Translate

07 สิงหาคม 2567

บทภาชนีย์ มรรคภาณวาร ปาราชิกกัณฑ์ ปฐมปาราชิกสิกขาบท พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์

[๓๘] หญิง ๓ จำพวก คือ มนุษย์ผู้หญิง ๑ อมนุษย์ผู้หญิง ๑ สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ๑
             อุภโตพยัญชนก ๓ จำพวก คือ มนุษย์อุภโตพยัญชนก ๑ อมนุษย์อุภโตพยัญชนก ๑ สัตว์ดิรัจฉานอุภโตพยัญชนก ๑
             บัณเฑาะก์ ๓ จำพวก      คือ มนุษย์บัณเฑาะก์ ๑      อมนุษย์บัณเฑาะก์ ๑ สัตว์ดิรัจฉาน บัณเฑาะก์ ๑
      ชาย ๓ จำพวก คือ มนุษย์ผู้ชาย ๑ อมนุษย์ผู้ชาย ๑ สัตว์ดิรัจฉานตัวผู้ ๑
หญิง ๓ จำพวก มีมรรคพวกละ ๓ เป็น ๙
             ๑. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๓ คือ      วัจจมรรค ปัสสาวมรรค มุขมรรค ของมนุษย์ผู้หญิง ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๓ คือ      วัจจมรรค ปัสสาวมรรค มุขมรรค ของอมนุษย์ผู้หญิง ต้องอาบัติปาราชิก
             ๓. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๓ คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค มุขมรรค ของสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ต้องอาบัติปาราชิก
อุภโตพยัญชนก ๓ จำพวก มีมรรคพวกละ ๓ เป็น ๙
             ๑. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๓ คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค มุขมรรค ของมนุษย์อุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๓ คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค มุขมรรค ของอมนุษย์อุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก
             ๓. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๓ คือ วัจจมรรค ปัสสาวมรรค มุขมรรค ของสัตว์ดิรัจฉานอุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก
บัณเฑาะก์ ๓ จำพวก มีมรรคพวกละ ๒ เป็น ๖
             ๑. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๒ คือ      วัจจมรรค มุขมรรค      ของมนุษย์บัณเฑาะก์     ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๒ คือ      วัจจมรรค มุขมรรค     ของอมนุษย์บัณเฑาะก์    ต้องอาบัติปาราชิก
             ๓. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๒ คือ วัจจมรรค มุขมรรค ของสัตว์ดิรัจฉานบัณเฑาะก์    ต้องอาบัติปาราชิก
ชาย ๓ จำพวก มีมรรคพวกละ ๒ เป็น ๖
             ๑. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๒ คือ       วัจจมรรค มุขมรรค     ของมนุษย์ผู้ชาย     ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๒ คือ       วัจจมรรค มุขมรรค     ของอมนุษย์ผู้ชาย       ต้องอาบัติปาราชิก
             ๓. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค ๒ คือ       วัจจมรรค มุขมรรค     ของสัตว์ดิรัจฉานตัวผู้      ต้องอาบัติปาราชิก.
             [๓๙] อาบัติปาราชิก ๓๐
             ๑. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของมนุษย์ผู้หญิง       ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในปัสสาวมรรคของมนุษย์ผู้หญิง       ต้องอาบัติปาราชิก
             ๓. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของมนุษย์ผู้หญิง       ต้องอาบัติปาราชิก
             ๔. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของอมนุษย์ผู้หญิง       ต้องอาบัติปาราชิก
             ๕. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในปัสสาวมรรคของอมนุษย์ผู้หญิง   ต้องอาบัติปาราชิก
             ๖. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของอมนุษย์ผู้หญิง     ต้องอาบัติปาราชิก
             ๗. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ต้องอาบัติปาราชิก
             ๘. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในปัสสาวมรรคของสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ต้องอาบัติปาราชิก
             ๙. เมื่อเสวนจิตปรากฏ       ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๐. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของมนุษย์อุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๑. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในปัสสาวมรรคของมนุษย์อุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๒. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของมนุษย์อุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๓. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของอมนุษย์อุภโตพยัญชนก ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๔. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในปัสสาวมรรคของอมนุษย์อุภโตพยัญชนก   ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๕. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของอมนุษย์อุภโตพยัญชนก  ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๖. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของสัตว์ดิรัจฉานอุภโตพยัญชนก   ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๗. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในปัสสาวมรรคของสัตว์ดิรัจฉานอุภโตพยัญชนก   ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๘. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของสัตว์ดิรัจฉานอุภโตพยัญชนก   ต้องอาบัติปาราชิก
             ๑๙. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของมนุษย์บัณเฑาะก์ ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๐. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของมนุษย์บัณเฑาะก์ ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๑. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของอมนุษย์บัณเฑาะก์ ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๒. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของอมนุษย์บัณเฑาะก์ ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๓. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของสัตว์ดิรัจฉานบัณเฑาะก์ ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๔. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของสัตว์ดิรัจฉานบัณเฑาะก์   ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๕. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของมนุษย์ผู้ชาย       ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๖. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของมนุษย์ผู้ชาย       ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๗. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของอมนุษย์ผู้ชาย       ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๘. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของอมนุษย์ผู้ชาย     ต้องอาบัติปาราชิก
             ๒๙. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในวัจจมรรคของสัตว์ดิรัจฉานตัวผู้    ต้องอาบัติปาราชิก
             ๓๐. เมื่อเสวนจิตปรากฏ     ภิกษุสอดองค์กำเนิดเข้าในมุขมรรคของสัตว์ดิรัจฉานตัวผู้ ต้องอาบัติปาราชิก

ไม่มีความคิดเห็น: