เยี่ยมโรงเรียน
![]() |
|
กระนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระกุมารได้เติบใหญ่แล้ว ครั้งนั้นพระกุมารได้รับการพาไปสู่โรงเรียน(ลิปิศาลา) ด้วยสิ่งของเป็นมงคลประมาณแสน มีเด็กประมาณหมื่นแวดล้อม พระดองค์ได้รับเป็นหัวหน้า ด้วยรถหมื่นหนึ่งบรรทุกของเคี้ยวของกิน ของอร่อย และบรรทุกเงินทองไปด้วย ซึ่งแยกย้ายพักอยู่ตามถนนหลวง ทางสี่แพร่งร้านตลาดที่สำคัญๆในมหานครกบิลพัสดุ์

มีดนตรี 8 แสน ก้องกังวาลอยุ่ มีฝนดอกไม้โปรยลงมา มีหญิงสาวตั้งแสนประดับด้วยเครื่องประดับพร้อมสรรพยืนอยู่ที่ระเบียงประตู ซุ้มประตู หน้าต่าง ตำหนัก เรือนยอด และพื้นประสาท หญิงสาวเหล่านั้นมองดูพระโพธิสัตว์ และซัดดอกไม้ไป เทพธิดา 8 พันประดับอาภรณ์ เครื่องประดับหลวมๆถือไม้กวาดแก้ว แผ้วกวาดหนทางเดินไปข้างหน้าพระโพธิสัตว์ เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร งูใหญ่ มีกายถึ่งหนึ่ง ห้อยแผ่นพวงมาลัยดอกไม้จากพื้นท้องฟ้า หมู่ศากยทั้งปวงนำหน้าพระราชาศุทโธทนะเดินไปข้างหน้าพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ได้รับการพาไปยังโรงเรียนด้วยกระบวนหยุหอย่างนี้
ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์ก็เสด็จเข้าสู่โรงเรียน ครั้นนั้นพระอาจารย์ของเด็กชื่อวิศวามิตร ทนไม่ได้ต่อสง่าราศีและเดชของพระโพธิสัตว์ นั่งก้มหน้าอยู่ที่พื้นดินแล้วฟุบลง เทวบุตรที่อยู่ชั้นดุสิต ชื่อศุภางคะ เห็นพระอาจารย์ฟุบลงเช่นนั้น ก็พยุงให้ลุกขึ้นด้วยฝ่ามือขวา ครั้นแล้วก็ยืนอยู่ในอากาศได้พูดด้วยคำเป็นบทประพันธ์กับพระราชาศุทโธทนะ และประชุมชนหมู่ใหญ่นั้นว่า
1 ศาสตร์ทั้งหลายใดๆอย่อมดำเนินไปในมนุษยโลก คือเลข หนังสือ การคำนวณและตำราธาตุ(วิทยาศาสตร์) การเรียนศิลปเป็นของโลกมีมากประมาณมิได้ พระโพธิสัตว์ศึกษาในศาสตร์นั้นตลอดเวลาหลายโกฏิกัลปมาก่อนแล้วฯ
2 แต่ว่า พระกุมารเจริญตามรอยเขา (เด็กเหล่านั้น) จึงได้เสด็จมาโรงเรียนทรงศึกษา เพื่อศิษย์ทั้งหลาย เพื่อบ่มอินทรีย์เด็กเป็นอันมมากให้ไปในยานอนเลิศ และเพื่อแนะนำคนอื่นๆให้ได้รับอมฤตฯ
3 พระกุมารรู้วิธีในสัตยบถ 4 ประการ อันเหนือโลก คนทั้งหลายเป็นไปในกุศล เพราะอาศัยเหตุด้วยประการใด และเข้าจะดับเกลศให้สิ้นไป ดำรงอยู่เป็นความเยือกเย็น ด้วยประการใด พระองค์ทรงรู้วิธีในประการนั้นๆ จะป่วยกล่าวไปไยถึงความรู้เพียงอักษรศาสตร์ฯ
4 วิศวามิตรไม่ใช่อาจารย์ของพระกุมารนี้ ที่เหนือกว่าในโลกทั้ง 3 พระกุมารนี้ประเสริฐที่สุดในเทวดา และมนุษย์ทั้งปวง ท่านทั้งหลายยังไม่รู้แม้ชื่อแห่งหนังสือซึ่งจะต้องศึกษาตลอดหลายโกฏิกัลปมาก่อนแล้วฯ
5 พระกุมารนั้น ทรงไว้ซึ่งจิต(รู้ใจ)ของสัตว์โลกทั้งหลาย อันวิจิตรพิสดารต่างๆ มีอายุยังน้อย เป็นผู้บริศุทธและรู้คติของความว่าง ไม่มีรูปปรากฏ (นิรวาณ) จะป่วยกล่าวไปไยถึงการจะรู้รูปหนังสือที่ปรากฏเป็นตัวอักษรฯ
เทวบุตรนั้น ครั้นพูดอย่างนี้แล้วจึงบูชาพระโพธิสัตว์ด้วยดอกไม้ทิพย์ แล้วหมายไปในที่นั้น นางนมและพวกนางกำนัลทั้งหลายโปรดให้พักอยู่ที่นั่น ศากยราชนอกนี้มีพระราชาศุทโธทนะเป็นประธานกลับไปแล้ว
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์ถือกระดานชนวนทำด้วยไม้จันทน์อุรคสาร คลุมด้วยผ้าตาดทองของพระฤษีอันเป็นทิพย์ ประดับด้วยแก้วมณีรัตนะรอบด้าน พูดกับพระอาจารย์วิศวามิตรว่า ข้าแต่พระอาจารย์ผู้เจริญ ท่านจะให้ข้าพเจ้าเรียนหนังสืออย่างไหน คือหนังพรหมี หนังสือขโรษฏิ หนังสือปุษกรสารี หนังสืออังคะ หนังสือวังคะ หนังสือมคธ หนังสือมังคัละ
(เบงคอล)
หนังสืออังคุลียะ หนังสือศการิ หนังสือพรหมวลิ หนังสือปารุษยะ หนังสือทราวิฑะ หนังสือกิราต หนังสือทากษิณยะ หนังสืออุคระ หนังสือสังขยา หนังสืออนุโลม หนังสืออวมูรธะ
(บางฉบับว่าอัทธธานุ)
หนังสือทรทะ หนังสือขาษยะ หนังสือจีน หนังสือลูน หนังสือหูณ หนังสือมัธยากษระวิสตระ หนังสือปุษปะ หนังสือเทว หนังสือนาค หนังสือยักษ์ หนังสือคนธรรพ์ หนังสือกินนร หนังสือมโหรคะ
(งูใหญ่)
หนังสืออสูร หนังสือครุฑ หนังสือมฤคจักร หนังสือวายสรุต
(เสียงการ้อง)
หน้งสือเภามเทวะ หนังสืออันตรีกษเทวะ หนังสืออุตตรกุรุทวีป หนังสืออปรโคฑานี หนังสือปูรววิเทหะ หนังสืออุตเกษปะ หนังสือเกษปะ หนังสือวิเกษปะ หนังสือปรเกษปะ หนังสือสาคระ หนังสือวัชระ หนัสือเลขประติเลขะ หนังสืออนุทรุตะ หนังสือศาสตราวรรตะคณนาวรรตะ หนังสืออุตเกษปาวรรตะ หนังสือเกษปาวรรตะ หนังสือปาทลิขิตะ หนังสือวิรุตตระปทสันธิ หนังสือยาวัททโศตตระปทสันธิ หนังสือมัธยาหาริณี หนังสือสรวรุตะสังครหณี หนังสือวิทยานุโลมาวิมิศริตะ หนังสือฤาตปัสตัปตาวโรจมานำธรณีเปรกษิณี หนังสือคคนเปรกษิณี หนังสือที่ผลิตจากต้นไม้ล้มลุก หนังสือที่รวบรวมสิ่งเป็นสาระทั้งปวง หนังสือรูปตัวสัตว์ และหนังสือได้จากเสียงร้องของสัตว์
ข้าแต่พระอาจารย์ผู้เจริญ บรรดาหนังสือ 64 อย่างนี้ ท่านจะให้ข้าพเจ้าเรียนหนังสืออย่างไหน?
ครั้งนั้นวิศวามิตรอาจารย์ของเด็ก ยิ้มอยู่ในหน้าด้วยความประหลาดใจ ปลงความถือตัวและความกระด้างได้แล้ว จึงพูดเป็นคำประพันธ์นี้ว่า
6 น่าอัศจรรย์ พระกุมารเจริญตามรอยโลกของคนบริศุทธในโลกมาโรงเรียนเพื่อศึกษาศาสตร์ทั้งปวงฯ
7 ชื่อหนังสือใดที่เรายังไม่รู้จัก พระกุมารนี้มาโรงเรียนเพื่อศึกษาหนังสือนั้นจนจบฯ
8 หน้าตาหัวหูหนังสือนั้น เรายังไม่เห็นแล้ว เราจะสอนพระกุมารนี้ให้รู้จบได้อย่างไรฯ
9 พระกุมารผู้เป็นเทพเจ้าของเทวดาทั้งหลาย เป็นอติเทพ(เทพเจ้าผู้ใหญ่ยิ่ง)สูงสุดกว่าเทวดาทั้งปวง เป็นผู้มีอำนาจและไม่มีใครเทียมเท่า ประเสริฐที่สุดไม่มีบุคคลจะเสมอเหมือนฯ
10 แต่เราจะสอนพระกุมาร ให้ได้รับการศึกษาอันอาศัยโลกทั้งปวง โดยพิเศษในบุบายแห่งปรัชญา ด้วยอานุภาพของพระกุมารนี้ฯ
กระนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เด็กตั้งหมื่นเรียนหนังสือพ้อมกับพระโพธิสัตว์ในการเรียนนั้น เด็กทั้งหลายเหล่านั้น อ่านทั้งหลายเหล่านั้น อ่านอักษรแม่บทโดยอาศัย(ความช่วยเหลือของ)พระโพธิสัตว์ ในคราวใด เด็กเหล่านั้นจะอ่นตัวอักษรว่า อ
ในกาลนั้นกลายเป็นออกเสียงว่า อนิตยะ(ความไม่เที่ยง) เมื่อจะอ่านตัว อา กลายเป้นออกเสียงว่าอาตมปรหิตะ(ประโยชน์ตนและผู้อื่น) เมื่อจะอ่านตัว อิ กลายเป็นออกเสียงว่า อินทรยไวกัลยะ(อินทรีย์บกพร่อง)
เมื่อจะอ่านตัว อี กลายเป็นออกเสียงว่า อีติพหุลํชคต(โลกมากไปด้วยอันตราย) เมื่อจะอ่านตัว อุ กลายเป็นออกเสียงว่า อุปทรวพหุลํ ชคต(โลกมากไปด้วยอุปัทวะ
เมื่อจะอ่านตัว อู กลายเป็นออกเสียงว่า อุนสตตวํ(สัตว์หรือคนมีความพร่องอยู่ คือไม่เต็ม) เมื่อจะอ่านตัว เอ กลายเป็นออกเสียงว่า เอษณาสมุตถานโทษะ(โทษเกิดจากการแสวงหา)
เมื่อจะอ่านตัว ไอ กล่าวเป็นออกเสียงว่า ไอรยาปถะเศรยาน(อิริยาบถประเสริฐ) เมื่อจะอ่านตัว โอ กลายเป็นออกเสียงว่า โอฆะ(คือทะเลได้แก่เกลศ) เมื่อจะอ่านตัว เอา กลายเป็นออกเสียงว่า เอาปปาทกะ(เกิดขึ้น) เมื่อจะอ่านตัว อํ กลายเป็นออกเสียงว่าอโมฆตปตติ(เกิดมาไม่เสียเปล่า)
เมื่อจะอ่านตัว อะ กลายเป็นออกเสียงว่า อสตงคมน(การดับ) เมื่อจะอ่านตัว ก กลายเป็นออกเสียงว่า กรมวิปาปาวตาระ (หยั่งลงสู่ผลกรรม) เมื่อจะอ่านตัว ข กลายเป็นออกเสียงว่าขสม สรว ธรมะ(ธรรมทั้งปวงเสมอด้วยอากาศ)
เมื่อจะอ่านตัว ค กลายเป็นออกเสียงว่า คมภีรธรมปรตีตยสมุตปาทาวตาระ (หยั่งลงสู่ปรตีตยสมุตปาทะซึ่งเป็นธรรมอันลึกซึ้ง) เมื่อจะอ่านตัว ฆ กลายเป็นออกเสียงว่า ฆนปฏลาวิทยา โมหานุธการ วิธมนะ (กำจัดความมืดแห่งอวิทยาซึ่งเป็นแท่งและเป็นแผ่นทึบคือโมหะ)
เมื่อจะอ่านตัว ง กลายเป็นออกเสียงว่า องควิศุทธิ (ความบริศุทธแห่งอวัยวะร่างกาย) เมื่อจะอ่านตัว จ กลายเป็นออกเสียงว่า จตุรารยสตยะ อารยสัตย 4)
เมื่อจะอ่านตัว ฉ กลายเป็นออกเสียงว่า ฉนทราคปรหาณะ (ประหารความใคร่และความกำหนัด) เมื่อจะอ่านตัว ช กลายเป็นออกเสียงว่า ชรามรณสมมติกรมณะ (ระงับชราและมรณะ) เมื่อจะอ่านตัว ฌ กลายเป็นออกเสียงว่า ฌษธวชพลนิครหณะ (ข่มกำลังของกาม) เมื่อจะอ่านตัว ญ กลายเป็นออกเสียงว่า ชญาปนะ (บอกให้รู้) เมื่อจะอ่านตัว ฏ กลายเป็นออกเสียงว่า ปโฏปจเฉทนะ (การตัดขาดซึ่งแผ่นทึบคือ อวิทยา) เมื่อจะอ่านตัว ฐ กลายเป็นออกเสียงว่า ฐปนียปรศนะ (ตั้งปัญหา) เมื่อจะอ่านตัว ฑ กลายเป็นออกเสียงว่า ฑุมรมารนิครหณะ (ข่มการทะเลาะวิว่ทและมาร)
เมื่อจะอ่านตัว ฒ กลายเป็นออกเสียงว่า มีฒวิษยา (อารมณ์เป็นเครื่องไหลผ่าน) เมื่อจะอ่านตัว ณ กลายเป็นออกเสียงว่า เรณุเกลศ (ละอองคือเกลศ) เมื่อจะอ่านตัว ต กลายเป็นออกเสียงว่า ตถาตาสํเภท (ความจริงไม่ต่างกัน) เมื่อจะอ่านตัว ถ กลายเป็นออกเสียงว่า ถามพลเวคไวศารทยะ (ความองอาจคือ แรง กำลัง ความว่องไว) เมื่อจะอ่านตัว ท กลายเป็นออกเสียงว่า ทานทมสํยมเสารมยะ (ความงาม คือทาน การข่มกรรเมนทรีย์(*1) ความสำรวมระวังชญาเนนทรีย์ (*2)
เมื่อจะอ่านตัว ธ กลายเป็นออกเสียงว่า ธนมารยาณำสปตวิธม (อารยาทรัพย์ 7 ) เมื่อจะอ่านตัว น กลายเป็นออกเสียงว่า นามรูปปริชญา(กำหนดรู้นามรูป) เมื่อจะอ่านตัว ป กลายเป็นออกเสียงว่า ปรมารถ (ความหมายอันสูงสุด) เมื่อจะอ่านตัว ผ กลายเป็นออกเสียงว่า ผลปราปติสากษาตกริยา (การบรรลุผลคือการทำให้ปรากฏ) เมื่อจะอ่านตัว พ กลายเป็นออกเสียงว่า พนธนโมกษะ (พ้นจากเครื่องผูกมัด) เมื่อจะอ่านตัว ภ กลายเป็นออกเสียงว่า ภววิภวะ(ภพและวิภพ) เมื่อจะอ่านตัว ม กลายเป็นออกเสียงว่า มทมาโนปศมนะ (ระงับความเมาและความถือตัว) เมื่อจะอ่านตัว ย กลายเป็นออกเสียงว่า ยถารวทธรมปรติเวธะ (แทงตลอดธรรมตามความจริง)
เมื่อจะอ่านตัว ร กลายเป็นออกเสียงว่า รตยรติประมารถรติ (ความยินดี ความไม่ยินดี ความยินดีที่เป็นปรมัตถ เมื่อจะอ่านตัว ล กลายเป็นออกเสียงว่า ลตาเฉทนะ (ตัดเถาวัลย์คือเครื่องผูกพัน) เมื่อจะอ่านตัว ว กลายเป็นออกเสียงว่า วรยานะ (ยานประเสริฐ) เมื่อจะอ่านตัว ศ กลายเป็นออกเสียงว่า ศมถวิปศยนา (ศมถะและวิปัศยนา) เมื่อจะอ่านตัว ษ กลายเป็นออกเสียงว่า ษฑายตนนิครหณาภิชญชญานาวาปติ (บรรลุอภิชญาชญานด้วยการข่มอายตนะ 6) เมื่อจะอ่านตัว ส กลายเป็นออกเสียงว่า สรวชญชญานาภิสํโพธนะ (ตรัสรู้สรรพัชญาชญาน) เมื่อจะอ่านตัว ห กลายเป็นออกเสียงว่า หตเกลศวิราคะ (การปราศจากราคะคือเกลศที่ถูกกำจัดแล้ว) เมื่อจะอ่านตัว กษ กลายเป็นออกเสียงว่า กษณปรยตตาภิลาปยสรวธรมะ (ธรรมทั้งปวง คือความปรารถนาในกาลสิ้นสุดลงแห่งกาละ)
กระนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เด็กทั้งหลายเหล่านั้น อ่านแม่บท ได้ออกเสียงเป็นธรรมที่สำคัญๆตั้งแสนนับไม่ถ้วนที่เป็นตัวประธาน โดยอานุภาพของพระโพธิสัตว์
เพราะฉะนั้น เด็ก 32000 คน ได้รับการอบรมโดยลำดับ โดยพระโพธิสัตว์ซึ่งอยู่ในโรงเรียน และเด็กจำนวนนั้นได้มีจิตเกิดขึ้นในอนุตตรสัมยักสัมโพธิ นี่คือเหตุนี่คือปัจจัย ซึ่งพระโพธิสัตว์ผู้เป็นนักศึกษารนไปโรงเรียน
อัธยายที่ 10 ซึ่อปิศาลาสันทรรศนะปริวรรต(ว่าด้วยการเสด็จเยี่ยมโรงเรียน) ในคัมภีร์ศรีลลิตวิสตร
*1กรรเมนทรีย์ ได้แก่ มือ เท้า ปาก ท้อง อวัยวะเพศ
*2 ชญาเนนทรีย์ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น