างๆ) เช่นนี้ 
  ในเวลานั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
1       ดูก่อนจิตรธวัช ท่านจงถามเนื้อความจากเหตุกับพระอักษยมติ ดูก่อนพระชินบุตร เพราะเหตุไรเขาจึงเรียกว่า พระอวโลกิเตศวร 
2       พระอักษยมติ ผู้มีปัญญา ที่กว้างไกล ดุจมหาสมุทร ผู้มีวิจารณญาณมากเช่นนั้น ได้กล่าวว่า พระจิตรธวัช จงฟังจรรยาวัตรของพระอวโลกิเตศวร 
3       พระจิตรธวัช จงฟังประณิธาน ที่ทำให้พระพุทธเจ้าจำนวนพันโกฏิบริสุทธิ์ตลอดเวลาหลายร้อยโกฏิกัลป์ จนนับมิได้ จาการชี้แจงของเรา 
4       ผู้ได้ยิน ได้เห็น และได้ระลึกถึง (พระองค์) อยู่เสมอ ชื่อว่า เป็นผู้ไม่สูญเปล่า ขอสัตว์ทั้งหลาย ในโลกนี้ จงเป็นผู้ทำลายความทุกข์โศกทั้งปวงเสียได้ 
5       ถ้าศัตรู (ผู้มีใจประทุษร้าย) ทำให้เขาตกลงไปในกองไฟ เพื่อหวังจะฆ่าให้ตาย เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ไฟก็จะมอดดับไป เหมือนกับถูกน้ำราด 
6       ถ้าว่า บุคคลทำให้เขาตกไปในมหาสมุทร ที่ลึกยิ่ง (ยากที่จะหยั่งถึง) อันเป็นที่อยู่ของนาค สัตว์น้ำและปีศาจ เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร เขาก็จะไม่จมลงไปในทะเลหลวง 
7       ถ้าศัตรู ทำให้เขาตกจากยอดเขาสุเมรุ เพื่อหวังจะฆ่าให้ตาย เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร เขาจะลอยอยู่ในท้องฟ้าดุจพระอาทิตย์ 
8       ถ้าบุคคลใดปาเขาที่ศีรษะ ด้วยก้อนเพชร หวังฆ่าให้ตาย เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร สิ่งเหล่านั้น ไม่สามารถเบียดเบียนได้ แม้ปลายเส้นผมของเขา 
9       ถ้าบุคคล ถูกหมู่ศัตรูที่มีอาวุธครบมือล้อมไว้ ด้วยจิตคิดจะเบียดเบียน เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ศัตรูก็จะเกิดจิตเมตตาขึ้นในขณะนั้น 
10     ถ้าบุคคล ต้องโทษจองจำอยู่ในหลักประหาร เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวรอาวุธ(ของเพชฌฆาต) ก็จะแตกละเอียด (เป็นท่อนเล็กท่อนใหญ่) 
11     ถ้าเขาถูกจองจำด้วยเครื่องพันธนาการ ที่เป็นไม้ก็ได้ เหล็กก็ดี ขื่อคาและโซตรวนก็ดี เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร เครื่องพันธนาจะคลายออกในทันที 
12     เวทมนต์คาถา วิทยาของผู้มีพลัง ยาพิษ ภูต เวตาล ที่ทำให้ร่างกายถึงความหายนะได้ เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร สิ่งเหล่านั้นจะเสื่อมไปในทันที 
13     ถ้าบุคคลถูกนาค ยักษ์ เปรต และรากษส ล้อมจับตัวไป เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ศัตรูเหล่านั้น ไม่สามารถเบียดเบียนได้แม้ปลายเส้นผม 
14     ถ้าบุคคล ถูกสัตว์ร้าย ที่มีเขี้ยวเล็บแหลมคม น่ากลัวยิ่ง ห้อมล้อมอยู่ เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร สัตว์เหล่านั้นจะวิ่งหนีไป คนละทิศทาง ในทันที 
15     ถ้าบุคคล ถูกงูพิษที่โหดร้ายทารุณมีเปลวไฟเรืองแสง ห้อมล้อมอยู่ เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร งูเหล่านั้นก็จะหมดพิษไปในทันที 
16     เมื่อฝนตก ย่อมปรากฏสายฟ้า ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ และฟ้าผ่า เมื่อเขาระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร เหตุการณ์เหล่านั้น ก็จะสงบลง ในครู่เดียวเท่านั้น 
17     พระองค์ (อวโลกิเตศวร) ผู้มีกำลังญาณ อันบริสุทธิ์ ทรงพิจารณาเห็นสัตว์ทั้งหลาย ที่ถูกความทุกข์หลายร้อยประการกดขี่ เบียดเบียน จึงเป็นผู้คุ้มครองสัตว์โลกทั้งหลาย รวมทั้งเทวดา ให้รอดพ้นจากความทุกข์นั้น 
18     พระองค์ (อวโลกิเตศวร) เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยบารมีแห่งกำลังอิทธิฤทธิ์ ทรงศึกษาในวิทยาและ
อุบายอย่างกว้างขวาง ทรงปรากฏในโลกทุกส่วน จากทุกทิศและในพุทธเกษตรทั้งปวง 
19     ภัยคือชาติ ชราและพยาธิ ที่เบียดเบียน ภัยคือการไปสู่ทุคติเป็นเวลานาน ตามคำสั่งยมบาลแห่งสัตว์นรก ภัยของ
สัตว์ทั้งหลาย จะสงบไปตามลำดับ ขณะนั้น พระอักษยมติ มีจิตยินดียิ่งนัก จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า 
20     ข้าแต่ท่านผู้มีพระเนตรอันสดใส มีพระเนตรประกอบด้วยเมตตา มีพระเนตรที่เลิศด้วยปัญญาและวิทยา มีพระเนตรประกอบด้วยความกรุณาและบริสุทธิ์ พระองค์ มีพระพักตร์และพระเนตรงดงาม น่าชื่นชมยิ่งนัก 
21     พระองค์มีรัศมีที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากมลทิน มีวิทยาปราศจากความมัวหมอง ดุจแสงสว่างของดวงอาทิตย์ มี
รัศมีดุจเปลวไฟที่ปราศจากพายุ เมื่อส่องประกายย่อมสว่างไสวไปทั่วโลก 
22     พระองค์ผู้เจริญด้วยเมตตาและกรุณาธิคุณ ทรงเป็นมหาเมฆแห่งคุณธรรมอันงดงามและเมตตาจิต ทรง
ยังไฟคือกิเลสของสัตว์ทั้งหลายให้ดับไป ทรงโปรยน้ำอมฤตคือหยาดฝนแห่งธรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย 
23     ถ้าบุคคลอยู่ในการทะเลาะวิวาท การสู้รบและการสงคราม ที่เป็นภัยอันใหญ่หลวง เมื่อเขาระลึกถึงพระ
อวโลกิเตศวร พระองค์จะขจัดคนชั่ว ที่เป็นหมู่ศัตรูให้พ่ายแพ้ไป 
24     บุคคลพึงระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ผู้มีพระสุรเสียงดุจเมฆและกลอง ดังกึกก็องดุจเมฆฝน ไพเราะดุจเสียงพรหม ที่เข้าถึงบารมีมณฑลเสียง(ทั้งปวง) 
25     ท่านทั้งหลายจงอย่าสงสัยไปเลย จงระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ผู้บริสุทธิ์ พระองค์จะเป็นผู้คุ้มครอง เป็นที่พึ่ง เป็นผู้ทำให้ปราศจากความตาย ความวิบัติและการเบียดเบียน 
26     พระอวโลกิเตศวร เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมทั้งปวง มีพระเนตรที่ประกอบด้วยเมตตากรุณาต่อสัตว์ทั้งปวง เป็น
ผู้มีพระคุณดุจมหาสาคร ที่มีคุณอย่างมหาศาล เป็นผู้ที่ใครๆก็ควรไหว้ 
27     พระองค์เป็นผู้อนุเคราะห์ต่อชาวโลก จึงไม่ต้องการเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ข้าพระองค์ จึงขอนอบน้อมพระอวโลกิเตศวร ผู้ทำลายความทุกข์ ภัยและความโศกเศร้า ของสัตว์ทั้งปวง 
28     พระองค์เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลก เป็นผู้นำแห่งพระราชา เป็นบ่อเกิดแห่งธรรมของภิกษุ เป็นผู้อันชาวโลกบูชาแล้ว เป็นผู้ท่องเที่ยวไปหลายร้อยกัลป์ ได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ที่ปราศจากมลทิน 
29     ครั้งหนึ่ง (พระองค์) ประทับอยู่เบื้องขวา ครั้งหนึ่งประทับอยู่เบื้องซ้าย อยู่ถวายพัดพระอมิตาภนายกะ ได้ปรากฏภาพมายาโดยสมาธิ จึงไปบูชาพระชินเจ้าในพุทธเกษตรทั้งปวง 
30     ในทิศตะวันตก มีโลกธาตุ อันเป็นบ่อเกิดของความสุข ชื่อสุขาวดี ที่ปราศจากมลทิน ซึ่งเป็นที่ประทับของพระอมิตาภนายกะ ผู้ฝึกสัตว์ทั้งปวง 
31     ไม่มีสตรีเพศ ไม่มีเมถุนธรรม โดยประการทั้งปวง ณ ที่นั้น พระชินบุตรทั้งหลายผู้ปราศจากมลทิน ได้ปรากฏขึ้นประทับนั่งบนใจกลางดอกบัว 
32     ส่วนพระอมิตาภนายกะนั้น ประทับนั่งบนสิงหาสน์ ในใจกลางดอกบัว อันปราศจากมลทิน และน่ารื่นรมย์ ทรงรุ่งโรจน์ราวกับพระศาลราช 
33     ผู้ที่เป็นเช่นนั้น คือผู้ที่เหมือนกับพระโลกนาถ ย่อมไม่มีในโลกทั้งสาม ข้าแต่พระองค์ ผู้ประเสริฐกว่านรชน ข้าพระองค์ ขอ
สรรเสริญบุญที่พระองค์สะสมไว้และขอเป็นเช่นกับพระองค์ ในอนาคตอันใกล้นี้ 
 ครั้งนั้น พระธรณีนธรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ลุกจากอาสนะ ห่มผ้าอุตตราสงค์เฉวียงบ่า คุกเข่าข้างขวาลงบนพื้น.               ดิน ประคองอัญชลีต่อพระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค สัตว์เหล่าใด ได้ฟังบทธรรมบรรยายนี้ ที่เป็นอภินิหารแห่งการเปลี่ยนร่าง (นิรมาณกาย) ชื่อว่า สมันตมุขปริวรรต ที่แสดงการเปลี่ยนร่าง (นิรมาณกาย) ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ สัตว์เหล่านั้น มิใช่เป็นผู้มีกุศลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น" 
 ขณะนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงแสดงบทที่ว่าด้วยการเปลี่ยนพระพักตร์ของพระอวโลกิเตศวรอยู่นั้น จิตของสัตว์ทั้งหลายจำนวน 84,000 คนในบริษัทนั้น ได้เข้าถึงอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ที่ไม่มีสิ่งอื่นเสมอได้
             บทที่ 24 สมันตมุขปริวรรต ว่าด้วยการสำแดงร่างของพระอวโลกิเตศวร  มีเพียงเท่านี้

สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ ๒๓ คัทคทัสวรปริวรรต ว่าด้วยพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์

 
   ขณะนั้น พระผู้มีพระภาค ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ทรงเปล่งพระรัศมีออกจากพระโลมาระหว่างคิ้ว (อูรณาโกศ) อันเป็นลักษณะของ มหาบุรุษ พระรัศมีนั้นทำให้พุทธเกษตรจำนวนพันร้อยหมื่นโกฏิเท่ากับเมล็ดทรายใน 18 แม่น้ำคงคา ในทิศบูรพา สว่างไสวไปด้วยพระรัศมี เลยพุทธเกษตรพันร้อยหมื่นโกฏิ ที่มีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายใน 18 แม่น้ำคงคานั้นออกไป มีอีกโลกธาตุหนึ่งชื่อว่า ไวโรจนรัศมีประติมัณฑิตะ ในโลกธาตุนั้นมีพระผู้มีพระภาค ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า กมลทลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ทรงดำรงอยู่ตลอดไป ด้วยประมาณแห่งอายุกาลอันยาวนาน (ไพบูลย์)
 พระกมลทลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ นั้นที่ หมุ่พระโพธิสัตว์จำนวนมากแวดล้อมอยู่ กำลังจะแสดงธรรม ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค ได้เปร่งรัศมีออกไป พระรัศมีได้ไปสัมผัสกับโลกธาตุนั้น ได้มีพระโพธิสัตว์มหาสัตว์องค์หนึ่ง นามว่าคัทคทัสวระ ซึ่งเป็นผู้สะสมกุศลมูลมาก่อน ได้ประทับอยู่ พระคัทคทัสวรนั้น เคยเห็นแสงสว่างแห่งรัศมีเช่นนี้ของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้ว หลายพระองค์ และพระคัทคทัสวรโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ได้บรรลุสมาธิแล้วหลายระดับ เช่น ธวชาครเกยูรสมาธิ สัทธรรมปุณฑรีกสูตรสมาธิ วิมลทัตตสมาธิ นักษัตรราชวิกรีฑิตสมาธิ อนิลัมภสมาธิ ชญานมุทราสมาธิ จันทรประทีปสมาธิ สรรวรุตเกาศัลยสมาธิ สรรวปุณยสมุจจยสมาธิ ประสาทวตีสมาธิ ฤทธิวิกรีฑิตสมาธิ ชญาโนลกาสมาธิ วยูหราชสมาธิ วิมลประภาสมาธิ วิมลครรภสมาธิ อาปกฤตสนสมาธิ และสูรยาวรรตสมาธิ โดยย่อ 
 พระคัทคทัสวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้บรรลุสมาธิหลายพันร้อยหมื่นโกฏิ เปรียบจำนวนได้กับเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา   พระรัศมีนั้นได้มาตกที่กายของพระคัทคทัสวรโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้นพระคัทคทัสวรโพธิสัตว์มหาสัตว์ได้ลุกจากอาสนะ กระทำผ้าอตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง คุกเข่าลงกับพื้นประคองอัญชลีไปในทิศที่พระผู้มีพระภาคประทับ แล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า กมลทลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์จักไปสู่สหาโลกธาตุนั้น เพื่อเยี่ยมถวายบังคมและเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี พระมัญชุศรีกุมารภูตะ พระไภษัชยราชโพธิสัตว์ พระประทานศูรโพธิสัตว์ พระนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญโพธิสัตว์ พระวิศิษฏจาริตรโพธิสัตว์ พระวยูหราชโพธิสัตว์ และ พระไภษัชยราชสมุทคตโพธิสัตว์ 
          ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า กมลทลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะได้ตรัสกับพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า ดูก่อนกุลบุตร  โลกธาตุนั้น มีทั้งชนชั้นสูงและชนชั้นต่ำ มีภูเขาที่เกลี่อนไปด้วยภูเขาแห่งกาล (เต็มไปด้วยหุบเหว) พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี มีพระวรกายเตี้ย พระโพธิสัตว์ทั้งหลายก็มีกายเตี้ย   ดูก่อนกุลบุตร  แต่ท่านมีร่างกาย(อาตมภาวะ) สูง 42 แสนโยชน์ ดูก่อนกุลบุตร ส่วนเรามีอาตมภาวะ 68 โยชน์
 ดูก่อนกุลบุตร ท่านเป็นผู้มีรูปน่าเลื่อมใส น่าทัศนา ประกอบด้วยผิวพรรณที่งดงามมีบุญลักษณะเป็นเลิศหลายพันร้อยประการ  ฉะนั้น เมื่อไปถึงสหาโลกธาตุแล้ว ท่านอย่าได้คิดในทางที่เสื่อมเสีย แก่พระตถาคตและพระโพธิสัตว์ ในพุทธเกษตรนั้น เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้ทูลพระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากมลทลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์จักทำตามที่พระตถาคตทรงรับสั่งให้ทราบ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์จักไปสู่สหาโลกธาตุนั้น ด้วยแรงอธิษฐานของพระตถาคต ด้วยอำนาจ ด้วยกรีพา ด้วยขบวน และด้วยญาณที่เกิดขึ้นของพระตถาคต
 ในขณะนั้นพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ไม่ได้เคลื่อนจากพุทธเกษตรนั้น ไม่ได้ลุกจากที่ประทับนั้น ก็ได้บรรลุสมาธิถึงปานนั้น ดอกบัว 84 ร้อยพันหมื่นโกฏิ ได้ปรากฏต่อพระพักตร์ของพระตถาคตบนภูเขาคิชฌกูฎ ในสหาโลกธาตุของพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ผู้เข้าสู่สมาธิโดยลำดับ ดอกบัวเหล่านนั้นปรากฏ ก้านเป็นทอง ใบเป็นเงิน มีสีดุจทองกวาว(บัวสีแดง)
  ในขณะนั้น พระมัญชุศรีกุมารภูตะ เมื่อเห็นการเกิดขึ้นของกลุ่มดอกบัวนั้น ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคอะไรเป็นบุพนิมิต ใครทำให้ปรากฏ ดอกบัวจำนวน 84 ร้อยพันหมื่นโกฏิเหล่านั้น ซึ่งมีก้านเป็นทอง ใบเป็นเงิน มีสีงดงามดุจทองกวาว เมื่อกราบทูลอย่างนั้นแล้ว พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสกับพระมัญชุศรีกุมารภูตะว่า ดูก่อนมัญชุศรี พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ 
ที่พระโพธิสัตว์ 84 ร้อยพันหมื่นโกฏิติดตามแวดล้อม ได้มาจากพุทธเกษตรของพระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากมลทลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ จากไวโรจนรัศมีประติมัณฑิตะโลกธาตุ ซึ่งมีอยู่ในทิศตะวันออก สู่สหาโลกธาตุนี้ เพื่อเฝ้า นมัสการ บูชา และฟังธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ของเรา
 พระมัญชุศรีกุมารภูตะ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค กองกุศลอะไร ที่กุลบุตรได้สะสมแล้ว จึงได้รับความพิเศษนี้ พระโพธิสัตว์นั้น ได้ประพฤติอย่างไร ในสมาธินี้  ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอรับฟังสมาธินั้นบ้าง ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอปฏิบัติสมาธินั้นบ้าง ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพบพระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้นบ้าง ผิวพรรณ รูปร่าง เพศ สถานะ และอาจาระของพระโพธิสัตว์นนั้นเป็นอย่างไร ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เป็นการดียิ่ง ขอให้พระผู้มีพระภาค ทรงกระทำนิมิตอย่างนั้น ที่บันดาลให้พระโพธิสัตว์นั้นมาสู่สหาโลกธาตุนี้ด้วยเถิด 
          ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ได้ตรัสกะพระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะผู้ปรินิพพานไปแล้วว่า ขอให้พระผู้มีพระภาค จงกระทำนิมิตอย่างนั้น ที่บันดาลให้พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้เสด็จมาสู่สหาโลกธาตุนี้ ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะผู้ปรินิพพานไปแล้ว ได้กระทำนิมิตอย่างนั้น เพื่อเตือนพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ให้ปรากฏว่า  ท่านจงมาสู่สหาโลกธาตุนี้ พระมัญชุศรีกุมารภูตะ ยินดีที่จะพบ (ท่าน) 
          ครั้งนั้น พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ซึ่งติดตามแวดล้อมด้วยพระโพธิสัตว์ 84 ร้อยพันหมื่นโกฏิ ได้ถวายอภิวาทพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ากมลทลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ กระทำประทักษิณสามรอบ แล้วอันตรธานไปจากไวโรจนรัศมีประติมัณฑิตะโลกธาตุ มาสู่สหาโลกธาตุนี้ พร้อมกับพุทธเกษตรทั้งหลาย ที่หวั่นไหวดอกบัวที่โปรยลงมา ดนตรีร้อยพันหมื่นโกฏิชนิดบรรเลง มีพระพักตร์ดุจตาบัวอุบลเขียว มีกายสีทอง มีอาตมภาวะประดับด้วยบุณยลักษณะร้อยพันประการ รุ่งเรืองด้วยความงามเปล่งปลั่งด้วยเดช อวัยวะวิจิตรด้วยลักษณะทั้งหลาย มีกายดุจพระนารายณ์ พระองค์ มีพระโพธิสัตว์ติดตามแวดล้อม เสด็จมาในอากาศสูงประมาณ 7 ชั่วต้นตาล เข้าสู่สัปตรัตนกูฎคาร พระองค์ได้เสด็จมาสู่สหาโลกธาตุนี้
 ทางทิศที่ภูเขาคิชฌกูฎ ซึ่งเป็นรคาชาแห่งภูเขาตั้งอยู่ ครั้นมาถึงแล้ว ได้เสด็จลงจากกูฎคารนั้น ถือมุกดาหารมีค่าร้อยพัน (หนึ่งแสน) เข้าไปหาพระผู้มีพระภาค ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ได้ถวายอภิวาทพระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ทำประทักษิน7 รอบ แล้วจึงถวายมุกดาหารนั้น เพื่อบูชาพระผู้มีพระภาค ครั้นถวายแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะกมลทลวิมลนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะตรัสถามถึงความอาพาธเพียงเล็กน้อย ความเศร้าเพียงเล็กน้อย ความพยายามเพียงเล็กน้อย การเดิน กำลัง และความเป็นอยู่ ด้วยผัสสะแห่งความสุขของพระผู้มีพระภาค
 พระผู้มีพระภาคได้ตรัสอย่างนี้ว่า     ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์พออดทนอยู่หรือ? ยังดำเนินได้ดีหรือ? ธาตุยังปกติหรือ? สัตว์ทั้งหลายมีอาการปกติ แนะนำได้ง่าย และยังมีการรักษาโรคตามปกติหรือ? พวกเขามีกายสะอาด ไม่ประพฤติตามความใคร่ ประพฤติน่าเกลียด ประพฤติด้วยความงมงายจนเกินไปหรือ?
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค สัตว์ทั้งหลาย ไม่อิจฉา ไม่ริษยา ไม่รู้คุณมารดา บิดา ไม่รู้จักความเป็นสาวก ไม่รู้จักความเป็นพราหมณ์ มองไม่เห็นความเท็จ มีจิตที่สงบ มีอินทรีย์ที่คุ้มครองมากเกินไปหรือ? 
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค สัตว์เหล่านี้ ยังปรารถนาจะกำจัดมารอยู่หรือ?
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะผู้ปรินิพพานไปแล้ว ได้เสด็จมาสู่สหาโลกธาตุนี้ ได้เข้าสู่ท่ามกลางสัปตรัตนสถูปเพื่อฟังธรรม พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถาม พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะ ยังพออดทนอยู่หรือ?  ยังดำเนินได้หรือ? 
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะจักดำรงอยู่อีกนานหรือ? 
 ข้าแต่พระผู้มีพระภาค แม้พวกข้าพระองค์ทั้งหลายใคร่จะเห็นรูปธาตุของพระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะ พระองค์นั้น เป็นการดี ถ้าพระผู้มีพระภาคตถาคตได้แสดงรูปธาตุของพระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะพระองค์นั้น
 ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ได้ตรัสกับพระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะ ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์นี้ ปรารถนาจะพบพระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะ 
 ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะได้ตรัสกับพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้นว่า ดีละ ดีละ กุลบุตร ท่านปรารถนาจะพบพระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี จึงมาที่นี่ เพื่อจะฟังธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรและเพื่อพบพระมัญชุศรีกุมารภูตะ
 ครั้งนั้น พระปัทมศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้ทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค กุศลมูลอะไร ในปางก่อน ที่พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ได้สะสมไว้ ในสมัยของพระตถาคตองค์ใด 
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนีได้ตรัสกับพระพระปัทมศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า  ดูก่อนกุลบุตร
 เรื่องเคยมีมาแล้ว ในอดีตกาล ในกัลป์ที่ไม่อาจนับได้ ห่างไกลเกินกว่าที่จะนับได้ กำหนดไม่ได้ ประมาณไม่ได้ ในกาลสมัยนั้น พระตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรทพระนามว่า เมฆทุนทุภิสวรราชะ ผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ผู้เสด็จไปดีแล้ว ผู้รู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่หาผู้เปรียบมิได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้เบิกบาน ผู้จำแนกธรรม ได้เกิดขึ้นในโลกใน สรรวรูปสันทรตนโลกธาตุ ในปริยทรรศนกัลป์ 
 ดูก่อนกุลบุตร พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้ทำการบูชาพระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการประโคมดนตรีหลายร้อยพันชนิด ตลอดเวลาสิบสองแสนปี ได้ถวายสัปตรัตนภาชนะจำนวน 84,000ชิ้น
 ดูก่อนกุลบุตร ในประพจน์(ศาสนา) ของพระเมฆทุนทิสวรราชตถาคตนั้น พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์ ได้รับพระศรีอันเป็นเช่นนี้ 
 ดูก่อนกุลบุตร ท่านอาจจะมีความสงสัย ลังเล ไม่แน่อีกว่า ก็โดยกาล สมัยนั้นพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์องค์อื่นก็เป็นได้ ที่ทำการบูชาและถวายภาชนะ 84,000 ชิ้น แต่พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเมฆทุนทิสวรราช 
 ดูก่อนกุลบุตร ท่านอย่าคิดเห็นอย่างนั้นเลย เพราะเหตุไร? 
 ดูก่อนกุลบุตร เพราะว่า พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้มีเพียงองค์นี้เท่านั้น คือผู้ที่ทำการบูชาและถวายภาชนะ 84,000 ชิ้น แด่พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเมฆทุนทิสวรราชะนี้ 
 ดูก่อนกุลบุตร พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ได้เข้าไปใกล้ชิดกับพระพุทธเจ้าจำนวนมาก ได้สร้างกุศลมูลไว้ในพระพุทธเจ้าหลายแสนองค์ ได้กระทำบริกรรมไว้ในพระพุทธเจ้า(หลายแสนองค์) พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์นี้ เคยเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย มีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา
 ดูก่อนปัทมศรี ท่านจงดูพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์นี้ พระปัทมศรีกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ย่อมเห็น ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์ย่อมเห็น
 พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูก่อนปัทมศรี พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์นี้ ย่อมแสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตร ด้วยรูปจำนวนมาก เช่น แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรด้วยรูปพระพรหม พระรุทระ ท้าวสักกะ พระอิศวร เสนาบดี ไวศรวณะ พระจักพรรดิ โกฏฏราช เศรษฐี คฤหบดี ชาวนิคมและพราหมณ์ พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ แก่สัตว์ทั้งหลาย ด้วยรูปของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ภรรยาเศรษฐี ภรรยาคฤหบดี ภรรยาชาวบ้าน ด้วยรูปของ เด็กชายและเด็กหญิง
 ดูก่อนกุลบุตร พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ แก่สัตว์ทั้งหลายด้วยรูปที่ปรากฏต่างๆ เหล่านี้ บางครั้ง พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตร แก่สัตว์ด้วยรูปของยักษ์ บางครั้งรูปของอสูระ บางครั้งรูปของครุฑ บางครั้งรูปของกินนร บางครั้งรูปของมโหรคะ พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ เป็นผู้แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ แก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้เกิดในนรก กำเนิดสัตว์เดรัจฉาน ยมโลก และเปรต (วิญญาณ) พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่อมแสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ แก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้ไปสู่กลางเมืองชั้นใน ได้นิรมิตรูปสตรีเพื่อแสดงธรรมแก่สัตว์เหล่านั้น พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ได้แสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลายในสหาโลกธาตุนี้ 
 ดูก่อนปัทมศรี พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์เป็นผู้คุ้มครองสัตว์ทั้งหลาย ในสหาโลกธาตุนี้โดยแท้ พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ แก่สัตว์ทั้งหลาย ในสหาโลกธาตุนี้ ด้วยรูปนิมิตเหล่านี้
 ดูก่อนกุลบุตร พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ย่อมรู้แจ้งในโลกธาตุนี้ ด้วยแสงสว่างแห่งญาณเหล่านี้ รูปของพระโพธิสัตว์ ย่อมแสดงธรรมแก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้ควรแนะนำไปสู่ความเป้นพระโพธิสัตว์ในโลกธาตุทั้งหลายเหล่าอื่น ซึ่งมีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา  รูปของพระสาวก แสดงธรรมแก่สัตว์ ผู้ควรแนะนำไปสู่ความเป็นพระสาวก รูปของพระปัจเจกพุทธเจ้า แสดงธรรมแก่สัตว์ ผู้ควรแนะนำไปสู่ความเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า รูปของพระตถาคต แสดงธรรมแก่สัตว์ ผู้ควรแนะนำไปสู่ความเป็นพระตถาคต ย่อมแสดงธาตุของพระตถาคต แก่สัตว์ผู้ควรนำไปสู่ธาตุพระตถาคต ย่อมแสดงอาตมภาวะที่นิพพานแล้ว แก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้ควรนำไปสู่พระนิพพาน
 ดูก่อนปัทมศรี พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ เป็นผู้ตั้งมั่นในกำลังญาณ ด้วยอาการอย่างนี้ 
          ขณะนั้น พระปัทมศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้เป็นผู้สะสมกุศลมูลโดยแท้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค สมาธิเช่นไร ที่พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ดำรงอยู่ แล้วสอนสัตว์ได้ถึงเพียงนี้ เมื่อพระปัทมศรีกล่าวดังนั้น พระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี จึงได้ตรัสกับ พระปัทมศรีโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า 
 ดูก่อนกุลบุตร สมาธินี้ชื่อว่า สรรวรูปสันทรรศนสมาธิ เมื่อพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์ดำรงอยู่ในสมาธินี้ สามารถสร้างประโยชน์แก่สัตว์ตามที่ปรารถนาได้  เมื่อพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงคัทคทัสวรปริวรรตนี้อยู่ พระโพธิสัตว์จำนวน 84 ร้อยพันหมื่นโกฏิ ที่มาสู่สหาโลกธาตุนี้ พร้อมกับพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ก็ได้บรรลุสรรวรูปสันทรรศนสมาธิ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์เหลือคณานับ ในสหาโลกธาตุนี้ ที่ได้สรรวรูปสันทรรศนสมาธิ 
         ครั้งนั้น พระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้ทำการบูชาอันไพบูลย์ยิ่งใหญ่ ที่สถูปพระธาตุของพระผู้มีพระภาคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี และพระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะ แล้วขึ้นไปสู่สัปตรัตนกูฏคาร ซึ่งตามแวดล้อมด้วยพระโพธิสัตว์ 84 ร้อยพันหมื่นโกฏิองค์ ได้มาสู่พุทธเกษตรของตนแล้ว พร้อมกับพุทธเกษตรทั้งหลายที่หวั่นไหว ดอกบัวที่โปรยลงมา ดนตรีร้อยพันหมื่นโกฏิชนิดบรรเลง เมื่อมาถึงแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะ ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์ได้ทำประโยชน์ต่อสัตว์ในสหาโลกธาตุแล้ว ข้าพระองค์ได้เห็น ได้นมัสการสถูปของพระผู้มีพระภาคคตถาตคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประภูตะรัตนะแล้ว พระผู้มีพระภาคตถาคตศากยมุนี ข้าพระองค์ ก็ได้เห็นและได้นมัสการแล้วเช่นกัน พระมัญชุศรีกุมารภูตะ ข้าพระองค์ก็ได้พบแล้ว พระไภษัชยราชโพธิสัตว์มหาสัตว์ผู้บรรลุกำลังแรงกล้าและพระประทานศูรโพธิสัตว์มหาสัตว์ ข้าพระองค์ก็ได้พบแล้ว มีพระโพธิสัตว์ 84 ร้อยพันโกฏิองค์ ที่ได้บรรลุสรวรูปสันทรรศนสมาธิ 
 เมื่อพระผู้มีพระภาค ได้ตรัสประวัติความเป็นมาของพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์มหาสัตว์อยู่นั้น พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย จำนวน 42,000องค์ ก็ได้บรรลุขันติธรรมที่เกิดขึ้น ส่วนพระโพธิสัตว์ปัทมศรีได้บรรลุสัทธรรมปุณฑรีกสมาธิ 
             บทที่ 23 คัทคทัสวรปริวรรต ว่าด้วยพระคัทคทัสวระโพธิสัตว์ มีเพียงเท่านี้

สัทธรรมปุณฑริกสูตร บทที่ ๒๒ ไภษัชยราชปูรวโยคปริวรรต ว่าด้วยปุพพโยคกรรมของพระไภษัชยราช

 
   นักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ได้ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เพราะเหตุไร? พระไภษัชยราชโพธิสัตว์มหาสัตว์ จึงได้ท่องเที่ยวไปในโลกธาตุนี้ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระโพธิสัตว์มหาสัตว์องค์นั้นได้ประสบความลำบากจำนวนมาก เป็นร้อยพันหมื่นโกฏิ เป็นการดียิ่ง ถ้าพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แสดงพื้นฐานจรรยาวัตรบางอย่าง ของพระไภษัชยราชโพธิสัตว์มหาสัตว์ เมื่อ เทพ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ มนุษย์ อมนุษย์ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลาย ผู้มาจากโลกธาตุอื่นจากนั้น และพระมหาสาวกทั้งหลายทั้งปวง ได้ฟังแล้ว จะเกิดปีติยินดี มีจิตฟูขึ้น 
ครั้งนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาค ทรงทราบคำทูลอาราธนาของพระนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะโพธิสัตว์มหาสัตว์แล้ว จึงตรัสกะพระโพธิสัตว์มหาสัตว์นักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะว่า ดูก่อนกุลบุตร เรื่องเคยมีมาแล้ว ในอดีต ที่ผ่านมาแล้วหลายกัลป์ ซึ่งเท่ากับจำนวนเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา กาลสมัยนั้น ได้มีพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งนามว่า จันทรสูรยวิมลประภาศรี ได้อุบัติขึ้นในโลก เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นโลกวิทู เป็นนายสารถีฝึกบุรุษที่หาผู้เปรียบมิได้ เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ได้ยินว่า พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจันทรสูรยวิมลประภาศรี นั้น ได้มีมหาสันนิบาตพระโพธิสัตว์มหาสัตว์จำนวน 80 โกฏิ และมีสาวกสันนิบาตเท่ากับเมล็ดทรายใน 72 แม่น้ำคงคา ประพจน์(ศาสนาของพระองค์) นั้นปราศจากมาตุคาม พุทธเกษตรนั้นปราศจากสัตว์นรก ปราศจากสัตว์ในกำเนิดเดรัจฉาน ปราศจากเปรตและอสูรกาย เป็นพุทธเกษตรที่น่ารื่นรมย์เสมอ ได้เกิดแล้วบนฝ่ามือส่วนที่เป็นพื้นดินสำเร็จด้วยแก้วไพฑูรย์ที่เป็นทิพย์ ประดับด้วยต้นรัตนจันทนพฤกษ์ มีหน้าต่างประดับด้วยรัตนะ ห้อยด้วยแผ่นผ้าที่ต่อเนื่องกัน จุดธูปครู่หนึ่ง ชั่วกลิ่นแห่งรัตนะ ที่โคนต้นรัตนพฤกษ์ทั้งปวง ประมาณช่วงแห่งการยิงลูกธนู จะมีโพยม (ปราสาท) รัตนะตั้งอยู่ บนยอดรัตนปราสาททั้งปวง มีเทพบุตรจำนวนร้อยโกฏิ ร่วมกันขับร้องประโคมดนตรี เพื่อบูชาพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยวิมลประภาศรี พระองค์นั้น พระผู้มีพระภาคนั้น ได้แสดงธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ โดยพิสดาร แก่พระมหาสาวกทั้งหลายเหล่านั้น และแก่พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ได้กระทำให้ พระสรรวสัตวปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ตั้งมั่นแล้ว พระชนมายุของพระนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ และพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยวิมลประภาศรี นั้นมีประมาณ 42 พันกัลป์ เช่นเดียวกับพระชนมายุของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ และพระสาวกเหล่านั้น ก็ พระสรรวสัตวปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ถึงพร้อมด้วยความประพฤติ ที่ทำได้ยากยิ่ง ตามประพจน์ของพระผู้มีพระภาค พระองค์ได้ขึ้นสู่การเดินจงกรม เป็นเวลา 12,000 ปี เป็นผู้ประกอบโยคะ ด้วยการใช้ความเพียรเป็นอย่างมาก ล่วงเลยไปถึง 12,000 ปี พระองค์จึงได้บรรลุ สรรวรูปสันทรรศนสมาธิ (สมาธิที่สามารถมองเห็นรูปทั้งปวง) พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์พระองค์นั้น เมื่อได้สมาธินั้นแล้ว ก็เกิดความยินดีปรีดิ์เปรมปลื้มปีติโสมนัสสูงสุด
 ในขณะนั้น คิดว่า เพราะอาศัยธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีตสูตรนี้ เราจึงได้สรรวรูปทรรศน์สมาธินี้ ในเวลานั้นพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้คิดอย่างนี้ว่า ไฉนหนอ เราควรทำการบูชาต่อพระผู้มีพระภาคตถาคต จันทรสูรยวิมลประภาศรี และธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนั้น ในขณะที่พระองค์ทรงบรรลุสมาธินั้น สายธารดอกมณฑารพน้อยใหญ่จำนวนมาก ได้โปรยลงจากฟากฟ้า แก่พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ผู้บรรลุสมาธินั้นตามลำดับ ละอองไม้จันทน์จับกลุ่มดำทะมึนปรากฏขึ้น สายฝนไม้จันทน์ก็ได้โปรยลงมา 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ คันธชาติเช่นนั้น แม้เพียงหนึ่งกรษะก็มีค่ากว่าสหาโลกธาตุนี้
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นั้นได้มีความทรงจำและมีความรู้สึก เมื่อออกจากสมาธินั้น ครั้นออกแล้ว ได้คิดอย่างนี้ว่า การบูชา พระผู้มีพระภาค ด้วยการแสดงฤทธิ์ปาฏิหาริย์เพียงเท่านี้ จะไม่มากไปกว่าการเสียสละชีวิตของตนได้เลย
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ในเวลานั้น พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้บริโภครสธูปไม้กฤษณาและกำยาน ทั้งได้ดื่มน้ำมันดอกจำปาแล้ว
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ โดยปริยายนั้น พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้บริโภคของหอมและดื่มน้ำมันจำปาผสมกันเรื่อยมา จนล่วงไปได้ 12 ปี
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น โดยกาลล่วงไป 12 ปีนั้น ได้ห่อหุ้มอัตภาพของตนด้วยผ้าทิพย์ กระทำการอธิษฐานเฉพาะตน แล้วกระโจนลงในน้ำมันหอม ครั้นทำการอธิษฐานเฉพาะตนแล้ว ได้เผากายตนเอง เพื่อกรรมคือการบูชาพระตถาคต และเพื่อบูชาธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ โลกธาตุทั้งหลายจำนวนเท่าเมล็ดทรายใน 80 แม่น้ำคงคา สว่างขึ้น ด้วยเปลวแสงประทีปจากกายของพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์พระองค์นั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งปวงเหล่านั้น มีจำนวนเท่าเมล็ดทรายใน 80 คงคานที ในโลกธาตุเหล่านั้น ได้ให้สาธุการว่า "ดีละ ดีละ กุลบุตร ดีละ ดีละ กุลบุตร ท่านจงทำต่อไป นี้คือการปรารภความเพียร อันเที่ยงแท้ของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลาย นี้คือตถาคตบูชาและธรรมบูชาอย่างแท้จริง ไม่เหมือนการบูชาด้วยดอกไม้ ธูป ของหอม มาลัย แป้งเครื่องลูบไล้ จีวร ธงปฏาก ไม่ใช่การบูชาด้วยอามิสไม่เหมือการบูชาด้วยไม้จันทน์อุรคสาร 
               ดูก่อนกุลบุตร นี้คือทานอันเลิศ ไม่เหมือนกับทานคือการสละราชสมบัติ ไม่เหมือนกับทานคือการสละบุตรและภรรยาอันเป็นที่รัก 
               ดูก่อนกุลบุตร การบูชาธรรมที่ทำแล้วอย่างนี้ เป็นสิ่งประเสริฐ ดี เลิศ เลิศที่สุด กว่าการสละอาตมภาวะของตน 
               ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระพุทธเจ้าเหล่านั้น ครั้นตรัสพระวาจาอย่างนี้แล้ว ก็ดำรงอยู่ด้วยอาการสงบ 
               ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ เมื่ออาตมภาวะ (ร่างกาย) ของพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์ ถูกไฟเผาไหม้อยู่นาน
ถึง 1200 ปี เปลวไฟก็ยังไม่สงบ หลังจากล่วงไปอีก 1200 ปี แล้ว ไฟนั้นจึงสงบ 
              ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ขณะนั้น พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ครั้นได้ทำตถาคตบูชา และธรรมบูชาอย่างนั้นแล้ว ก็จุติจากที่นั้น ไปบังเกิดทันทีในพระราชวังของ พระเจ้าวิมลทัตตะ ในสมัยของพระผู้มีพระภาค ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยวิมลประภาศรี บัลลังก์ก็ปรากฏขึ้นในบริษัท ในทันทีที่เกิดขึ้นนั้น พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้กล่าวคาถากับมารดาบิดาของตนในขณะนั้นว่า 1 ข้าแต่ราชเศรษฐะ ข้าพเจ้าได้สมาธินี้ เพราะผลแห่งการเดินจงกรมของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้สละอาตมภาวะอันเป็นที่รักยิ่ง บำเพ็ญมหาพรตอย่างแรงกล้าและมั่นคงยิ่ง 
               ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ครั้นได้กล่าวคาถานี้แล้ว ได้ทูลมารดาบิดของตนว่า ข้าแต่พระมารดาบิดา ข้าพเจ้าได้รับมนตร์ในการรับรู้เสียงทั้งปวง เพราะได้ทำการบูชาพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยวิมลประภาศรี ซึ่งยังดำรงพระชนม์อยู่ จะดำรงอยู่ต่อไปในโลกนี้ จักได้แสดงธรรมในวันนี้ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ มี 80 รั้อยพันหมื่นโกฏิคาถา ด้วย สังกระ(ระคนกัน) วิวระ(มีช่องทาง) อัโษภยะ(100วิวระ) ทั้งหมด ข้าพเจ้าได้ฟังจากสำนักของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ข้าแต่พระมารดา พระบิดา ดีละ ข้าพเจ้าจักไปสู่สำนักของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ครั้นไปที่นั้นแล้ว จักทำการบูชาพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ในขณะนั้น พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้เหาะขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงประมาณ 7 ชั่วต้นตาล นั่งขัดสมาธิบนสัปตรัตนกูฏาคาร แล้วเคลื่อนเข้าไปสู่ที่ประทับของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้ว ได้อภิวาทพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า กระทำสักการะ ประทักษินพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นประคองอัญชลีไปในทิศที่พระผู้มีพระภาคประทับ ครั้นนมัสการพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้สดุดี ด้วยคาถานี้ว่า 
1 ข้าแต่พระนริทระ พระองค์ผู้เป็นปราชญ์ มีพระพักตร์ผ่องใส รัศมีของพระองค์แผ่สว่างไปใน10 ทิศ ข้าแต่พระสุคต ผู้เป็นที่
พึ่ง เพราะข้าพระองค์ ได้ทำการบูชาอันเลิศแด่พระองค์ จึงได้มาเฝ้าพระองค์อีก ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ในขณะนั้น เมื่อพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ กล่าวคาถานี้แล้ว จึงได้ทูลเนื้อความนี้ กับพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยวิมลประภาศรี ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์ยังพอทรงพระชนม์อยู่แม้ในวันนี้หรือ? 
              ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจันทรสูรยวิมลประภาศรี นั้น ได้ตรัสเนื้อความนี้กับพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า ดูก่อนกุลบุตร กาลสมัยแห่งนิพพานของเรา ได้มาถึงแล้ว ดูก่อนกุลบุตรกาลอันเป็นที่สิ้นสุดของเราได้มาถึงแล้ว ดูก่อนกุลบุตร ท่านจงไปสู่ที่นั้น เพื่อเตรียมเตียงแก่เรา เราจักปรินิพพาน ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระผู้มีพระภาคตถาคตจันทรสูรยวิมลประภาศรี ได้ตรัสข้อความกันพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นั้นว่า "ดูก่อนกุลบุตร เราจักมอบศาสนา (คำสอน) นี้แก่ท่าน เราจักมอบพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ พระมหาสาวกทั้งหลาย พระพุทธโพธิญาณ โลกธาตุ รัตนวโยมกะ เทวบุตรและอุปัฏฐาก ทั้งหลายของเราแก่ท่าน  ดูก่อนกุลบุตร เมื่อเรานิพพานแล้ว เราจักมอบพระธาตุเหล่านั้นแก่ท่าน ดูก่อนกุลบุตรขอให้ท่านพึงทำการบูชาพระธาตุของเราอย่างใหญ่หลวงด้วยตนเอง ท่านพึงกระทำพระธาตุเหล่านั้น ให้แผ่กว้างออกไป ท่านพึงสร้างสถูปจำนวนหลายพันองค์
               ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จันทรสูรยวิมลประภาศรี นั้น ครั้นได้
สอน (แนะนำ) พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์อย่างนั้นแล้ว ในปัจฉิมยามราตรีนั้นเอง ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์พระองค์นั้นเห็นว่า พระผู้มีพระภาคตถาคต จันทรสูรยวิมลประภาศรี ปรินิพพานแล้ว จึงจักทำกองไม้จันทน์อุรคสาร ถวายพระเพลิงอาตมภาวะ(สรีระ)ของพระตถาคตนั้น เมื่อเห็นว่า อาตมภาวะของพระตถาคตที่ถูกเผาไหม้สงบลงแล้ว ต่อมาจึงเก็บพระธาตุ ร้องไห้ คร่ำครวญ เศร้าโศกแล้ว ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ เมื่อพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ร้องไห้คร่ำครวญ เศร้าโศกนั้น ได้ให้สร้างสัปตรัตนกุมภะ 84,000 ใบ บรรจุพระธาตุของพระตถาคต ลงในสัปตรัตนกุมภะเหล่านั้น ทั้งให้สร้างสัปตรัตนสถูป 84,000 องค์ สูงจรดพรหมโลก ประดับด้วยฉัตรเป็นแถว ห้อยด้วยผ้าแพรและกระดิ่ง เมื่อสร้างสถูปเหล่านั้นเสร็จแล้ว คิดว่าเราได้ทำการบูชาพระธาตุของพระตถาคตให้เลิศมากยิ่งขึ้น 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้กล่าวกับคณะของพระโพธิสัตว์ มหา
สาวก เทพ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ มนุษย์ และอมนุษย์ทั้งปวงเหล่านั้นว่า  ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งปวง จงมารวมกัน เราจักทำการบูชาพระธาตุ ของพระตถาคตพระองค์นั้น 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ในขณะนั้น พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้เผาแขนของตนที่วิจิตรด้วยบุณยลักษณะ 100 ประการ เบื้องหน้าสถูปพระธาตุของพระตถาคต 84,000 องค์ ครั้นเผาแล้ว ได้ทำการบูชาสถูปพระธาตุพระตถาคตเหล่านั้นเป็นเวลา 72,000 ปี ครั้นทำการบูชาแล้ว ได้ทำการสอนพระสาวก จำนวน พันร้อยหมื่นโกฏิจนนับไม่ได้จากบริษัทนั้น พระโพธิสัตว์เหล่านั้น ได้บรรลุสรรวรูปสันทรรศน์สมาธิทุกองค์
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ คณะของพระโพธิสัตว์ทั้งปวงนั้น และมหาสาวกทั้งหลาย ครั้นได้เห็นพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น เสียอวัยวะ (แขน มีหน้านองด้วยน้ำตา ร้องไห้ คร่ำครวญ เศร้าโศก ได้กล่าวต่อๆกันว่า พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นี้ เป็นอาจารย์สั่งสอนเรา ขณะนี้ พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ยังดำรงอยู่ทั้งที่เสียอวัยวะ เสียแขน
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้กล่าวกะพระโพธิสัตว์ มหาสาวก และเทวบุตรเหล่านั้นว่า ดูก่อนกุลบุตรทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย เมื่อเห็นเราเสียอวัยวะ จงอย่างร้องไห้ อย่างคร่ำครวญ อย่าเศร้าโศกไปเลย ที่ทรงพระชนม์อยู่ และทรงพระชนม์อยู่ต่อไปในโลกธาตุ อันไม่มีที่สิ้นสุดในทิศทั้ง 10 ขอให้พระพุทธเจ้าทั้งปวงเหล่านั้น เป็นพยานต่อพระผู้มีพระภาค ที่ได้สละแขนข้างหนึ่งของข้าพเจ้า ด้วยสัตยวาจาที่กล่าวนั้น ขอให้กายของข้าพเจ้าเป็นสีทอง ด้วยสัตยวาจานั้น ขอให้แขนของข้าพเจ้าจงเป็นเหมือนเดิม ขอให้มหาปฤถิวีนี้ จงหวั่นไหวเป็น 6 วิการ (6จังหวะ) ขอให้เทพบุตรทั้งหลายที่อยู่บนท้องฟ้า จงโปรยฝนดอกไม้จำนวนมากลงมา
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ในทันทีที่พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น กระทำสัตยาธิษฐานนี้ สามพันโลกธาตุน้อยใหญ่นี้ ก็หวั่นไหวเป็น 6 จังหวะ ฝนดอกไม้จำนวนมากถูกโปรยลงมาจากเบื้องบนฟากฟ้า แขนของพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ ก็ได้ปรากฏเหมือนเดิม เพราะความตั้งมั่นด้วยพลังแห่งญาณ และพลังแห่งบุญของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ท่านอาจจะมีความสงสัย เข้าใจผิด หรือไม่แน่ใจว่า ก็โดยกาลสมัยนั้น พระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น เป็นผู้อื่น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ท่านไม่ควรมีความคิดเห็นอย่างนั้น เพราะอะไร?
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ เพราะว่า พระไภษัชยราชโพธิสัตว์มหาสัตว์ ในกาลสมัยนั้น คือพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ (ในสมัยนี้)
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระไภษัชยราชโพธิสัตว์มหาสัตว์ ได้ประสบความทุกข์ยากถึงพันร้อยหมื่นโกฏิชนิด ที่ปรารถนาอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณนี้ พึงเผานิ้วหัวแม่เท้าที่เจดีย์ของพระตถาคต พึงเผานิ้วมือ หรือนิ้วเท้าข้างหนึ่ง หรืออวัยวะแขนข้างหนึ่ง กุลบุตร หรือกุลธิดานั้น ผู้ดำรงอยู่ในโพธิสัตวยาน ก็ชื่อว่า ได้ทำสักการะ ด้วยบุญที่มากกว่า ไม่น้อยไปกว่าการบริจาคราชสมบัติ ไม่น้อยไปกว่าการบริจาคบุตรธิดาและภรรยาอันเป็นที่รัก ไม่น้อยไปกว่าการบริจาคโลกธาตุทั้งสามพันน้อยใหญ่รวมทั้งป่า มหาสมุทร ภูเขา น้ำพุ สระน้ำ ลำธาร บ่อ และอาราม
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ กุลบุตรหรือกุลธิดา ผู้ดำรงอยู่ในโพธิสัตวยาน พึงกระทำโลกธาตุทั้งสามพันน้อยใหญ่ใน
เต็มด้วยสัปตรัตนะ แล้วพึงถวายทานแด่พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระสาวก และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งปวง ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ กุลบุตรหรือกุลธิดานั้น สามารถทำได้พึงเพียงนั้น กุลบุตร หรือกุลธิดานั้นพึงรักษาธรรมบรรยายปุณฑรีกสูตร โดยที่สุดแม้เพียงคาถาหนึ่ง ซึ่งมี 8 บาท เราย่อมกล่าวว่า การสักการะอย่างนี้ ของกุลบุตรกุลธิดานั้นย่อมมีผลมากกว่า เราไม่กล่าวว่า ผู้ที่ทำโลกธาตุทั้งสามพันน้อยใหญ่นี้ ให้เต็มด้วยสัปตรัตนะ แล้วถวายทานแด่พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระสาวก และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งปวงว่าย่อมมีผลบุญมากกว่า
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ มหาสมุทรถึงความเป็นยอดของน้ำพุ สระ หนอง ทั้งปวงฉันใด ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ก็ถึงความเป็นยอดแห่งพระสูตรทั้งปวง ที่พระตถาคตตรัสแล้ว ฉันนั้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระสุเมรุที่เป็นราชาแห่งภูเขา ย่อมถึงความเป็นยอดแห่งภูเขาตามกาลแห่งจักรวาลและมหาจักรวาลทั้งปวง ฉันใด ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ชื่อว่า ราชา ถึงความเป็นยอดแห่งพระสูตรทั้งปวง ที่พระตถาคตตรัสแล้ว ฉันนั้น 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระจันทร์ที่ให้แสงสว่าง ถึงความเป็นยอดของดวงดาว ทั้งปวง ฉันใด  ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายปุณฑรีกสูตรนี้ ที่ให้แสงสว่างยิ่งกว่าพระจันทร์พันร้อยหมื่นโกฏิดวง ย่อมถึงความเป็นยอดกว่าพระสูตรทั้งปวง ที่พระตถาคตตรัสแล้ว ฉันนั้น 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ มณฑลของพระอาทิตย์ย่อมขจัดความมืดมนอนธการทั้งปวง ฉันใด ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ย่อมกำจัดความมืดมนอนธการแห่งอกุศลทั้งปวง ฉันนั้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ บรรดาเทพทั้งปวงในตรัยตรึงศ์ ท้าวสักกะ เป็นใหญ่กว่าเทพทั้งปวง ฉันใด ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ย่อมเป็นใหญ่กว่าพระสูตรทั้งปวงที่พระตถาคตตรัสแล้ว ฉันนั้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ท้าวสหัมบดีพรหม ผู้เป็นราชาแห่งเทพ พรหมกายิกาทั้งปวง ทำหน้าที่บิดาแห่งพรหมโลก ฉันใด  ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตร นี้ ย่อมทำหน้าที่บิดาของสัตว์
ทั้งปวง พระสาวกทั้งปวง ทั้งที่เป็นพระเสขะและพระอเสขะ พระปัจเจกพุทธเจ้า และผู้ที่ตั้งอยู่ในโพธิสัตวยานทั้งปวง ฉันนั้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ และพระปัจเจกพุทธเจ้า ย่อมเป็น
ผู้ก้าวล่วงชน ไม่เว้นแม้คนพาลทั้งปวง ฉันใด ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ย่อมก้าวล่วงพระสูตรทั้งปวง ที่พระตถาคตตรัสแล้ว พึงทราบเถิดว่า เป็นพระสูตรที่ถึงความเป็นเลิศ และถึงความเป็นยอด ฉันนั้น 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ สัตว์เหล่าใด รักษาราชา(ความยิ่งใหญ่)แห่งพระสูตรนี้ พึงทราบว่า สัตว์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเป็นผู้ถึงความเป็นยอด
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระโพธิสัตว์ เรากล่าว่า เป็นเลิศกว่าพระสาวก และพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งปวง ฉันใด ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ เราก็กล่าวว่า เป็นเลิศกว่าพระสูตรทั้งปวง ที่พระตถาคตตรัสแล้ว ฉันนั้น 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ พระตถาคต ผู้เป็นธรรมราชาเจ้านคร ของพระสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์ทั้งปวง ฉันใด  ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ 
ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ชื่อว่า เป็นตถาคต ของ
ผู้ตั้งอยู่ในโพธิสัตว์ยานทั้งหลาย ฉันนั้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ย่อมปกป้องสัตว์ทั้งปวงจากภัยทั้งปวง ย่อมปลดเปลื้องสัตว์ทั้งปวง จากความทุกข์ทั้งปวง เหมือนกับบ่อน้ำของผู้กระหายน้ำ เหมือนกับไฟของผู้มีความหนาวเย็น เหมือนเสื้อผ้าของคนเปลือยกาย เหมือนผู้นำการค้าของพ่อค้า เหมือน
มารดาของบุตร เหมือนเรือของผู้ข้ามฝั่ง เหมือนนายแพทย์สำหรับ ผู้ป่วยไข้ เหมือนประทีปสำหรับผู้อยู่ในความมืด เหมือน
รัตนะของผู้ปรารถนาทรัพย์ เหมือนพระเจ้าจักรพรรดิของป้อมรบทั้งปวง เหมือนมหาสมุทรของแม่น้ำ เหมือนเปลวไฟของผู้กำจัดความมืดมน อน ธการ 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ย่อมปลดเปลื้องจากความทุกข์ทั้งปวง ย่อมขจัดพยาธิทั้งปวง ย่อมปลดเปลื้องจากหนทางที่สัมพันธ์กับภัยในสงสารทั้งปวง ฉันนั้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ผู้ใดได้ฟัง ได้ถ่ายทอด หรือคัดลอก ธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ใครๆก็ไม่สามารถจะนับปุญญาภิสังขาร ของผู้นั้น ให้สิ้นสุดได้ด้วยพุทธญาณ กุลบุตรหรือ
กุลธิดา ชื่อว่า ได้สร้างปุญญาภิสังสารนั้น กุลบุตรหรือกุลธิดา ใด ได้รักษา ท่อง สวด สดับ คัดลอกซึ่งธรรมบรรยายนี้ หรือทำเป็นเล่มหนังสือ แล้วพึงสักการะ เคารพ นบนอบ บูชาด้วยดอกไม้ ธูป มาลัย ของหอม ผงเครื่องลูบไล้ จีวร ฉัตร ธงปฏาก ธงไพชยันต์ หรือด้วยดนตรี ผ้า และกรรมคือการประคองอัญชลี หรือ ด้วยประทีปน้ำมันเนย ประทีปน้ำมันหอม ประทีปน้ำมันดอกจำปา ประทีปน้ำมันดอกสุมนา ประทีปน้ำมันปาฎะ ประทีปน้ำมันจารษิกะ หรือประทีปนั้นดอกมะลิซ้อน พึงกระทำการสักการะ เคารพ นบน้อม และบูชา ด้วยการบูชาชนิดต่างๆ จำนวนมาก
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ กุลบุตร หรือ กุลธิดา ผู้ดำรงอยู่ในโพธิสัตวยาน ผู้รักษา ท่องจำ และฟัง โยคปริวรรตเก่าๆ ของพระไภษัชยราช ชื่อว่าได้สะสมบุญไว้จำนวนมาก
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ถ้ามาตุคามใด ได้ฟังธรรมบรรยายนี้ แล้วยึดถือปฏิบัติ รักษาไว้ สตรีภาวะจักมีแก่เขาเป็นครั้งสุดท้าย
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ มาตุคามบางคน ได้ฟังประวัติปูรวโยคะของพระไภษัชยราชนี้ แล้วปฏิบัติตามใน 50 ชาติสุดท้าย เขาเมื่อจุติจากโลกนี้แล้ว จะไปเกิดในโลกธาตุสุขาวดี ที่พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า อมิตายุส ซึ่งแวดล้อมด้วยคระของพระโพธิสัตว์ ประทับอยู่ ดำรงอยู่ และจะดำรงอยู่ต่อไป เขาได้อุบัติขึ้นนั่งบนสิงหาสน์ปัทมครรภ์นั้น ความรัก ความเกลียดชัง ความลุ่มหลง ความเย่อหยิ่ง ความริษยา ความโกรธ และความพยาบาท จะไม่เบียดเบียนเขาอีกต่อไป พร้อมกับการอุบัติขึ้น เขาย่อมได้รับอภิญญา 5 ประการ ได้ความเพียรในธรรมที่ยังไม่อุบัติขึ้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ เขาเป็นพระโพธิสัตว์ ที่มีความเพียรในธรรม ขณะที่ยังไม่อุบัติขึ้น ได้เห็นพระตถาคตทั้งหลายมีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายใน 72 คงคานที เขาสามารถมองเห็นพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย ด้วยจักขุนทรีย์ที่บริสุทธิ์ยิ่งของเขา
 พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น ได้ประทานให้สาธุการแก่เขาว่า ดีละ ดีละ กุลบุตร ท่านได้ฟังธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตร ที่ยกขึ้นแสดงในประพจน์ของพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี แล้วศึกษา เจริญภาวนา ใคร่ควรญ กระทำไว้ในใจ และประกาศแก่สัตว์เหล่าอื่น 
 ดูก่อนกุลบุตร การสะสมบุญนี้ของท่าน แม้พระพุทธเจ้าพันองค์ก็ไม่อาจจะชี้แจงได้
 ดูก่อนกุลบุตร ท่านได้เป็นศัตรูของมารร้าย ได้ข้ามพ้นสงครามอันน่ากลัวแล้ว ได้บดขยี้ศัตรูผู้ขัดขวางได้แล้วท่านได้เป็นผู้ตั้งมั่นแล้ว ในพระพุทธเจ้าพันร้อยองค์
 ดูก่อนกุลบุตร ในโลกรวมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก บรรดาประชาชนทั้งหลาย รวมทั้งสมณะและพราหมณ์ บุคคลผู้เป็นเช่นท่านนั้น ย่อมไม่มี ยกเว้นพระตถาคตเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น บุคคลอื่น จะเป็นพระสาวกก็ตาม พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ตาม พระโพธิสัตว์ก็ตาม ไม่สามารถจะชนะ (ครอบงำ) ท่านได้ด้วยบุญ ปัญญา หรือสมาธิ
  ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะโพธิสัตว์นั้น ชื่อว่า เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งพลังแห่งปัญญา 
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ผู้ใดได้ฟังประวัติโยคะในกาลก่อนของพระไภษัชยราชนี้ ที่กำลังเล่าอยู่ แล้วให้สาธุการ กลิ่นหอมแห่งดอกอุบลจักออกจากปากของผู้นั้น กลิ่นจันทน์หอม จักมีจากอวัยวะของเขา บุคคลใด ให้สาธุการในธรรมบรรยายนี้ คุณานิสงส์ทั้งหลายที่เราแสดงแล้วในที่นี้ ซึ่งประกอบด้วยธรรมที่ประจักษ์เหล่านี้ จักมีแก่บุคคลนั้น
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ เพราะเหตุนั้น เราจึงมอบพระสูตรนี้ ที่เป็นบุพโยคประวัติของพระสรรวสัตว์ปริยทรรศน์โพธิสัตว์มหาสัตว์ (ให้แก่ท่าน) เพราะในกาลสมัยสุดท้าย ธรรมบรรยายนี้พึงดำเนินไปในชมพูทวี่ปนี้ ใน 50 ปีสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ยังไม่ถึงกับอันตรธาน มารผู้มีบาปไม่พึงได้โอกาส (กาอวตาร) แม้กระทั่งเทพ ผู้เป็นกลุ่มของมาร นาค ยักษ์ คนธรรพ์ และกุมภัณฑ์ก็ไม่พึงได้การอวตาร
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ เพราะเหตุนั้น เราจึงอธิษฐานถึงธรรมบรรยายนี้ ในชมพูทวีปนี้ ธรรมบรรยายนี้ จักเป็นเภสัชของสัตว์ทั้งหลาย ผู้ป่วย และถูกพยาธิเบียดเบียน เพราะได้ฟังธรรมบรรยายนี้ พยาธิย่อมไม่เข้าสู่ร่างกาย ความชราและความตายก่อนอายุขัย จะไม่มาถึง
 ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ถ้าบุคคลผู้ดำรงอยู่ในโพธิสัตวยานพึงเห็นภิกษุ ผู้รักษาพระสูตรนี้ แล้วพึงสักกาะท่าน แม้ด้วยผงจันทน์และดอกอุบล ครั้นโปรยดอกไม้แล้ว พึงเกิดความคิดขึ้นว่า กุลบุตรจักไปสู่มณฑลของต้นโพธิ์ จักรับหญ้า จักกำหนดรู้ที่นอนคือหญ้าที่ต้นโพธิ์ เขาจักกระทำให้มารและยักษ์พ่ายแพ้ เขาจักยังสังข์แห่งธรรมให้สมบูรณ์ เขาจักตีกลองแห่งธรรม เขาจักข้ามสาครคือภพ ดูก่อนนักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ กุลบุตร หรือกุลธิดา ผู้ดำรงอยู่ในโพธิสัตวยานนั้น ครั้นได้เห็นภิกษุ ผู้รักษาพระสูตรนี้ พึงเกิดความคิดว่า คุณานิสงส์ที่พระตถาคตแสดงแล้ว ย่อมมีมากมายถึงเพียงนี้
 เมื่อพระตถาคตกำลังแสดงบุพโยคประวัติของพระไภษัชยราชอยู่นั้นพระโพธิสัตว์จำนวน 84,000 องค์ ก็ได้รับมนต์ที่นำไปสู่ความเป็นผู้ฉลาดในเสียงทั้งปวง พระผู้มีพระภาคประภูตรัตนตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประทานสาธูการว่า ดีละ ดีละ นักษัตรราชสังกุสุมิตาภิชญะ ท่านได้คิดอย่างนี้ แล้วถามพระตถาคต ผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมที่ไม่สามารถคิดคำนวณได้ ซึ่งพระตถาคตก็ได้แสดงไว้แล้ว 
             บทที่ 22 ไภษัชยราชปูรวโยคปริวรรค ว่าด้วยปุพพโยคกรรมของไภษัชยราช มีเพียงเท่านี้