
เมื่อท่านพระยสกากัณฑกบุตร กล่าวอย่างนี้แล้ว อุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลีได้กล่าวกะท่านพระยสกากัณฑกบุตรว่า ท่านเจ้าข้า พระคุณเจ้ายสกากัณฑกบุตรรูปเดียวเท่านั้น เป็นพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร ภิกษุพวกนี้ทั้งหมดไม่ใช่สมณะ ไม่ใช่เชื้อสายพระศากยบุตร ท่านเจ้าข้า ขอพระคุณเจ้า
ยสกากัณฑกบุตรจงอยู่ในเมืองเวสาลี พวกข้าพเจ้าจักทำการขวนขวายเพื่อจีวรบิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร แก่พระคุณเจ้ายสกากัณฑกบุตร
ครั้งนั้น ท่านพระยสกากัณฑกบุตร ได้ชี้แจงให้อุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลีเข้าใจแล้ว ได้ไปอารามพร้อมกับพระอนุทูต ฯ
ลงอุกเขปนียกรรม
[๖๓๙] ครั้งนั้น พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี ได้ถามพระอนุทูตว่าคุณ พระยสกากัณฑกบุตร ขอโทษอุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลีแล้วหรือ
พระอนุทูตตอบว่า ท่านทั้งหลาย อุบาสกอุบาสิกาทำความลามกให้แก่พวกเรา ทำพระยสกากัณฑบุตรรูปเดียวเท่านั้นให้เป็นสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรทำพวกเราทั้งหมดไม่ให้เป็นสมณะ ไม่ให้เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร
ครั้งนั้น พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีปรึกษากันว่า ท่านทั้งหลายพระยสกากัณฑกบุตรนี้ พวกเรามิได้สมมติ แต่ประกาศแก่พวกคฤหัสถ์ ถ้าเช่นนั้นพวกเราจะลงอุกเขปนียกรรมแก่เธอ พระวัชชีบุตรเหล่านั้น ปรารถนาจะลงอุกเขปนียกรรมแก่พระยสกากัณฑกบุตรนั้น จึงประชุมกันแล้ว
ครั้งนั้น ท่านพระยสกากัณฑกบุตร เหาะสู่เวหาสไปปรากฏในเมืองโกสัมพี แล้วส่งทูตไป ณ สำนักภิกษุชาวเมืองปาฐา เมืองอวันตี และประเทศทักขิณาบถว่า ท่านทั้งหลายจงมาช่วยกันยกอธิกรณ์นี้ ต่อไปในภายหน้าสภาพมิใช่ธรรมจักรุ่งเรือง ธรรมจักเสื่อมถอย สภาพมิใช่วินัยจักรุ่งเรือง วินัยจักเสื่อมถอย
ภายหน้าพวกอธรรมวาทีจักมีกำลัง พวกธรรมวาทีจักเสื่อมกำลัง พวกอวินยวาทีจักมีกำลัง พวกวินยวาทีจักเสื่อมกำลัง ฯ
เรื่องพระสัมภูตสาณวาสีเถระ
[๖๔๐] สมัยนั้น ท่านพระสัมภูตสาณวาสี อาศัยอยู่ที่อโหคังคบรรพตครั้งนั้น ท่านพระยสกากัณฑกบุตร เข้าไปหาท่านพระสัมภูตสาณวาสียังอโหคังคบรรพต อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้งแล้วได้กล่าวว่า ท่านผู้เจริญพวกพระวัชชีบุตร ชาวเมืองเวสาลีพวกนี้ แสดงวัตถุ ๑๐ ประการ ในเมืองเวสาลีว่าดังนี้:-
๑. เก็บเกลือไว้ในเขนงฉัน ควร
๒. ฉันอาหารในเวลาบ่ายล่วงสององคุลี ควร
๓. เข้าบ้านฉันอาหารเป็นอนติริตตะ ควร
๔. อาวาสมีสีมาเดียวกัน ทำอุโบสถต่างๆ กัน ควร
๕. เวลาทำสังฆกรรม ภิกษุมาไม่พร้อมกันทำก่อนได้ ภิกษุมาทีหลังจึงบอกขออนุมัติ ควร
๖. การประพฤติตามอย่าง ที่อุปัชฌาย์และอาจารย์ประพฤติมาแล้ว ควร
๗. ฉันนมสดที่แปรแล้ว แต่ยังไม่เป็นนมส้ม ควร
๘. ดื่มสุราอ่อน ควร
๙. ใช้ผ้านิสีทนะไม่มีชาย ควร
๑๐. รับทองและเงิน ควร
ถ้าเช่นนั้น พวกเราจงช่วยกันยกอธิกรณ์นี้ ภายหน้าสภาพมิใช่ธรรมจักรุ่งเรือง ธรรมจักเสื่อมถอย สภาพมิใช่วินัยจักรุ่งเรือง วินัยจักเสื่อมถอย ภายหน้าพวกอธรรมวาทีจักมีกำลัง พวกธรรมวาทีจักเสื่อมกำลัง พวกอวินยวาทีจักมีกำลัง พวกวินยาทีจักเสื่อมกำลัง ท่านพระสัมภูตสาณวาสี รับคำท่านพระยสกากัณฑกบุตรแล้ว
ครั้งนั้น พวกภิกษุชาวเมืองปาฐา ประมาณ ๖๐ รูป ถืออยู่ป่าเป็นวัตรทั้งหมด ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตรทั้งหมด ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตรทั้งหมด ถือไตรจีวรเป็นวัตรทั้งหมด เป็นพระอรหันต์ทั้งหมด ประชุมกันที่อโหคังคบรรพต ภิกษุชาวเมืองอวันตีและประเทศทักษิณาบถประมาณ ๘๐ รูป บางพวกถืออยู่ป่า
เป็นวัตร บางพวกถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร บางพวกถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร บางพวกถือไตรจีวรเป็นวัตร เป็นพระอรหันต์ทั้งหมด ประชุมกันที่อโหคังคบรรพต ฯ
เรื่องพระเรวตเถระ
[๖๔๑] ครั้งนั้น พระเถระทั้งหลายกำลังปรึกษากัน ได้คิดว่าอธิกรณ์นี้หยาบช้า กล้าแข็งนัก ไฉนหนอ พวกเราจักได้ฝักฝ่าย ที่เป็นเหตุให้มีกำลังกว่าในอธิกรณ์นี้
ครั้งนั้น ท่านพระเรวตะอาศัยอยู่ในโสเรยยนคร เป็นพหูสูต ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา เป็นผู้ฉลาด เฉียบแหลม เป็นนักปราชญ์มีความละอาย มีความรังเกียจ ใคร่ต่อสิกขา
พระเถระทั้งหลาย คิดกันว่า ท่านพระเรวตะนี้แล อาศัยอยู่ในโสเรยยนคร เป็นพหูสูต ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา เป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลม เป็นนักปราชญ์ มีความละอาย มีความรังเกียจ ใคร่ต่อสิกขา ถ้าพวกเราได้ท่านพระเรวตะไว้เป็นฝักฝ่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจักมีกำลังกว่าในอธิกรณ์นี้
ท่านพระเรวตะได้ยินถ้อยคำของพระเถระทั้งหลายปรึกษากันอยู่ด้วยทิพโสตธาตุอันหมดจด ล่วงเสียซึ่งโสตธาตุแห่งมนุษย์ ครั้นแล้วจึงคิดว่า อธิกรณ์นี้แล หยาบช้า กล้าแข็ง ข้อที่เราจะท้อถอยในอธิกรณ์เห็นปานนั้นไม่สมควรแก่เราเลย ก็แลบัดนี้ ภิกษุเหล่านั้นจักมาหา เราคลุกคลีกับพวกเธอจักอยู่ไม่ผาสุก ถ้ากระไร เราควรไปเสียก่อน
ครั้งนั้น ท่านพระเรวตะ ได้ออกจากเมืองโสเรยยะไปสู่เมืองสังกัสสะ ที่นั้น พระเถระทั้งหลายได้ไปสู่เมืองโสเรยยะ แล้วถามว่า ท่านพระเรวตะไปไหนพวกเขาตอบอย่างนี้ว่า ท่านพระเรวตะนั้นไปเมืองสังกัสสะแล้ว ต่อมา ท่านพระเรวตะได้ออกจากเมืองสังกัสสะไปสู่เมืองกัณณกุชชะแล้ว พระเถระทั้งหลายพากัน
ไปเมืองสังกัสสะ แล้วถามว่า ท่านพระเรวตะไปไหน พวกเขาตอบอย่างนี้ว่า ท่านพระเรวตะนั้น ไปเมืองกัณณกุชชะแล้ว
ครั้งนั้น ท่านพระเรวตะได้ไปจากเมืองกัณณกุชชะ สู่เมืองอุทุมพร จึงพระเถระทั้งหลายพากันไปเมืองกัณณกุชชะ แล้วถามว่า ท่านพระเรวตะไปไหนพวกเขาตอบอย่างนี้ว่า ท่านพระเรวตะนั้นไปเมืองอุทุมพร
ครั้งนั้น ท่านพระเรวตะได้ไปจากเมืองอุทุมพรสู่เมืองอัคคฬปุระ จึงท่านพระเถระทั้งหลายพากันไปเมืองอุทุมพร แล้วถามว่า ท่าพระเรวตะไปไหน พวกเขาตอบอย่างนี้ว่า ท่านพระเรวตะนั้นไปเมืองอัคคฬปุระ
ครั้งนั้น ท่านพระเรวตะได้ไปจากเมืองอัคคฬปุระ สู่สหชาตินคร พระเถระทั้งหลายพากันไปเมืองอัคคฬปุระ แล้วถามว่า ท่านพระเรวตะไปไหน พวกเขาตอบอย่างนี้ว่า ท่านพระเรวตะนั้นไปสหชาตินครแล้ว พระเถระทั้งหลายไปทัน ท่านพระเรวตะที่สหชาตินคร ฯ
ปุจฉาวิสัชนาวัตถุ ๑๐ ประการ
[๖๔๒] ครั้งนั้น ท่านพระสัมภูตสาณวาสี ได้กล่าวกะท่านพระยสกากัณฑกบุตรว่า ท่านพระเรวตะรูปนี้ เป็นพหูสูต ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรมทรงวินัย ทรงมาติกา เป็นผู้ฉลาด เฉียบแหลม เป็นนักปราชญ์ มีความละอายมีความรังเกียจ ใคร่ต่อสิกขา ถ้าพวกเราจักถามปัญหากะท่านพระเรวตะ ท่านพระเรวตะ
สามารถจะยังราตรีแม้ทั้งสิ้น ให้ล่วงไปด้วยปัญหาข้อเดียวเท่านั้น ก็แลบัดนี้ ท่านพระเรวตะจักเชิญพระอันเตวาสิกให้สวดสรภัญญะ ท่านนั้น เมื่อภิกษุรูปนั้นสวดสรภัญญะจบ พึงเข้าไปหาท่านพระเรวตะ แล้วถามวัตถุ ๑๐ ประการนี้ท่านพระยสกากัณฑกบุตรรับคำของท่านพระสัมภูตสาณวาสีแล้ว ท่านพระเรวตะได้เชิญพระ
อันเตวาสิก ให้สวดสรภัญญะแล้ว ท่านพระยสกากัณฑกบุตร เมื่อภิกษุนั้นสวดสรภัญญะจบ ได้เข้าไปหาท่านพระเรวตะ อภิวาทนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วถามว่า สิงคิโลณกัปปะ ควรหรือ ขอรับ
พระเรวตะย้อนถามว่า สิงคิโลณกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ
ย. การเก็บเกลือไว้ในเขนงโดยตั้งใจว่าจักปรุงในอาหารที่จืดฉัน ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. ทวังคุลกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ทวังคุลกัปปะนั้น คืออะไร
ย. การฉันโภชนะในวิกาลเมื่อตะวันบ่ายล่วงแล้วสององคุลี ควรหรือไม่ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. คามันตรกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. คามันตรกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ
ย. ภิกษุฉันเสร็จ ห้ามภัตรแล้วคิดว่า จักเข้าละแวกบ้าน ในบัดนี้ ฉันโภชนะเป็นอนติริตตะ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. อาวาสกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. อาวาสกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ
ย. อาวาสหลายแห่ง มีสีมาเดียวกัน ทำอุโบสถต่างกัน ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. อนุมติกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. อนุมติกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ
ย. สงฆ์เป็นวรรคทำกรรม ด้วยตั้งใจว่า จักให้ภิกษุที่มาแล้วอนุมัติควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. อาจิณณกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. อาจิณณกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ
ย. การประพฤติวัตรด้วยเข้าใจว่า นี้พระอุปัชฌาย์ของเราเคยประพฤติมานี้พระอาจารย์ของเราเคยประพฤติมา ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. อาจิณณกัปปะ บางอย่างควร บางอย่างไม่ควร ขอรับ
ย. อมถิตกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. อมถิตกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ
ย. นมสดละความเป็นนมสดแล้ว ยังไม่ถึงความเป็นนมส้ม ภิกษุฉันเสร็จ ห้ามภัตรแล้ว จะดื่มนมนั้นอันเป็นอนติริตตะ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. ดื่มชโลคิ ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ชโลคินั้น คืออะไร ขอรับ
ย. การดื่มสุราอย่างอ่อนที่ยังไม่ถึงความเป็นน้ำเมา ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. ผ้าปูนั่งไม่มีชาย ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. ทองและเงิน ควรหรือไม่ ขอรับ
ร. ไม่ควร ขอรับ
ย. ท่านเจ้าข้า พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีนี้แสดงวัตถุ ๑๐ ประการเหล่านี้ ในเมืองเวสาลี ท่านเจ้าข้า ถ้าเช่นนั้น พวกเราจงช่วยกันยกอธิกรณ์นี้ขึ้นในภายหน้าสภาพที่มิใช่ธรรมจักรุ่งเรือง ธรรมจักเสื่อมถอย สภาพที่มิใช่วินัยจักรุ่งเรือง วินัยจักเสื่อมถอย ในภายหน้าพวกอธรรมวาทีจักมีกำลัง พวกธรรมวาที
จักเสื่อมกำลัง พวกอวินัยวาทีจักมีกำลัง พวกวินัยวาทีจักเสื่อมกำลัง ท่านพระเรวตะรับคำท่านพระยสกากัณฑกบุตรแล้ว ฯ
ปฐมภาณวาร จบ
[๖๔๓] พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีทราบข่าวว่า พระยสกากัณฑกบุตร ปรารถนาจักยกอธิกรณ์นี้ขึ้น กำลังแสวงหาฝักฝ่าย และข่าวว่า ได้ฝักฝ่ายจึงคิดต่อไปว่า อธิกรณ์นี้แล หยาบช้า กล้าแข็ง พวกเราจะพึงได้ใครเป็นฝักฝ่ายซึ่งเป็นเหตุให้พวกเรามีกำลังกว่าในอธิกรณ์นี้หนอ แล้วคิดต่อไปว่า ท่านพระ
เรวตะนี้เป็นพหูสูต ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา เป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลม เป็นนักปราชญ์ มีความละอาย มีความรังเกียจ ใคร่ต่อสิกขา ถ้าพวกเราได้ท่านพระเรวตะเป็นฝักฝ่าย เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจักมีกำลังกว่าในอธิกรณ์นี้
ครั้งนั้น พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี จัดแจงสมณบริขารเป็นอันมาก คือ บาตรบ้าง จีวรบ้าง ผ้าปูนั่งบ้าง กล่องเข็มบ้าง ผ้ากายพันธ์บ้าง ผ้ากรอง น้ำบ้าง ธัมกรกบ้าง แล้วขนสมณบริขารนั้นโดยสารเรือไปสู่สหชาตินคร ขึ้นจากเรือแล้วพักผ่อนฉันภัตตาหารที่โคนไม้แห่งหนึ่ง ฯ
เรื่องพระสาฬหเถระปริวิตก
[๖๔๔] ครั้งนั้น ท่านพระสาฬหะ หลีกเร้นอยู่ในที่สงัด เกิดความปริวิตกแห่งจิตขึ้นอย่างนี้ว่า ภิกษุพวกไหนหนอ เป็นธรรมวาที คือ พวกปราจีนหรือพวกเมืองปาฐา เมื่อท่านกำลังพิจารณาธรรมและวินัยได้คิดต่อไปว่า ภิกษุพวกปราจีนเป็นอธรรมวาที ภิกษุพวกเมืองปาฐาเป็นธรรมวาที ขณะนั้น เทวดาผู้อยู่ในชั้น
สุทธาวาสตนหนึ่ง ทราบความปริวิตกแห่งจิตของท่านพระสาฬหะ ด้วยจิตของตน ได้หายไปในเทวโลกชั้นสุทธาวาส มาปรากฏเฉพาะหน้าท่านพระสาฬหะเหมือนบุรุษที่มีกำลังเหยียดแขนที่คู้ หรือคู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น แล้วได้เรียนท่านพระสาฬหะว่า ถูกแล้ว ชอบแล้ว ท่านพระสาฬหะ ภิกษุพวกปราจีนเป็นอธรรมวาที ภิกษุ
พวกเมืองปาฐาเป็นธรรมวาที ถ้าเช่นนั้น ท่านจงดำรงอยู่ตามธรรมเถิดขอรับ พระสาฬหะกล่าวว่า เทวดา เมื่อกาลก่อนแลบัดนี้ อาตมาดำรงอยู่ตามธรรมแล้ว ก็แต่ว่า อาตมายังทำความเห็นให้แจ่มแจ้งไม่ได้ก่อนว่า แม้ไฉนสงฆ์พึงสมมติเราเข้าในอธิกรณ์นี้ ฯ

นี่คือ..“ลูกเรือโคฟเวแนนท์ลงจอดที่ดาวเคราะห์ไกลโพ้นแห่งหนึ่ง ในอีกฟากของแกแลกซี่ มุ่งหวังว่าจะได้เจอสรวงสวรรค์แห่งใหม่ของมนุษยชาติ แต่แล้วก็พบว่าที่นี่เป็นโลกมืดสุดแสนอันตราย และได้พบกับ
“เดวิด” แอนดรอยด์ตัวเดียวที่ตกค้างจากยาน โพรมีธีอุส”เราจะเห็นได้ว่า เนื้อเรื่องย่อไม่ได้กล่าวถึง อลิซาเบ็ธ ชอว์ บทของ นูมิ ราเพซแล้ว ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมเธอเป็นอย่างไร
เอเลี่ยน โคเวแนนท์ พ.ศ. 2560 ‧ ไซไฟ/สยองขวัญ
‧ 2 ชม. 3 นาที พากย์ไทย Alien: Covenant 2017 ‧ Sci-fi/Horror ‧ 2h 3m
Alien: Covenantเป็นภาพยนตร์สยองขวัญนิยายวิทยาศาสตร์ปี 2017 กำกับโดย Ridley Scottและนำแสดงโดย Michael Fassbender , Katherine Waterston , Billy Crudup , Danny McBrideและ Demián Bichirเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ปี 2012
ซึ่งเกิดขึ้นประมาณสิบปีต่อมาและติดตามเรืออาณานิคมCovenantที่มุ่งหน้าสู่ดาวเคราะห์ห่างไกลในด้านไกลของกาแล็กซี เมื่อลงจอด ลูกเรือก็ค้นพบสิ่งที่พวกเขาคิดว่า
เป็นสวรรค์ที่ยังไม่มีใครสำรวจ อาศัยอยู่โดยแอนดรอยด์เดวิด ผู้รอดชีวิตจากการสำรวจ Prometheusที่โชคร้าย
เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าดาวเคราะห์นี้ก็เปิดเผยว่าอันตรายยิ่งกว่าที่พวกเขาเคยจินตนาการไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจต้นกำเนิดของ
สายพันธุ์ดังกล่าวปรากฏในแฟรนไชส์Alienและยังมีสิ่งมีชีวิตเวอร์ชันใหม่ที่เรียกว่าNeomorphอีก ด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีภาคต่ออีกสองภาค ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ในภาคแรกในที่สุด
การผลิตภาพยนตร์เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 และออกฉายในวันที่ 19 พฤษภาคม 2017 เดิมทีภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่าAlien : Paradise Lost
ไม่นานหลังจากได้รับการเปิดใช้งานเดวิดก็ได้รับการสัมภาษณ์จากเซอร์ปีเตอร์ เวย์แลนด์ในอพาร์ตเมนต์ริมทะเลสาบอันโอ่อ่า เดวิดแสดงความสับสนเกี่ยวกับการต้องรับใช้มนุษย์ แม้ว่าเขาจะเป็นอมตะและไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม
หลายปีต่อมาในปี 2104 ยานอวกาศอาณานิคมUSCSS Covenantกำลังมุ่งหน้าไปยังดาวOrigae-6โดยมีผู้ตั้งอาณานิคมกว่า 2,000 คน
กำลังหลับใหลและตัวอ่อนมนุษย์ 1,140 ตัว ในวันที่ 5 ธันวาคม2104ซึ่งยังเหลือเวลาอีก 7 ปี 4 เดือนก่อนถึงจุดหมายปลายทาง เรือลำดังกล่าวถูกระเบิดนิว
ตริโนจากดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนักและทำให้เกิดไฟไหม้หลายครั้งบนเรือ เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ดังกล่าว ลูกเรือ 15 คน
ของเรือจึงตื่นจากหลับใหล แต่กัปตันแบรนสันกลับถูกเผาไหม้ใน cryotube ของเขาเมื่อไม่สามารถเปิดได้ ลูกเรือที่รอดชีวิตสามารถควบคุมภัยพิบัติได้ แม้ว่าผู้ตั้ง
อาณานิคม 47 คนและตัวอ่อนมนุษย์ 16 ตัวจะสูญหายไปพร้อมกับกัปตันของพวกเขา ในช่วงหนึ่งของการซ่อมแซมแดเนียลส์ภรรยาของแบรนสัน พูดคุยกับ
วอลเตอร์ซึ่งเป็นหุ่นยนต์แอนดรอยด์รุ่นปรับปรุง เกี่ยวกับกระท่อมที่แบรนสันต้องการสร้างบนดาวเคราะห์ดวงใหม่ ซึ่งวอลเตอร์จดจำไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น