Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ .ภัททาลิวรรค แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ .ภัททาลิวรรค แสดงบทความทั้งหมด

29 ตุลาคม 2568

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน ภัททาลิวรรคที่ ๔๒ มัญจทายกเถราปทานที่ ๑๐

ว่าด้วยผลแห่งการทำตั่งถวายสงฆ์
  
 [๑๐] เมื่อพระพุทธเจ้าผู้นำโลก พระนามว่าสิทธัตถะ ผู้ประกอบด้วย พระกรุณา ปรินิพพานแล้ว เมื่อปาพจน์มีความแพร่หลาย อัน เทวดาและมนุษย์สักการะแล้ว ในครั้งนั้น เราเป็นคนจัณฑาล ทำ ตั่ง ๔ เหลี่ยม เลี้ยงชีพด้วยการงานนั้น เลี้ยงดูเด็กๆ
 ก็ด้วยการ งานนั้น เราเลื่อมใสแล้ว ทำตั่ง ๔ เหลี่ยมเป็นอย่างดี ด้วยมือ ทั้งสองของตน แล้วได้เข้าถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ด้วยตนเอง ด้วย กรรมที่ทำไว้ดีแล้วนั้น และด้วยความตั้งเจตนานั้นไว้ เราละร่าง มนุษย์แล้ว ได้ไปยังดาวดึงสพิภพ เราไปสู่เทวโลก บันเทิงอยู่ใน หมู่ไตรทศ ที่นอนมีราคามาก ย่อมเกิดตามความปรารถนา เราได้ เป็นจอมเทพเสวยราชสมบัติในเทวโลก ๕๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้า จักรพรรดิราช ๘๐ ครั้ง และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณนานับมิได้ เราเป็นผู้ถึงความสุข มียศ นี้เป็นผลแห่งการ ถวายเตียงนอน ถ้าเราจุติจากเทวโลกมาสู่ภพมนุษย์ ที่นอนสวยๆ ควรแก่ค่ามาก ย่อมเกิดแก่เราเอง นี้เป็นการเกิดครั้งหลังของเรา ภพสุดท้ายกำลังเป็นไป แม้ทุกวันนี้ที่นอนก็ปรากฏในเวลาจะนอน ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้ถวายทานใด ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จัก ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายเตียง เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระมัญจทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ มัญจทายกเถราปทาน.
รวมอปทานที่มีในวรรนี้ คือ
    ๑. ภัททาลิเถราปทาน         ๖. เอกทีปิยเถราปทาน
    ๒. เอกฉัตติยเถราปทาน ๗. อุจฉังคปุปผิยเถราปทาน
    ๓. ติณสูลฉาทนิยเถราปทาน ๘. ยาคุทายกเถราปทาน
    ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน ๙. ปัตโถทนทายกเถราปทาน
    ๕. นาคปัลลวกเถราปทาน ๑๐. มัญจทายกเถราปทาน
 บัณฑิตคำนวณคาถาแผนกหนึ่งได้ ๒๐๑ คาถา.
จบ ภัททาลิกวรรคที่ ๔๒
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๑๐. มัญจทายกเถราปทาน
 อรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒ แม้อปทานที่ ๕ ของพระนาคปัลลวกเถระ แม้อปทานที่ ๖ ของพระเอกทีปิยเถระ แม้อปทานที่ ๗ ของพระอุจฉังคปุปผิยเถระ แม้อปทานที่ ๘ ของพระยาคุทายกเถระ แม้อปทานที่ ๙ ของพระปัตโถทนทายกเถระ แม้อปทานที่ ๑๐ ของพระมัญจทายกเถระ ทุกๆ อปทานทั้งหมดมีเนื้อความพอที่นักศึกษาจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล. 
 จบอรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒
 -----------------------------------------------------
                        อรรถกถาที่มีมาก่อนหน้านี้ :- อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=4 
                        อรรถกถาที่มีถัดจากนี้ :- อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค ๑. สกิงสัมมัชชกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=11 .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๑๐. 
มัญจทายกเถราปทาน จบ.

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน ภัททาลิวรรคที่ ๔๒ ทนทายกเถราปทานที่ ๙

ว่าด้วยผลแห่งการถวายข้าวสาลีหนึ่งแล่ง
  
 [๙] เมื่อก่อน เราเป็นคนชอบเที่ยวในป่า ประกอบการงานในป่าเสมอ เราถือเอาข้าวสุกแห่งข้าวสาลีแล่งหนึ่ง แล้วได้ไปทำงาน ณ ที่นั้น เราได้เห็นพระสยัมภูสัมพุทธเจ้าผู้ไม่พ่ายแพ้อะไรๆ เสด็จออกจาก ป่าเพื่อบิณฑบาต ครั้นแล้วเราได้ยังจิตให้เลื่อมใส เราประกอบใน ทางการงานของคนอื่น และบุญของเราก็ไม่มี มีแต่ข้าวสุกแห่ง
 ข้าวสารแล่งหนึ่ง เราจะนิมนต์พระมุนีนี้ให้เสวย เราหยิบข้าวสุก                           แห่งข้าวสาลีแล่งหนึ่งถวายแด่พระสยัมภู เมื่อเราเพ่งดูอยู่พระ มหามุนีทรงเสวย เพราะกรรมที่เราได้ทำไว้ดีแล้วนั้น และเพราะความ ตั้งเจตนาไว้ เราละร่างมนุษย์แล้วก็ไปสู่ดาวดึงสพิภพ เราได้เป็น จอมเทวดาเสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๒ ครั้ง เป็นพระเจ้าจักร- พรรดิราช ๓๓ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดย คณนานับมิได้ เราเป็นผู้ถึงความสุข มียศ นี้เป็นผลของข้าวสุก แห่งข้าวสารแล่งหนึ่ง เมื่อเราท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ได้ ทรัพย์นับไม่ถ้วน ความบกพร่องในโภคทรัพย์มิได้มีแก่เราเลย นี้ เป็นผลของข้าวสุกแห่งข้าวสารแล่งหนึ่ง โภคทรัพย์เปรียบด้วย กระแสน้ำเกิดขึ้นแก่เรา เราไม่สามารถจะนับได้ นี้ก็เป็นผลของ ข้าวสุกแห่งข้าวสารแล่งหนึ่ง เพราะมีผู้เชื้อเชิญว่า เชิญเคี้ยวกิน สิ่งนี้ เชิญบริโภคสิ่งนี้ เชิญนอนบนที่นอนนี้ ฉะนั้น เราจึงเป็นคน มีความสุข นี้ก็เป็นผลของข้าวสุกแห่งข้าวสารแล่งหนึ่ง ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้เราได้ถวายทานใด ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้ก็ เป็นผลของข้าวสุกแห่งข้าวสารแล่งหนึ่ง เราเผากิเลสทั้งหลาย แล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระปัตโถทนทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ปัตโถทนทายกเถราปทาน
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๙. ปัตโถทนทายกเถราปทาน
         อรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒
         แม้อปทานที่ ๕ ของพระนาคปัลลวกเถระ แม้อปทานที่ ๖ ของพระเอกทีปิยเถระ แม้อปทานที่ ๗ ของพระอุจฉังคปุปผิยเถระ แม้อปทานที่ ๘ ของพระยาคุทายกเถระ แม้อปทานที่ ๙ ของพระปัตโถทนทายกเถระ แม้อปทานที่ ๑๐ ของพระมัญจทายกเถระ ทุกๆ อปทานทั้งหมดมีเนื้อความพอที่นักศึกษาจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
 จบอรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒
----------------------------------------------------- 
               อรรถกถาที่มีมาก่อนหน้านี้ :-
         อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค
               ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน
               อรรถกถาที่มีถัดจากนี้ :-
         อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค
               ๑. สกิงสัมมัชชกเถราปทาน
.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๙.
ปัตโถทนทายกเถราปทาน จบ.

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน ภัททาลิวรรคที่ ๔๒ ยาคุทายกเถราปทานที่ ๘

ว่าด้วยผลแห่งการถวายข้าวต้ม
  
 [๘] ครั้งนั้น เราได้พาแขกมาบ้าน เห็นแม่น้ำที่เต็มฝั่ง จึงเข้าไปสู่                           สังฆาราม ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ถืออยู่ป่าเป็นวัตร รักษาธุดงค์ ยินดี ในฌาน มีจีวรเศร้าหมอง ชอบสงัด เป็นนักปราชญ์ ท่านกำลัง อยู่ในสังฆาราม ท่านเหล่านั้นผู้หลุดพ้นดีแล้ว เป็นผู้คงที่ ได้ตัด คติเสียแล้ว ในเวลาที่แม่น้ำถูกกั้นด้วยน้ำ ท่านไปบิณฑบาตไม่ได้ เรามีจิตเลื่อมใสโสมนัส เกิดปีติปราโมทย์ ประนมกรอัญชลี
 ประคองข้าวสาร ถวายยาคุทานแล้ว เราเลื่อมใส ถวายข้าวยาคู ที่เราต้มด้วยมือทั้งสองของตน ปรารภแต่เฉพาะกรรมของตัว ได้ไป ถึงดาวดึงสพิภพแล้ว วิมานที่สำเร็จด้วยแก้วมณี ได้เกิดแก่เราใน หมู่ไตรทศ เราประกอบด้วยหมู่เทพนารี บันเทิงอยู่ในวิมานอัน อุดม เราได้เป็นจอมเทพยดาเสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๓ ครั้ง
 ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเสวยราชสมบัติใหญ่ ๓๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้า ประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้ เสวยยศ ในเทวโลก บ้าง ในมนุษย์บ้าง เมื่อถึงภพที่สุด เราได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ได้ละทิ้งสมบัติทุกอย่าง พร้อมกับผมที่ถูกโกน เราพิจารณาร่างกาย โดยความสิ้นไปและความเสื่อมไป ก็ได้บรรลุอรหัตก่อนให้สิกขา ทานอันประเสริฐเกิดแต่มือ ซึ่งเราประกอบดีแล้ว ชื่อว่าเป็นอันให้ดี แล้ว เพราะข้าวยาคูนั้นนั่นเอง เราจึงได้บรรลุบทอันไม่หวั่นไหว เราไม่รู้สึกว่า ความโศก ความร่ำไร ความป่วยไข้ ความกระวน กระวาย ความเดือดร้อนใจเกิดขึ้นเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายข้าว ยาคู เราได้ถวายข้าวยาคูแก่สงฆ์ในบุญเขตอันยอดเยี่ยม ย่อมได้ เสวยอานิสงส์ ๕ ประการ เพราะเราเป็นผู้ถวายข้าว
 ยาคูดีหนอ คือ ความเป็นผู้ไม่มีพยาธิ ๑ ความเป็นผู้มีรูปสวย ๑ ความเป็นผู้ได้ ตรัสรู้ธรรมได้เร็วพลัน ๑ ความเป็นผู้ได้ข้าวและน้ำ ๑ และอายุ เป็นที่ ๕ ผู้ใดผู้หนึ่ง เมื่อจะให้เกิดโสมนัส ผู้นั้นควรถวายข้าวยาคู ในสงฆ์ บัณฑิตพึงถือเอาเฉพาะฐานะ ๕ ประการนี้ เราทำกิจที่ ควรทำทุกอย่างแล้ว เพิกถอนภพทั้งหลายแล้ว อาสวะสิ้นไปหมด แล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก เราจักเที่ยวไปนมัสการพระสัมพุทธเจ้า และพระธรรมอันดี จากบ้านหนึ่งยังบ้านหนึ่ง จากบุรีหนึ่งยังบุรีหนึ่ง ในกัปที่สามหมื่น เราได้ถวายทานใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เรา ไม่รู้ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายข้าวยาคู เราเผากิเลสทั้งหลาย แล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระยาคุทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ยาคุทายกเถราปทาน
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค
๘. ยาคุทายกเถราปทาน
 อรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒ แม้อปทานที่ ๕ ของพระนาคปัลลวกเถระ แม้อปทานที่ ๖ ของพระเอกทีปิยเถระ แม้อปทานที่ ๗ ของพระอุจฉังคปุปผิยเถระ แม้อปทานที่ ๘ ของพระยาคุทายกเถระ แม้อปทานที่ ๙ ของพระปัตโถทนทายกเถระ แม้อปทานที่ ๑๐ ของพระมัญจทายกเถระ ทุกๆ อปทานทั้งหมดมีเนื้อความพอที่นักศึกษาจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล. 
จบอรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒
 ----------------------------------------------------- 
อรรถกถาที่มีมาก่อนหน้านี้          อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=4 อรรถกถาที่มีถัดจากนี้ :-          อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค . สกิงสัมมัชชกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=11 ..  อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๘. 
ยาคุทายกเถราปทาน จบ.

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน ภัททาลิวรรคที่ ๔๒ อุจฉังคปุปผิยเถราปทานที่ ๗

ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกไม้หนึ่งพก
  
   [๗] ในกาลนั้น เราเป็นช่างดอกไม้อยู่ในพระนครพันธุมดี เราเอา
   ดอกไม้ห่อเต็มพก แล้วได้ไปยังตลาด สมัยนั้น พระผู้มีพระภาค
   ผู้นายกของโลก อันภิกษุสงฆ์ห้อมล้อมแล้ว เสด็จออกไปด้วย
   อานุภาพใหญ่ เราได้เห็นพระวิปัสสีสัมพุทธเจ้า ผู้ส่องโลกให้
   โพลงทั่ว ยังโลกให้ข้ามพ้น จึงหยิบดอกไม้ออกจากพก บูชาพระ
   พุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระพุทธ
   เจ้าผู้ประเสริฐสุด ด้วยพุทธบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผล
   แห่งพุทธบูชา เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้
   ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
   ทราบว่า ท่านพระอุจฉังคปุปผิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ อุจฉังคปุปผิยเถราปทาน.
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๗. อุจฉังคปุปผิยเถราปทาน
          อรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒                   แม้อปทานที่ ๕ ของพระนาคปัลลวกเถระ แม้อปทานที่ ๖ ของพระเอกทีปิยเถระ แม้อปทานที่ ๗ ของพระอุจฉังคปุปผิยเถระ แม้อปทานที่ ๘ ของพระยาคุทายกเถระ แม้อปทานที่ ๙ ของพระปัตโถทนทายกเถระ แม้อปทานที่ ๑๐ ของพระมัญจทายกเถระ ทุกๆ อปทานทั้งหมดมีเนื้อความพอที่นักศึกษาจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
          จบอรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒          -----------------------------------------------------  
 อรรถกถาที่มีมาก่อนหน้านี้ :-         อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค              ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=4
               อรรถกถาที่มีถัดจากนี้ :-
               อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค               ๑. สกิงสัมมัชชกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=11.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๗.
 อุจฉังคปุปผิยเถราปทาน จบ.

28 ตุลาคม 2568

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน ภัททาลิวรรคที่ ๔๒ อกทีบียเถราปทานที่ ๖

ว่าด้วยผลแห่งการตามประทีปเป็นพุทธบูชา
  
   [๖] เมื่อพระสุคตเจ้าผู้นำโลกพระนามว่าสิทธัตถะ ปรินิพพานแล้ว
   ชนทั้งปวงทั้งเทวดาและมนุษย์ ต่างก็บูชาพระองค์ผู้สูงสุดกว่าสัตว์
   และเมื่อเขาช่วยกันยกพระผู้นำโลกพระนามว่าสิทธัตถะ ขึ้นบนเชิง
   ตะกอน ชนทั้งหลายพากันบูชาเชิงตะกอนของพระศาสดาตามกำลัง
   ของตน เราได้ตามประทีปไว้ไม่ไกลเชิงตะกอน ประทีปของเรา
   ลุกโพลงจนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะกรรมที่ได้ทำไว้ดีแล้วนั้น และ
   เพราะความตั้งใจมั่นชอบ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสู่ดาวดึงสพิภพ
   เขาย่อมทราบกันว่า วิมานอันบุญกรรมได้ทำไว้เป็นอย่างดี เพื่อเรา
   ในดาวดึงสพิภพนั้น ชื่อว่าเอกทีป ประทีปแสนดวงส่องสว่างอยู่
   ในวิมานของเรา ร่างกายของเรารุ่งเรืองอยู่ทุกเมื่อเหมือนพระอาทิตย์
   ที่กำลังอุทัยฉะนั้น สรีระของเรามีแสงสว่างด้วยรัศมีในกาลทุกเมื่อ
   เรามองเห็นได้ตลอดด้วยจักษุ ทะลุฝา กำแพง ภูเขา โดยรอบ
   ร้อยโยชน์ รื่นรมย์ อยู่ในเทวโลก ๗๗ ครั้ง เสวยราชสมบัติใน
   เทวโลก ๓๑ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๒๘ ครั้ง เป็น
   พระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้ เราจุติจากเทวโลก
   แล้ว เกิดในครรภ์ของมารดา นัยน์ตาของเราผู้แม้จะอยู่ในครรภ์
   ของมารดาก็ไม่วินาศ เรามีอายุ ๔ ขวบแต่กำเนิดก็ได้ออกบวชเป็น
   บรรพชิต ได้บรรลุอรหัตแต่ยังไม่ถึงกึ่งเดือน เราชำระทิพยจักษุ
   ให้บริสุทธิ์แล้ว ถอนภพขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว ตัดกิเลสทั้งปวงขาด
   แล้ว นี้เป็นผลแห่งประทีปดวงเดียว นอกฝา นอกกำแพง และ
   ถึงภูเขาทั้งสิ้น เราก็เห็นทะลุไปได้ นี้ก็เป็นผลแห่งประทีปดวงเดียว
   สำหรับเรา ภูมิภาคที่ขรุขระ ย่อมเป็นภาพที่ราบเรียบ ความมืด
   ย่อมไม่ปรากฏมี เราไม่เห็นความมืด นี้ก็เป็นผลแห่งประทีปดวงเดียว
   ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้ถวายประทีปใด ด้วยการถวายประทีป
   นั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้ก็เป็นผลแห่งประทีปดวงเดียว เราเผา
   กิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
   ทราบว่า ท่านพระเอกทีปิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้.
จบ เอกทีปิยเถราปทาน.
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๖. เอกทีบียเถราปทาน
         อรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒
      แม้อปทานที่ ๕ ของพระนาคปัลลวกเถระ แม้อปทานที่ ๖ ของพระเอกทีปิยเถระ แม้อปทานที่ ๗ ของพระอุจฉังคปุปผิยเถระ แม้อปทานที่ ๘ ของพระยาคุทายกเถระ แม้อปทานที่ ๙ ของพระปัตโถทนทายกเถระ แม้อปทานที่ ๑๐ ของพระมัญจทายกเถระ ทุกๆ อปทานทั้งหมดมีเนื้อความพอที่นักศึกษาจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
จบอรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒
-----------------------------------------------------
         อรรถกถาที่มีมาก่อนหน้านี้ :- อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=4
อรรถกถาที่มีถัดจากนี้ อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค ๑. สกิงสัมมัชชกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=11
.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๖.
เอกทีบียเถราปทาน จบ.

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน ภัททาลิวรรคที่ ๔๒ นาคปัลลวกเถราปทานที่ ๕

ว่าด้วยผลแห่งการถวายกิ่งไม้กากะทิงบูชา
  
   [๕] เราอาศัยอยู่ในสวนหลวงในพระนครพันธุมดี พระพุทธเจ้าผู้นำโลก
   ได้ประทับอยู่ใกล้อาศรมของเรา เราถือเอากิ่งไม้กากะทิงไปปักไว้
   ข้างหน้าพระพุทธเจ้า เรามีจิตเลื่อมใสโสมนัส ได้ถวายอภิวาท
   พระสุคตเจ้า ในกัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้เอากิ่งไม้บูชา ด้วย
   การบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเผากิเลส
   ทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
   ทราบว่า ท่านพระนาคปัลลวกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ นาคปัลลวกเถราปทาน.
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๕. นาคปัลลวกเถราปทาน 
         อรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒
                  แม้อปทานที่ ๕ ของพระนาคปัลลวกเถระ แม้อปทานที่ ๖ ของพระเอกทีปิยเถระ แม้อปทานที่ ๗ ของพระอุจฉังคปุปผิยเถระ แม้อปทานที่ ๘ ของพระยาคุทายกเถระ แม้อปทานที่ ๙ ของพระปัตโถทนทายกเถระ แม้อปทานที่ ๑๐ ของพระมัญจทายกเถระ ทุกๆ อปทานทั้งหมดมีเนื้อความพอที่นักศึกษาจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
         จบอรรถกถาภัททลิวรรคที่ ๔๒ 
  -----------------------------------------------------
 อรรถกถาที่มีมาก่อนหน้านี้  อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=4                   
 อรรถกถาที่มีถัดจากนี้  อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๔๓. สกิงสัมมัชชกวรรค                ๑. สกิงสัมมัชชกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=11.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๕.
 นาคปัลลวกเถราปทาน จบ.

27 ตุลาคม 2568

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน ภัททาลิวรรคที่ ๔๒ มธุมังสทายกเถราปทานที่ ๔

ว่าด้วยผลแห่งการถวายเนื้อสุกรผสมน้ำผึ้ง
  
   [๔] เราเป็นคนฆ่าหมูอยู่ในนครพันธุมดี เราเลือกเอาเนื้อดีๆ มาเทลง
   แช่น้ำผึ้ง เราได้ไปสู่ที่ประชุมสงฆ์ ถือเอาบาตรมาใบหนึ่ง เอาเนื้อ
   ใส่บาตรนั้นให้เต็มแล้ว ได้ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ ครั้งนั้น เราได้
    ถวายแก่พระสังฆเถระ ด้วยคิดว่าเพราะเอาเนื้อใส่บาตรให้เต็มนี้
    เราจักได้สุขอันไพบูลย์ เสวยสมบัติ ๒ อย่าง อันกุศลมูลตักเตือน
    เราแล้ว เมื่อถึงภพสุดท้ายจักเผากิเลสได้ เรายังจิตให้เลื่อมใสใน
    ทานนั้นแล้ว ได้ไปยังดาวดึงสพิภพ ณ ที่นั้น เรากิน ดื่ม ได้สุข
    อย่างไพบูลย์ ที่มณฑป หรือโคนไม้ เรานึกถึงบุรพกรรมเสมอ
    ห่าฝน คือ ข้าวและน้ำ ย่อมตกลงมาเพื่อเราในครั้งนั้น ชาตินี้เป็น
    ครั้งสุดท้ายของเรา ภพหลังกำลังเป็นไป ถึงในภพนี้ ข้าวและน้ำก็
    ตกลงมาเพื่อเราตลอดกาลทุกเมื่อ เพราะมธุทานนั่นแหละ เราท่อง
    เที่ยวไปในภพ กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ใน
    กัปที่ ๙๑ แต่กัปนี้ เราได้ให้ทานใด ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จัก
    ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งมธุทาน เราเผากิเลสแล้ว ... พระพุทธศาสนา
               เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
             ทราบว่า ท่านพระมธุมังสทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ มธุมังสทายกเถราปทาน
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน
         ๔๑๔. อรรถกถามธุมังสทายกเถราปทาน         
         พึงทราบเรื่องราวของอปทานที่ ๔ ดังต่อไปนี้:- 
         อปทานของท่านพระมธุมังสทายกเถระมีคำเริ่มต้นว่า นคเร พนฺธุมติยา ดังนี้. 
         บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สูกริโก ได้แก่ ขายเนื้อสุกรเลี้ยงชีวิต. 
         บทว่า อุกฺโกฏกํ รนฺธยิตฺวา ความว่า เราต้มเนื้อไตและเนื้อปอดแล้ว แช่ใส่ลงในเนื้อที่ผสมน้ำผึ้ง. 
         อธิบายว่า เอาเนื้อนั้นบรรจุจนเต็มบาตรแล้ว ถวายแด่ภิกษุสงฆ์.
         ด้วยบุญกรรมนั้น ในพุทธุปบาทกาลนี้ บวชแล้วจึงได้บรรลุพระอรหัตแล.
จบอรรถกถามธุมังสทายกเถราปทาน

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก ติณสูลกฉาทนิยเถราปทานที่ ๓

ว่าด้วยผลแห่งการถวายดอกมะลิซ้อนเป็นพุทธบูชา
  
   [๓] ครั้งนั้น เราได้พิจารณาถึงความเกิด ความแก่ และความตาย ผู้เดียว
   ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต เราเที่ยวไปโดยลำดับได้ไปถึงฝั่งแม่น้ำ
   คงคา ได้เห็นพื้นแผ่นดินที่ฝั่งแม่น้ำคงคานั้น เรียบราบ สม่ำเสมอ
   จึงได้สร้างอาศรมขึ้นที่ฝั่งแม่น้ำคงคานั้น อยู่ในอาศรมของเรา ที่จง
   กรมซึ่งประกอบด้วยหมู่นกนานาชนิด เราได้ทำไว้อย่างสวยงาม
   สัตว์ทั้งหลายอยู่ใกล้เรา และส่งเสียงน่ารื่นรมย์ เรารื่นรมย์อยู่กับ
   สัตว์เหล่านั้น อยู่ในอาศรม ที่ใกล้อาศรมของเรามีมฤคราชสี่เท้าออก
   จากที่อยู่แล้ว มันคำรามเหมือนอสนีบาต ก็เมื่อมฤคราชคำราม เรา
   เกิดความร่าเริง เราค้นหามฤคราชอยู่ ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้นำโชค
   ครั้นได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้นำชั้นเลิศของโลกพระนามว่าติสสะ ผู้
   ประเสริฐกว่าเทวดาแล้ว เป็นผู้ร่าเริง มีจิตบันเทิง เอาดอกกากะทิง
   บูชาพระองค์ ได้ชมเชยพระผู้นำโลก ผู้เด่นเหมือนพระอาทิตย์ บาน
   เหมือนไม้พระยารัง รุ่งโรจน์เหมือนดาวประกายพฤกษ์ว่า พระองค์
   ผู้สัพพัญญู ทำข้าพระองค์พร้อมทั้งเทพยดาให้สว่าง ด้วยพระญาณ
   ของพระองค์ บุคคลทำให้พระองค์โปรดปรานแล้ว ย่อมพ้นจากชาติ
   ได้ เพราะไม่ได้เฝ้าพระสัพพัญญูพุทธเจ้าผู้เห็นธรรมทั้งปวง สัตว์
   ทั้งหลายที่ถูกราคะและโทสะทับถม จึงพากันตกนรกอเวจี เพราะ
   อาศัยการได้เข้าเฝ้าพระองค์ผู้สัพพัญญูนายกของโลก สัตว์ทั้งปวงจึง
   หลุดพ้นจากภพ ย่อมถูกต้องอมตบทเมื่อใด พระพุทธเจ้าผู้มีพระ
   ปัญญาจักษุ เปล่งรัศมี อุบัติขึ้น เมื่อนั้นพระองค์ทรงเผากิเลสแล้ว
   ทรงแสดงแสงสว่าง เราได้กล่าวสดุดีพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่า
   ติสสะ ผู้เป็นนายกชั้นเลิศของโลกแล้ว เป็นผู้ร่าเริง มีจิตบันเทิง
   เอาดอกมะลิซ้อนบูชาพระองค์ พระพุทธเจ้า พระนามว่าติสสะ ผู้
   นำชั้นเลิศของโลก ทรงทราบความดำริของเรา ประทับนั่งบนอาสนะ
   ของพระองค์แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใดเป็นผู้เลื่อมใส
   ได้เอาดอกไม้บังเราด้วยมือของตน เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่าน
   ทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ผู้นั้นจักเสวยราชสมบัติในเทวโลก ๒๕ ครั้ง
   จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๗๕ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราช
   อันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้ ผลแห่งกรรมนั้น เป็นผลแห่งการ
   บูชาด้วยดอกไม้ ก็บุรุษที่ได้เอาดอกไม้บังเราทั้งเย็นและเช้า เป็นผู้
   ประกอบด้วยบุญกรรม จักปรากฏต่อไปข้างหน้า เขาปรารถนาสิ่ง
   ใดๆ สิ่งนั้นๆ จักปรากฏตามความประสงค์ เขาทำความดำริชอบให้
   บริบูรณ์แล้ว จักเป็นผู้ไม่มีอาสวะ ปรินิพพาน เขาเผากิเลส มีสติ
   สัมปชัญญะ นั่งบนอาสนะเดียว บรรลุอรหัตได้ เราเมื่อเดิน ยืน
   นั่ง หรือนอน ย่อมระลึกถึงพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุดอยู่ทุกขณะ
   ความพร่องในปัจจัยนั้นๆ คือ จีวร บิณฑบาต ที่นอนที่นั่ง และ
   คิลานปัจจัย มิได้มีแก่เรา นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา บัดนี้ เราบรรลุ
   อมตบทอันสงบระงับ เป็นธรรมยอดเยี่ยม กำหนดรู้อาสวะทั้งปวง
   แล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ ในกัปที่ ๙๒ แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระ
   พุทธเจ้าอันใด ด้วยการบูชานั้น เราจึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่ง
   พุทธบูชา เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว
   ตัดกิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ การที่
   เราได้มาในสำนักพระพุทธเจ้าของเรานี้ เป็นการมาดีแล้วหนอ
   วิชชา ๓ เราได้บรรลุแล้วโดยลำดับ พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จ
   แล้ว คุณวิเศษเหล่านี้คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖
   เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
   ทราบว่า ท่านพระติณสูลกฉาทนิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ติณสูลกฉานิยเถราปทาน.
อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๓. ติณสูลกฉาทนิยเถราปทาน ๔๑๑-๔๑๓. อรรถกถาภัททาลิวรรคที่ ๔๒
         อปทานที่ ๑ อปทานที่ ๒ และอปทานที่ ๓ ในวรรคที่ ๔๒ มีเนื้อความพอจะกำหนดรู้ได้โดยง่าย ตามลำดับแห่งนัยนั่นแล. ----------------------------------------------------- อรรถกถาที่มีถัดจากนี้ :- อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=4 .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๓.
 ติณสูลกฉาทนิยเถราปทาน จบ.

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก เอกฉัตติยเถราปทานที่ ๒

ว่าด้วยผลแห่งการกางเศวตฉัตรถวายพระพุทธเจ้า
  
   [๒] ข้าพระองค์ได้สร้างอาศรมซึ่งมีทรายสีขาวสะอาดเกลื่อนกล่นใกล้แม่
    น้ำจันทภาคา และได้สร้างบรรณศาลาไว้ แม่น้ำจันทภาคานั้น
    เป็นแม่น้ำที่มีฝั่งลาด มีท่าน้ำราบเรียบ น่ารื่นรมย์ สมบูรณ์ด้วยปลา
    และเต่า อันจระเข้เสพอาศัย หมี นกยูง เสือเหลือง นกการะเวก
    และนกสาลิกา ร่ำร้องอยู่ทุกเวลา ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์ให้
    งดงาม นกดุเหว่าเสียงหวาน และหงส์มีเสียงเสนาะ ร้องอยู่ใกล้
    อาศรมนั้น ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม ราชสีห์ เสือ
    โคร่ง หมู นกยาง หมาป่า และหมาไน บันลือเสียงอยู่ที่ช่องเขา
    ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม เนื้อทราย กวาง หมาจิ้งจอก
    สุกร มีมาก บันลือเสียงอยู่ที่ช่องเขา ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์
    ให้งดงาม ต้นราชพฤกษ์ ต้นจำปา ไม้แคฝอย ไม้ยางทราย ไม้
    อุโลก และต้นอโศก ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม ต้นปรู
    ต้นคัทเค้า ต้นตีนเป็ด เถาตำลึง ต้นคนทีสอ ไม้กรรณิการ์
    ออกดอกอยู่ใกล้อาศรมของข้าพระองค์ ไม้กากะทิง ต้นรัง และ
    ต้นสน บัวขาว ดอกบานสะพรั่ง ใกล้อาศรมนั้น กลิ่นหอมฟุ้ง
    ไป ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม และที่ใกล้อาศรมนั้นมี
    ไม้โพธิไม้ประดู่ ไม้สะท้อน ต้นรัง และไม้ประยงค์ ดอกบานสะพรั่ง
    ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม ต้นมะม่วง ต้นหว้า ต้น
    หมากหอมควาย ต้นกระทุ่ม ต้นรังที่งดงาม มีกลิ่นหอมฟุ้งขจรไป
    ย่อมทำอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม ต้นอโศก ไม้มะขวิด และ
    ต้นภคินีมาลา ดอกบานสะพรั่ง มีกลิ่นหอมฟุ้งขจรไป ย่อมทำ
    อาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม ต้นกระทุ่ม ต้นกล้วย ถั่วฤาษี
                          และต้นมะกล่ำดำ มีผลอยู่เป็นนิตย์ ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์
                          ให้งดงาม ต้นสมอไทย มะขามป้อม มะม่วง หว้า สมอพิเภก
                          กระเบา ไม้รกฟ้า มะตูม ผลิผลอยู่ใกล้ๆ อาศรมของข้าพระองค์
                          ในที่ไม่ไกลอาศรม มีสระโบกขรณี มีท่าน้ำราบเรียบ น่ารื่นรมย์ใจ
                          ดารดาษไปด้วยบัวขม กอปทุมและกออุบล กอปทุมกอหนึ่ง
                          กำลังดอกตูม กออื่นๆ มีดอกบาน บ้างก็มีใบและกลีบหลุดลง
                          บานอยู่ใกล้อาศรมของข้าพระองค์ ปลาสลาด ปลากระบอก ปลา
                          สวาย ปลาเค้าและปลาตะเพียน ว่ายอยู่ในน้ำใส ช่วยทำอาศรม
                          ของข้าพระองค์ให้งดงาม มะม่วงหอมที่น่าดู กับต้นเกดที่ขึ้นอยู่ริมฝั่ง
                          มีกลิ่นหอมฟุ้งขจรไป ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม น้ำ
                          หวานที่ไหลออกจากเหง้า รสหวานปานดังน้ำผึ้ง นมสดและเนยใส
                          มีกลิ่นหอมฟุ้งขจรไป ย่อมทำอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม ใกล้
                          อาศรมนั้น มีกองทรายที่สวยงาม อันน้ำเสพแล้วเกลื่อนไป ดอกไม้
                          หล่นไป ดอกไม้บาน สีขาวๆ ช่วยทำอาศรมของข้าพระองค์ให้
                          งดงาม ฤาษีทั้งหลายสวมชฎามีหาบเต็ม นุ่งหนังสัตว์ทั้งเล็บ ทรงผ้า
                          เปลือกไม้กรอง ย่อมยังอาศรมของข้าพระองค์ให้งดงาม ฤาษีทั้งหลาย
                          ทอดตาดูประมาณชั่วแอก มีปัญญา มีความประพฤติสงบ ไม่ยินดี
                          ในความกำหนัดในกาม อยู่ในอาศรมของข้าพระองค์ ฤาษีทั้งหลาย
                          ผู้มีขนรักแร้และเล็บงอกยาว ฟันเขลอะ มีธุลีบนศีรษะ ทรงธุลี
                          ละอองและของเปรอะเปื้อน ล้วนอยู่ในอาศรมของข้าพระองค์ ฤาษี
   เหล่านั้นถึงที่สุดแห่งอภิญญา เหาะเหินเดินอากาศได้ เมื่อเหาะขึ้น
   สู่ท้องฟ้า ย่อมทำให้อาศรมของข้าพระองค์งดงาม ครั้งนั้น ข้า
   พระองค์อันศิษย์เหล่านั้นแวดล้อมอยู่ในป่า เป็นผู้เพียบพร้อมด้วย
   ความยินดีในฌาน ไม่รู้กลางวันกลางคืน ก็สมัยนั้นพระผู้มีพระภาค
   มหามุนี พระนามว่าอัตถทัสสี เป็นนายกของโลก เสด็จอุบัติขึ้น
   ยังความมืดให้พินาศไป ครั้งนั้นศิษย์คนหนึ่งได้มายังสำนักของข้า
   พระองค์ เขาประสงค์จะเรียนลักษณะชื่อว่าฉฬังคะ ในคัมภีพระเวท
   พระพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี ผู้เป็นมหามุนี ทรงอุบัติขึ้นใน
   โลก เมื่อทรงประกาศสัจจะ ๔ ทรงแสดงอมตบท ข้าพระองค์เป็น
   ผู้ยินดี ร่าเริงบันเทิงจิต มีหมวดธรรมอย่างอื่นเป็นที่มานอน ออก
   จากอาศรมแล้ว พูดดังนี้ว่า พระพุทธเจ้าผู้มีลักษณะอันประเสริฐ
   ๓๒ ประการ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก มาเถอะท่านทั้งหลาย เรา
   ทุกคนจักไปยังสำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศิษย์เหล่านั้นผู้
   ปฏิบัติตามคำสั่งสอนถึงที่สุดในสัทธรรม แสวงหาประโยชน์อย่าง
   เยี่ยมได้รับปากว่า ดีแล้ว ในกาลนั้น พวกเขาผู้สวมชฎามีหาบ
   เต็ม นุ่งหนังสัตว์พร้อมทั้งเล็บ เสาะหาประโยชน์อย่างเยี่ยม ได้
   ออกจากป่าไป สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคผู้มีพระยศใหญ่พระนามว่า
   อัตถทัสสี เมื่อทรงประกาศสัจจะ ๔ ได้ทรงแสดงอมตบท ข้า
   พระองค์ถือเศวตฉัตรกั้นถวายแด่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ข้าพระองค์
                          ครั้นกั้นถวายวันหนึ่งแล้ว ได้ถวายบังคมพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด
                          ก็พระผู้มีพระภาคพระนามว่าอัตถทัสสี เชษฐของโลก ประเสริฐกว่า
                          นรชนประทับนั่งในท่ามกลางพระภิกษุสงฆ์แล้ว ได้ตรัสพระคาถา
                          เหล่านี้ว่า ผู้ใดมีจิตเลื่อมใส ได้กั้นเศวตฉัตรให้เราด้วยมือทั้งสอง
                          ของตน เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าวเมื่อผู้นี้
                          เกิดในเทวดาหรือมนุษย์ ชนทั้งหลายจักคอยกั้นเศวตฉัตรให้ทุกเมื่อ
                          นี้เป็นผลแห่งการกั้นฉัตรถวาย ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลก ๗๗ กัป
                          จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๑,๐๐๐ ครั้ง จักเสวยราชสมบัติ
                          ในเทวโลก ๗๗ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดย
                          คณนานับไม่ถ้วน ในกัปที่ ๑,๘๐๐ พระพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม
                          ศากยบุตร จักเสด็จอุบัติ กำจัดความมืดมนอนธการให้พินาศ เขาจัก
                          เป็นทายาทในธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรม
                          นิรมิตแล้ว จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะปริ-
                          นิพพานในระหว่างกาล นับตั้งแต่ข้าพระองค์ได้ทำกรรม คือ ได้
                          กั้นเศวตฉัตรถวายแด่พระพุทธเจ้ามา ข้าพระองค์ไม่รู้จักเศวตฉัตร
                          ที่ไม่ถูกกั้น ชาตินี้เป็นชาติหลังสุดของข้าพระองค์ ภพสุดท้ายกำลัง
                          เป็นไปอยู่ ทุกวันนี้ เหนือศีรษะของข้าพระองค์ได้มีการกั้นเศวตฉัตร
                          ซึ่งเป็นไปตลอดกาลเป็นนิตย์ โอข้าพระองค์ได้ทำกรรมไว้ดีแล้ว
                          แด่พระพุทธเจ้าพระนามว่า อัตถทัสสี ผู้คงที่ ข้าพระองค์เป็น
                          ผู้สิ้นอาสวะทั้งปวงแล้ว บัดนี้ ภพใหม่มิได้มี ข้าพระองค์เผากิเลส
                          ทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูก ดัง
                          ช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ การที่ข้าพระองค์ได้มาใน
                          สำนักพระพุทธเจ้าของข้าพระองค์นี้ เป็นการมาดีแล้ว วิชชา  ๓
                          ข้าพระองค์บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอนของพระพุทธเจ้าข้าพระองค์
                          ได้ทำเสร็จแล้ว คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘
                          และอภิญญา ๖ ข้าพระองค์ทำให้เสร็จแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
                          ข้าพระองค์ได้กระทำแจ้งแล้ว ดังนี้.
             ทราบว่า ท่านพระเอกฉัตติยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ เอกฉัตติยเถราปทาน
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค  ๔๑๑-๔๑๓. อรรถกถาภัททาลิวรรคที่ ๔๒ อปทานที่ ๑ อปทานที่ ๒ และอปทานที่ ๓ ในวรรคที่ ๔๒ มีเนื้อความพอจะกำหนดรู้ได้โดยง่าย ตามลำดับแห่งนัยนั่นแล.
 -----------------------------------------------------
         อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค มธุมังสทายกเถราปทาน http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=4 .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๒. 
เอกฉัตติยเถราปทาน จบ.

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน ภัททาลิวรรคที่ ๔๒ ภัททาลิเถราปทานที่ ๑

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
  
   ว่าด้วยผลแห่งการสร้างมณฑป
   [๑] พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า สุเมธะ ผู้เลิศ ประกอบด้วย
   พระกรุณา เป็นมุนี ปรารถนาความวิเวก เลิศกว่าโลก ได้เสด็จเข้า
   ไปยังป่าหิมพานต์ ครั้นแล้ว พระสุเมธสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้นำโลก
   ประเสริฐกว่าบุรุษ ได้ประทับนั่งขัดสมาธิ พระพุทธเจ้าผู้นำโลก
   พระนามว่าสุเมธะผู้สูงสุดกว่าบุรุษ พระองค์ประทับนั่งขัดสมาธิอยู่ ๗
   คืน ๗ วัน เราถือหาบเข้าไปกลางป่า ณ ที่นั้นเราได้เห็นพระสัมมา
   สัมพุทธเจ้าผู้ข้ามโอฆะได้แล้ว ไม่มีอาสวะ ครั้งนั้น เราจับไม้กวาด
   กวาดอาศรม ปักไม้สี่อันทำเป็นมณฑป เราเอาดอกรังมามุงมณฑป
   เราเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส โสมนัส ได้ถวายบังคมพระผู้นำโลกแล้ว
   พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ที่ชนทั้งหลายกล่าวกันว่า
   มีปัญญาดังแผ่นดิน มีพระปัญญาดี ประทับนั่ง ณ ท่ามกลาง
   พระภิกษุสงฆ์ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ เทวดาทั้งปวงทราบว่า
   พระพุทธเจ้าจะเปล่งวาจา จึงพากันมาประชุมด้วยคิดว่า พระพุทธ
   เจ้าผู้ประเสริฐสุด มีพระจักษุ จะทรงแสดงพระธรรมเทศนา
   โดยไม่ต้องสงสัย พระพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ผู้สมควรรับ
   เครื่องบูชา ประทับนั่งในหมู่เทวดา ได้ตรัสพระคาถาดังต่อไปนี้
   ผู้ใดทรงมณฑป มีดอกรังเป็นเครื่องมุงแก่เราตลอด ๗ วัน
   เราพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ผู้นั้นเกิดเป็นเทวดา
   หรือมนุษย์ จักเป็นผู้มีผิวพรรณเหมือนทองคำจักมีโภคทรัพย์
   ล้นเหลือบริโภคกาม ช้างมาตังคะ ๖ หมื่นเชือกประดับด้วยเครื่อง
   อาภรณ์ทุกชนิด รัดประคน และพานหน้าพานหลังล้วนทองกอปร
   ด้วยเครื่องประดับศีรษะและข่ายทอง มีนายหัตถาจารย์ผู้มีมือถือหอก
   ซัดและขอ ขึ้นขี่ประจำ จักมาสู่ที่บำรุงผู้นั้นทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า
   ผู้นี้จักเป็นผู้อันช้างเหล่านั้นแวดล้อมแล้ว รื่นรมย์อยู่ สินธพอาชาไนย
   โดยกำเนิด ๖ หมื่นม้า ประดับด้วยเครื่องอลังการทุกอย่างเป็น
   พาหนะว่องไว มีอัสวาจารย์ผู้สวมเกราะถือธนู ขึ้นขี่ประจำ จัก
   แวดล้อมอยู่เป็นนิตย์ นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา รถ ๖ หมื่นคัน
   ประดับด้วยสรรพาลังการ หุ้มด้วยหนังเสือเหลืองบ้าง ด้วยหนังเสือ
   โคร่งบ้าง มีธงปักหน้ารถ มีคนขับถือธนูสวมเกราะขึ้นประจำ จัก
   แวดล้อมผู้นี้อยู่เป็นนิตย์ นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา บ้าน ๖ หมื่นบริบูรณ์
   ด้วยเครื่องใช้ทุกสิ่ง มีทรัพย์และข้าวเปลือกล้นเหลือ บริบูรณ์ดีทุก
   ประการ จักมีปรากฏอยู่ทุกเมื่อ นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เสนาสี่เหล่า
   คือ กองช้าง กองม้า กองรถ กองราบ จักแวดล้อมผู้นี้อยู่เป็น
   นิตย์ นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา ในกัปที่ ๑,๘๐๐ ผู้นี้จักรื่นรมย์อยู่
   ในเทวโลก จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๑,๐๐๐ ครั้ง และจักรเสวย
   ราชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอัน
   ไพบูลย์โดยคณนานับไม่ถ้วน ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ พระศาสดามีพระ
   นามว่า โคดม ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกากราชจักเสด็จอุบัติ
   ขึ้นในโลก ข้าพระองค์เป็นทายาทในธรรมของพระองค์ท่าน เป็น
   โอรสอันธรรมนิรมิตแล้ว กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มี
   อาสวะอยู่ ในกัปที่ ๓๐,๐๐๐ (แต่กัปนี้) ข้าพระองค์ได้เห็นพระศาสดา
    ผู้นำโลก ในระหว่างนี้ ข้าพระองค์ได้แสวงหาอมตบท การที่ข้าพระ
    องค์รู้ศาสนธรรมนี้ เป็นลาภของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ดีแล้ว
    วิชชา ๓ ข้าพระองค์บรรลุแล้วโดยลำดับ พระพุทธศาสนา ข้าพระ-
    องค์ทำเสร็จแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย ข้าพระองค์ขอ
    นอบน้อมแด่พระองค์ ข้าแต่พระองค์ผู้สูงสุดกว่าบุรุษ ข้าพระองค์
    ได้บรรลุอมตบท เพราะกล่าวสดุดีพระพุทธญาณ ข้าพระองค์เข้า
    ในถิ่นกำเนิดใดๆ คือ จะเป็นเทวดาหรือมนุษย์ย่อมเป็นผู้มีความสุข
    ในที่ทุกสถาน นี้เป็นผลในการที่ข้าพระองค์กล่าวสดุดีพระพุทธญาณ
    นี้เป็นการเกิดครั้งหลังของข้าพระองค์ ภพสุดท้ายกำลังเป็นไปอยู่
   ข้าพระองค์ตัดกิเลสเครื่องผูก ดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มี
   อาสวะอยู่ ข้าพระองค์เผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้ทั้งหมด
   แล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูก ดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่
   การที่ข้าพระองค์ได้มาในสำนักพระพุทธเจ้าของข้าพระองค์นี้ เป็น
   การมาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ ข้าพระองค์บรรลุแล้วโดยลำดับ พระ-
   พุทธศาสนา ข้าพระองค์ได้ทำเสร็จแล้ว คุณวิเศษเหล่านี้ คือ
   ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพระองค์ได้ทำให้แจ้ง
   แล้ว พระพุทธศาสนาข้าพระองค์ได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
   ทราบว่า ท่านพระภัททาลิเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ภัททาลิเถราปทาน.
 อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๑. ภัททาลิเถราปทาน   ๔๑๑-๔๑๓. อรรถกถาภัททาลิวรรคที่ ๔๒          อปทานที่ ๑ อปทานที่ ๒ และอปทานที่ ๓ ในวรรคที่ ๔๒ มีเนื้อความพอจะกำหนดรู้ได้โดยง่าย ตามลำดับแห่งนัยนั่นแล.
         -----------------------------------------------------         
 อรรถกถาที่มีถัดจากนี้ :-         อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค  ๔. มธุมังสทายกเถราปทาน  http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.1&i=4 .. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ เถราปทาน ๔๒. ภัททาลิวรรค ๑. 
ภัททาลิเถราปทาน จบ.