Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กัตถปัญญัติวาร.ที่ ๑ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ กัตถปัญญัติวาร.ที่ ๑ แสดงบทความทั้งหมด

23 มกราคม 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ มหาวิภังค์ ๑๖ มหาวาร กัตถปัญญัติวารที่ ๑ เสขิยกัณฑ์ คำถามและคำตอบในปริมัณฑลวรรคที่ ๑ ในอุชชัคฆิกวรรคที่ ๒ในขัมภกตวรรคที่ ๓ ในปีณฑปาตวรรคที่ ๔ ในกพฬวรรคที่ ๕ ในสุรุสุรุวรรคที่ ๖ ในปาทุกาวรรคที่ ๗

คำถามและคำตอบในปริมัณฑลวรรคที่ ๑
  ทำบุญ 
       [๑๖๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นุ่งผ้าเลื้อยหน้าหรือเลื้อยหลัง ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นุ่งผ้าเลื้อยหน้าบ้างเลื้อยหลังบ้าง.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
       [๑๖๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ห่มผ้าเลื้อยหน้าหรือเลื้อยหลัง ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ห่มผ้าเลื้อยหน้าบ้างเลื้อยหลังบ้าง.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
       [๑๖๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เปิดกายเดินไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เปิดกายเดินไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ...
       [๑๗๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อเปิดกายนั่งในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เปิดกายนั่งในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ...
       [๑๗๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ คะนองมือหรือเท้า เดินไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เปิดกายนั่งในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ...
       [๑๗๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ คะนองมือหรือเท้า นั่งในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์คะนองมือบ้างเท้าบ้าง นั่งในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ...
       [๑๗๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แลดูในที่นั้นๆ เดินไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แลดูในที่นั้นๆ เดินไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ...
       [๑๗๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แลดูในที่นั้นๆ นั่งในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แลดูในที่นั้นๆ นั่งในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ...
       [๑๗๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินเวิกผ้าไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินเวิกผ้าไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ...
       [๑๗๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งเวิกผ้าในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ นั่งเวิกผ้าในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ... ปริมัณฑลวรรคที่ ๑ จบ.
คำถามและคำตอบในอุชชัคฆิกวรรคที่ ๒
       [๑๗๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินหัวเราะไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินหัวเราะเสียงดังไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กาย วาจาและจิต
       [๑๗๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งหัวเราะในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นั่งหัวเราะเสียงดังในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กาย วาจา และจิต
       [๑๗๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินพูดเสียงดังลั่นในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินพูดเสียงดังลั่นในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนสมนุภาสนสิกขาบท)
       [๑๘๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งพูดเสียงดังลั่นในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นั่งพูดเสียงดังลั่นในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนสมนุภาสนสิกขาบท)
       [๑๘๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินโคลงกายไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินโคลงกายไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๘๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งโคลงกายในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นั่งโคลงกายในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๘๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินไกวแขนไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินไกวแขนไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๘๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งไกวแขนในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นั่งไกวแขวนในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๘๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินโคลงศีรษะไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินโคลงศีรษะไปในละแวกบ้าน.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
             [๑๘๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งโคลงศีรษะในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นั่งโคลงศีรษะในละแวกบ้าน.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)  อุชชัคฆิกวรรคที่ ๒ จบ
คำถามและคำตอบในขัมภกตวรรคที่ ๓
       [๑๘๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินค้ำกายไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินค้ำกายไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๘๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งค้ำกายในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นั่งค้ำกายในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๘๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินคลุมศีรษะไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ เดินคลุมกายตลอดศีรษะไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๙๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งคลุมศีรษะในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นั่งคลุมกายตลอดศีรษะ ในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๙๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เดินกระโหย่งเท้าไปในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินกระโหย่งเท้าไปในละแวกบ้าน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
       [๑๙๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งรัดเข่าในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์นั่งรัดเข่าในละแวกบ้าน.

             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
             [๑๙๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ รับบิณฑบาตโดยไม่เคารพ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์รับบิณฑบาตโดยไม่เคารพ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
             [๑๙๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แลดูในที่นั้นๆ รับบิณฑบาต ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แลดูในที่นั้นๆ รับบิณฑบาต.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๑๙๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ รับแต่แกงมาก ณ ที่ไหน?  ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์รับแต่แกงมาก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๑๙๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ รับบิณฑบาตจนพูนบาตร ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์รับบิณฑบาตจนพูนบาตร. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) ขัมภกตวรรคที่ ๓ จบ.
 คำถามและคำตอบในปิณฑปาตวรรคที่ ๔
[๑๙๗]  ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตโดยไม่เคารพ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันบิณฑบาตโดยไม่เคารพ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท).
             [๑๙๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แลดูในที่นั้นๆ ฉันบิณฑบาต ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แลดูในที่นั้นๆ ฉันบิณฑบาต.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท).
             [๑๙๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตให้แหว่งในที่นั้นๆ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันบิณฑบาตให้แหว่งในที่นั้นๆ
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
             [๒๐๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันแต่แกงมาก ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ฉันแต่แกงมาก.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
             [๒๐๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันบิณฑบาตขยุ้มแต่ยอดลงไป ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันบิณฑบาตขยุ้มแต่ยอดลงไป.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
             [๒๐๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ กลบแกงบ้าง กับบ้าง ด้วยข้าวสุก ณ
ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์กลบแกงบ้าง กับบ้าง ด้วยข้าวสุก.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
             [๒๐๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ขอแกงบ้าง ข้าวสุกบ้าง เพื่อประโยชน์
แก่ตนมาฉัน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ขอแกงบ้าง ข้าวสุกบ้าง เพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน
๒ คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กายวาจา และจิต.
             [๒๐๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แลดูบาตรของภิกษุรูปอื่น ด้วยหมายจะยก
โทษ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แลดูบาตรของภิกษุรูปอื่นด้วยหมายจะยกโทษ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
             [๒๐๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ทำคำข้าวให้ใหญ่ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ทำคำข้าวให้ใหญ่.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)

             [๒๐๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ทำคำข้าวให้ยาว ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ทำคำข้าวให้ยาว.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง
(เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) 
  ปิณฑปาตวรรคที่ ๔ จบ.
คำถามและคำตอบในกพฬวรรควรรคที่ ๕
 [๒๐๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เมื่อคำข้าวยังไม่ถึงปาก อ้าปากไว้ท่า ณ ที่ไหน?
              ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
              ถ. ทรงปรารภใคร?
              ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
              ถ. เพราะเรื่องอะไร?
              ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ เมื่อคำข้าวยังไม่ถึงปาก อ้าปากไว้ท่า. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๐๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันสอดมือทั้งหมดเข้าในปาก ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันสอดมือทั้งหมดเข้าในปาก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๐๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ พูดทั้งคำข้าวมีในปาก ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์พูดทั้งคำข้าวมีในปาก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายวาจา และจิต.
 [๒๑๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเดาะคำข้าว ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันเดาะคำข้าว. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๑๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันกัดคำข้าว ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันกัดคำข้าว. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๑๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๑๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันสลัดมือ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันสลัดมือ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๑๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันโปรยเมล็ดข้าว ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันโปรยเมล็ดข้าว. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๑๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันแลบลิ้น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันแลบลิ้น. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๑๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันดังจั๊บๆ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันดังจั๊บๆ มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) 
  กพฬวรรคที่ ๕ จบ.
คำถามและคำตอบในสุรุสุรุวรรคที่ ๖
 [๒๑๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันดังซู้ดๆ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปดื่มนมสดดังซู้ดๆ มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท) 
 [๒๑๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเลียมือ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันเลียมือ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๑๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันขอดบาตร ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันขอดบาตร. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๒๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเลียริมฝีปาก ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ฉันเลียริมฝีปาก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง (เหมือนปฐมปาราชิกสิกขาบท)
 [๒๒๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ รับโอน้ำด้วยมือเปื้อนอามิส ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ ภัคคชนบท. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรับโอน้ำด้วยมือเปื้อนอามิส. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา.
 [๒๒๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เทน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าวในละแวกบ้าน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ ภัคคชนบท. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปเทน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าว ในละแวกบ้าน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ กายกับจิต มิใช่วาจา.
 [๒๒๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลมีร่มในมือ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลมีร่มในมือ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๒๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลมีไม้พลองในมือ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลมีไม้พลองในมือ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน อันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๒๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลมีศัสตราในมือ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลมีศัสตราในมือ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๒๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลมีอาวุธในมือ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลมีอาวุธในมือ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย. สุรุสุรุวรรคที่ ๖ จบ
คำถามและคำตอบในปาทุกาวรรคที่ ๗
 [๒๒๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลสวมเขียงเท้า ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ แสดงธรรมแก่บุคคลสวมเขียงเท้า. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๒๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลสวมรองเท้า ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ แสดงธรรมแก่บุคคลสวมรองเท้า. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๒๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลไปในยาน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลไปในยาน. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๓๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้อยู่บนที่นอน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้อยู่บนที่นอน. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๓๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งรัดเข่า ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งรัดเข่า. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๓๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้โพกศีรษะ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลผู้โพกศีรษะ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๓๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้คลุมศีรษะ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสดงธรรมแก่บุคคลผู้คลุมศีรษะ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๓๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งอยู่ที่แผ่นดินแสดงธรรม แก่บุคคลผู้นั่ง บนอาสนะ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ นั่งอยู่ที่แผ่นดินแสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งบนอาสนะ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๓๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ นั่งบนอาสนะต่ำ แสดงธรรมแก่บุคคล ผู้นั่งบนอาสนะสูง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ นั่งบนอาสนะต่ำ แสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่งบน อาสนะสูง. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแก่กายกับจิต มิใช่วาจา. ๑-
 [๒๓๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ยืนแสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่ง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ยืนแสดงธรรมแก่บุคคลผู้นั่ง. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน อันหนึ่ง คือ เกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย.
 [๒๓๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อเดินไปข้างหลัง แสดงธรรมแก่ บุคคลผู้เดินไปข้างหน้า ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินไปข้างหลัง แสดงธรรมแก่บุคคลผู้เดินไปข้างหน้า. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย วาจา และจิต.
 [๒๓๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อเดินไปนอกทาง แสดงธรรมแก่บุคคลผู้เดิน ในทาง ณ ที่ไหน? @๑ มีลักลั่นอยู่ ที่นี่ น่าจะเป็นวาจากับจิต มิใช่กาย ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เดินไปนอกทาง แสดงธรรมแก่บุคคลผู้เดินในทาง. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย วาจา และจิต.
 [๒๓๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ยืนถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ยืนถ่ายอุจจาระ หรือถ่ายปัสสาวะ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา.
 [๒๔๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะ ลงบนของเขียวสด ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะลงบน ของเขียวสด. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา.
 [๒๔๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติทุกกฏแก่ภิกษุผู้อาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ หรือบ้วนเขฬะ ลงในน้ำ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ถ่ายอุจจาระบ้าง ปัสสาวะบ้าง บ้วนเขฬะบ้าง ลงในน้ำ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา. ปาทุกาวรรคที่ ๗ จบ. เสขิยะ ๗๕ สิกขาบท จบ. 
 กัตถปัญญัตติวาร มหาวิภังค์ จบ. 
  หัวข้อประจำเรื่อง [๒๔๒] นุ่งห่มเป็นปริมณฑล ปกปิดกาย สำรวมดี มีตาทอดลง เวิกผ้า หัวเราะลั่น มีเสียงดัง โคลงกาย ไกวแขน โคลงศีรษะรวม ๓ ค้ำกายคลุมศีรษะกระโหย่ง รัดเข่า รับบิณฑบาตโดยเอื้อเฟื้อ แลดูในบาตร แกงพอสมควร รับบิณฑบาตเสมอขอบ ฉันบิณฑบาตโดย เอื้อเฟื้อ แลดูในบาตร ฉันบิณฑบาตไม่แหว่ง ฉันแกงพอสมควร ขยุ้มแต่ยอด กลบ ขอ เพ่งโพนทะนา ไม่ใหญ่ กลมกล่อม ช่องปาก มือทั้งหมด ไม่พูด ฉันเดาะ ฉันกัด ฉันทำให้ตุ่ย สลัดมือ ฉันโปรยเมล็ดข้าว ฉันแลบลิ้น ฉันเสียงจั๊บๆ ซู้ดๆ เลียมือ ขอดบาตร เลียริมฝีปาก เปื้อนอามิส น้ำมีเมล็ดข้าว พระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่ทรงแสดงสัทธรรม แก่บุคคลผู้มีร่มในมือ มีไม้พลองในมือ มีศัสตราวุธ ในมือ สวมเขียงเท้า สวมรองเท้า ไปในยาน อยู่บนที่นอน นั่งรัดเข่า โพกศีรษะ คลุมศีรษะ ที่แผ่นดิน อาสนะต่ำ ยืนอยู่ เดินไปข้างหลัง เดินไปนอกทาง ไม่ยืนถ่าย ถ่ายบนของเขียวสด และในน้ำ. 
  หัวข้อบอกวรรคเหล่านั้น[๒๔๓] ปริมัณฑลวรรค ๑ อุชชัคฆิกวรรค ๑ ขัมภกตวรรค ๑ ปิณฑปาตวรรค ๑ กพฬวรรค ๑ สุรุสุรุวรรค ๑ ปาทุกาวรรค ๑ เป็นที่ ๗ แล.

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ มหาวิภังค์ ๑๖ มหาวาร กัตถปัญญัติวารที่ ๑ ปาฏิเทสนียกัณฑ์ คำถามและคำตอบในสิกขาบท

คำถามและคำตอบในสิกขาบทที่ ๑
   ทำบุญ
   [๑๖๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะ แก่ภิกษุผู้เข้าไปสู่ละแวกบ้านแล้ว รับของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี ด้วยมือของตนจากมือของภิกษุณีผู้มิใช่ญาติแล้วฉัน ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปสู่ละแวกบ้านแล้วรับอามิสจากมือของภิกษุณี ผู้มิใช่ญาติ.
   มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือบางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...

คำถามและคำตอบในสิกขาบทที่ ๒
   [๑๖๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะ แก่ภิกษุผู้ไม่ห้ามภิกษุณีผู้สั่งเสียแล้วฉัน ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ไม่ห้ามภิกษุณีผู้สั่งเสียอยู่.
   มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือบางทีเกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายวาจา และจิต ...

คำถามและคำตอบในสิกขาบทที่ ๓
   [๑๖๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะ แก่ภิกษุ ผู้รับของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี ในสกุลที่สงฆ์สมมติว่าเป็นเสขะด้วยมือของตนแล้วฉัน ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปไม่รู้ประมาณแล้วรับ.
   มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๒ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...

คำถามและคำตอบในสิกขาบทที่ ๔
   [๑๖๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาฏิเทสนียะ แก่ภิกษุผู้รับของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี อันเขาไม่ได้บอกให้รู้ไว้ก่อนในเสนาสนะป่า ด้วยมือของตนในวัดที่อยู่ ณ ที่ไหน?
       ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท.
       ถ. ทรงปรารภใคร?
       ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
       ถ. เพราะเรื่องอะไร?
       ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปไม่บอกว่าโจรอาศัยอยู่ในอาราม.
   มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายวาจา และจิต ... ปาฏิเทสนียะ ๔ สิกขาบท จบ.
หัวข้อประจำกัณฑ์
   [๑๖๖] ปาฏิเทสนียะ ๔ สิกขาบท คือ ภิกษุณีมิใช่ญาติ ๑ ภิกษุณีสั่งเสีย ๑ สกุลเสขะ ๑ เสนาสนะป่า ๑ อันพระสัมพุทธเจ้าทรงประกาศแล้วแล.

22 มกราคม 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ มหาวิภังค์ ๑๖ มหาวาร กัตถปัญญัติวารที่ ๑ ปาจิตติยกัณฑ์ คำถามและคำตอบในมุสาวาทวรรคที่ ๑, ในภูตคามวรรคที่ ๒, ในโอวาทวรรคที่ ๓ …

คำถามและคำตอบในมุสาวาทวรรคที่ ๑
   ทำบุญ 
       [๖๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะสัมปชานมุสาวาท ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระหัตถกศากยบุตร.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระหัตถกศากยบุตร เจรจากับพวกเดียรถีย์กล่าวปฏิเสธแล้วรับกล่าวรับแล้วปฏิเสธ.
       มีบัญญัติ ๑. บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ คือบางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย บางทีเกิดแต่กาย วาจาและจิต ...
       [๖๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะโอมสวาท ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ทะเลาะกับพวกภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ด่าภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๖๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะส่อเสียดภิกษุ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เก็บเอาคำส่อเสียด ไปบอกแก่ภิกษุผู้หมางกัน เกิดทะเลาะกัน ถึงการวิวาทกัน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๖๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้สอนธรรมแก่อนุปสัมบันว่าพร้อมกัน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์สอนธรรมแก่อุบาสกอุบาสิกาว่าพร้อมกัน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่วาจา มิใช่กาย มิใช่จิต บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย  ...
       [๖๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้สำเร็จการนอนร่วมกับอนุปสัมบันยิ่งกว่า ๒-๓ คืน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูป สำเร็จการนอนร่วมกับอนุปสัมบัน.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
       [๖๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุ ผู้สำเร็จการนอนร่วมกับมาตุคาม ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภ?
   ต. ทรงปรารภท่านพระอนุรุทธะ.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอนุรุทธะนอนร่วมกับมาตุคาม.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
       [๖๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้แสดงธรรมแก่มาตุคามยิ่งกว่า ๕-๖ คำ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่ท่านอุทายีแสดงธรรมแก่มาตุคาม.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๒ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนปทโสธัมมสิกขาบท) ...
       [๖๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้บอกอุตตริมนุสสธรรมอันมีจริงแก่อนุปสัมบัน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา พรรณนาคุณแห่งอุตตริมนุสสธรรมของกันและกัน แก่พวกคฤหัสถ์.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ คือบางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่วาจา มิใช่กาย มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต ...
       [๖๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้บอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์บอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ (เหมือนอทินนาทานสิกขาบท) ...
      [๖๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ขุดดิน ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุพวกเมืองอาฬวี.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกเมืองอาฬวีขุดดิน.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...   มุสาวาทวรรค ที่ ๑ จบ.
หัวข้อประจำวรรค [๗๐] พูดเท็จ ๑ ด่า ๑ ส่อเสียด ๑ สอนว่าพร้อมกัน ๑ นอน ๒ แสดงธรรม ๑ บอกอุตตริมนุสสธรรม ๑ อาบัติชั่วหยาบ ๑ ขุดดิน ๑
คำถามและคำตอบในภูตคามวรรคที่ ๒ 
       [๗๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ ในเพราะพรากภูตคาม ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุพวกเมืองอาฬวี.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
 ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกเมืองอาฬวีตัดต้นไม้.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๗๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะแกล้งกล่าวคำอื่น ในเพราะทำให้ลำบาก ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉันนะ ถูกสงฆ์ซักถามอยู่ด้วยอาบัติในท่ามกลางสงฆ์กลับเอาเรื่องอื่นมาพูดกลบเกลื่อนเสีย.
        มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๗๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ ในเพราะความเป็นผู้โพนทะนา ในเพราะความเป็นผู้บ่นว่า ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระเมตติยะและพระภุมมชกะ.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระเมตติยะและพระภุมมชกะยังภิกษุทั้งหลายให้ยกโทษท่านพระทัพพมัลลบุตร.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๗๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้วางเตียงก็ดี ตั่งก็ดี ฟูกก็ดี เก้าอี้ก็ดี อันเป็นของสงฆ์ในที่แจ้งแล้วไม่เก็บ ไม่บอกสั่ง หลีกไปเสีย ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูป วางเสนาสนะอันเป็นของสงฆ์ ในที่แจ้งแล้วไม่เก็บ ไม่บอกสั่ง หลีกไปเสีย.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
       [๗๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ปูที่นอนในวิหารเป็นของสงฆ์แล้วไม่เก็บ ไม่บอกสั่ง หลีกไปเสีย ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระสัตตรสวัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระสัตตรสวัคคีย์ปูที่นอนในวิหารเป็นของสงฆ์ แล้วไม่เก็บ ไม่บอกสั่ง หลีกไปเสีย.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
       [๗๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ สำเร็จการนอนแทรกแซงภิกษุผู้เข้าไปก่อนในวิหารของสงฆ์ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์สำเร็จการนอนแทรกแซงภิกษุผู้เถระ.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน อันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
       [๗๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้โกรธ ขัดใจ ฉุดคร่าภิกษุจากวิหารของสงฆ์ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์โกรธ ขัดใจ ฉุดคร่าภิกษุทั้งหลายจากวิหารของสงฆ์.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๗๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้นั่งทับเตียงก็ดี ตั่งก็ดี อันมีเท้าเสียบบนร้านในวิหารเป็นของสงฆ์ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง นั่งทับเตียงอันมีเท้าเสียบบนร้านในวิหารเป็นของสงฆ์โดยแรง.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือบางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
       [๗๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้อำนวยให้พอก ๒-๓ ชั้น แล้วอำนวยยิ่งกว่านั้น ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะให้มุงวิหารที่สร้างสำเร็จแล้วบ่อยๆ ให้โบกฉาบบ่อยๆ วิหารหนักเกินไปก็ทลายลง.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
       [๘๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ว่า น้ำมีตัวสัตว์ เอารดหญ้าก็ดี ดินก็ดี ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ เมืองอาฬวี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุพวกเมืองอาฬวี.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุพวกเมืองอาฬวี รู้อยู่ว่าน้ำมีตัวสัตว์ เอารดหญ้าบ้าง รดดินบ้าง.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...  
  ภูตคามวรรค ที่ ๒ จบ.
หัวข้อประจำวรรค[๘๑] ตัดต้นไม้ ๑ กล่าวส่อเสียด ๑ โพนทะนา ๑ ที่แจ้ง ๑ วิหาร ๑ นอนเบียด ๑ ฉุดคร่า ๑ บนร้าน ๑ โบกฉาบ ๑ เอาน้ำมีตัวสัตว์รดทิ้งเสีย ๑
คำถามและคำตอบในโอวาทวรรคที่ ๓
       [๘๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่ได้รับสมมติ สั่งสอนภิกษุณี ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ไม่ได้รับสมมติ สั่งสอนภิกษุณี.
   ถ. ในสิกขาบทนั้นมีบัญญัติ อนุบัญญัติ อนุปันนบัญญัติ หรือ?
   ต. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ อนุปันนบัญญัติไม่มีในสิกขาบทนั้น.
       บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่วาจา มิใช่กาย มิใช่จิต บางทีเกิดแต่วาจากับจิต มิใช่กาย ...
       [๘๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้สั่งสอนภิกษุณี เมื่อพระอาทิตย์อัสดงแล้ว ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภท่านพระจูฬปันถก.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระจูฬปันถก สั่งสอนภิกษุณี เมื่อพระอาทิตย์อัสดงแล้ว.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนปทโสธัมมสิกขาบท) ...
      [๘๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เข้าไปสู่ที่อาศัยแห่งภิกษุณีแล้ว สั่งสอนพวกภิกษุณี ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์เข้าไปสู่ที่อาศัยแห่งภิกษุณีแล้วสั่งสอนพวกภิกษุณี.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนในกฐินสิกขาบท) ...
       [๘๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้กล่าวว่า พวกภิกษุกล่าวสอนพวกภิกษุณีเพราะเหตุอามิส ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์กล่าวว่า พวกภิกษุสั่งสอนพวกภิกษุณีเพราะเหตุอามิส.
       มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
       [๘๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ ณ ที่ไหน?
   ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
   ถ. ทรงปรารภใคร?
   ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
   ถ. เพราะเรื่องอะไร?
   ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งได้ให้จีวรแก่ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ.
       มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
       [๘๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เย็บจีวรเพื่อภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ ณ ที่ไหน?
            ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีเย็บจีวร เพื่อภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
             [๘๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ชักชวนภิกษุณี แล้วเดินทางไกลร่วมกัน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ชักชวนพวกภิกษุณีเดินทางไกลร่วมกัน.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน
๔ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กาย กับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่
กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจาและจิต ...
             [๘๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ชักชวนภิกษุณีแล้ว โดยสารเรือลำเดียวกัน ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ชักชวนพวกภิกษุณีแล้วโดยสารเรือลำเดียวกัน.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๔ ...
             [๙๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ ฉันบิณฑบาตอันภิกษุณีแนะนำให้ถวาย ณ ที่ไหน?
               ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์.
               ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระเทวทัต. 
               ถ. เพราะเรื่องอะไร? 
               ต. เพราะเรื่องที่พระเทวทัตรู้อยู่ ฉันบิณฑบาตอันภิกษุณีแนะนำให้ถวาย. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏ- *ฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... 
 [๙๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้เดียวสำเร็จการนั่งในที่ลับกับภิกษุณีผู้เดียว ณ ที่ไหน? 
               ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
               ถ. ทรงปรารภใคร? 
               ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี. 
               ถ. เพราะเรื่องอะไร? 
               ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีผู้เดียวสำเร็จการนั่งในที่ลับกับภิกษุณีผู้เดียว. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... ฯ
โอวาทวรรค ที่ ๓ จบ.
หัวข้อประจำวรรค
 [๙๒] ไม่ได้รับสมมติสั่งสอน ๑ พระอาทิตย์อัสดง ๑ ที่อาศัย ๑  เหตุอามิส ๑ ให้ จีวร ๑ เย็บจีวร ๑ ชักชวนกันแล้วเดินทาง ๑ ชักชวนกันแล้วโดยสารเรือ ๑ ภัตที่ภิกษุณี แนะนำให้ถาย ๑ นั่งในที่ลับ ๑
คำถามและคำตอบในโอวาทวรรคที่ ๔
 [๙๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ฉันอาหารในโรงทานยิ่งกว่าครั้งหนึ่งนั้น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ อยู่ฉันอาหารในโรงทานเป็นประจำ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย สมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
 [๙๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ ในเพราะฉันเป็นหมู่ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระเทวทัต. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระเทวทัตพร้อมด้วยบริษัท เที่ยวขอในสกุลทั้งหลายมาฉัน. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๗ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏ- *ฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
 [๙๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ ในเพราะโภชนะทีหลัง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูป รับนิมนต์ไว้ในที่แห่งหนึ่งแล้ว ฉันในที่อื่น. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๓ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
 [๙๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รับขนมเต็ม ๒-๓ บาตร แล้วรับยิ่งกว่านั้น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปไม่รู้จักประมาณรับ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
 [๙๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้วฉันของขบเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี ที่ไม่ เป็นเดน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ฉันในที่แห่งอื่น. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย สมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
 [๙๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้นำของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี อันไม่เป็นเดน ไปล่อภิกษุ ผู้ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ให้ฉัน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง นำของฉันอันไม่เป็นเดนไปล่อภิกษุผู้ฉันเสร็จ ห้าม ภัตแล้ว ให้ฉัน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... 
 [๙๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ฉันของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี ในเวลาวิกาล ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระสัตตรสวัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระสัตตรสวัคคีย์ฉันโภชนะในเวลาวิกาล. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
 [๑๐๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ฉันของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี ซึ่งรับประเคนไว้ค้างคืน ณ ที่ ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระเวลัฏฐสีสะ. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระเวลัฏฐสีสะ ฉันโภชนะที่รับประเคนไว้ค้างคืน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
 [๑๐๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ขอโภชนะอันประณีตเพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ขอโภชนะอันประณีต เพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย สมุฏฐาน ๔ ...
 [๑๐๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้กลืนอาหารที่เขาไม่ได้ให้ล่วงช่องปาก ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง กลืนอาหารที่เขายังไม่ได้ให้ ล่วงช่องปาก. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย สมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ... 
โภชนวรรค ที่ ๔ จบ
 [๑๐๓] อาหารในโรงทาน ๑ ฉันเป็นหมู่ ๑ โภชนะทีหลัง ๑ เต็ม ๒ บาตร ๑ ห้ามภัตร ๑ เวลาวิกาล ๑ ของเคี้ยว ๑ รับประเคนไว้ค้างคืน ๑ โภชนะประณีต ๑ อาหารที่เขา ไม่ได้ให้ล่วงช่องปาก ๑
คำถามและคำตอบในอเจลกวรรคที่ ๕
 [๑๐๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี แก่อเจลกก็ดี แก่ ปริพาชกก็ดี แก่ปริพาชิกาก็ดี ด้วยมือของตน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครเวสาลี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอานนท์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอานนท์เข้าใจว่า ขนมชิ้นหนึ่ง ได้ให้ขนม ๒ ชิ้น แก่ ปริพาชิกานางหนึ่ง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ... 
  [๑๐๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ชวนภิกษุว่า มาเถิด คุณ เรา จักเข้าไปสู่บ้านหรือสู่ นิคม เพื่อบิณฑบาตด้วยกัน แล้วให้เขาถวายก็ดี ไม่ให้ถวายก็ดี แก่เธอ แล้วส่งกลับไปเสีย ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร ชวนภิกษุว่า มาเถิด คุณ เราจักเข้าไป สู่บ้านเพื่อบิณฑบาตด้วยกัน ไม่ให้เขาถวายแก่เธอ แล้วส่งกลับไป. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๐๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้สำเร็จการนั่งแทรกแซงในสโภชนสกุล ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร สำเร็จการนั่งแทรกแซงในสโภชนสกุล. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
 [๑๐๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือ ในอาสนะกำบัง กับมาตุคาม ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร สำเร็จการนั่งในที่ลับ คือ ในอาสนะ กำบัง กับมาตุคาม. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
 [๑๐๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้เดียว สำเร็จการนั่งในที่ลับกับมาตุคามผู้เดียว ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร ผู้เดียวสำเร็จการนั่งในที่ลับกับมาตุคาม ผู้เดียว. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
 [๑๐๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รับนิมนต์แล้ว มีภัตอยู่ ไม่บอกลาภิกษุซึ่งมีอยู่ ถึงความ เป็นผู้เที่ยวไปในสกุลทั้งหลาย ก่อนเวลาฉันก็ดี หลังเวลาฉันก็ดี ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร รับนิมนต์แล้ว มีภัตอยู่ ถึงความ เป็นผู้เที่ยวไปในสกุลทั้งหลาย ก่อนเวลาฉัน หลังเวลาฉัน. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๔ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย สมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
 [๑๑๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ขอเภสัชยิ่งกว่ากำหนดนั้น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ อันมหานามศากยะกล่าวว่า วันนี้ ขอท่านจงรอ ก็มิ ได้รอ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย สมุฏฐาน ๖ ...
 [๑๑๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไปเพื่อดูกองทัพซึ่งยกออกไป ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ได้ไปเพื่อจะดูกองทัพซึ่งยกออกไป. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย สมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
 [๑๑๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้อยู่ในกองทัพเกินกว่า ๓ คืน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์อยู่ในกองทัพเกินกว่า ๓ คืน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
 [๑๑๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้ไปสู่สนามรบ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ได้ไปสู่สนามรบ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ... 
อเจลกวรรค ที่ ๕ จบ.
หัวข้อประจำวรรค [๑๑๔] ให้แก่อเจลก ๑ ส่งภิกษุกลับไป ๑ สโภชนสกุล ๑ นั่งในที่ลับ ๒ สิกขาบท ภิกษุมีอยู่ ๑ เภสัช ๑ ดูกองทัพที่ยกออกไป ๑ อยู่เกิน ๓ ราตรี ๑ ไปสู่สนามรบ ๑
คำถามและคำตอบในสุราเมรยวรรคที่ ๖
[๑๑๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะดื่มสุราและเมรัย ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระสาคตะ. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระสาคตะดื่มน้ำเมา. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
 [๑๑๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะจี้ด้วยนิ้วมือ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ใช้นิ้วมือจี้ภิกษุให้หัวเราะ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... 
 [๑๑๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะเล่นน้ำ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระสัตตรสวัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระสัตตรสวัคคีย์เล่นน้ำในแม่น้ำอจิรวดี. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
 [๑๑๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ในเพราะความไม่เอื้อเฟื้อ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะได้ทำความไม่เอื้อเฟื้อ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๑๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้หลอนภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์หลอนภิกษุ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๒๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ติดไฟผิง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ ภัคคชนบท. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปก่อไฟผิง. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๒ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วย สมุฏฐาน ๖ ...
 [๑๒๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้อาบน้ำหย่อนกึ่งเดือน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปเห็นพระราชาแล้ว ก็ยังไม่รู้จักประมาณอาบน้ำ. มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๖ ถ. มีสัพพัตถบัญญัติ ปเทสบัญญัติ หรือ? ต. มีแต่ปเทสบัญญัติ. บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลม สิกขาบท) ...
 [๑๒๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่ถือเอาวัตถุสำหรับทำให้เสียสี ๓ อย่าง อย่างใด อย่างหนึ่ง แล้วใช้จีวรใหม่ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปจำจีวรของตนไม่ได้. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนเอฬกโลมสิกขาบท) ...
 [๑๒๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้วิกัปจีวรเอง แก่ภิกษุก็ดี แก่ภิกษุณีก็ดี แก่ สิกขมานาก็ดี แก่สามเณรก็ดี แก่สามเณรีก็ดี แล้วใช้สอยจีวรนั้น ซึ่งไม่ให้เขาถอนก่อน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนนท ศากยบุตร. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนนท ศากยบุตร วิกัปจีวรเองแก่ภิกษุแล้วใช้สอยจีวรนั้น ซึ่งไม่ให้เขาถอนก่อน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
 [๑๒๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ซ่อนบาตรก็ดี จีวรก็ดี ผ้าปูนั่งก็ดี กล่องเข็มก็ดี ประคตเอวก็ดี ของภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ซ่อนบาตรบ้าง จีวรบ้าง ผ้าปูนั่งบ้าง กล่องเข็มบ้าง ประคตเอวบ้าง ของภิกษุทั้งหลาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
สุราเมรยวรรค ที่ ๖ จบ.
หัวข้อประจำวรรค [๑๒๕] สุรา ๑ จี้ด้วยนิ้วมือ ๑ เล่นน้ำ ๑ ไม่เอื้อเฟื้อ ๑ หลอนภิกษุ ๑ ติดไฟผิง ๑ อาบน้ำ ๑ วัตถุทำให้เสียสี ๑ วิกัป ๑ ซ่อนจีวร ๑
คำถามและคำตอบในสัปปาณกวรรคที่ ๗ [๑๒๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้แกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภท่านพระอุทายี. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุทายีแกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... 
 [๑๒๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่บริโภคน้ำมีตัวสัตว์ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์รู้อยู่ บริโภคน้ำมีตัวสัตว์. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๒๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรม เพื่อทำอีก ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์รู้อยู่ ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรมเพื่อทำอีก. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๒๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ ปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ต. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งรู้อยู่ ปิดอาบัติชั่วหยาบของภิกษุ. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย วาจา และจิต ... 
 [๑๓๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ยังบุคคลผู้มีอายุหย่อน ๒๐ ปี ให้อุปสมบท ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปรู้อยู่ยังบุคคลมีอายุหย่อน ๒๐ ปี ให้อุปสมบท. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๓๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ชักชวนแล้วเดินทางไกลสายเดียวกันกับพวกพ่อค้าผู้เป็น โจร ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งรู้อยู่ ชักชวนเดินทางไกลสายเดียวกันกับพวกพ่อค้าผู้ เป็นโจร. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจา และจิต ... 
 [๑๓๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ชักชวนเดินทางไกลสายเดียวกันกับมาตุคาม ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งชักชวน เดินทางไกลสายเดียวกันกับมาตุคาม. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ ...
 [๑๓๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่สละทิฏฐิอันชั่วช้า เมื่อสวดสมนุภาสจบหนที่ ๓ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระอริฏฐะ ผู้เคยเป็นคนฆ่าแร้ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระอริฏฐะ ผู้เคยเป็นคนฆ่าแร้ง ไม่สละทิฏฐิอันชั่วช้าเมื่อสวด สมนุภาสจบหนที่ ๓. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือ เกิดแต่กาย วาจา และจิต ...
 [๑๓๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ กินร่วมกับพระอริฏฐะผู้กล่าวอย่างนั้น มีธรรมอันสมควร ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้สละทิฏฐินั้น ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ รู้อยู่ กินร่วมกับพระอริฏฐะ ผู้กล่าวอย่างนั้น มีธรรม อันสมควรยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้สละทิฏฐินั้น. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... 
 [๑๓๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ เกลี้ยกล่อมสมณุทเทส ผู้ถูกสงฆ์นาสนะอย่างนั้นแล้ว ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ รู้อยู่ เกลี้ยกล่อมกัณฑกะสมณุทเทสผู้ถูกสงฆ์ นาสนะอย่างนั้นแล้ว. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... 
สัปปาณกวรรคที่ ๗ จบ
หัวข้อประจำวรรค[๑๓๖] แกล้งฆ่าสัตว์ให้ตาย ๑ บริโภคน้ำที่มีตัวสัตว์ ๑ ฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้ว ตามธรรม ๑ รู้อยู่ปิดอาบัติชั่วหยาบ ๑ อายุหย่อน ๒๐ ปี ๑ ชักชวนเดินทางกลับพ่อค้าผู้เป็นโจร ๑ ชักชวนเดินทางกับมาตุคาม ๑ กินร่วม ๑ เกลี้ยกล่อมสมณุทเทสผู้ถูกสงฆ์นาสนะแล้ว ๑. คำถามและคำตอบในสหธรรมมิกวรรคที่ ๘
 [๑๓๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวอยู่โดยชอบธรรม กล่าวว่า แนะเธอ ฉันจักยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ ตลอดเวลาที่ยังไม่ได้สอบถามภิกษุอื่นผู้ฉลาด ผู้ทรงวินัย ณ ที่ไหน?
               ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครโกสัมพี.
               ถ. ทรงปรารภใคร?
               ต. ทรงปรารภท่านพระฉันนะ.
               ถ. เพราะเรื่องอะไร?
               ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระฉันนะ อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวอยู่โดยชอบธรรม กล่าวว่าแนะเธอ ฉันจักยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ ตลอดเวลาที่ยังไม่ได้สอบถามภิกษุอื่นผู้ฉลาด ผู้ทรง
วินัย.มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
[๑๓๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ก่นพระวินัย ณ ที่ไหน?
ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
ถ. ทรงปรารภใคร?
ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
ถ. เพราะเรื่องอะไร?
ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ก่นพระวินัย.
มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
[๑๓๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แสร้งทำหลง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๔๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้โกรธ ขัดใจ ให้ประหารภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์โกรธ ขัดใจ ให้ประหารแก่ภิกษุทั้งหลาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ... 
 [๑๔๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้โกรธ ขัดใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือ แก่ภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์โกรธ ขัดใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือ แก่ภิกษุทั้งหลาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา ...
 [๑๔๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้กำจัดภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสหามูลมิได้ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์กำจัดภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสหามูลมิได้. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๔๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้แกล้งก่อความรำคาญแก่ภิกษุ ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์แกล้งก่อความรำคาญแก่ภิกษุทั้งหลาย. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๔๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ยืนแอบฟังความ เมื่อภิกษุทั้งหลายเกิดบาดหมางกัน เกิด ทะเลาะกัน ถึงการวิวาทกัน ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ยืนแอบฟังความ เมื่อภิกษุทั้งหลายเกิดบาดหมางกัน เกิดทะเลาะกัน ถึงการวิวาทกัน. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒ คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจา และจิต ...
 [๑๔๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ฉันทะ เพื่อกรรมอันเป็นธรรมแล้ว ถึงธรรมคือความ บ่นว่าในภายหลัง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ให้ฉันทะ เพื่อกรรมอันเป็นธรรมแล้ว ถึงธรรมคือความ บ่นว่าในภายหลัง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๔๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้เมื่อเรื่องอันจะพึงวินิจฉัยยังเป็นไปอยู่ในสงฆ์ ไม่ให้ฉันทะ แล้วลุกจากอาสนะกลับไปเสีย ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่ง เมื่อเรื่องอันจะพึงวินิจฉัยยังเป็นไปอยู่ในสงฆ์ ไม่ให้ ฉันทะแล้วลุกจากอาสนะกลับไปเสีย. มีบัญญัติ ๑. บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง คือเกิดแต่กาย วาจา และจิต ... 
 [๑๔๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้พร้อมกับสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้จีวร แล้วถึงธรรมคือความ บ่นว่าในภายหลัง ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครราชคฤห์. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ผู้พร้อมกับสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้จีวรแก่ภิกษุ แล้ว ถึงธรรมคือความบ่นว่าในภายหลัง. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ...
 [๑๔๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์ มาเพื่อบุคคล ณ ที่ไหน? ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี. ถ. ทรงปรารภใคร? ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์. ถ. เพราะเรื่องอะไร? ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ผู้รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์มาเพื่อบุคคล. มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๓ ... 
สหธรรมมิกวรรคที่ ๘ จบ. 
หัวข้อประจำวรรค[๑๔๙] ภิกษุกล่าวโดยชอบธรรม ๑ ก่นวินัย ๑ แสร้งทำหลง ๑ ให้ประหาร ๑ เงื้อหอกคือฝ่ามือ ๑ อาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล ๑ ก่อความรำคาญ ๑ ยืนแอบฟังความ ๑ กรรม อันเป็นธรรม ๑ วินิจฉัย ๑ สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันให้ ๑ น้อมลาภมาเพื่อบุคคล ๑
คำถามและคำตอบในราชวรรคที่ ๙ 
             [๑๕๐] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่ได้รับบอกก่อน เข้าไปสู่ภายในพระตำหนักหลวง ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอานนท์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอานนท์ยังไม่ได้รับบอกก่อน เข้าไปสู่ภายในพระตำหนัก
หลวง.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๒
(เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
             [๑๕๑] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น  ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้เก็บรัตนะ  ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่ง.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุรูปหนึ่งเก็บรัตนะ.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๒ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย
สมุฏฐาน  ๖ ...
             [๑๕๒] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่เข้าไปสู่บ้านในเวลาวิกาล ณ  ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ไม่บอกลาภิกษุที่มีอยู่ แล้วเข้าไปสู่บ้านในเวลาวิกาล.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๓ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย สมุฏฐาน ๒ (เหมือนกฐินสิกขาบท) ...
[๑๕๓] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำกล่องเข็มแล้วด้วยกระดูกก็ดี แล้วด้วยงาก็ดี  แล้วด้วย
เขาก็ดี ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ สักกชนบท.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภภิกษุหลายรูป.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ภิกษุหลายรูปไม่รู้จักประมาณ ขอกล่องเข็มเป็นจำนวนมาก.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
             [๑๕๔] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น  ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำเตียงก็ดี ตั่งก็ดี เกินประมาณ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอุปนันทะศากยบุตร.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอุปนันทะศากยบุตร ให้ทำเตียงสูง.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
             [๑๕๕] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำเตียงก็ดี ตั่งก็ดี เป็นของหุ้มนุ่น ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.

             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ ให้ทำเตียงก็ดี ตั่งก็ดี เป็นของหุ้มนุ่น.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
             [๑๕๖] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้าปูนั่งเกินประมาณ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ให้ทำผ้าปูนั่งไม่มีประมาณ.
             มีบัญญัติ ๑ อนุบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้เกิดด้วย
สมุฏฐาน ๖ ...
             [๑๕๗] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้าปิดฝีเกินประมาณ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ใช้ผ้าปิดฝีไม่มีประมาณ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
             [๑๕๘] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้ให้ทำผ้าอาบน้ำฝนเกินประมาณ ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภพระฉัพพัคคีย์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่พระฉัพพัคคีย์ใช้ผ้าอาบน้ำฝน ไม่มีประมาณ.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
             [๑๕๙] ถามว่า พระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์
นั้น ทรงบัญญัติปาจิตตีย์  แก่ภิกษุผู้ให้ทำจีวรมีประมาณเท่าจีวรพระสุคต ณ ที่ไหน?
             ตอบว่า ทรงบัญญัติ ณ พระนครสาวัตถี.
             ถ. ทรงปรารภใคร?
             ต. ทรงปรารภท่านพระอานนท์.
             ถ. เพราะเรื่องอะไร?
             ต. เพราะเรื่องที่ท่านพระอานนท์ ใช้จีวรมีประมาณเท่าจีวรพระสุคต.
             มีบัญญัติ ๑ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ สิกขาบทนี้ เกิดด้วยสมุฏฐาน ๖ ...
ราชวรรคที่ ๙ จบ.
หัวข้อประจำวรรค[๑๖๐] ภายในพระตำหนักหลวง ๑ เก็บ ๑ ไม่อำลาแล้วเข้าบ้าน ๑ กล่องเข็ม ๑ เตียง ๑ เตียงหุ้มนุ่น ๑ ผ้าปูนั่ง ๑ ผ้าปิดฝี ๑ ผ้าอาบน้ำฝน ๑ ใช้จีวรเท่าสุคตจีวร ๑
ปาจิตตีย์ ๙๒ สิกขาบท จบ.
หัวข้อบอกวรรคเหล่านั้น [๑๖๑] วรรคเหล่านั้น คือ มุสาวาทวรรค ๑ ภูตคามวรรค ๑ โอวาทวรรค ๑ โภชนวรรค ๑ อเจลกวรรค ๑ สุราเมรยวรรค ๑ สัปปาณกวรรค ๑ สหธรรมิกวรรค ๑
รวมเป็น ๙ กับราชวรรค.