เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ทั้ง โลกนี้ล้วนมีสิ่งที่อยู่ตรงกันข้าม , ไม่สู้ , ก็ต้องแพ้ ไป. " สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ “ แปลความว่า การให้ธรรมย่อมชนะ การให้ทั้งปวง 'อโรคยา ปรมาลาภา' เพราะการไม่มีโรค คือ ลาภอันประเสริฐ _ ขอให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญ 🥺 🙏🏼 🙏🏼
Translate
04 เมษายน 2568
บทสวดมนต์ปัจจยวิภังค์ ดูหนังฝรั่ง - A Working Man (2025) นรกหยุดนรก
03 เมษายน 2568
Joy of Life 2 (2024) หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร 2 The Emperor's New Groove: เมื่อนักวิทยาศาสตร์บ้าปกครองจีน (และพยายามออกแบบความเป็นจริงใหม่)
- Liu Fei, King Daohui of Qi
- Emperor Hui of Han
- Liu Ruyi, King Yin of Zhao
- Emperor Wen of Han
- Princess Yuan of Lu
Posthumous name Emperor Gao (高皇帝) Temple name Taizu (太祖)HouseLiuDynastyHanFatherLiu TuanMotherWang Hanshi Emperor Gaozu of HanTraditional Chinese漢高祖Simplified Chinese汉高祖劉邦show

ข้อมูลเพียงเล็กน้อยที่ทราบเกี่ยวกับการปฏิรูปของหวางหมั่งสามารถสรุปได้ดังนี้ กล่าวกันว่าเขาได้คิดค้น รูปแบบการชำระเงินประกันสังคมในช่วงแรก โดยเก็บภาษีจากคนรวยเพื่อปล่อยกู้ให้กับคนจนซึ่งโดยปกติแล้ว ไม่มีเครดิตดี เขาเป็นผู้ริเริ่ม "การควบคุมหกประการ" ซึ่งเป็นการผูกขาดของรัฐบาลในผลิตภัณฑ์สำคัญ เช่น เหล็กและเกลือ ซึ่งหูซื่อมองว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของ "สังคมนิยมของรัฐ" และเป็นผู้รับผิดชอบต่อนโยบาย ที่เรียกว่าการปรับสมดุลห้าประการ ซึ่งเป็นความพยายามที่ซับซ้อนเพื่อลดความผันผวนของราคา แม้แต่ผู้วิจารณ์ หวางที่เข้มงวดที่สุดในยุคปัจจุบันก็เห็นด้วยว่าการห้ามขายที่ดินเพาะปลูกของเขาเป็นความพยายามที่จะช่วยเหลือ เกษตรกรที่สิ้นหวังจากการล่อลวงให้ขายที่ดินในช่วงที่เกิดความอดอยาก แต่รัฐบาลของเขากลับให้ ความช่วยเหลือด้านภัยพิบัติแทน ต่อมาจักรพรรดิได้จัดเก็บภาษีที่ทำลายล้างต่อเจ้าของทาส เป็นไปได้เช่นกัน ที่จะตีความภาษีนี้ว่าเป็นความพยายามที่จะทำให้การเป็นเจ้าของทาสเป็นไปไม่ได้หรือเป็นการโกยเงินเปล่าๆ อย่างไรก็ตาม ในนโยบายทั้งหมดของหวางหมั่ง มีอยู่สองนโยบายที่โดดเด่น นั่นคือการปฏิรูปที่ดิน และการเปลี่ยนแปลงที่เขาทำกับเงินของจีน ในช่วงต้นปี ค.ศ. 6 เมื่อเขายังเป็นเพียงผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ของทารกชื่อหลิวอิง หวังได้สั่งถอนเหรียญทองของจักรวรรดิและแทนที่ด้วย เหรียญทองแดงสี่ชนิดที่มีมูลค่าตามชื่อเท่านั้น ได้แก่ เหรียญกลมที่มีมูลค่า 1 เหรียญและ 50 เหรียญ เงินสดและเหรียญที่มีมูลค่ามากกว่านั้น เช่น เหรียญรูปมีดที่มีมูลค่า 500 เหรียญและ 5,000 เหรียญ เงินสด เนื่องจากเหรียญ 50 เหรียญเงินสดของหวังมีทองแดงเพียง 1/20 ต่อเหรียญเงินสด เมื่อเทียบกับเหรียญที่มีมูลค่าน้อยที่สุดของเขา และเหรียญ 5,000 เหรียญเงินสดของเขาถูกผลิตด้วย เงินน้อยกว่าตามสัดส่วน ผลที่ได้คือสกุลเงินที่ไว้วางใจได้ถูกแทนที่ด้วยมาตรฐานทองคำของราชวงศ์ฮั่น ในเวลาเดียวกัน หวังได้สั่งเรียกคืนทองคำทั้งหมดในจักรวรรดิ โลหะมีค่าจำนวนหลายพันตันถูกยึดและเก็บไว้ในคลัง ของจักรวรรดิ และโลหะมีค่าที่หาได้ลดน้อยลงอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบไปไกลถึงกรุงโรม ซึ่งจักรพรรดิออกัสตัส ทรงถูกบังคับให้ห้ามการซื้อผ้าไหมนำเข้าราคาแพงซึ่งกลายเป็นเหรียญทองที่ไม่อาจทดแทนได้ ซึ่งเป็นเรื่องลึกลับ ในมุมมองของชาวโรมัน ในจีน เหรียญทองแดงแบบใหม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรวดเร็วและมีการปลอม แปลงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน การปฏิรูปที่ดินของหวางหมั่งก็ดูเหมือนจะปฏิวัติอย่างมีสติสัมปชัญญะมากขึ้นไปอีก "ผู้แข็งแกร่ง" หวางเขียนว่า "ครอบครองที่ดินเป็นจำนวนหลายพันมู่ในขณะที่ผู้ที่อ่อนแอไม่มีที่ปักเข็ม" วิธีแก้ปัญหาของเขาคือการยึดที่ดินทั้งหมดเป็นของรัฐ ยึดที่ดินของผู้ที่ครอบครองมากกว่า 100 เอเคอร์ และแจกจ่ายให้กับผู้ที่ทำการเกษตรจริงๆ ภายใต้ระบบที่เรียกว่าชิง นี้ แต่ละครอบครัว จะได้รับที่ดินประมาณห้าเอเคอร์และจ่ายภาษีของรัฐในรูปแบบของอาหารทั้งหมดที่พวกเขาปลูก
Joy of Life 2 (2024) หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร 2

- ปีที่ฉาย : 2024
- ความยาว : 0 ชั่วโมง 45 นาที
- คุณภาพ : HD
- เสียง : พากย์ไทย
เรื่องย่อ - Joy of Life 2 (2024) หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร 2
ซีรีย์จีนย้อนยุคแฟนตาซี เรื่องราวภาคต่อของ "ฟ่านเสียน" หลังจากที่ถูกคนขององค์ชายรองล้อมรอบเอาไว้ ตัวเขากลับถูกแทง และถูกเผาไปทั้งอย่างนั้น ไม่นานข่าวการเสียชีวิตของเขาก็ถูกส่งมาให้ผู้คนในเมืองหลวง ไม่ว่าจะฮ่องเต้ หน่วยผู้ตรวจสอบ และสกุลฟ่าน ทุกคนต่างร้อนลน แต่เมื่อได้รับจดหมายอีกฉบับที่บอกว่าถูกแทงโดยคนของฝ่ายตรวจการเอง กลับทำให้พวกเขาเข้าใจว่าเป็นแผนการของ "ฟ่านเสียน" ทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้มีการจัดเตรียมงานศพอย่างยิ่งใหญ่ ทำเอาทั่วทั้งเมืองหลวงต่างวุ่นวาย ซึ่งแท้จริงแล้วก็เป็นตามที่คาดการเอาไว้ ข่าวการตายทั้งหมดเป็นแผนการของ "ฟ่านเสียน" เพื่อเอาตัวรอดกลับเข้ามาเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นภารกิจที่เขาก็ยังคงไม่สิ้นสุด การตัดสินใจกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ เขาต้องเผชิญกับแผนการร้ายกาจ และเผชิญหน้ากับผู้บงการเรื่องราวทั้งหมด ท่ามกลางเส้นทางที่อันตราย เขาจะสามารถฝ่าวงล้อมอุปสรรค และเปิดโปงแผนการ รวมไปถึงผู้วางแผนได้หรือไม่

02 เมษายน 2568
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร เรื่องพราหมณ์และคหบดีชาวกรุงจัมปา

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร]
ความเป็นผู้ดีของพราหมณ์โสณทัณฑะ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร]
พราหมณ์โสณทัณฑะแสดงพระพุทธคุณพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร]
ความคำนึงของพราหมณ์โสณทัณฑะ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร]
ข้อบัญญัติว่าเป็นพราหมณ์
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร]
คุณสมบัติของผู้เป็นพราหมณ์
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร]
คุณสมบัติของผู้เป็นพราหมณ์
[๓๑๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ บรรดาคุณสมบัติ ๔ อย่างนี้ (หาก)เว้นเสีย ๑ อย่าง พวกพราหมณ์จะเรียกผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเพียง ๓ อย่างว่าเป็นพราหมณ์ได้หรือไม่ และเมื่อเขาจะพูดว่า ‘เราเป็นพราหมณ์’ ก็พูดได้โดย ชอบ ทั้งไม่เป็นผู้พูดเท็จด้วย” พราหมณ์โสณทัณฑะกราบทูลว่า “ได้ ท่านพระโคดม บรรดาคุณสมบัติ ๔ อย่าง เว้นมนตร์เสียอย่างหนึ่งก็ได้ เพราะมนตร์จักทำอะไรได้ บุคคลชื่อว่าเป็น พราหมณ์เพราะ ๑. เป็นผู้มีชาติกำเนิดดีทั้งฝ่ายบิดาและฝ่ายมารดา ถือปฏิสนธิ บริสุทธิ์ดีตลอดเจ็ดชั่วบรรพบุรุษ ไม่มีใครจะคัดค้านตำหนิได้ เพราะอ้างถึงชาติตระกูล ๒. เป็นผู้มีศีล มีศีลที่เจริญ ประกอบด้วยศีลที่เจริญ ๓. เป็นบัณฑิตมีปัญญาลำดับที่ ๑ หรือที่ ๒ ในบรรดาพราหมณ์ผู้ รับการบูชา พวกพราหมณ์จะเรียกผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติ ๓ อย่างนี้แลว่าเป็นพราหมณ์ และเมื่อเขาจะพูดว่า ‘เราเป็นพราหมณ์’ ก็พูดได้โดยชอบ ทั้งไม่เป็นผู้พูดเท็จด้วย” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๙ หน้า : ๑๑๙}พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร] คุณสมบัติของผู้เป็นพราหมณ์
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ บรรดาคุณสมบัติ ๓ อย่างนี้ (หาก) เว้นเสีย ๑ อย่าง พวกพราหมณ์จะเรียกผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเพียง ๒ อย่างว่า เป็นพราหมณ์ได้หรือไม่ และเมื่อเขาจะพูดว่า ‘เราเป็นพราหมณ์’ ก็พูดได้โดยชอบ ทั้งไม่เป็นผู้พูดเท็จด้วย ” พราหมณ์โสณทัณฑะกราบทูลว่า “ได้ ท่านพระโคดม บรรดาคุณสมบัติ ๓ อย่าง เว้นชาติกำเนิดเสียอย่างหนึ่งก็ได้ เพราะชาติกำเนิดจักทำอะไรได้ บุคคลชื่อว่า เป็นพราหมณ์เพราะ ๑. เป็นผู้มีศีล มีศีลที่เจริญ ประกอบด้วยศีลที่เจริญ ๒. เป็นบัณฑิตมีปัญญาลำดับที่ ๑ หรือที่ ๒ ในบรรดาพราหมณ์ผู้ รับการบูชา พวกพราหมณ์จะเรียกผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติ ๒ อย่างนี้แลว่าเป็นพราหมณ์ และเมื่อเขาจะพูดว่า ‘เราเป็นพราหมณ์’ ก็พูดได้โดยชอบ ทั้งไม่เป็นผู้พูดเท็จด้วย” [๓๑๓] เมื่อพราหมณ์โสณทัณฑะกราบทูลอย่างนี้ พวกพราหมณ์เหล่านั้น กล่าวว่า “ท่านโสณทัณฑะอย่าพูดอย่างนั้นเลย ท่านโสณทัณฑะอย่าพูดอย่างนั้น เลย ท่านโสณทัณฑะลบหลู่ผิวพรรณ ลบหลู่มนตร์ ลบหลู่ชาติกำเนิด พูดคล้อย ตามวาทะของพระสมณโคดมถ่ายเดียวเท่านั้น” [๓๑๔] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ถ้าพวกท่านคิดว่า ‘พราหมณ์ โสณทัณฑะศึกษามาน้อย พูดไม่เพราะ โง่เขลา และไม่สามารถเจรจาโต้ตอบกับพระ สมณโคดมได้’ พราหมณ์โสณทัณฑะจงหยุด พวกท่านจงเจรจาโต้ตอบกับเราแทน แต่หากพวกท่านคิดว่า ‘พราหมณ์โสณทัณฑะศึกษามามาก พูดเพราะ ฉลาด และ สามารถเจรจาโต้ตอบกับพระสมณโคดมได้’ พวกท่านก็จงหยุด พราหมณ์ โสณทัณฑะจงเจรจาโต้ตอบกับเรา (ต่อไป)” [๓๑๕] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ พราหมณ์โสณทัณฑะได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า “ขอท่านพระโคดมทรงหยุดทรงนิ่งเถิด ข้าพระองค์เองจักตอบ พวกเขาโดยชอบแก่เหตุ” แล้วกล่าวกะพวกพราหมณ์เหล่านั้นว่า “ท่านผู้เจริญ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๙ หน้า : ๑๒๐}พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร] เรื่องศีลและปัญญา
ทั้งหลายอย่าได้พูดอย่าได้กล่าวอย่างนี้เลยว่า ‘ท่านโสณทัณฑะลบหลู่ผิวพรรณ ลบหลู่มนตร์ ลบหลู่ชาติกำเนิด พูดคล้อยตามวาทะของพระสมณโคดมถ่ายเดียว เท่านั้น’ แท้จริง เราไม่ได้ลบหลู่ผิวพรรณ มนตร์ หรือชาติกำเนิดเลย” [๓๑๖] เวลานั้น อังคกมาณพผู้เป็นหลานของพราหมณ์โสณทัณฑะนั่งอยู่ใน บริษัทนั้นด้วย ทีนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะได้กล่าวกะพราหมณ์เหล่านั้นว่า “ท่าน ผู้เจริญทั้งหลายเห็นอังคกมาณพหลานของเรานี้หรือไม่” “เห็น ขอรับ” “อังคกมาณพ เป็นผู้มีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส มีผิวพรรณผุดผ่องยิ่งนักดุจพรหม มีกายดุจพรหม โอกาสที่จะได้เห็นยากนัก ในที่ประชุมนี้นอกจากพระสมณโคดมแล้วไม่มีใครมี ผิวพรรณเสมอกับอังคกมาณพเลย อังคกมาณพเป็นผู้คงแก่เรียน ทรงจำมนตร์ รู้ จบไตรเพท พร้อมทั้งนิฆัณฑุศาสตร์ เกฏุภศาสตร์ อักษรศาสตร์ และประวัติศาสตร์ เข้าใจตัวบทและไวยากรณ์ ชำนาญโลกายตศาสตร์และลักษณะมหาบุรุษ เราเป็นผู้ บอกมนตร์แก่เขา อังคกมาณพเป็นผู้มีชาติกำเนิดดีทั้งฝ่ายบิดาและฝ่ายมารดา ถือ ปฏิสนธิบริสุทธิ์ดีตลอดเจ็ดชั่วบรรพบุรุษ ไม่มีใครจะคัดค้านตำหนิได้เพราะอ้างถึง ชาติตระกูล เรารู้จักบิดามารดาของเขา แต่อังคกมาณพยังฆ่าสัตว์ ถือเอาสิ่งของที่ เจ้าของเขาไม่ให้ ล่วงละเมิดภรรยาของผู้อื่น กล่าวเท็จ ดื่มน้ำเมา ในกรณีอย่างนี้ ผิวพรรณ มนตร์ และชาติกำเนิดจักทำอะไรได้เล่า เพราะบุคคลชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เพราะเป็นผู้มีศีล มีศีลที่เจริญ ประกอบด้วยศีลที่เจริญ และเป็นบัณฑิต มีปัญญา ลำดับที่ ๑ หรือที่ ๒ ในบรรดาพราหมณ์ผู้รับการบูชา พวกพราหมณ์เรียกผู้ ประกอบด้วยคุณสมบัติ ๒ อย่างนี้แลว่าเป็นพราหมณ์ และเมื่อเขาจะพูดว่า ‘เรา เป็นพราหมณ์’ ก็พูดได้โดยชอบ ทั้งไม่เป็นผู้พูดเท็จด้วย”เรื่องศีลและปัญญา [๓๑๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ บรรดาคุณสมบัติ ๒ อย่างนี้ (หาก) เว้นเสีย ๑ อย่าง พวกพราหมณ์จะเรียกผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติเพียง อย่างเดียวว่าเป็นพราหมณ์ได้หรือไม่ และเมื่อเขาจะพูดว่า ‘เราเป็นพราหมณ์’ ก็พูด ได้โดยชอบ ทั้งไม่เป็นผู้พูดเท็จด้วย” {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๙ หน้า : ๑๒๑}พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร] รื่องศีลและปัญญา
พราหมณ์โสณทัณฑะกราบทูลว่า “ข้อนี้ไม่ได้ ท่านพระโคดม เพราะปัญญา ต้องมีศีลช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ศีลก็ต้องมีปัญญาช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ปัญญาย่อมมีใน ที่ที่มีศีล ศีลย่อมมีในที่ที่มีปัญญา ปัญญาย่อมมีแก่ผู้มีศีล ศีลย่อมมีแก่ผู้มีปัญญา นักปราชญ์ยกย่องศีลและปัญญาว่า เป็นสิ่งล้ำเลิศในโลก เปรียบเหมือนบุคคลใช้มือ ล้างมือ หรือใช้เท้าล้างเท้า ฉันใด ปัญญาต้องมีศีลช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ศีลก็ต้องมี ปัญญาช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ปัญญาย่อมมีในที่ที่มีศีล ศีลย่อมมีในที่ที่มีปัญญา ปัญญาย่อมมีแก่ผู้มีศีล ศีลย่อมมีแก่ผู้มีปัญญา นักปราชญ์ยกย่องศีลและปัญญาว่า เป็นสิ่งล้ำเลิศในโลก ฉันนั้น” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “อย่างนั้นแล พราหมณ์ อย่างนั้นแล พราหมณ์ ปัญญาต้องมีศีลช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ศีลก็ต้องมีปัญญาช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ปัญญา ย่อมมีในที่ที่มีศีล ศีลย่อมมีในที่ที่มีปัญญา ปัญญาย่อมมีแก่ผู้มีศีล ศีลย่อมมีแก่ผู้มี ปัญญา นักปราชญ์ยกย่องศีลและปัญญาว่า เป็นสิ่งล้ำเลิศในโลก เปรียบเหมือน บุคคลใช้มือล้างมือ หรือใช้เท้าล้างเท้า ฉันใด ปัญญาต้องมีศีลช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ศีลก็ต้องมีปัญญาช่วยชำระให้บริสุทธิ์ ปัญญาย่อมมีในที่ที่มีศีล ศีลย่อมมีในที่ที่มี ปัญญา ปัญญาย่อมมีแก่ผู้มีศีล ศีลย่อมมีแก่ผู้มีปัญญา นักปราชญ์ยกย่องศีลและ ปัญญาว่า เป็นสิ่งล้ำเลิศในโลก ฉันนั้น” [๓๑๘] พระผู้มีพระภาคตรัสถามต่อไปว่า “พราหมณ์ ศีลนั้นเป็นอย่างไร ปัญญานั้นเป็นอย่างไร” พราหมณ์โสณทัณฑะทูลตอบว่า “ท่านพระโคดม ในเรื่องนี้พวกข้าพระองค์ มีความรู้เพียงเท่านี้ ขอประทานวโรกาส ขอท่านพระโคดมโปรดขยายความให้ชัดเจน ด้วย” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น ท่านจงฟัง จงตั้งใจให้ดี เราจักบอก” เขาทูลรับสนองพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ ตถาคตอุบัติขึ้นมาในโลกนี้ เป็นพระ อรหันต์ ตรัสรู้ด้วยตนเองโดยชอบ ฯลฯ (พึงนำข้อความเต็มในสามัญญผลสูตรมา {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๙ หน้า : ๑๒๒}พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร] พราหมณ์โสณทัณฑะประกาศตนเป็นอุบาสก
ใส่ไว้ในที่นี้) ภิกษุชื่อว่าสมบูรณ์ด้วยศีลเป็นอย่างนี้แล ฯลฯ บรรลุปฐมฌานอยู่ บรรลุทุติยฌานอยู่ บรรลุตติยฌานอยู่ บรรลุจตุตถฌานอยู่ ฯลฯ น้อมจิตไปเพื่อ ญาณทัสสนะ ฯลฯ นี้เป็นปัญญาของภิกษุนั้น ฯลฯ รู้ชัดว่า‘ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบ พรหมจรรย์ แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป’ นี้เป็นปัญญาของภิกษุนั้น พราหมณ์ ปัญญานั้นเป็นอย่างนี้แล๑-”พราหมณ์โสณทัณฑะประกาศตนเป็นอุบาสก [๓๑๙] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้ พราหมณ์โสณทัณฑะได้กราบทูลว่า “ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของท่านพระโคดมชัดเจนไพเราะยิ่งนัก ข้าแต่ท่านพระ โคดม ภาษิตของท่านพระโคดมชัดเจนไพเราะยิ่งนัก ท่านพระโคดมทรงประกาศ ธรรมแจ่มแจ้งโดยประการต่างๆ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่ผู้หลงทาง หรือตามประทีปในที่มืดโดยตั้งใจว่า คนมีตาดีจักเห็นรูปได้ ข้าพระองค์นี้ขอถึงท่านพระโคดม พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ขอท่าน พระโคดมจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจน ตลอดชีวิต ขอท่านพระโคดมพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์โปรดรับภัตตาหารของข้าพระองค์ ในวันพรุ่งนี้เถิด” พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์ด้วยพระอาการดุษณี [๓๒๐] ทีนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะทราบอาการที่พระผู้มีพระภาคทรงรับ นิมนต์แล้ว จึงได้ลุกจากอาสนะ กราบพระผู้มีพระภาคแล้วกระทำประทักษิณจากไป ครั้นผ่านคืนนั้นไป พราหมณ์โสณทัณฑะสั่งให้จัดของขบฉันอย่างประณีตไว้ ในนิเวศน์ของตน แล้วให้คนไปกราบทูลภัตกาลว่า “ท่านพระโคดม ได้เวลาแล้ว ภัตตาหารเสร็จแล้ว” ตอนเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก ถือบาตรและ จีวรเสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของพราหมณ์โสณทัณฑะพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ ประทับนั่ง บนอาสนะที่ปูไว้ พราหมณ์โสณทัณฑะได้นำของขบฉันอันประณีตประเคนภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานให้อิ่มหนำด้วยตนเอง @เชิงอรรถ :@๑ ดูความเต็มในสามัญญผลสูตร ข้อ ๑๙๐-๒๔๘ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๙ หน้า : ๑๒๓}พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค [๔. โสณทัณฑสูตร] พราหมณ์โสณทัณฑะประกาศตนเป็นอุบาสก
[๓๒๑] เมื่อพระผู้มีพระภาคเสวยเสร็จทรงวางพระหัตถ์แล้ว พราหมณ์ โสณทัณฑะจึงเลือกนั่ง ณ ที่สมควรที่ใดที่หนึ่งซึ่งต่ำกว่า แล้วกราบทูลว่า “ข้าแต่ ท่านพระโคดม ถ้าข้าพระองค์อยู่ในท่ามกลางบริษัทจะลุกจากที่นั่งไปกราบท่านพระ โคดม ก็จะถูกบริษัทดูหมิ่นเพราะเหตุนั้นได้ ผู้ถูกบริษัทดูหมิ่นจะเสื่อมยศ ผู้เสื่อมยศ จะเสื่อมโภคสมบัติ เพราะมียศข้าพระองค์จึงมีโภคสมบัติ ถ้าข้าพระองค์อยู่ใน ท่ามกลางบริษัทจะประนมมือ ขอท่านพระโคดมทรงทราบว่านั่นแทนการลุกจาก ที่นั่ง(ไปต้อนรับ) ถ้าข้าพระองค์อยู่ในท่ามกลางบริษัทจะแก้ผ้าโพกศีรษะออก ขอ ท่านพระโคดมทรงทราบว่านั่นแทนการกราบด้วยเศียรเกล้า ถ้าข้าพระองค์อยู่ใน ยานพาหนะจะลงไปกราบท่านพระโคดม บริษัทก็จะดูหมิ่นเพราะเหตุนั้นได้ ผู้ถูก บริษัทดูหมิ่นจะเสื่อมยศ ผู้เสื่อมยศจะเสื่อมโภคสมบัติ เพราะมียศข้าพระองค์จึงมี โภคสมบัติ ถ้าข้าพระองค์อยู่ในยานพาหนะจะยกปฏักขึ้น ขอท่านพระโคดมทรง ทราบว่านั่นแทนการลงจากยานพาหนะ(ไปต้อนรับ) ถ้าข้าพระองค์อยู่ในยานพาหนะ จะลดร่มลง ขอท่านพระโคดมทรงทราบว่านั่นแทนการกราบด้วยเศียรเกล้า” [๓๒๒] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้ทรงชี้แจงให้พราหมณ์โสณทัณฑะเห็น ชัด ชักชวนให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้ สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมีกถา แล้วทรงลุกจากอาสนะเสด็จจากไปโสณทัณฑสูตรที่ ๔ จบ {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๙ หน้า : ๑๒๔}