[๒๖๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี.
ครั้งนั้น ภิกษุณีสองรูปจำวัดมีผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกัน. คนทั้งหลายเที่ยวชมวิหารพบเห็นแล้วพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีสองรูปจึงได้จำวัดมีผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกันดุจหญิงชาวบ้านเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่. บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีสองรูปจึงได้จำวัดมีผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกันเล่า.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีสองรูปนอนมีผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกัน จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีสองรูป จึงได้นอนมีผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกันเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ ๘๗. ๒. อนึ่ง เหล่าภิกษุณีใด สองรูป มีผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกันนอน เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณี ๒ รูป จบ.
สิกขาบทวิภังค์
[๒๖๒] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
ที่ชื่อว่า เหล่าภิกษุณี ได้แก่ เหล่าภิกษุณีที่เรียกกันว่าภิกษุณีอุปสัมบัน.
พากย์ว่า สองรูปมีผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกันนอน นั้น คือ ลาดก็ผืนนั้น ห่มก็ผืนนั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทภาชนีย์
ติกะปาจิตตีย์
[๒๖๓] ผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกันภิกษุณีสำคัญว่า ผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกันนอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกัน ภิกษุณีสงสัย นอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกัน ภิกษุณีสำคัญว่า ผ้าลาดและผ้าห่มต่างผืนกัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
จตุกกะทุกกฏ
ผ้าลาดผืนเดียวกัน ผ้าห่มต่างผืน ๑- ต้องอาบัติทุกกฏ.
ผ้าลาดต่างผืน ผ้าห่มผืนเดียวกัน ๒- ต้องอาบัติทุกกฏ.
ผ้าลาดและผ้าห่มต่างผืนกัน สำคัญว่าผ้าลาดและผ้าห่มผืนเดียวกัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
ผ้าลาดและผ้าห่มต่างผืนกัน สงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
ผ้าลาดและผ้าห่มต่างผืนกัน สำคัญว่าผ้าลาดและผ้าห่มต่างผืนกัน ไม่ต้องอาบัติ.
อนาปัตติวาร [๒๖๔] ดูผ้านอนแล้ว ๓- ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ตุวัฏฏวรรคสิกขาบทที่ ๒ จบ.
๑. ยุ ม. ผ้าลาดผืนเดียวกัน สำคัญว่าเป็นผ้าห่มต่างผืนกัน. ๒. ยุ ม. ผ้าลาดต่างผืน สำคัญว่าเป็นผ้าห่มผืนเดียวกัน.
๓. ยุ วัตถุอันเป็นเครื่องกำหนด.
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ตุวัฎฏวรรคสิกขาบทที่ ๒
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๒ พึงทราบดังนี้ :-
ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มของภิกษุณี ๒ รูปนี้ ผืนเดียวกัน เพราะฉะนั้น เธอทั้ง ๒ จึงชื่อว่า ผู้มีผ้าปูนอนและผ้าห่มผืนเดียวกัน.
คำว่า เอกตฺถรณปาปุรณา นี้ เป็นชื่อแห่งภิกษุณีทั้ง ๒ ผู้ปูชายข้างหนึ่งแห่งผ้าปาวารผ้าปูนอนและเสื่อลำแพนเป็นต้นอันเคลื่อนที่ได้ แล้วนอนห่มชายข้างหนึ่ง.
สองบทว่า ววฏฺฐานํ ทสฺเสตฺวา มีความว่า ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุณีทั้ง ๒ รูปผู้นอนวางผ้ากาสายะ หรือไม้เท้าคนแก่ ชั้นที่สุดแม้ประคดเอวไว้ในท่ามกลาง.
คำที่เหลือตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้มีสมุฏฐานดุจเอฬกโลมสิกขาบท เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ แล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น