Translate

19 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๘ กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ ๗ เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา

     [๔๒๓] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. 
              ครั้งนั้น สิกขมานารูปหนึ่งเข้าไปหาภิกษุณีถุลลนันทาขออุปสมบท.     ภิกษุณีถุลลนันทากล่าวกะสิกขมานารูปนั้น
ว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา
เมื่อได้เช่นนี้ เราจึงจะให้เธออุปสมบท แล้วไม่ให้นางอุปสมบท ไม่ขวนขวายเพื่อให้นางอุปสมบท
          จึงสิกขมานารูปนั้นได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุณีทั้งหลาย. 
    บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้กล่าวกะสิกขมานา
ว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา 
เมื่อได้เช่นนี้ เราจึงจะให้เธออุปสมบทแล้วไม่ให้นางอุปสมบท ไม่ขวนขวายเพื่อให้นางอุปสมบทเล่า 
ทรงสอบถาม
    พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีถุลลนันทาได้กล่าวกะสิกขมานา 
ว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา เมื่อได้เช่นนี้ 
เราจึงจะให้เธออุปสมบทแล้วไม่ให้นางอุปสมบท ไม่ขวนขวายเพื่อให้นางอุปสมบท จริงหรือ? 
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่าจริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้กล่าวกะสิกขมานา
ว่า  ดูกรแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา
เมื่อได้เช่นนี้ เราจึงจะให้เธออุปสมบทแล้วไม่ให้นางอุปสมบท ไม่ขวนขวายเพื่อให้นางอุปสมบทเล่า
    การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-    พระบัญญัติ
    ๑๓๒. ๗. อนึ่ง ภิกษุณีใด กล่าวกะสิกขมานาว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา เมื่อได้เช่นนี้ เราจึงจะให้อุปสมบท ดังนี้แล้ว นางไม่มีอันตราย ในภายหลัง ไม่ให้อุปสมบท ไม่ทำการขวนขวายเพื่อให้อุปสมบท เป็นปาจิตตีย์.
 เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ. 
สิกขาบทวิภังค์
    [๔๒๔] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด 
    บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้. 
    ที่ชื่อว่า สิกขมานา ได้แก่สตรีผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม ๖ ประการตลอด ๒ ปีแล้ว. 
    คำว่า ดูกรแม่เจ้า ถ้าเธอจักให้จีวรแก่เรา เมื่อได้เช่นนี้ เราจึงจะให้เธออุปสมบท 
    ความว่า เมื่อเราได้จีวรแล้ว เราจึงจะให้เธออุปสมบท. 
    คำว่า นางไม่มีอันตราย ในภายหลัง คือ ในเมื่ออันตรายไม่มี. 
    บทว่า ไม่ให้อุปสมบท คือ ไม่บวชให้ด้วยตนเอง. 
    บทว่า ไม่ทำการขวนขวายเพื่อให้อุปสมบท คือ ไม่มอบหมายภิกษุณีรูปอื่นจัดการแทน. 
    พอทอดธุระว่า จักไม่ให้อุปสมบท จักไม่ขวนขวายเพื่อให้อุปสมบท ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. 
อนาปัตติวาร    [๔๒๕] ในเมื่ออันตรายมี ๑ แสวงหาแล้วไม่ได้ ๑ อาพาธ ๑ มีเหตุขัดข้อง ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.    กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ ๗ จบ. 
อรรถกถา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์
กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ ๗ 
คำทั้งหมดในสิกขาบทที่ ๗ ตื้นทั้งนั้น.
     สิกขาบทนี้มีการทอดธุระเป็นสมุฏฐาน เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนา แล.

ไม่มีความคิดเห็น: