
ปาราชิก
[๘๐๔] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ ภิกษุณีต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ ภิกษุณีต้องอาบัติ ๕ ตัว คือภิกษุณีกำหนัดยินดีการจับต้องอวัยวะใต้รากขวัญลงมา เหนือหัวเข่าขึ้นไป ของบุรุษบุคคลผู้กำหนัด ต้องอาบัติปาราชิก ๑ ภิกษุถูกต้องกายด้วยกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑ เอากายถูกต้องของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติ
ถุลลัจจัย ๑ เอาของเนื่องด้วยกาย ถูกต้องของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เป็นปาจิตตีย์ในเพราะจี้ด้วยนิ้วมือ ๑ เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ ภิกษุณีต้องอาบัติ ๕ เหล่านี้.
[๘๐๕] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ปกปิดโทษ ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ปกปิดโทษ ต้องอาบัติ ๔ คือ ภิกษุณีผู้รู้อยู่ว่า ภิกษุณีต้องธรรมมีโทษถึงปาราชิก ปกปิดไว้ ต้องอาบัติปาราชิก ๑ สงสัยปกปิดต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ ภิกษุปกปิดอาบัติสังฆาทิเสส ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑ ปกปิด อาจารวิบัติต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เพราะปัจจัย คือ ปกปิดโทษ ต้องอาบัติ ๔ เหล่านี้.
[๘๐๖] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ไม่สละกรรม เพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ไม่สละกรรม เพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติ ๕ คือ ภิกษุณีประพฤติตามภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกวัตร ไม่สละกรรม เพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ จบญัตติเป็นทุกกฏ ๑ จบกรรมวาจาสองครั้ง เป็นถุลลัจจัย ๑ จบกรรมวาจาครั้งสุดต้องอาบัติปาราชิก ๑ ภิกษุณี
ประพฤติตามภิกษุผู้ทำลาย ไม่สละกรรมเพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑ ไม่สละทิฏฐิลามก เพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ๑ เพราะปัจจัย คือ ไม่สละกรรมเพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติ ๕ เหล่านี้.
[๘๐๗] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยังวัตถุที่ ๘ ให้เต็มต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยังวัตถุที่ ๘ ให้เต็ม ต้องอาบัติ ๓ คือ ภิกษุณีอันบุรุษสั่งว่า จงมาสู่ที่ชื่อนี้ แล้วเดินไป ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เมื่อก้าวเข้าสู่หัตถบาสของบุรุษ ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ ยังวัตถุที่ ๘ ให้เต็ม ต้องอาบัติปาราชิก ๑ เพราะปัจจัย คือ ยังวัตถุที่ ๘ ให้เต็ม ต้องอาบัติ ๓ เหล่านี้. ปาราชิก จบ
สังฆาทิเสส
[๘๐๘] เพราะปัจจัย คือภิกษุณีกล่าวให้ร้าย ก่อคดี ต้องอาบัติ ๓ คือ บอกแก่คนเดียว ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ บอกแก่คนที่สอง ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ คดีถึงที่สุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑.
[๘๐๙] เพราะปัจจัย คือ รับหญิงโจรให้บวช ต้องอาบัติ ๓ คือ จบญัตติ เป็นทุกกฏ ๑ จบกรรมวาจาสองครั้ง เป็นถุลลัจจัย ๑ จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑.
[๘๑๐] เพราะปัจจัย คือ ภิกษุณีผู้เดียว ไปสู่ละแวกบ้าน ต้องอาบัติ ๓ คือ เดินไปต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เดินล่วงที่ล้อมไปก้าวหนึ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ เดินล่วงที่ล้อมไป ๒ ก้าวต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑.
[๘๑๑] เพราะปัจจัย คือ ไม่บอกกล่าวการกสงฆ์ ไม่รู้ฉันทะของคณะ รับภิกษุณีซึ่งสงฆ์พร้อมเพรียงกันยกจากหมู่แล้วตามธรรม ตามวินัย ตามสัตถุศาสน์ให้เข้าหมู่ ต้องอาบัติ ๓ คือ จบญัตติ เป็นทุกกฏ ๑ จบกรรมวาจาสองครั้ง เป็นถุลลัจจัย ๑ จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑.
[๘๑๒] เพราะปัจจัย คือ ภิกษุณีพอใจรับของเคี้ยวก็ดี ของฉันก็ดี จากมือของบุรุษบุคคลผู้พอใจด้วยมือของตนแล้วฉัน ต้องอาบัติ ๓ คือ รับประเคนด้วยมุ่งจักเคี้ยวจักฉันต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ ต้องอาบัติสังฆาทิเสสทุกๆ คำกลืน ๑ รับประเคนน้ำและไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ ๑.
[๘๑๓] เพราะปัจจัย คือ ภิกษุณีกล่าวว่า แม่เจ้า บุรุษบุคคลนั้น มีความพอใจก็ดี ไม่มีความพอใจก็ดี จักทำอะไรแก่แม่เจ้าได้ เพราะแม่เจ้าไม่มีความพอใจ เชิญเถิดเจ้าข้า บุรุษบุคคลนั้น จะถวายสิ่งใด เป็นของเคี้ยวหรือของฉันก็ดี แก่แม่เจ้า ขอแม่เจ้าจงรับประเคนของสิ่งนั้นด้วยของตน แล้วเคี้ยว
หรือฉันเถิด ดังนี้ แล้วส่งไป ต้องอาบัติ ๓ คือ รับประเคนด้วยมุ่งจักเคี้ยว จักฉัน ตามคำของภิกษุณีนั้น ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ต้องอาบัติถุลลัจจัยทุกๆ คำกลืน ๑ ฉันเสร็จต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑.
[๘๑๔] เพราะปัจจัย คือ ภิกษุณีโกรธ ไม่สละกรรม เพราะถูกสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติ ๓ คือ จบญัตติ เป็นทุกกฏ ๑ จบกรรมวาจาสองครั้ง เป็นถุลลัจจัย ๑ จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑.
[๘๑๕] เพราะปัจจัย คือ ภิกษุณีถูกตัดสินให้แพ้อธิกรณ์เรื่องหนึ่ง โกรธไม่สละกรรมเพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติ ๓ คือ จบญัตติ เป็นทุกกฏ ๑ จบกรรมวาจาสองครั้งเป็นถุลลัจจัย ๑ จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑.
[๘๑๖] เพราะปัจจัย คือ ภิกษุณีทั้งหลายคลุกคลีกัน ไม่สละกรรมเพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติ ๓ คือ จบญัตติ เป็นทุกกฏ ๑ จบกรรมวาจาสองครั้ง เป็นถุลลัจจัย ๑ จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑.
[๘๑๗] เพราะปัจจัย คือ ภิกษุณีส่งภิกษุณีไปด้วยสั่งว่า แม่เจ้าทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงอยู่คลุกคลีกันเถิด อย่าอยู่ต่างหากกันเลย ไม่สละกรรม เพราะสวดสมนุภาสน์ครบ ๓ จบ ต้องอาบัติ ๓ คือ จบญัตติเป็นทุกกฏ ๑ จบกรรมวาจาสองครั้ง เป็นถุลลัจจัย ๑ จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑. สังฆาทิเสส จบ
[๘๑๘] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ คือ รับประเคนด้วยมุ่งจักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ ทุกๆ คำกลืน ๑
เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ เหล่านี้. กติอาปัตติวารที่ ๒ จบ
ฟังเนื้อความพระไตรปิฎก :[คลิกเพื่อฟัง]
วิปัตติวารที่ ๓
[๘๑๙] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ การยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติทั้งหลายจัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติทั้งหลายจัดเป็นวิบัติ ๒ บรรดาวิบัติ ๔ คือ บางทีเป็นศีลวิบัติ บางทีเป็นอาจารวิบัติ ...
ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติทั้งหลาย จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติทั้งหลาย จัดเป็นวิบัติอย่างหนึ่ง คือ อาจารวิบัติ บรรดาวิบัติ ๔. วิปัตติวารที่ ๓ จบ
สังคหวารที่ ๔
[๘๒๐] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติสงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ ๗?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติสงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๕ บรรดาอาบัติ ๗ กอง คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาราชิก บางทีด้วยกองอาบัติสังฆาทิเสส บางทีด้วยกองอาบัติถุลลัจจัย บางทีด้วยกองอาบัติปาจิตตีย์ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ
ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติสงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไรบรรดากองอาบัติ ๗?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติสงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๒ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาฏิเทสนียะ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ. สังคหวารที่ ๔ จบ
สมุฏฐานวารที่ ๕
[๘๒๑] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติเกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติเกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ คือ บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา
ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติเกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติเกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กายวาจา และจิต. สมุฏฐานวารที่ ๕ จบ
อธิกรณวารที่ ๖
[๘๒๒] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติจัดเป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาอธิกรณ์ ๔?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติจัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔
ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติจัดเป็นอธิกรณ์ไหน บรรดาอธิกรณ์ ๔?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติจัดเป็นอาปัตตาอธิกรณ์บรรดาอธิกรณ์ ๔. อธิกรณวารที่ ๖ จบ
สมถวารที่ ๗
[๘๒๓] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติย่อมระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย อาบัติย่อมระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาตกรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑
ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติย่อมระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน อาบัติย่อมระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาตกรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑. สมถวารที่ ๗ จบ
สมุจจยวารที่ ๘
[๘๒๔] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ ภิกษุณีต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ ภิกษุณีต้องอาบัติ ๕ คือ ภิกษุณีผู้กำหนัดยินดีการจับต้องอวัยวะใต้รากขวัญลงมา เหนือหัวเข่าขึ้นไป ของบุรุษบุคคลผู้กำหนัด ต้องอาบัติปาราชิก ๑ ภิกษุถูกต้องกายด้วยกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ๑ เอากายถูกต้องของเนื่องกายด้วย
ต้องอาบัติถุลลัจจัย ๑ เอาของเนื่องด้วยกายถูกต้องของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะจี้ด้วยนิ้วมือ ๑
เพราะปัจจัย คือ ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ภิกษุ ภิกษุณี ต้องอาบัติ ๕ เหล่านี้.
ถ. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔?
สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ ๗?
เกิดขึ้นด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖?
เป็นอธิกรณ์อะไร บรรดาอธิกรณ์ ๔?
ระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗?
ต. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติ ๒ บรรดาวิบัติ ๔ คือ บางทีเป็นศีลวิบัติ บางทีเป็นอาจารวิบัติ สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๕ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาราชิกบางทีด้วยกองอาบัติสังฆาทิเสส บางทีด้วยกองอาบัติถุลลัจจัย บางทีด้วยกองอาบัติปาจิตตีย์ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ.
เกิดด้วยสมุฏฐานอันหนึ่ง บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ คือ เกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา เป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔ ระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาตกรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑.
[๘๒๕] ถามว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติเท่าไร?
ตอบว่า เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ คือ รับประเคนด้วยมุ่งจักฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ ๑ ต้องอาบัติปาฏิเทสนียะทุกๆ คำกลืน ๑
เพราะปัจจัย คือ ขอนมส้มมาฉัน ต้องอาบัติ ๒ เหล่านี้.
ถ. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติเท่าไร บรรดาวิบัติ ๔? สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติเท่าไร บรรดากองอาบัติ ๗? เกิดด้วยสมุฏฐานเท่าไร บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖? เป็นอธิกรณ์อะไร บรรดาอธิกรณ์ ๔? ระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗?
ต. อาบัติเหล่านั้น จัดเป็นวิบัติอย่างหนึ่ง บรรดาวิบัติ ๔ คือ อาจารวิบัติ สงเคราะห์ด้วยกองอาบัติ ๒ บรรดากองอาบัติ ๗ คือ บางทีด้วยกองอาบัติปาฏิเทสนียะ บางทีด้วยกองอาบัติทุกกฏ.
เกิดด้วยสมุฏฐาน ๔ บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ ๖ คือ บางทีเกิดแต่กาย มิใช่วาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่กาย วาจาและจิต เป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔ ระงับด้วยสมถะ ๓ บรรดสมถะ ๗ คือ บางทีด้วยสัมมุขาวินัย ๑ ด้วยปฏิญญาตกรณะ ๑ บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ ๑. สมุจจยวารที่ ๘ จบ ปัจจัยวาร ๘ จบ
ภิกขุนีวิภังค์ ๑๖ มหาวาร จบ
Heretic (2024) บ้านสั่งตาย ‧ Horror/Thriller ‧ 1h 50m IMDb 7.9/10|
Heretic บ้านสั่งตาย‧หนังสยองขวัญ | 2024|


กล้าของตนเองเมื่อพวกเขาเลือกที่จะเข้าไปในบ้านของ
มิสเตอร์รีด ชายผู้โหดร้าย และถูกดึงเข้าไปในเกมไล่
ล่าที่แสนจะอันตรายของเขาสยองขวัญ ระทึกขวัญ
นำแสดงโดย Hugh Grant , Sophie Thatcher, Chloe East เรื่องย่อ มิชชันนารีหนุ่มสองคนถูกบังคับให้พิสูจน์ศรัทธาของตนเมื่อพวกเขาเคาะประตูผิดบาน สตรีผู้เคร่งศาสนาได้รับการต้อนรับจาก Mr. Reed (Hugh Grant) ผู้ชั่วร้าย และถูกดึงเข้าไปในเกมแมวไล่หนูที่อันตราย โดยถูกดึงเข้าไปในบ้านของชายแปลกหน้า