เรื่องราวของหมวดทรงพล หรือ "ห้าว" (ธนบดี ใจเย็น) นายตำรวจหนุ่มผู้มุ่งมั่นในอุดมการณ์แต่กลับถูกใส่ร้ายจนต้องกลายมาเป็นนักโทษที่ "เกาะลืม" ที่นี่เองทำให้ห้าวได้รู้จักกับ "อำไพ" (ชาคริต แย้มนาม) และ "เสือหม่อม" (สมชาย เข็มกลัด) อำไพคืออดีตตำรวจน้ำดีที่ถูกใส่ร้าย ส่วนเสือหม่อมคือเสือชื่อดังจอมกะล่อนแต่มากไปด้วยคุณธรรม นอกจากนี้ห้าวยังได้รู้จักกับ "มิหรำ" (สุพิชชา สังขจินดา) พ่อค้าเร่ ที่กล้ามาทำการค้ากับพัศดีที่เกาะลืมแห่งนี้ ความบังเอิญทำให้ห้าวได้ไปรู้ความลับของพัศดีและพวก ว่าคนพวกนี้คือโจรสลัดที่ลักลอบปล้นเรือสินค้าของชาวบ้าน
ทำให้พวกเขาต้องยอมเป็นโจรสลัดอย่างไม่เต็มใจไปด้วย การปล้นครั้งแรกของทั้งหมดพังไม่เป็นท่า เพราะพวกเขาทนไม่ได้ที่เห็นพัศดีและพวกฆ่าคนบนเรืออย่างไม่ปราณี ทำให้เกิดการต่อสู้กันจนเรือล่ม ต่างฝ่ายต่างหนีตายกันไปอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากที่หนีรอดจนขึ้นฝั่งมาได้มิหรำพาทั้งหมดมาที่บ้านของตัวเอง จนพวกพัศดีตามมาแก้แค้นและทำให้แม่ของมิหรำตาย มิหรำจึงต้องร่วมเดินทางไปกับ ห้าว อำไพ และเสือหม่อมเพื่อออกตามหาพ่อ ขณะที่พวกห้าว อำไพและเสือหม่อม ต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือตามล้างแค้นคิดบัญชีกับพวกอั้งยี่และพวกตำรวจนอกกฎหมายที่ต่างก็ใส่ร้ายจนพวกเขาต้องกลายมาเป็นนักโทษให้สิ้นซาก
เรื่องที่เกี่ยวข้อง





ขุนหลวงวิลังคะ หรือ ขุนหลวงวิรังคะ เป็นตำนานของชาวลัวะ เป็นเรื่องเล่าที่มีบทบาทและมีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนความเชื่อของผู้คนหลายชุมชนในแอ่งเชียงใหม่-ลำพูน และลำปาง
ในสมัยของพระนางจามเทวีซึ่งปกครองเมืองหริภุญไชย ราว พ.ศ. 1300 นครหริภุญไชยเป็นนครของชนชาติมอญหรือเม็ง ขณะที่บริเวณเชิงดอยสุเทพเป็นที่ตั้งบ้านเมืองของชาวลัวะ มีขุนหลวงวิรังคะเป็นกษัตรย์ชาวลัวะองค์ที่ 13 ของระมิงค์นครในราชวงศ์กุนาระ ทรงมีอิทธิฤทธิ์มีฝีมือในการพุ่งหอกเสน้าเป็นที่เลื่องลือ
ขุนหลวงวิรังคะมีความประสงค์จะอภิเษกกับพระนางจามเทวีแต่พระนางไม่ปรารถนาจะสมัครรักใคร่กับขุนหลวงลัวะ เพราะเป็นกลุ่มชนที่มีวัฒนธรรมต่ำกว่ามอญในสมัยนั้น ขุนหลวงได้ส่งทูตมาเจริญไมตรีขอนางอภิเษกด้วย พระนางก็ผัดผ่อนหลายครั้ง โดยมีเงื่อนไขต่าง ๆ เช่นขอให้ขุนหลวงสร้างเจดีย์ที่มีขนาดและลักษณะคล้ายกับเจดีย์พระธาตุหริภุญไชย ให้ขุนหลวงพุ่งเสน้า (หอกด้ามยาวมีสองคม) มาตกที่ในเมือง พระนางจึงจะอภิเษกสมรสด้วย
ในครั้งแรกขุนหลวงวิรังคะได้พุ่งเสน้ามาตกที่นอกกำแพงเมืองหริภุญไชย ปัจจุบันเรียกว่า หนองเสน้า พระนามจามเทวีเกรงว่าขุนหลวงวิรังคะอาจจะพุ่งเสน้ามาตกยังเมืองได้ จึงนำเอาเศษพระภูษาของพระนางมาทำเป็นหมวกสำหรับผู้ชาย นำเอาใบพลูมาททำหมากสำหรับเคี้ยวโดยเอาปลายใบพลูมาจิ้มเลือดประจำเดือนของพระนางถวายแด่ขุนหลวง เมื่อได้รับของฝากจากพระนาง ขุนหลวงได้นำมาสวมลงบนศีรษะทำให้อำนาจและพลังของขุนหลวงเสื่อมลง
เมื่อพุ่งเสน้าครั้งต่อมา เสน้ามาตกที่บริเวณเชิงดอยสุเทพ ชาวบ้านเรียกว่า หนองเสน้า เช่นเดียวกัน เมื่อขุนหลวงเสื่อมวิทยาคุณเช่นนั้น ก็หนีออกจากบ้านเมืองไป ก่อนสิ้นชีวิตขุนหลวงวิรังคะได้ขอให้เสนาอำมาตย์นำศพของท่านไปฝังไว้ที่ที่สามารถมองเห็นเมืองหริภุญไชยได้ตลอดเวลา ทหารได้จัดขบวนศพของขุนหลวงจากเชิงดอยสุเทพ ขึ้นสู่บนดอยสุเทพ เพื่อหาสถานที่นั้น จนได้มาลอดใต้เถาไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง เรียกว่า เครือเขาหลง ซึ่งเชื่อว่าหากใครลอดผ่านจะทำให้พลัดหลงทาง จึงทำให้ขบวนแห่พลัดหลงกันไป
ขบวนแห่ศพขุนหลวงได้พากันพลัดหลง กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง นักดนตรีบางคนพลัดหลง ไปพร้อมกับเครื่องดนตรีของตน จนท้ายสุดเสนาอามาตย์ที่หามโลงศพของขุนหลวง ได้เดินทางไต่ตีนเขาไปทางทิศเหนือ ถึงบริเวณแห่งหนึ่งซึ่งจะสามารถมองเห็นเมืองหริภุญไชยได้ตลอดเวลา ยอดภูเขานี้ชาวบ้านเรียกว่า ดอยคว่ำหล้อง
เรื่องเล่าเกี่ยวกับพระนางจามเทวีและขุนหลวงวิลังคะมีมากกว่า 19 สำนวน มีเนื้อเรื่องสาระแตกต่างกันไป บางชุมชนยังมีลักษณะถูกเล่าโต้ตอบกัน ช่วงชิงพื้นที่ความถูกต้องให้กับบุคคลที่แต่ละชุมชนเลือกเห็นชอบระหว่างพระนางจามเทวีและขุนหลวงวิลังคะ
สถานที่อันเนื่องในตำนาน
ดอยต่าง ๆ นักดนตรีบางคนในขบวนแห่ศพขุนหลวงพลัดหลง เกิดชื่อปุยหรือภูเขาต่าง ๆ คือ ดอยฆ้อง ดอยกลอง ดอยฉิ่ง ดอยสว่า ชื่อของ กิ่วแมวปลิว (แมวหมายถึงฝาครอบโลงศพที่ทำด้วยโครงไม้ไผ่ ใช้ตกแต่งด้านบนของฝาโลงศพ) มาจากตำนานที่ฝาครอบโลงศพปลิวตกบริเวณนั้น
ยอดภูเขาดอยคว่ำหล้อง (ปัจจุบันเรียก ม่อนแจ่ม) คำว่าหล้อง หมายถึง โลงศพคือโลงศพที่คว่ำตกลงมา
บ้านเมืองก๊ะ เชื่อกันว่าชาวลัวะเหล่านี้เป็นเชื้อสายของขุนหลวงวิรังคะ อนึ่งชาวบ้านเชื่อว่าดวงวิญญาณของขุนหลวงจะสถิตอยู่ 3 แห่งได้แก่ บนดอยคว่ำหล้อง ศาลที่บ้านเมืองก๊ะ อำเภอแม่ริม และอีกแห่งหนึ่งคือ บริเวณดอยคำ อำเภอเมืองเชียงใหม่ซึ่งตั้งอยู่ทิศใต้ของดอยสุเทพ ปัจจุบันมีวัดชื่อวัดพระธาตุดอยคำซึ่งมีอนุสาวรีย์ขุนหลวงวิรังคะประดิษฐานที่ลานวัดใกล้เจดีย์ และที่ดอยคำแห่งนี้ เป็นที่สถิตดวงวิญญาณของหัวหน้าลัวะ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของขุนหลวงวิรังคะ ชื่อว่า ปู่แสะย่าแสะ ซึ่งจะมีการเลี้ยงผีปู่แสะย่าแสะ ด้วยควายทุกปี หรือ 3 ปีครั้ง
บริเวณลานด้านหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลบ่อหลวง ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ประดิษฐานอนุสาวรีย์ขุนหลวงวิลังคะ
บ้างเชื่อว่าวัดร้างชื่อวัดสะหลีพันตนตั้งอยู่ที่บ้านกาด อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่พระนางจามเทวีได้ขอให้ขุนหลวงวิลังคะหันมานับถือพระพุทธศาสนา โดยสร้างวัดแห่งนี้ให้ ชื่อเดิมของวัดสะหลีพันตนเคยมีชื่อว่า "วัดพระเจ้าลัวะ" หรือ "วังพระเจ้าลัวะ"
วันที่ ๖ พฤศจิกายน วันกอบกู้เอกราชไทย
![]() |
ยังเด็ก เขาได้รับการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมโดยเจ้าหน้าที่ไทยชื่อเคานต์จักรี (ต่างจากรัชกาลที่ 1 ) และพ่อบุญธรรมของเขา ตั้งชื่อ เขาว่า `` สิน '' ( สินแปล ว่า ``สมบัติ'' ใน
ภาษาไทย ) เข้าวัดเมื่ออายุ 5 ขวบ และศึกษาจนถึงอายุ 13 ปี หลังจากนั้นจึงรับราชการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาแม้หลังจากนั้น ว่ากันว่าเขายังคงทำงานหนักในการศึกษาต่อไป โดยขอบทเรียนจากนักวิชาการต่างชาติในพระราชวังอิมพีเรียล เมื่ออายุได้ 21 ปี ก็ได้บวชตามประเพณีไท และเมื่ออายุ 24 ปี ก็ได้กลับมาสู่ชีวิตฆราวาสและกลายเป็นเพจของกษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจราชการจังหวัดตาก และเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดถึงแก่กรรมขณะดำรงตำแหน่งจึงเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ในเวลานี้ ชื่อจริงของเขา ``สิน'' ถูกเพิ่มเป็นชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และชื่อสามัญของเขากลายเป็น `` ตากสิน ''ประกาศว่า``ข้าพเจ้า ได้บรรลุ พระอรหันต์แล้ว '' และสั่งให้ภิกษุทั้งหลายไปสักการะ แต่ พุทธศาสนาไทยห้ามพระภิกษุไม่ให้สักการะพระอรหันต์ทั่วไป ข้าพเจ้าจึงปฏิเสธพระภิกษุระดับสูงหลายรูป ทักษิณโกรธจึงจับกุมพวกเขา ถอดถอนฐานะปุโรหิต และตัดสินให้เฆี่ยนตี สิ่งนี้ทำให้ผู้คนตกใจ และการกบฏก็เริ่มปะทุขึ้นในสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ การใช้อำนาจโดยมิชอบโดยเจ้าหน้าที่ภาษีที่เหมืองยังนำไปสู่การแยกตัวของประชาชนและกลายเป็นต้นเหตุของการกบฏ ตากสินสั่งให้เคานต์ซานปราบกบฏ แต่เคานต์สันที่ต้องการแย่งชิงเขาจึงรวบรวมกลุ่มกบฏเข้าโจมตีกรุงธนบุรีจนกลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และพระเจ้าตากสินก็ถูกบังคับให้บวช ในเวลานี้แกรนด์ดยุกมหากษัตโตสุข (ต่อมาคือ รัชกาลที่ 1) กลับจากการเสด็จเยือนกัมพูชา และด้วยการสนับสนุนจากประชาชนจึงเข้าควบคุมประเทศเมื่อวันที่ 6 เมษายนพ.ศ. 2325 ( พ.ศ. 2325 ตามปฏิทินไทย ) ทักษิณและครอบครัวทั้งหมดถูกประหารชีวิตโดยแกรนด์ดยุก และราชวงศ์ธนบุรีก็สิ้นสุดลงในรัชสมัยของพระเจ้าตากสิน ในช่วงสงครามไทย-พม่า (พ.ศ. 2308-2310) เมื่อกองทัพ ของราชวงศ์คองบองบุกพม่าทักษิณกำลังจะขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการกำแพงเพชร แต่พระองค์ก็รีบร่วมป้องกันกรุงศรีอยุธยา แต่ พระเจ้า เอกทัต เกรง ว่าเสียง ปืนใหญ่จะทำให้แก้วหูแตกจึงทรงสั่งให้ยิงปืนใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ทักษิณถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรม หลังจาก พระเจ้าตากได้ยกทัพเข้ายึดเมืองจันทบุรี แล้ว เขาได้รวบรวม คนจีน แต้จิ๋ว และมุ่งหน้าขึ้นแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังกรุงศรีอยุธยา แต่ราชวงศ์อยุธยา ได้ ล่มสลายไปแล้ว และเมืองอยุธยาก็ถูกทำลายโดยกองทัพพม่าจนหมดสิ้นเมื่อพ.ศ. 2310 ปฏิทินไทยพุทธ ) พระองค์ทรงสถาปนาราชวงศ์ขึ้นที่กรุงธนบุรีตอนล่างนี่คือราชวงศ์ธนบุรี ทักษิณเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แก่พิษณุโลกนครศรีธรรมราชพิมายและพระฟานและปราบราชวงศ์ล้านนา นอกจากนี้ กัมพูชาและลาวซึ่งเป็นรัฐข้าราชบริพารของราชวงศ์อยุธยาก็ได้รับการฟื้นฟูด้วยดยุคจักกุรี (ต่อมาในรัชกาลที่ 1 ) เป็นแม่ทัพที่สนับสนุนพระเจ้าตากสินซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ 15 ปีในการทำสงครามแย่งชิงอำนาจพระองค์ยังทรงละทิ้งความสำเร็จด้านวัฒนธรรมไว้เบื้องหลัง และทรงพยายามรวบรวมและเรียบเรียงวรรณกรรมที่กระจัดกระจายในปลายราชวงศ์กรุงศรีอยุธยารามเกียรติ์เรียบเรียงโดย ตากสินถือว่าดีที่สุดในบรรดาหลายฉบับ นอกจากนี้ เขายัง ปกป้องพุทธศาสนา อย่างระมัดระวัง รวมถึงการบูรณะวัดอรุณราชวราราม ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงจาก นวนิยายเรื่อง `` วัดรุ่งอรุณของยูกิโอะ มิชิมะ '' ทักษิณมีความซับซ้อนอย่างมากเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าเขามีเชื้อสายจีนและไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์แห่งราชวงศ์อยุธยา และค่อยๆ กลายเป็นคนไม่มั่นคงทางจิตใจ เช่น ทรง ประกาศว่า``ข้าพเจ้า ได้บรรลุ พระอรหันต์แล้ว '' และสั่งให้ภิกษุทั้งหลายไปสักการะ แต่ พุทธศาสนาไทยห้ามพระภิกษุไม่ให้สักการะพระอรหันต์ทั่วไป ข้าพเจ้าจึงปฏิเสธพระภิกษุระดับสูงหลายรูป ทักษิณโกรธจึงจับกุมพวกเขา ถอดถอนฐานะปุโรหิต และตัดสินให้เฆี่ยนตี สิ่งนี้ทำให้ผู้คนตกใจ และการกบฏก็เริ่มปะทุขึ้นในสถานที่ต่างๆ นอกจากนี้ การใช้อำนาจโดยมิชอบโดยเจ้าหน้าที่ภาษีที่เหมืองยังนำไปสู่การแยกตัวของประชาชนและกลายเป็นต้นเหตุของการกบฏ ตากสินสั่งให้เคานต์ซานปราบกบฏ แต่เคานต์สันที่ต้องการแย่งชิงเขาจึงรวบรวมกลุ่มกบฏเข้าโจมตีกรุงธนบุรีจนกลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และพระเจ้าตากสินก็ถูกบังคับให้บวช ในเวลานี้แกรนด์ดยุกมหากษัตโตสุข (ต่อมาคือ รัชกาลที่ 1) กลับจากการเสด็จเยือนกัมพูชา และด้วยการสนับสนุนจากประชาชนจึงเข้าควบคุมประเทศเมื่อวันที่ 6 เมษายนพ.ศ. 2325 ( พ.ศ. 2325 ตามปฏิทินไทย ) ทักษิณและครอบครัวทั้งหมดถูกประหารชีวิตโดยแกรนด์ดยุก และราชวงศ์ธนบุรีก็สิ้นสุดลงในรัชสมัยของพระเจ้าตากสิน ปัจจุบันรูปนี้ได้รับการฟื้นคืนชีพบนหลังธนบัตร 100 บาท หมุนเวียนใหม่ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 |
![]() |
| หรือตั๊กเอิร์ลสิงห์เป็น กษัตริย์แห่ง ราชวงศ์ธนบุรีแห่งประเทศไทยพระองค์ทรงขึ้นเป็นผู้ปกครองประเทศไทยในฐานะชาวจีนโพ้นทะเลชื่อภาษาจีนคือZheng Xin , Zheng Zhao ( พินอิน : , Teochew : Dên Chao) หรือZheng Guoying " ชิงชิโรคุ " มีชื่อเรียกว่ากันเอนเตย , ปี่หย่าซิน และเจิ้งจ้าว |
- ↑ อเล็ก ซาน เด อ ร์ วูดไซด์ ( 1988). สภามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้านเอเชียตะวันออกศึกษา
- ↑ ธนบัตร 20 บาท ประเทศไทย (พ.ศ. 2524) - ธนบัตรโลก
- ↑ ธนบัตร 100 บาท ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 26 สมเด็จพระเจ้าตากสินอยู่ด้านหลัง- newsclip.be (25 กุมภาพันธ์ 2558)



