Translate

10 กุมภาพันธ์ 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร อุปาลิปัญจกะ อัตตาทานวรรคที่ ๕ หน้าที่ของโจทก์ ธุดงควรรคที่ ๖ ถืออยู่ป่าเป็นต้น

   ทำบุญ 
หน้าที่ของโจทก์
   [๑๑๘๓] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น. ธรรม ๕ อย่าง อะไรบ้าง? คือ:-
   ๑. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์หรือหนอ เราเป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวนหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวน จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านศึกษาความประพฤติทางกายก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
   ๒. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์หรือหนอ เราเป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวนหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้ประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวน จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญทานศึกษาความประพฤติทางวาจาก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
   ๓. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เมตตาจิต ไม่มีอาฆาต เราเข้าไปตั้งไว้แล้วในหมู่เพื่อนสพรหมจารีหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ได้เข้าไปตั้งเมตตาจิตไม่มีอาฆาตในหมู่เพื่อนสพรหมจารี จะมีผู้กล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเข้าไปตั้งเมตตาจิตในหมู่เพื่อนสพรหมจารีก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้
   ๔. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีสุตะมาก ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะหรือหนอ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้นเราได้ฟังมาก ทรงจำไว้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้มีสุตะมาก ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้น เธอหาได้ฟังมาก ทรงจำไว้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญาไม่ จะมีผู้กล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเรียนคัมภีร์ก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
   ๕. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราจำปาติโมกข์ทั้งสองได้ดี โดยพิสดาร สวดไพเราะคล่องแคล่วดี วินิจฉัยเรียบร้อย โดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้จำปาติโมกข์ทั้งสอง โดยพิสดาร สวดไพเราะคล่องแคล่วดี วินิจฉัยเรียบร้อย โดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะไม่ได้ มีผู้ถามว่า ท่าน สิกขาบทนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ที่ไหน เธอถูกถามดังนี้ ย่อมตอบไม่ถูกต้อง จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเรียนวินัยก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์โจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่นเถิด.
หน้าที่ของโจทก์อีกนัยหนึ่ง
   [๑๑๘๔] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น. ธรรม ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
๑. เราจักพูดโดยกาลอันควร จักไม่พูดโดยกาลไม่ควร
๒. เราจักพูดด้วยคำจริง จักไม่พูดด้วยคำเท็จ
๓. เราจักพูดด้วยคำสุภาพ จักไม่พูดด้วยคำหยาบ
๔. เราจักพูดด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์ จักไม่พูดด้วยคำไม่ประกอบด้วยประโยชน์
๕. เราจักมีเมตตาจิตพูด จักไม่มุ่งร้ายพูด
       ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่นเถิด.
 โจทก์ควรใฝ่ใจถึงธรรม
       [๑๑๘๕] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น. ธรรม ๕ อย่าง อะไรบ้าง? คือ:-
              ๑. ความการุญ
              ๒. ความหวังประโยชน์
              ๓. ความเอ็นดู
              ๔. ความออกจากอาบัติ
              ๕. ความทำวินัยเป็นเบื้องต้น
       ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรให้ทำโอกาส
       [๑๑๘๖] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายไม่บริสุทธิ์
 ๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาไม่บริสุทธิ์
 ๓. เป็นผู้มีอาชีวะไม่บริสุทธิ์
 ๔. เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด
 ๕. ถูกซักเข้า ไม่อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส.
องค์ของภิกษุผู้ควรให้ทำโอกาส
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ควรทำโอกาส. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์
 ๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์
 ๓. เป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์
 ๔. เป็นบัณฑิต ผู้ฉลาด
 ๕. ถูกซักเข้า อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ขอให้ทำโอกาส. สงฆ์ควรทำโอกาส.
รับอธิกรณ์
   [๑๑๘๗] อุ. ภิกษุผู้ประสงค์จะรับอธิกรณ์ พึงรับอธิกรณ์ ประกอบด้วยองค์เท่าไร พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประสงค์จะรับอธิกรณ์ พึงรับอธิกรณ์ ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
   ๑. ภิกษุผู้ประสงค์จะรับอธิกรณ์ พึงพิจารณาอย่างนี้ว่า เราประสงค์จะรับอธิกรณ์นี้ เป็นกาลสมควรหรือไม่ที่จะรับอธิกรณ์นี้ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่าเป็นกาลไม่สมควรที่จะรับอธิกรณ์นี้ หาใช่เป็นกาลสมควรไม่ อธิกรณ์นั้น ภิกษุไม่พึงรับไว้
   ๒. ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า เป็นกาลสมควรที่จะรับอธิกรณ์นี้ หาใช่เป็นการไม่สมควรไม่ ภิกษุนั้นพึงพิจารณาต่อไปว่า เราประสงค์จะรับอธิกรณ์นี้ อธิกรณ์นี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า อธิกรณ์นี้เป็นเรื่องไม่จริง หาใช่เป็นเรื่องจริงไม่ อธิกรณ์นั้น ภิกษุไม่พึงรับไว้.
   ๓. ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า อธิกรณ์นี้เป็นเรื่องจริง หาใช่เป็นเรื่องไม่จริงไม่ภิกษุนั้นพึงพิจารณาต่อไปว่า เราประสงค์จะรับอธิกรณ์นี้ อธิกรณ์นี้ประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า อธิกรณ์นี้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ หาใช่ประกอบด้วยประโยชน์ไม่ อธิกรณ์นั้น ภิกษุไม่พึงรับไว้.
   ๔. ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า อธิกรณ์นี้ ประกอบด้วยประโยชน์ หาใช่ประกอบด้วยประโยชน์ไม่ ภิกษุนั้นพึงพิจารณาต่อไปว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ จักได้ภิกษุผู้เคยเห็นเคยคบกัน เป็นฝ่ายโดยธรรมวินัยหรือไม่ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่าเมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ จักไม่ได้ภิกษุผู้เคยเห็นเคยคบกันเป็นฝ่ายโดยธรรมโดยวินัย อธิกรณ์นั้น ภิกษุไม่พึงรับไว้.
   ๕. ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้จักได้ภิกษุผู้เคยเห็นเคยคบกัน เป็นฝ่ายโดยธรรมโดยวินัย ภิกษุนั้นพึงพิจารณาต่อไปว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง ความวิวาท ความแตกแห่งสงฆ์ ความร้าวรานแห่งสงฆ์ความถือต่างแห่งสงฆ์
ความกระทำต่างแห่งสงฆ์ ซึ่งมีการนั้นเป็นเหตุ จักมีแก่สงฆ์หรือไม่ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง ความวิวาท ความแตกแห่งสงฆ์ ความร้าวรานแห่งสงฆ์ ความถือต่างแห่งสงฆ์ ความกระทำต่างแห่งสงฆ์ ซึ่งมีการนั้นเป็นเหตุ จักมีแก่สงฆ์ อธิกรณ์นั้นภิกษุไม่พึงรับไว้.
   ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ ความบาดหมาง ความทะเลาะความแก่งแย่ง ความวิวาท ความแตกแห่งสงฆ์ ความร้าวรานแห่งสงฆ์ ความถือต่างแห่งสงฆ์ ความกระทำต่างแห่งสงฆ์ ซึ่งมีการนั้นเป็นเหตุ จักไม่มีแก่สงฆ์ อธิกรณ์นั้นภิกษุพึงรับไว้.
   ดูกรอุบาลี อธิกรณ์ที่ประกอบด้วยองค์ ๕ อย่างนี้แล ภิกษุรับไว้จักไม่ก่อความเดือดร้อนให้แม้ในภายหลังแล.
องค์แห่งภิกษุผู้มีอุปการะมาก
   [๑๑๘๘] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์ พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
   ๑. เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจรอยู่ เป็นผู้มีปกติเห็นภัยในโทษมีประมาณน้อยสมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.
   ๒. เป็นผู้มีสุตะมาก ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้น เธอเป็นผู้ได้สดับมากทรงจำไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา.
   ๓. เธอจำปาติโมกข์ทั้งสองได้ดีโดยพิสดาร สวดไพเราะ คล่องแคล่ว วินิจฉัยถูกต้อง โดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะ.
   ๔. เป็นผู้ตั้งอยู่ในวินัย ไม่ง่อนแง่น.
   ๕. เป็นผู้สามารถให้คู่ความทั้งสองเบาใจ ให้เข้าใจ ให้เพ่งพินิจพิจารณา เลื่อมใส.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่อธิกรณ์.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์
 ๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์
 ๓. เป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์
 ๔. เป็นบัณฑิต ผู้ฉลาด
 ๕. ถูกซักเข้า อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ เหล่านี้แล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้วัตถุ
             ๒. รู้นิทาน
             ๓. รู้บัญญัติ
             ๔. รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง
             ๕. รู้ถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถาม
       [๑๑๘๙] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ไม่พึงซักถาม พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้สุตตะ
             ๒. ไม่รู้สุตตานุโลม
             ๓. ไม่รู้วินัย
             ๔. ไม่รู้วินยานุโลม
             ๕. ไม่ฉลาดในฐานะและอฐานะ
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้สุตตะ
             ๒. รู้สุตตานุโลม
             ๓. รู้วินัย
             ๔. รู้วินยานุโลม
             ๕. ฉลาดในฐานะและอฐานะ
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถามอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้ธรรม
             ๒. ไม่รู้ธรรมานุโลม
             ๓. ไม่รู้วินัย
             ๔. ไม่รู้วินยานุโลม
             ๕. ไม่ฉลาดในคำต้นและคำหลัง
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง คือ:-
             ๑. รู้ธรรม
             ๒. รู้ธรรมานุโลม
             ๓. รู้วินัย
             ๔. รู้วินยานุโลม
             ๕. ฉลาดในคำต้นและคำหลัง
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถามอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้วัตถุ
             ๒. ไม่รู้นิทาน
             ๓. ไม่รู้บัญญัติ
             ๔. ไม่รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง
             ๕. ไม่รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้วัตถุ
             ๒. รู้นิทาน
             ๓. รู้บัญญัติ
             ๔. รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง
             ๕. รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถามอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้อาบัติ
             ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอาบัติ
             ๓. ไม่รู้ประโยคอาบัติ
             ๔. ไม่รู้ความระงับอาบัติ
             ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้อาบัติ
             ๒. รู้สมุฏฐานอาบัติ
             ๓. รู้ประโยคอาบัติ
             ๔. รู้ความระงับอาบัติ
             ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถามอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้อธิกรณ์
             ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอธิกรณ์
             ๓. ไม่รู้ประโยคอธิกรณ์
             ๔. ไม่รู้ความระงับอธิกรณ์
             ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้อธิกรณ์
             ๒. รู้สมุฏฐานอธิกรณ์
             ๓. รู้ประโยคอธิกรณ์
             ๔. รู้ความระงับอธิกรณ์
             ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.  อัตตาทานวรรค ที่ ๕ จบ
หัวข้อประจำวรรค
       [๑๑๙๐] บริสุทธิ์ ๑ กาล ๑ ความการุญ ๑ โอกาส ๑ รับอธิกรณ์ ๑ อธิกรณ์ ๑ และอธิกรณ์อีกนัยหนึ่ง ๑ วัตถุ ๑ สุตตะ ๑ ธรรม ๑ วัตถุอีกนัยหนึ่ง ๑ อาบัติ ๑ อธิกรณ์.
       [๑๑๙๑] อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่านี้มี ๕ จำพวก. ๕ จำพวก อะไรบ้าง? คือ:-
   ๑. เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถืออยู่ป่า
   ๒. เป็นผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถืออยู่ป่า
   ๓. เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถืออยู่ป่า
   ๔. เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า สรรเสริญ จึงถืออยู่ป่า
ถืออยู่ป่าเป็นต้น
             ๕. เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัย
ความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามี ๕ จำพวก นี้แล.
             อุ. ภิกษุผู้ถือเที่ยวบิณฑบาต มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือผ้าบังสุกุล มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่โคนไม้ มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ป่าช้า มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ในที่แจ้ง มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือทรงผ้า ๓ ผืน มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือเที่ยวตามแถว มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือการนั่ง มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ในเสนาสนะตามที่จัดไว้ มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือนั่งฉัน ณ อาสนะแห่งเดียว มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือการห้ามภัตรที่เขานำมาถวายเมื่อภายหลัง มีเท่าไรหนอแล พระพุทธ
เจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือการฉันเฉพาะในบาตร มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
             พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถือฉันเฉพาะในบาตรนี้มี ๕ จำพวก. ๕ จำพวกอะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถือฉันเฉพาะในบาตร
             ๒. เพราะผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถือฉันเฉพาะในบาตร
             ๓. เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถือฉันเฉพาะในบาตร
             ๔. เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้าสรรเสริญ จึงถือฉันเฉพาะ
ในบาตร
             ๕. เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และอาศัยความ
เป็นแห่งการฉันเฉพาะในบาตร มีประโยชน์ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถึงฉันเฉพาะในบาตร
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถือฉันเฉพาะในบาตรมี ๕ จำพวก นี้แล.
             ธุดงควรรคที่ ๖ จบ
                            หัวข้อประจำวรรค
             [๑๑๙๒] ถืออยู่ป่า ๑ ถือเที่ยวบิณฑบาต ๑ ถือทรงผ้าบังสุกุล ๑ ถืออยู่โคนไม้ ๑
ถืออยู่ป่าช้าเป็นที่ครบห้า ๑ ถืออยู่ในที่กลางแจ้ง ๑ ถือทรงผ้า ๓ ผืน ๑ ถือเที่ยวตามแถว ๑
ถือการนั่ง ๑ ถืออยู่ในเสนาสนะตามที่จัดไว้ ๑ ถือนั่งฉัน ณ อาสนะแห่งเดียว ๑ ถือห้ามภัตรที่
เขานำมาถวายเมื่อภายหลัง ๑ ถือฉันเฉพาะในบาตร ๑.

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร [โวหารวรรคที่ ๓] ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์ [ทิฏฐาวิกรรมวรรคที่ ๔] การทำความเห็นแย้งที่ไม่เป็นธรรม

   ทำบุญ 
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์
             [๑๑๗๐] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ไม่พึงพูดในสงฆ์ พระพุทธเจ้าข้า?
             พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ไม่รู้อาบัติ
       ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอาบัติ
       ๓. ไม่รู้ประโยคอาบัติ
       ๔. ไม่รู้ความระงับอาบัติ
       ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. รู้อาบัติ
       ๒. รู้สมุฏฐานอาบัติ
       ๓. รู้ประโยคอาบัติ
       ๔. รู้ความระงับอาบัติ
       ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ไม่รู้อธิกรณ์
       ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอธิกรณ์
       ๓. ไม่รู้ประโยคอธิกรณ์
       ๔. ไม่รู้ความระงับอธิกรณ์
       ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. รู้อธิกรณ์
       ๒. รู้สมุฏฐานอธิกรณ์
       ๓. รู้ประโยคอธิกรณ์
       ๔. รู้ความระงับอธิกรณ์
       ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. พูดข่มขู่
       ๒. พูดไม่ให้โอกาสผู้อื่น
 ๓. ไม่โจทตามอาบัติในธรรมและวินัยอันสมควร
 ๔. ไม่ปรับตามอาบัติในธรรมและวินัยอันสมควร
       ๕. ไม่ชี้แจงตามความเห็น
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ไม่พูดข่มขู่
       ๒. พูดให้โอกาสผู้อื่น
 ๓. โจทตามอาบัติในธรรมและวินัยอันสมควร
 ๔. ปรับตามอาบัติในธรรมและวินัยอันสมควร
       ๕. ชี้แจงตามความเห็น
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ไม่รู้อาบัติและอนาบัติ
       ๒. ไม่รู้อาบัติเบาและอาบัติหนัก
 ๓. ไม่รู้อาบัติมีส่วนเหลือและอาบัติหาส่วนเหลือมิได้
 ๔. ไม่รู้อาบัติชั่วหยาบและอาบัติไม่ชั่วหยาบ ภิกษุควรพูดในสงฆ์
 ๕. ไม่รู้อาบัติที่ทำคืนได้และทำคืนไม่ได้
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. รู้อาบัติและอนาบัติ
       ๒. รู้อาบัติเบาและอาบัติหนัก
 ๓. รู้อาบัติมีส่วนเหลือและอาบัติหาส่วนเหลือมิได้
 ๔. รู้อาบัติชั่วหยาบและอาบัติไม่ชั่วหยาบ
 ๕. รู้อาบัติที่ทำคืนได้และทำคืนไม่ได้
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้กรรม
             ๒. ไม่รู้การทำกรรม
             ๓. ไม่รู้วัตถุของกรรม
             ๔. ไม่รู้วัตรของกรรม
             ๕. ไม่รู้ความระงับกรรม
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้กรรม
             ๒. รู้การทำกรรม
             ๓. รู้วัตถุของกรรม
             ๔. รู้วัตรของกรรม
             ๕. รู้ความระงับกรรม
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้วัตถุ
             ๒. ไม่รู้นิทาน
             ๓. ไม่รู้บัญญัติ
             ๔. ไม่รู้บทที่ตกในภายหลัง
       ๕. ไม่รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้วัตถุ
             ๒. รู้นิทาน
             ๓. รู้บัญญัติ
             ๔. รู้บทที่ตกในภายหลัง
       ๕. รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
             ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่ควรพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ถึงฉันทาคติ
             ๒. ถึงโทสาคติ
             ๓. ถึงโมหาคติ
             ๔. ถึงภยาคติ
             ๕. เป็นอลัชชี
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ
             ๒. ไม่ถึงโทสาคติ
             ๓. ไม่ถึงโมหาคติ
             ๔. ไม่ถึงภยาคติ
             ๕. เป็นลัชชี
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ถึงฉันทาคติ
             ๒. ถึงโทสาคติ
             ๓. ถึงโมหาคติ
             ๔. ถึงภยาคติ
             ๕. ไม่ฉลาดในวินัย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ
             ๒. ไม่ถึงโทสาคติ
             ๓. ไม่ถึงโมหาคติ
             ๔. ไม่ถึงภยาคติ
             ๕. ฉลาดในวินัย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้ญัตติ
             ๒. ไม่รู้การทำญัตติ
             ๓. ไม่รู้อนุสาวนาแห่งญัตติ
             ๔. ไม่รู้สมถะแห่งญัตติ
             ๕. ไม่รู้ความระงับแห่งญัตติ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์ องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้ญัตติ
             ๒. รู้การทำญัตติ
             ๓. รู้อนุสาวนาแห่งญัตติ
             ๔. รู้สมถะแห่งญัตติ
             ๕. รู้ความระงับแห่งญัตติ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้สุตตะ
             ๒. ไม่รู้สุตตานุโลม
             ๓. ไม่รู้วินัย
             ๔. ไม่รู้วินยานุโลม
             ๕. ไม่ฉลาดในฐานะและอฐานะ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้สุตตะ
             ๒. รู้สุตตานุโลม
             ๓. รู้วินัย
             ๔. รู้วินยานุโลม
             ๕. ฉลาดในฐานะและอฐานะ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.
ภิกษุไม่ควรพูดในสงฆ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้ธรรม
             ๒. ไม่รู้ธรรมานุโลม
             ๓. ไม่รู้วินัย
             ๔. ไม่รู้วินยานุโลม
       ๕. ไม่ฉลาดในคำต้นและคำปลาย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงพูดในสงฆ์
ภิกษุควรพูดในสงฆ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงพูดในสงฆ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้ธรรม
             ๒. รู้ธรรมานุโลม
             ๓. รู้วินัย
             ๔. รู้วินยานุโลม
             ๕. ฉลาดในคำต้นและคำปลาย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงพูดในสงฆ์.   โวหารวรรค ที่ ๓ จบ
หัวข้อประจำวรรค
       [๑๑๗๑] อาบัติ ๑ อธิกรณ์ ๑ ข่มขู่ ๑ รู้อาบัติ ๑ กรรม ๑ วัตถุ ๑ อลัชชี ๑ ไม่ฉลาด ๑ ญัตติ ๑ ไม่รู้สุตตะ ๑ ไม่รู้ธรรม ๑ รวมเป็นวรรคที่ ๓ แลฯ
การทำความเห็นแย้งที่ไม่เป็นธรรม
       [๑๑๗๒] อุ. การทำความเห็นแย้งที่ไม่เป็นธรรม มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี การทำความเห็นแย้งที่ไม่เป็นธรรมนี้ มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. ทำความเห็นแย้งในอนาบัติ
 ๒. ทำความเห็นแย้งในอาบัติที่ไม่เป็นเทสนาคามินี
 ๓. ทำความเห็นแย้งในอาบัติที่แสดงแล้ว
 ๔. ทำความเห็นแย้งพร้อมกัน ๔-๕ รูป
 ๕. ทำความเห็นแย้งด้วยนึกในใจ
       ดูกรอุบาลี การทำความเห็นแย้งไม่เป็นธรรม ๕ อย่าง นี้แล.
การทำความเห็นแย้งที่เป็นธรรม
       ดูกรอุบาลี การทำความเห็นแย้งที่เป็นธรรมนี้ มี ๕ อย่าง. ๕ อย่าง อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. ทำความเห็นแย้งในอาบัติ
 ๒. ทำความเห็นแย้งในอาบัติเป็นเทสนาคามินี
 ๓. ทำความเห็นแย้งในอาบัติอันยังมิได้แสดง
 ๔. ไม่ทำความเห็นแย้งพร้อมกัน ๔-๕ รูป
 ๕. ไม่ทำความเห็นแย้งด้วยนึกในใจ
             ดูกรอุบาลี การทำความเห็นแย้งที่เป็นธรรม ๕ อย่าง นี้แล
การทำความเห็นแย้งที่ไม่เป็นธรรมอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี การทำความเห็นแย้งที่ไม่เป็นธรรม แม้อื่นอีก ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. ทำความเห็นแย้งในสำนักภิกษุนานาสังวาสก์
 ๒. ทำความเห็นแย้งในสำนักภิกษุผู้อยู่ในสีมาต่างกัน
 ๓. ทำความเห็นแย้งในสำนักภิกษุมิใช่ปกตัตตะ
 ๔. ทำความเห็นแย้งพร้อมกัน ๔-๕ รูป
 ๕. ทำความเห็นแย้งด้วยนึกในใจ
       ดูกรอุบาลี การทำความเห็นแย้งที่ไม่เป็นธรรม ๕ อย่าง นี้แล.
การทำความเห็นแย้งที่เป็นธรรม 
       ดูกรอุบาลี การทำความเห็นแย้งที่เป็นธรรมนี้ มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. ทำความเห็นแย้งในสำนักภิกษุสมานสังวาสก์
 ๒. ทำความเห็นแย้งในสำนักภิกษุผู้อยู่ในสีมาเดียวกัน
 ๓. ทำความเห็นแย้งในสำนักภิกษุผู้เป็นปกตัตตะ
 ๔. ไม่ทำความเห็นแย้งพร้อมกัน ๔-๕ รูป
 ๕. ไม่ทำความเห็นแย้งด้วยนึกในใจ
       ดูกรอุบาลี การทำความเห็นแย้งที่เป็นธรรม ๕ อย่าง นี้แล.
การรับประเคนที่ใช้ไม่ได้ 
       [๑๑๗๓] อุ. การรับประเคนที่ใช้ไม่ได้ มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี การรับประเคนที่ใช้ไม่ได้นี้มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. ของเขาให้ด้วยกาย ไม่รับประเคนด้วยกาย
   ๒. ของเขาให้ด้วยกาย ไม่รับประเคนด้วยของเนื่องด้วยกาย
   ๓. ของเขาให้ด้วยของเนื่องด้วยกาย ไม่รับประเคนด้วยกาย
   ๔. ของเขาให้ด้วยของเนื่องด้วยกาย ไม่รับประเคนด้วยของเนื่องด้วยกาย
   ๕. ของเขาให้ด้วยโยนให้ ไม่รับประเคนด้วยกาย หรือด้วยของเนื่องด้วยกาย
       ดูกรอุบาลี การรับประเคนที่ใช้ไม่ได้ มี ๕ อย่าง นี้แล.
การรับประเคนที่ใช้ได้
       ดูกรอุบาลี การรับประเคนที่ใช้ได้นี้ มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. ของเขาให้ด้วยกาย รับประเคนด้วยกาย
   ๒. ของเขาให้ด้วยกาย รับประเคนด้วยของเนื่องด้วยกาย
   ๓. ของเขาให้ด้วยของเนื่องด้วยกาย รับประเคนด้วยกาย
   ๔. ของเขาให้ด้วยของเนื่องด้วยกาย รับประเคนด้วยของเนื่องด้วยกาย
   ๕. ของเขาให้ด้วยโยนให้ รับประเคนด้วยกาย หรือด้วยของเนื่องด้วยกาย
       ดูกรอุบาลี การรับประเคนที่ใช้ได้ ๕ อย่าง นี้แล.
ของที่ไม่เป็นเดน
       [๑๑๗๔] อุ. ของที่ไม่เป็นเดน มีเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า
       พ. ดูกรอุบาลี ของที่ไม่เป็นเดนนี้มี ๕ อย่าง ๕ อย่างอะไรบ้าง คือ:-
       ๑. ภิกษุไม่ทำให้เป็นกัปปิยะ
       ๒. ไม่รับประเคน
       ๓. ไม่ยกส่งให้
       ๔. ทำนอกหัตถบาส
       ๕. มิได้กล่าวว่า ทั้งหมดนั้นพอละ
             ดูกรอุบาลี ของที่ไม่เป็นเดนมี ๕ อย่าง นี้แล.
ของที่เป็นเดน
             ดูกรอุบาลี ของที่เป็นเดนนี้ มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ภิกษุทำให้เป็นกัปปิยะ
       ๒. รับประเคน
       ๓. ยกส่งให้
       ๔. ทำในหัตถบาส
       ๕. กล่าวว่า ทั้งหมดนั่นพอละ
 ดูกรอุบาลี ของที่เป็นเดน ๕ อย่าง นี้แล.
การห้ามภัตร
             [๑๑๗๕] อุ. การห้ามภัตรย่อมปรากฏด้วยอาการเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า?
             พ. ดูกรอุบาลี การห้ามภัตร ย่อมปรากฏด้วยอาการ ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง?
       ๑. การฉันยังปรากฏอยู่
       ๒. โภชนะปรากฏอยู่
       ๓. ผู้ให้อยู่ในหัตถบาส
       ๔. เขาน้อมของเข้ามา
       ๕. การห้ามปรากฏ
 ดูกรอุบาลี การห้ามภัตร ย่อมปรากฏด้วยอาการ ๕ นี้แล. ทำตามปฏิญญาที่ไม่เป็นธรรม
 [๑๑๗๖] อุ. การทำตามปฏิญญาที่ไม่เป็นธรรม มีเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า? พ. ดูกรอุบาลี การทำตามปฏิญญาที่ไม่เป็นธรรมนี้มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
               ๑. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก เธอถูกโจทด้วยอาบัติปาราชิก แต่ปฏิญญาว่าต้อง อาบัติสังฆาทิเสส สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติสังฆาทิเสส จัดเป็นทำตามปฏิญญาไม่เป็นธรรม
               ๒. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก เธอถูกโจทด้วยอาบัติปาราชิก แต่ปฏิญญาว่า ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติปาจิตตีย์ จัดเป็นทำตามปฏิญญาไม่เป็นธรรม 
               ๓. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ เธอถูกโจทด้วยอาบัติปาฏิเทสนียะ แต่ปฏิญญา ว่า ต้องอาบัติทุกกฏ สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติทุกกฏ จัดเป็นทำตามปฏิญญาไม่เป็นธรรม 
               ๔. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ เธอถูกโจทด้วย อาบัติทุกกฏ แต่ปฏิญญาว่า ต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติปาราชิก จัดเป็นทำตาม ปฏิญญาไม่เป็นธรรม 
               ๕. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติทุกกฏ เธอถูกโจทด้วยอาบัติทุกกฏ แต่ปฏิญญาว่าต้องอาบัติ สังฆาทิเสส ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติปาฏิเทสนียะ จัดเป็นทำตาม ปฏิญญาไม่เป็นธรรม ดูกรอุบาลี การทำตามปฏิญญาไม่เป็นธรรม ๕ อย่าง นี้แล.
  ทำตามปฏิญญาที่เป็นธรรม 
 ดูกรอุบาลี การทำตามปฏิญญาที่เป็นธรรมนี้มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
               ๑. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติปาราชิก เธอถูกโจทด้วยอาบัติปาราชิก ปฏิญญาว่าต้องอาบัติ ปาราชิก สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติปาราชิก จัดเป็นทำตามปฏิญญาที่เป็นธรรม 
               ๒. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส เธอถูกโจทด้วยอาบัติสังฆาทิเสส ปฏิญญาว่า ต้องอาบัติสังฆาทิเสส สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติสังฆาทิเสส จัดเป็นทำตามปฏิญญาที่เป็นธรรม
               ๓. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เธอถูกโจทด้วยอาบัติปาจิตตีย์ ปฏิญญาว่าต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติปาจิตตีย์ จัดเป็นทำตามปฏิญญาที่เป็นธรรม 
               ๔. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ เธอถูกโจทด้วยอาบัติปาฏิเทสนียะ ปฏิญญาว่า ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติปาฏิเทสนียะ จัดเป็นทำตามปฏิญญาที่เป็นธรรม 
                ๕. ภิกษุเป็นผู้ต้องอาบัติทุกกฏ เธอถูกโจทด้วยอาบัติทุกกฏ ปฏิญญาว่าต้องอาบัติ ทุกกฏ สงฆ์ปรับเธอด้วยอาบัติทุกกฏ จัดเป็นทำตามปฏิญญาที่เป็นธรรม ไม่ควรทำโอกาส
 [๑๑๗๗] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำ โอกาส พระพุทธเจ้าข้า?
               พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
               ๑. เป็นอลัชชี ๒. เป็นพาล ๓. ไม่ใช่เป็นปกตัตตะ ๔. เป็นผู้พูดประสงค์ให้เคลื่อนจากพรหมจรรย์ ๕. ไม่เป็นผู้พูดประสงค์ให้ออกจากอาบัติ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส. 
  ควรทำโอกาส ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ควรทำโอกาส. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. เป็นลัชชี ๒. เป็นบัณฑิต ๓. เป็นปกตัตตะ ๔. เป็นผู้พูดประสงค์ให้ออกจากอาบัติ ๕. ไม่เป็นผู้พูดประสงค์ให้เคลื่อนจากพรหมจรรย์ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ควรทำโอกาส.
  ไม่ควรสนทนาวินัย [๑๑๗๘] อุ. ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนาวินัยกับภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? พ. ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนาวินัยกับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. ไม่รู้วัตถุ ๒. ไม่รู้นิทาน ๓. ไม่รู้บัญญัติ ๔. ไม่รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง ๕. ไม่รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้ ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนาวินัยกับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล. 
  ควรสนทนาวินัย ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนาวินัยกับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. รู้วัตถุ ๒. รู้นิทาน ๓. รู้บัญญัติ ๔. รู้บทที่ตกหล่นในภายหลัง ๕. รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิเข้ากันได้ ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนาวินัยกับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
  เหตุที่ถามปัญหา ๕ อย่าง [๑๑๗๙] อุ. การถามปัญหามีเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า? พ. ดูกรอุบาลี การถามปัญหานี้ มี ๕. อย่าง ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. ภิกษุถามปัญหา เพราะความรู้น้อย เพราะงมงาย ๒. เป็นผู้มีความปรารถนาลามก ถูกความปรารถนาครอบงำ จึงถามปัญหา ๓. ถามปัญหาเพราะความดูหมิ่น ๔. เป็นผู้ไม่ประสงค์จะรู้ จึงถามปัญหา ๕. ถามปัญหาด้วยมนสิการว่า ถ้าเราถามปัญหาขึ้น ภิกษุ จะพยากรณ์โดยชอบเทียว อุ. การอวดอ้างมรรคผล มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? พ. ดูกรอุบาลี การอวดอ้างมรรคผลนี้ มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. ภิกษุอวดอ้างมรรคผล เพราะความรู้น้อย เพราะความงมงาย ๒. ภิกษุมีความปรารถนาลามก ถูกความปรารถนาครอบงำจึงอวดอ้างมรรคผล ๓. อวดอ้างมรรคผล เพราะวิกลจริต เพราะจิตฟุ้งซ่าน ๔. อวดอ้างมรรคผล เพราะสำคัญว่าได้บรรลุ ๕. อวดอ้างมรรคผลที่เป็นจริง. ดูกรอุบาลี การอวดอ้างมรรคผล ๕ อย่าง นี้แล.
วิสุทธิ ๕
[๑๑๘๐] อุ. วิสุทธิมีเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า?
พ. ดูกรอุบาลี วิสุทธินี้ มี ๕ อย่าง ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
สวดนิทานแล้ว นอกนั้นสวดด้วยสุตบท นี้จัดเป็นวิสุทธิที่ ๑
สวดนิทาน สวดปาราชิก ๔ แล้ว นอกนั้นสวดด้วยสุตบท นี้จัดเป็น
วิสุทธิที่ ๒ สวดนิทาน สวดปาราชิก ๔ สวดสังฆาทิเสส ๑๓ แล้ว
นอกนั้นสวดด้วยสุตบท นี้จัดเป็นวิสุทธิที่ ๓ สวดนิทาน สวด
ปาราชิก ๔ สวดสังฆาทิเสส ๑๓ สวดอนิยต ๒ แล้ว นอกนั้นสวด
ด้วยสุตบท นี้จัดเป็นวิสุทธิที่ ๔ สวดโดยพิสดารทีเดียว จัดเป็น
วิสุทธิที่ ๕ ดูกรอุบาลี วิสุทธิ ๕ อย่าง นี้แล.
  โภชนะ ๕
[๑๑๘๑] อุ. โภชนะมีเท่าไร หนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
พ. ดูกรอุบาลี โภชนะนี้ มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ข้าวสุก
              ๒. ขนมสด 
              ๓. ขนมแห้ง
              ๔. ปลา 
              ๕. เนื้อ ดูกรอุบาลี โภชนะ ๕ อย่าง นี้แล. 
ทิฏฐาวิกรรมวรรค ที่ ๔ จบ 
  หัวข้อประจำวรรค
 [๑๑๘๒] ทำความเห็นแย้ง ๑ ทำความเห็นแย้งอีกนัยหนึ่ง ๑ รับประเคน ๑ ของเป็นเดน ๑ ห้ามภัตร ๑ ปฏิญญา ๑ ขอโอกาส ๑ สนทนา ๑ ถามปัญหา ๑ อวดอ้างมรรคผล ๑ วิสุทธิ ๑ โภชนะ ๑.