

🔊🔋⚡🐝🐝


อาบัติไม่ได้ ระลึกในที่สุดราตรีไม่ได้ สงสัยในที่สุดอาบัติ สงสัยในที่สุดราตรี ผมจะพึงปฏิบัติอย่างไร ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล สงฆ์จงให้สุทธันตปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นแก่ภิกษุนั้น ฯ
วิธีให้สุทธันตปริวาส
[๔๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แล สงฆ์พึงให้สุทธันตปริวาสอย่างนี้ ภิกษุนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ไหว้เท้าภิกษุผู้แก่กว่า นั่งกระหย่งประคองอัญชลี แล้วกล่าวคำขอว่าดังนี้:-
คำขอสุทธันตปริวาส
ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว ข้าพเจ้าไม่รู้ที่สุดอาบัติไม่รู้ที่สุดราตรี ระลึกที่สุดอาบัติไม่ได้ ระลึกที่สุดราตรีไม่ได้ สงสัยในที่สุดอาบัติสงสัยในที่สุดราตรี ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้านั้นขอสุทธันตปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นกะสงฆ์
พึงขอแม้ครั้งที่สอง พึงขอแม้ครั้งที่สาม ฯ
[๔๖๘] ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจา ว่าดังนี้:-
กรรมวาจาให้สุทธันตปริวาส
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุมีชื่อนี้
รูปนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว เธอไม่รู้ที่สุด
อาบัติ ไม่รู้ที่สุดราตรี ระลึกที่สุดอาบัติไม่ได้ ระลึก
ที่สุดราตรีไม่ได้ สงสัยในที่สุดอาบัติ สงสัยในที่สุด
ราตรี เธอขอสุทธันตปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นกะ
สงฆ์ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึง
ให้สุทธันตปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้น แก่ภิกษุมีชื่อนี้ นี้เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุมีชื่อนี้รูปนี้
ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว เธอไม่รู้ที่สุดอาบัติ
ไม่รู้ที่สุดราตรี ระลึกที่สุดอาบัติไม่ได้ ระลึกที่สุด
ราตรีไม่ได้ สงสัยในที่สุดอาบัติ สงสัยในที่สุด
ราตรี เธอขอสุทธันตปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นกะ
สงฆ์ สงฆ์ให้สุทธันตปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้น
แก่ภิกษุมีชื่อนี้ การให้สุทธันตปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้น แก่ภิกษุมีชื่อนี้ ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด
ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สอง ...
ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ แม้ครั้งที่สาม ...
สุทธันตปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้น อันสงฆ์ให้
แล้วแก่ภิกษุมีชื่อนี้ ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ ด้วยอย่างนี้ ฯ
สงฆ์ให้สุทธันตปริวาส
[๔๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แล สงฆ์พึงให้สุทธันตปริวาสอย่างนี้ พึงให้ปริวาสอย่างนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้สุทธันตปริวาสอย่างไรเล่า ภิกษุไม่รู้ที่สุดอาบัติ ไม่รู้ที่สุดราตรี ระลึกที่สุดอาบัติไม่ได้ ระลึกที่สุดราตรีไม่ได้สงสัยในที่สุดอาบัติ สงสัยในที่สุดราตรี พึงให้สุทธันตปริวาส
ภิกษุรู้ที่สุดอาบัติ ไม่รู้ที่สุดราตรี ระลึกที่สุดอาบัติได้ ระลึกที่สุดราตรีไม่ได้ ไม่สงสัยในที่สุดอาบัติ สงสัยในที่สุดราตรี พึงให้สุทธันตปริวาส
ที่สุดอาบัติบางอย่างภิกษุรู้ บางอย่างไม่รู้ ที่สุดราตรีไม่รู้ ที่สุดอาบัติบางอย่างระลึกได้ บางอย่างระลึกไม่ได้ ที่สุดราตรีระลึกไม่ได้ ในที่สุดอาบัติบางอย่างสงสัย บางอย่างไม่สงสัย ในที่สุดราตรีสงสัย พึงให้สุทธันตปริวาส
ที่สุดอาบัติภิกษุไม่รู้ ที่สุดราตรีบางอย่างรู้ บางอย่างไม่รู้ ที่สุดอาบัติระลึกไม่ได้ ที่สุดราตรีบางอย่างระลึกได้ บางอย่างระลึกไม่ได้ ในที่สุดอาบัติสงสัยในที่สุดราตรีบางอย่างสงสัย บางอย่างไม่สงสัย พึงให้สุทธันตปริวาส
ที่สุดอาบัติภิกษุรู้ ที่สุดราตรีบางอย่างรู้ บางอย่างไม่รู้ ที่สุดอาบัติระลึกได้ที่สุดราตรีบางอย่างระลึกได้ บางอย่างระลึกไม่ได้ ในที่สุดอาบัติไม่สงสัย ในที่สุดราตรีบางอย่างสงสัย บางอย่างไม่สงสัย พึงให้สุทธันตปริวาส
ที่สุดอาบัติบางอย่างภิกษุรู้ บางอย่างไม่รู้ ที่สุดราตรีบางอย่างรู้ บางอย่างไม่รู้ ที่สุดอาบัติบางอย่างระลึกได้ บางอย่างระลึกไม่ได้ ที่สุดราตรีบางอย่างระลึกได้บางอย่างระลึกไม่ได้ ในที่สุดอาบัติบางอย่างสงสัย บางอย่างไม่สงสัย ในที่สุดราตรีบางอย่างสงสัย บางอย่างไม่สงสัย พึงให้สุทธันตปริวาส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้สุทธันตปริวาสอย่างนี้แล ฯ
สงฆ์ให้ปริวาส
[๔๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้ปริวาสอย่างไรเล่า ภิกษุรู้ที่สุดอาบัติ รู้ที่สุดราตรี ระลึกที่สุดอาบัติได้ ระลึกที่สุดราตรีได้ ไม่สงสัยในที่สุดอาบัติ ไม่สงสัยในที่สุดราตรี พึงให้ปริวาส
ภิกษุไม่รู้ที่สุดอาบัติ รู้ที่สุดราตรี ระลึกที่สุดอาบัติไม่ได้ ระลึกที่สุดราตรีได้ สงสัยในที่สุดอาบัติ ไม่สงสัยในที่สุดราตรี พึงให้ปริวาส
ที่สุดอาบัติบางอย่างภิกษุรู้ บางอย่างไม่รู้ ที่สุดราตรีรู้ ที่สุดอาบัติบางอย่างระลึกได้ บางอย่างระลึกไม่ได้ ที่สุดราตรีระลึกได้ ในที่สุดอาบัติบางอย่างสงสัยบางอย่างไม่สงสัย ในที่สุดราตรีไม่สงสัย พึงให้ปริวาส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้ปริวาสอย่างนี้แล ฯ ปริวาส จบ
เรื่องภิกษุอยู่ปริวาสสึก
[๔๗๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งสึกกำลังอยู่ปริวาส เธอกลับมาขออุปสมบทต่อภิกษุทั้งหลายอีก ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคๆ ตรัสดังต่อไปนี้:-
[๔๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สึกกำลังอยู่ปริวาส ปริวาสของผู้สึกใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงอยู่ปริวาสที่เหลือต่อไป
สึกบวชเป็นสามเณร
[๔๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส สึกบวชเป็นสามเณร ปริวาสของสามเณรใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้วพึงอยู่ปริวาสที่เหลือต่อไป ฯ
วิกลจริต [๔๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส เกิดวิกลจริต ปริวาสของผู้วิกลจริตใช้ไม่ได้ หากเธอหายวิกลจริต ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงอยู่ปริวาสที่เหลือต่อไป ฯ
มีจิตฟุ้งซ่าน [๔๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส มีจิตฟุ้งซ่าน ปริวาสของเธอผู้มีจิตฟุ้งซ่านใช้ไม่ได้ หากเธอมีจิตไม่ฟุ้งซ่านอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้วพึงอยู่ปริวาสที่เหลือต่อไป ฯ
กระสับกระส่ายเพราะเวทนา
[๔๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส เกิดกระสับกระส่ายเพราะเวทนา ปริวาสของเธอผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนาใช้ไม่ได้หากเธอไม่กระสับกระส่ายเพราะเวทนาอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงอยู่ปริวาสที่เหลือต่อไป ฯ
สงฆ์ยกวัตรฐานไม่เห็นอาบัติ
[๔๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่เห็นอาบัติ ปริวาสของเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงอยู่ปริวาสที่เหลือต่อไป ฯ
สงฆ์ยกวัตรฐานไม่ทำอาบัติคืน
[๔๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่ทำคืนอาบัติ ปริวาสของเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้วที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงอยู่ปริวาสที่เหลือต่อไป ฯ
สงฆ์ยกวัตรฐานไม่สละทิฐิเลวทราม
[๔๗๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่สละทิฐิเลวทราม ปริวาสของเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้วที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงอยู่ปริวาสที่เหลือต่อไป ฯ
ควรชักเข้าหาอาบัติเดิมสึก
[๔๘๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรชักเข้าหาอาบัติเดิมสึกเสีย การชักเข้าหาอาบัติเดิมของเธอผู้สึกแล้วใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว ภิกษุนั้นสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ฯ
สึกบวชเป็นสามเณรและวิกลจริตเป็นต้น
[๔๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรชักเข้าหาอาบัติเดิมสึกบวชเป็นสามเณร การชักเข้าหาอาบัติเดิมของสามเณรใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้วที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว ภิกษุนั้นสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม เกิดวิกลจริต การชักเข้าหาอาบัติเดิมของเธอผู้วิกลจริตใช้ไม่ได้ หากเธอหายวิกลจริตให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว ภิกษุนั้นสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม มีจิตฟุ้งซ่าน การชักเข้าหาอาบัติเดิมของเธอผู้มีจิตฟุ้งซ่านใช้ไม่ได้ หากเธอมีจิตไม่ฟุ้งซ่านอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว ภิกษุนั้นสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม เกิดกระสับกระส่ายเพราะเวทนา การชักเข้าอาบัติเดิมของเธอผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนาใช้ไม่ได้ หากเธอไม่กระสับกระส่ายเพราะเวทนาอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว ภิกษุนั้น
สงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่เห็นอาบัติ การชักเข้าหาอาบัติเดิมของเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว ภิกษุนั้นสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่ทำคืนอาบัติ การชักเข้าหาอาบัติเดิมของเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว ภิกษุนั้นสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่สละทิฐิเลวทราม การชักเข้าหาอาบัติเดิมของเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว ภิกษุนั้นสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ฯ
ควรมานัตสึก [๔๘๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัตสึกเสียการให้มานัตแก่เธอผู้สึกแล้วใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้วพึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ
ควรมานัตสึกบวชเป็นสามเณรเป็นต้น
[๔๘๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัตสึกบวชเป็นสามเณร การให้มานัตแก่สามเณรใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้วพึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต เกิดวิกลจริต การให้มานัตแก่เธอผู้วิกลจริตใช้ไม่ได้ หากเธอหายวิกลจริต ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต มีจิตฟุ้งซ่าน การให้มานัตแก่เธอผู้มีจิตฟุ้งซ่านใช้ไม่ได้ หากเธอมีจิตไม่ฟุ้งซ่านอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้วพึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต กระสับกระส่ายเพราะเวทนา การให้มานัตแก่เธอผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนาใช้ไม่ได้ หากเธอไม่กระสับกระส่ายเพราะเวทนาอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่เห็นอาบัติ การให้มานัตแก่เธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีกให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่ทำคืนอาบัติ การให้มานัตแก่เธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีกให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่สละทิฐิเลวทราม การให้มานัตแก่เธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้วที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น ฯ
กำลังประพฤติมานัตสึก
[๔๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สึกกำลังประพฤติมานัตการประพฤติมานัตของเธอผู้สึกแล้ว ใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้วมานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้วพึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป ฯ
สึกบวชเป็นสามเณรและวิกลจริตเป็นต้น
[๔๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัตสึกบวชเป็นสามเณร การประพฤติมานัตของสามเณร ใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว พึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต เกิดวิกลจริตการประพฤติมานัตของเธอผู้เกิดวิกลจริต ใช้ไม่ได้ หากเธอหายวิกลจริต ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้วพึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต มีจิตฟุ้งซ่านการประพฤติมานัตของเธอผู้มีจิตฟุ้งซ่าน ใช้ไม่ได้ หากเธอมีจิตไม่ฟุ้งซ่านอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว พึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต กระสับกระส่ายเพราะเวทนา การประพฤติมานัตของเธอผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนาใช้ไม่ได้ หากเธอไม่กระสับกระส่ายเพราะเวทนาอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว
เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว พึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่เห็นอาบัติ การประพฤติมานัตของเธอผู้ถูกยกวัตร ใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว พึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่ทำคืนอาบัติ การประพฤติมานัตของเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว พึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่สละทิฐิเลวทราม การประพฤติมานัตของเธอผู้ถูกยกวัตร ใช้ไม่ได้หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว พึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป ฯ
ควรอัพภานสึก
[๔๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานสึกเสียการอัพภานเธอผู้สึกแล้ว ใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว สงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น ฯ
ควรอัพภานสึกบวชเป็นสามเณรเป็นต้น
[๔๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภาน สึกบวชเป็นสามเณร การอัพภานสามเณรใช้ไม่ได้ หากเธออุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้วมานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว สงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภาน เกิดวิกลจริต การอัพภานเธอผู้วิกลจริตใช้ไม่ได้ หากเธอหายวิกลจริต ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว สงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภาน มีจิตฟุ้งซ่าน การอัพภานเธอผู้มีจิตฟุ้งซ่านใช้ไม่ได้ หากเธอมีจิตไม่ฟุ้งซ่านอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้วเป็นอันประพฤติดีแล้ว สงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภาน กระสับกระส่ายเพราะเวทนา การอัพภานเธอผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนาใช้ไม่ได้ หากเธอไม่กระสับกระส่ายเพราะเวทนาอีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้ว เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้วที่ประพฤติแล้ว เป็นอันประพฤติดีแล้ว สงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภาน ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่เห็นอาบัติ การอัพภานเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ
ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้วเป็นอันประพฤติดีแล้วสงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภาน ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่ทำคืนอาบัติ การอัพภานเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีกให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว
มานัตที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติแล้วเป็นอันประพฤติดีแล้วสงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภาน ถูกสงฆ์ยกวัตรฐานไม่สละทิฐิเลวทราม การอัพภานเธอผู้ถูกยกวัตรใช้ไม่ได้ หากเธอถูกเรียกเข้าหมู่อีกให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่เธอ ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว
มานัตที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ที่ประพฤติดีแล้วเป็นอันประพฤติดีแล้ว สงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น ฯ
ตัวอย่าง ๔๐ เรื่อง จบ.

กำลังอยู่ปริวาสต้องอาบัติ [๔๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์ พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ฯ [๔๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้อง อาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้า หาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๔๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้อง อาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วย กัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๔๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้อง อาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์ พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ฯ [๔๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้อง อาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์ พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติ ตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๔๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้อง อาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๔๙๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้อง อาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ไม่ได้ ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ฯ [๔๙๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้อง อาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้า- *ด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๔๙๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ ควรมานัต[๔๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัตต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิมและให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิมและให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ปิดบังไว้ ภิกษุอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ กำลังประพฤติมานัต[๔๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัตต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้างภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัต ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้างภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัตต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัตต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกันเพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กำลังประพฤติมานัตต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ปิดบังไว้บ้างไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯควรอัพภาน[๔๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ฯ[๕๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้า หาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๕๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติ สังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณ ปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้า ด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๕๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติ สังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์ พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ฯ [๕๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติ สังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชัก เข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๕๐๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติ สังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง ไม่มีประมาณ ปิดบังไว้บ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้า ด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๕๐๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ไม่ได้ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม ฯ [๕๐๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ปิดบังไว้ ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกันเพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ [๕๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ควรอัพภานต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีประมาณบ้าง ไม่มีประมาณบ้าง ปิดบังไว้บ้างไม่ได้ปิดบังไว้บ้าง ภิกษุนั้นอันสงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิม และให้ปริวาสประมวลอาบัติตัวก่อนเข้าด้วยกัน เพื่ออาบัติตามที่ปิดบังไว้แก่เธอ ฯ ตัวอย่าง ๓๖ เรื่อง จบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น