Translate

03 มิถุนายน 2568

[เล่ม 2] ตอนที่ 31 ไซอิ๋ว นวนิยาย

ตอน ศึกปีศาจคู่เขาเงิน-เขาทอง (ช่วงที่2)
(บทที่ ๓๔)
ฝ่ายปีศาจทั้งสองครั้นเปลี่ยนน้ำเต้านั้นมาแล้ว ต่างก็แย่งกันดูกลับหน้ามาก็มิได้เห็นเห้งเจีย เล่งหลีปีศาจพูดว่าเทวดาองค์นี้เห็นจะพูดหลอกลวงเราดอกกระมัง ว่าจะโปรดพวกเราให้สำเร็จมรรคผลเป็นเทวดา ทำไมไปจึงไม่ลาเราเล่า เจงเส่ยปีศาจพูดว่าแม้เธอไปแล้วเราเอาน้ำเต้านั้นมาลองดู จึงหยิบน้ำเต้านั้นโยนขึ้นไป น้ำเต้านั้นก็กลับตกลงมา เล่งหลีถามว่าทำไมจึงไม่ใส่ฟ้าเล่า ถ้าใส่ไม่ได้เห็นจะเป็นเห้งเจียเอาของปลอมมาเปลี่ยนของจริงไปดอกกระมัง
   เจงเส่ยปิศาจพูดว่าน้องอย่าพูดเลอะเทอะไป เห้งเจียนั้นภูเขาใหญ่สามเขาทับไว้แล้ว ทำไมจึงจะออกมาเอาของเราไปได้ พี่จะภาวนาลองดูอิกทีจะเป็นประการใด ว่าแล้วก็เอาน้ำเต้านั้นขว้างขึ้นบนอากาศแล้วภาวนาว่า ถ้าไม่สงเคราะห์เรา ๆ จะขึ้นไปทำจลาจลยังปราสาทเล่งเซียวเต้ย ภาวนายังไม่ทันจะแล้วน้ำเต้าก็ตกลงมาดิน ปีศาจทั้งสองพูดว่าเห็นจะใส่ไม่ได้แล้วเป็นของปลอมแท้ทีเดียว
   เมื่อปีศาจทั้งสองกำลังบ่นอยู่นั้น เห้งเจียอยู่บนอากาศฟังดูก็รู้แจ้งทุกประการ จึงเรียกขนนั้นคืนเข้าที่ตามเดิม น้ำเต้าก็สูญหายไป ปีศาจทั้งสองต่างถามกันว่าน้ำเต้าไปข้างไหน เล่งหลีว่าพี่เอาไปโยนลองมิใช่หรือ ทำไมจึงหายไปได้ จึงพากันลงที่ดินเที่ยวค้นหาตามหญ้าที่รกก็มิได้เห็น ปีศาจสองยิ่งตกใจกลัวพูดปรึกษากันว่าเราจะทำอย่างไรดี ของวิเศษของเราก็ไม่เห็น ทำอย่างไรจึงจะกลับไปได้ เราจะต้องถูกใต้อ๋องตีตายเป็นแน่ เล่งหลีพูดว่าถ้ากระนั้นเราพากันหนีไปเสียเห็นจะดีกว่า
   เจงเส่ยพูดว่าเราอย่าหนีเลยกลับไปดีกว่า เราเห็นว่าอยู่ทุกวันนี้ งึ้นกั๊กใต้อ๋องเห็นแก่หน้าน้อง อันความผิดนั้นให้น้องรับคนเดียวบางทีใต้อ๋องจะยกชีวิตให้ แม้ไม่ฟังก็ตามแต่จะทำเถิดอย่างนั้นจะดีกว่าเราอย่าทำสองใจเลย ปีศาจทั้งสองปรึกษากันตกลงแล้วก็เดินกลับมายังถ้ำ เห้งเจียอยู่บนอากาศเห็นปีศาจเดินกลับไป ก็แปลงเป็นแมลงวันบินตามปีศาจมา
   ฝ่ายปีศาจทั้งสองเดินมาครั้นถึงประตูถ้ำก็เดินเข้าไปข้างใน เวลานั้นใต้อ๋องทั้งสองกำลังนั่งเสพสุราอยู่ ปีศาจน้อยเข้ามาถึงคำนับแล้วก็คุกเข่าลงกับพื้นก้มหน้าอยู่มิได้พูดว่ากระไร
   ใต้อ๋องทั้งสองเห็นดังนั้นจึงถามว่า เจ้าทั้งสองไปจับเห้งเจียได้มาแล้วหรือ ปีศาจน้อยคำนับแล้วก็ก้มหน้านิ่งอยู่มิได้อาจบอกว่ากระไร ถามดังนั้นถึงสามครั้ง ปีศาจน้อยจึงพนมมือพูดว่าอันโทษข้าพเจ้าทั้งสองนี้ถึงร้อยพันหมื่นตาย ขอใต้อ๋องได้กรุณาข้าพเจ้ารับของวิเศษนั้นเดินไปได้ครึ่งเขา พบเทวดามาจากเขา (พ่องล่ายซัว) เธอมีน้ำเต้าทองวิเศษ เรียกใส่ทั้งท้องฟ้าได้ ข้าพเจ้าเห็นเป็นของวิเศษมีใจโลภเจตนาจะใคร่ได้ เห็นว่าของเธอใส่ได้ทั้งท้องฟ้าของเราใส่ได้แต่คนจึงได้ขอเปลี่ยนแก่เธอ ทั้งเล่งหลีก็เอาขวดของวิเศษให้ไปด้วย ครั้นข้าพเจ้าเอาออกลองดูก็สูญหายไปทั้งน้ำเต้าเทวดาก็ไม่เห็น ขอใต้อ๋องได้ทราบโทษข้าพเจ้าทั้งสองถึงแก่ชีวิตขอได้กรุณา
   กิมกั๊กใต้อ๋องได้ฟังดังนั้น ดุจใครเอาไฟมาแยงเข้าที่ทรวงอก ร้องเสียงดังดุจฟ้าผ่าว่า กูรู้แล้ว ๆ คืออ้ายซึงหงอคงเห้งเจียมันเอาของเก๊มาเปลี่ยนเอาของกูไป อ้ายลิงนี้มันมีฤทธาอานุภาพใหญ่หลวงนัก มันรู้จักกันทุกแห่งทุกหน เข้าไหนก็ปล่อยมันออกนั่นจึงได้หลอกเอาของวิเศษของเราได้ งึ้นกั๊กใต้อ๋องพูดว่า อันเหตุที่อ้ายลิงนั้นจงสงบไว้ก่อน มันหนีไปได้ก็ชั่งมัน ข้าพเจ้าไม่มีปัญญาจับมันได้แล้ว ก็ไม่อยู่เป็นปีศาจในถ้ำนี้ต่อไป
   กิมกั๊กใต้อ๋องถามว่าจะทำอุบายอย่างใดจึงจะจับมันได้ งึ้นกั๊กใต้อ๋องจึงพูดว่า เรามีของวิเศษห้าอย่าง สองอย่างมันเอาไปแล้ว ยังมีอยู่แต่สามอย่างคือ อาวุธเกี่ยม พัดไฟอยู่ที่นี่ เชือกวิเศษอยู่ที่เขาเอี๋ยมเล่งซัว ถ้ำเอี๋ยมเล่งต๋องมารดาเก็บไว้ เราใช้ให้คนไปเชิญมารดามากินเนื้อถังซัมจั๋ง แลสั่งให้มารดาเอาเชือกนั้นมาด้วย จะได้คิดจับเห้งเจียให้จงได้ กิมกั๊กถามว่าจะให้ผู้ใดไปดี งึ้นกั๊กใต้อ๋องตอบว่าไม่ต้องใช้อ้ายระยำสองคนนี้อีก จึงตวาดไล่ให้เล่งหลีกับเจงเส่ยออกไปเสียให้พ้น แล้วจึงเรียกปีศาจน้อยปาซัวเฮ้าคนหนึ่ง กี๊ฮั้ยเล้งคนหนึ่งเข้ามาจึงสั่งว่าให้ไปเชิญมารดามากินเนื้อถังซัมจั๋ง แลบอกให้มารดาเอาเชือกวิเศษมาด้วย จะได้จับตัวเห้งเจีย
   สองปีศาจรับคำสั่งแล้วก็คำนับลาออกจากถ้ำรีบตรงไป ก็หารู้ว่าเห้งเจียอยู่ในที่นั้นไม่ เห้งเจียได้ฟังรู้ความทุกประการแล้ว จึงบินโผออกจากถ้ำตามปีศาจทั้งสองนั้นไปจับอยู่บนศรีษะปีศาจนั้น มาได้ประมาณสักสามสี่โยชน์ เห้งเจียจะใคร่ตีปีศาจทั้งสองให้ตาย จึงมาตรึกตรองว่าจะฆ่าเสียก็ไม่ยากอะไร แต่ยังวิตกว่าบ้านมารดาของปีศาจอยู่ที่ไหน จำจะถามมันสักคำหนึ่งเห็นจะดี คิดดังนั้นแล้วก็โผออกจากตัวปีศาจ แปลงเป็นปีศาจน้อยตนหนึ่งวิ่งตามร้องเรียกว่า ที่เดินข้างหน้านั้นหยุดคอยก่อน กี๊ฮั้ยเล้งหันหน้ามาถามว่าตัวอยู่ที่ไหน วิ่งมาตามเราทำไมมีธุระอะไรหรือ
   เห้งเจียตอบว่านายเดียวกัน ยังไม่รู้จักกันหรือ กี๊ฮั้ยเล้งบอกว่าเราไม่เคยเห็น เห้งเจียบอกว่าข้าพเจ้าอยู่ข้างนอกมิได้เข้ามาจึงไม่รู้จักกัน ปีศาจถามว่าบัดนี้จะไปข้างไหน เห้งเจียบอกว่า ใต้อ๋องพูดว่าใช้พี่มา สองคน ให้ไปเชิญมารดามากินเนื้อถังซัมจั๋ง แลให้มารดาเอาเชือกวิเศษไปจับเห้งเจียด้วย วิตกว่าพี่จะเดินช้าไปจะเสียการ จึงให้ข้าพเจ้าตามมาเตือนพี่ทั้งสองให้รีบไปโดยเร็ว ปีศาจทั้งสองเมื่อได้ฟังดังนั้น ก็สำคัญว่าจริงไม่มีความสงสัย จึงพร้อมกันรีบเดินไป เห้งเจียจึงถามว่า ยังไกลอยู่หรือ กี๊ฮั้ยเล้งจึงเอามือชี้บอกว่า ที่ดงไม้ใหญ่นั้นและ เห้งเจียเงยหน้าขึ้นมองดู
ก็เห็นมีดงไม้ใหญ่ข้างหน้านั้น เห็นไม่สู้ไกลแล้ว จึงชักกระบองออกจากหูตีปีศาจทั้งสองนั้นล้มลงกับพื้น ตัวน่วมดุจแป้งขนม เห้งเจียก็ลากเอาศพทิ้งแอบไว้ข้างทางแล้ว ก็ถอนเอาขนหางออกขนหนึ่ง เป่าแปลงเป็นปาซัวเฮ้า ตัวเห้งเจียก็แปลงเป็นกี๊ฮั้ยเล้ง รีบเดินมาครั้นถึงปากช่องดงไม้ใหญ่ ก็เดินตรงเข้าไปเห็นมีประตูบานหนึ่งเปิดบานหนึ่งปิด มีหญิงปีศาจเฝ้าประตูอยู่คนหนึ่งเห็นเห้งเจียเดินเข้ามาจึงถามว่านี่ท่านจะไปข้างไหน
   เห้งเจียตอบว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่เขาเพ่งเต๊งซัวถ้ำเน่ยฮวยต๋อง บัดนี้ใต้อ๋องให้ข้าพเจ้ามาเชิญท่านแม่ไป หญิงปีศาจได้ฟังดังนั้นจึงบอกว่าเชิญเข้าไปข้างในเถิด เห้งเจียก็เดินเข้าไปถึงประตูชั้นสามแลไปก็เห็นนางปีศาจเฒ่านั่งอยู่บนที่สูง เห้งเจียหวนคิดขึ้นมาก็โทมนัใจร้องไห้
   มีคำถามว่า (เหตุใดเห้งเจียจึงร้องไห้) ตอบว่าเธอคิดขึ้นมาว่าเราเกิดมามีฤทธาอานุภาพไม่เคยเคารพใคร นอกจากพระพุทธเจ้ากับพระโพธิสัตว์กวนอิมแลพระอาจารย์ วันนี้จะต้องมาเคารพต่อปีศาจหญิง ครั้นจะไม่คำนับ การที่คิดไว้ก็จะเสียไป คิดไปก็เป็นความยากแก่ใจ เพราะเห็นแก่อาจารย์ที่ต้องภัยจึงจะต้องทนความอดสู เห้งเจียคิดแล้วก็เข้าไปยังหน้าปีศาจหญิงเฒ่า เคารพแล้วคุกเข่าลงกับพื้น ปีศาจหญิงเฒ่าพยักหน้าแล้วบอกว่าให้ลุกขึ้นเถิด แล้วถามว่าลูกอยู่ที่ไหนไปไหนมา
   เห้งเจียตอบว่ามาจากถ้ำเน่ยฮวยต๋อง ใต้อ๋องทั้งสองใช้ให้มาเชิญท่านแม่ไปกินเนื้อถังซัมจั๋ง แลสั่งให้ท่านแม่เอาเชือกวิเศษนั้นไปด้วย จะได้คิดจับเห้งเจีย หญิงเฒ่าปีศาจจึงพูดว่า ลูกของเรามีกตัญญู มีของกินก็อุตสาห์มาเชิญแม่ พูดดังนั้นแล้ว ก็สั่งปีศาจคนใช้ให้เอาเกี้ยวหามออกมาจัดแจง พวกปีศาจคนใช้ก็จัดแจงหามเกี้ยวออกไปตามสั่งเสร็จสรรพแล้ว ก็กลับมาบอกว่าเสร็จแล้ว
   ฝ่ายปีศาจหญิงเฒ่าจัดแจงแต่งกายเสร็จแล้ว ก็ออกมาจากถ้ำเข้านั่งในเกี้ยว ปีศาจหญิงสองคนก็เข้าหามเดินมา เมื่อเดินมาได้ประมาณสามสี่โยชน์ คนหามก็ลงพักหยุดหายเหนื่อยนั่งอยู่ เห้งเจียจึงชักกระบองออกมาฟาดคนหามตายทั้งสองคน ปีศาจหญิงเฒ่าอยู่ในเกี้ยว ชะเง้อหัวออกมามองดู เห้งเจียเอากระบองกะทุ้งถูกศรีษะแตกตายอยู่กับที่ เห้งเจียก็จับออกมาดู ที่สุดเป็นตัวเสือปลาเก้าหาง เห้งเจียจึงเอาเชือกวิเศษพันกับพุงมีความดีใจที่สุด ออกปากว่า แม้อ้ายใต้อ๋องจะมีฝีมือเข้มแข็งอย่างไร ของวิเศษเราก็เอามาได้สามสิ่งแล้ว
   พูดดังนั้นแล้วก็ถอนขนหางออกสี่เส้น แปลงเป็นปิศาจกี๊ฮั้ยเล้งปาซัวเฮ้า อีกสองขนก็แปลงเป็นหญิงหามเกี้ยว ตัวเห้งเจียเอ็งแปลงเป็นปีศาจหญิงเฒ่า ขึ้นนั่งบนเกี้ยวให้ขนแปลงนั้นหามมา บัดเดี๋ยวก็ถึงหน้าถ้ำเน่ยฮวยต๋อง ขนแปลงเป็นปาซัวเฮ้ากี๊ฮั้ยเล้งทั้งสอง ก็เดินนำหน้ามาถึงก็ร้องเรียกให้เปิดประตูรับ พวกปีศาจเฝ้าประตูก็เปิดประตู แล้วถามว่าท่านใต้อ๋องใช้ไปเชิญท่านแม่มาแล้วหรือ ปีศาจแปลงว่าท่านที่นั่งอยู่ในเกี้ยวนั้นไม่ใช่หรือ พวกเฝ้าประตูก็วิ่งเข้าไปบอกแก่ใต้อ๋องทั้งสองว่า ท่านแม่มาแล้วอยู่ข้างนอก
   ปีศาจใต้อ๋องทั้งสองได้ฟังดังนั้น ก็สั่งให้พวกปีศาจทั้งหลายจัดแจงออกไปรับ ออกมาพร้อมกันที่นอกประตู เห้งเจียเห็นดังนั้นก็ดีใจลงจากเกี้ยวเดินเข้าไปข้างใน ขึ้นนั่งบนที่สูงอยู่แต่ผู้เดียว ปีศาจใหญ่น้อยทั้งหลายก็พร้อมกันมาคำนับ ใต้อ๋องทั้งสองก็เข้ามาคำนับ ก็คุกเข่าลงกับพื้นบอกว่า ข้าพเจ้าทั้งสองเคารพ เห้งเจียแปลงบอกว่าลูกของแม่จงลุกขึ้นเถิด
   ฝ่ายโป๊ยก่ายที่ต้องแขวนอยู่บนขื่อนั้น แลไปเห็นเข้าก็หัวเราะขึ้น ซัวเจ๋งถามว่าถูกมัดแขวนอยู่อย่างนี้ยังจะมีแก่ใจสนุกหัวเราะได้อีกหรือ โป๊ยก่ายบอกว่า น้องเอ๋ยพี่หัวเราะนั้น คือพี่ได้เห็นแล้วรู้แล้วว่า มันไปเชิญมารดามันมาจะใคร่กินเนื้อเรา แต่มิใช่มารดาของมันดอก เป็นแต่คนพูดแทน ซัวเจ๋งถามว่าใครพูดแทนที่ไหน โป๊ยก่ายตอบว่า เป๊กเบ๊อุน ซัวเจ๋งว่าทำไมที่จึงรู้ได้ โป๊ยก่ายว่าน้องไม่ดูหางพันอยู่ที่บั้นเอ็วนั้น หางตุงอยู่ข้างหลังพี่กับน้องแขวนอยู่สูงจึงได้เห็นถนัด ซัวเจ๋งห้ามว่าพี่อย่าพูดไป ไว้ดูเขาจะทำประการใดกัน
   เห้งเจียนั่งอยู่บนท่ามกลาง ถามว่าลูกทั้งสองให้คนไปเชิญแม่มามีกิจธุระอะไรหรือ ปีศาจทั้งสองตอบว่า ข้าพเจ้าทั้งสองนานแล้วมิได้ไปเยือนมารดา บัดนี้ข้าพเจ้าจับได้ถังซัมจั๋งก็ไม่อาจกินก่อนมารดา เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงได้ไปเชิญมารดามา จะได้ทำเนื้อถังซัมจั๋งต้มแกงให้มารดากินสักเวลาหนึ่ง อายุของมารดาจะได้ยืนยาว เห้งเจียพูดว่าอันเนื้อถังซัมจั๋งกินยาก ได้ยินว่าได้โป๊ยก่ายมาด้วย มารดาอยากกินแต่ใบหูโป๊ยก่าย ลูกจงตัดใบหูโป๊ยก่ายทำกับกินกับเหล้าเถิด โป๊ยก่ายได้ยินดังนั้นก็ตกใจ พูดว่าปะอ้ายห่านี้เข้าแล้ว มันคิดจะตัดใบหูเรากินแกล้มเหล้าเสียแล้ว ประเดี๋ยวกูจะร้องขึ้นให้ปีศาจมันรู้
   ในเวลาที่โป๊ยก่ายบ่นวุ่นวายอยู่นั้น แลไปเห็นปีศาจพลตระเวรวิ่งเข้ามาบอกว่า ขอใต้อ๋องได้ทราบเห้งเจียตีท่านแม่ตายแล้ว บัดนี้แปลงกายเข้ามาที่นี่ ปีศาจทั้งสองได้แจ้งดังนั้นก็ชักเกี่ยมวิเศษกระโดดขึ้นฟันเห้งเจีย ๆ ไหวกายเป็นแสงสว่างแดงไปทั้งถ้ำแล้วก็รีบหนีออกจากถ้ำ
   กิมกั๊กใต้อ๋องเห็นดังนั้นก็ตกใจ บอกว่าน้องจงแก้มัดถังซัมจั๋ง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งคืนให้มันเสียเถิดจะได้สิ้นความจลาจล งึ้นกั๊กใต้อ๋องพูดว่าพี่พูดอะไรอย่างนั้น เราได้รับความลำบากมาไม่รู้ว่าเท่าไรแล้วจึงจับมาได้ จะปล่อยเสียโดยง่ายนั้นอย่างไรได้ พี่จงนั่งให้สบายอย่าวิตก ข้าพเจ้าได้ยินว่าเห้งเจียมีฤทธาอานุภาพเข้มแขง เราพึ่งได้มาพบก็ยังหาได้ดูฝีมือกันไม่ ไว้ธุระข้าพเจ้าจะลองฝีมือดูก่อน แม้ว่าเธอไม่ชนะเรา ๆ ก็จะกินถังซัมจั๋ง โป๊ยก่าย ซัวเจ๋งโดยง่าย แม้ว่าเราสู้ไม่ได้ เราจึงค่อยปล่อยไปไม่ช้าอะไร
   งึ้นกั๊กใต้อ๋องพูดดังนั้นแล้ว ก็แต่งตัวถืออาวุธเกี่ยมเดินออกมาที่หน้าถ้ำ ร้องเรียกว่าอ้ายซึงเห้งเจีย มึงจงใช้ของวิเศษและมารดาเราให้เรา เราจะปล่อยอาจารย์มึงไปไซที เห้งเจียอยู่บนเมฆได้ยินดังนั้น ร้องด่าลงมาว่าอ้ายมารร้าย มึงจงรีบส่งอาจารย์และน้องของกูออกมาอย่าให้ทันปู่ลงมือได้
   ปิศาจงึ้นกั๊กได้ฟังดังนั้น ถือเกี่ยมเหาะขึ้นไปบนอากาศ เห้งเจียถือกระบองตรงเข้าสู้กันกลางเวหาประมาณสักสามสิบเพลง ยังไม่แพ้ชนะกัน เห้งเจียนึกในใจว่าอ้ายนี่มีอาวุธเกี่ยมเข้มแขงอาจทานรับกระบองเราอยู่ได้ โดยจะคิดต่อสู้ทางอาวุธก็เสียกำลังจำจะเอาน้ำเต้าและขวดหยกวิเศษนี้เรียกจับมันเห็นจะดีกว่า คิดดังนั้นแล้วหากเรียกมันไม่ขานเรามิเสียทีหรือสู้เอาเชือกวิเศษไม่ได้ เห้งเจียเอาเชือกวิเศษขว้างไปมัดปีศาจ ๆ เห็นดังนั้นก็อ่านคาถาเชือกที่เห้งเจียขว้างไปนั้นกลับมามัดเอาเห้งเจียเข้าไว้
   ซึ่งเป็นทั้งนี้เพราะปีศาจได้คาถาไว้สองบท ๆ หนึ่งสำหรับมัดข้าศึก บทหนึ่งกลับมามัดผู้ที่ขว้างเชือกนั้นเอง เพราะฉะนั้นเห้งเจียจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ไม่ได้ ปีศาจก็เข้าจับเชือกลากลงมายังฟันเอาเกี่ยมฟันศรีษะเห้งเจียเจ็ดแปดที ศรีษะเห้งเจียก็มิได้เป็นอันตรายปีศาจก็จูงเห้งเจียเข้าไปในถ้ำ ร้องบอกกิมกั๊กว่าข้าพเจ้าจับมาได้แล้ว กิมกั๊กแลไปเห็นก็มีความยินดีเป็นที่สุด พูดว่านี่และอ้ายเห้งเจียจึงให้เอามัดใส่คาไว้ที่โคนเสาใหญ่ แล้วแก้เอาน้ำเต้ากับขวดหยกวิเศษออกมาจากตัว ปีศาจทั้งสองก็พากันไปนั่งข้างในเสพสุราเป็นที่สบายใจทั้งสองคน
   ฝ่ายเห้งเจียต้องมัดอยู่กับโคนเสานั้นก็ดิ้นรนกลิ้งเกลือกไป โป๊ยก่ายเห็นดังนั้น ก็หัวเราะก๊าก ๆ ถามว่า เห็นจะกินใบหูเราไม่ได้แล้วหรือ เห้งเจียด่าว่าอ้ายชาติหมูมึงอย่าทำพูดมากไปประเดี๋ยวเราจะออกได้ แก้ไขเอาพวกเราออกให้จงได้ พูดดังนั้นแล้วเหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร ก็ชักกระบองเหล็กออกจากหูงัดคาออกจากคอได้แล้ว ถอนเอาขนหางแปลงเป็นรูปปลอมเข้าติดคาอยู่กับที่นั้น ตัวเห้งเจียก็แปลงเป็นปีศาจน้อยเข้าไปยืนเฝ้าปีศาจอยู่ที่ริมตัว เห้งเจียจะใคร่ลักเอาของวิเศษนั้น จึงเดินเข้าไปใกล้ปีศาจ บอกว่าใต้อ๋อง ข้าพเจ้าเห็นเห้งเจียกลิ้งเกลือกดิ้นรนดังนั้น เชือกนั้นจะขาดไป แม้ได้เชือกใหญ่ ๆ มาเปลี่ยนเอาเชือกนั้นออกเห็นจะดี
   กิมกั๊กใต้อ๋องพูดว่าจริงอยู่ ว่าแล้วก็แก้เชือกที่คาดพุงออกจากเอวส่งให้เห้งเจีย ๆ รับเอามาก็แก้เอาเชือกวิเศษออกเอาเชือกใหญ่มัด เห้งเจียแปลงไว้ตามเดิมแล้วเอาเชือกวิเศษซ่อนไว้ในตัว ถอนขนหางออกเส้นหนึ่ง แปลงเป็นเชือกวิเศษอีกเส้นหนึ่งมาส่งให้แก่ปีศาจใต้อ๋องทั้งสอง ปีศาจก็มิได้พิจารณาเชือกว่าปลอมหรือจริงไม่ เห้งเจียครั้นได้เชือกวิเศษมาแล้ว ก็รีบออกไปนอกถ้ำกลายเป็นรูปเดิมแล้ว ก็ร้องเรียกพวกปีศาจด้วยเสียงอันดังว่า
   พวกปีศาจน้อยจึงถามว่า ตัวอยู่ที่ไหนมาจึงมาเรียกอึกกระทึกอย่างนี้ เห้งเจียบอกว่า พวกเจ้าจงเร่งไปบอกให้อ้ายพวกมารใหญ่มันรู้ว่า คือเจียเห้งซึงมาแล้ว ปีศาจน้อยได้ฟังดังนั้น ก็นำความเข้าไปแจ้งแก่ปีศาจใต้อ๋อง กิมกั๊กใต้อ๋องได้ฟังปีศาจน้อยบอกดังนั้นก็ตกใจ พูดว่าเราจับซึงเห้งเจียมัดไว้ได้แล้ว นี่เหตุใดจึงมีเจียเห้งซึงมาอีกเล่า งึ้นกั๊กใต้อ๋องพูดว่าวิตกกลัวมันทำไม น้ำเต้าวิเศษของเรายังมี ข้าพเจ้าจะออกไปเรียกมันให้เข้าอยู่ในน้ำเต้าก็ได้ พูดดังนั้นแล้ว ก็หยิบเอาน้ำเต้าออกไปยังประตูถ้ำ ร้องถามว่าเจ้าคือใครที่ไหนมา
   เห้งเจียตอบว่าเรานี้แลคือน้องของเห้งเจีย ข้ารู้ว่าเจ้าจับเอาเห้งเจียพี่ของข้ามาไว้ บัดนี้ข้าจะมาเป็นธุระด้วยพี่ข้า งึ้นกั๊กพูดว่าเจ้ามารบแก่เราหรือ เราจะไม่รบแก่เจ้าจะเรียกเจ้าสักคำหนึ่งเจ้าอาจขานได้หรือ เห้งเจียตอบว่าเราจะกลัวอะไรแก่เจ้านักหนาจนถึงแก่จะไม่กล้าขานรับ ต่อให้เรียกสิบคำข้าจะขานสักหมื่นคำก็ได้
   ปีศาจงึ้นกั๊กได้ฟังเห้งเจียพูดดังนั้นก็เหาะขึ้นบนเวหา เอาน้ำเต้าคว่ำลงแล้วก็เรียกว่าเจียเห้งซึงก็ไม่กล้าขานรับ ปีศาจก็เรียกอีกคำหนึ่งว่าเจียเห้งซึง เห้งเจียมาคิดว่าเราชื่อเห้งเจีย มันมาเรียกเจียเห้งซึงผิดความจริงคงจะจับเราไม่ได้ คิดดังนั้นแล้วขานรับออกมาคำหนึ่ง เห้งเจียก็เข้าไปอยู่ในน้ำเต้าวิเศษของปีศาจ ๆ ก็เอายันต์ปิดปากน้ำเต้าไว้ อันความจริงนั้นถ้าใครขานแล้วก็เข้าไปอยู่ในน้ำเต้าจะเป็นเก๊หรือไม่เก๊นั้นไม่เป็นข้อสำคัญ
   ฝ่ายเห้งเจียเข้าไปติดอยู่ในน้ำเต้าแล้ว ดูมืดดำไปหมดมิได้เห็นแสงสว่างเลย เป็นที่คับแค้นแสนลำบากสุดที่จะทนได้ เมื่อเราพบปีศาจทั้งสองบอกว่าน้ำเต้ากับขวดหยกนั้น เรียกเข้าอยู่ข้างในแล้วบัดเดี๋ยวใจก็แปรเป็นน้ำหนอง ส่วนตัวเราไม่อาจให้เป็นเช่นนั้นได้ จึงคิดขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนห้าร้อยปี พรหมท้ายเสียงเล่ากุนจับเราใส่ในเบ้า (โป๊ยก่วย) หลอมเรา แต่หัวใจเราเป็นทองแดงกายสิทธิ์ตัวเป็นเหล็กตาไฟแก้วตาเป็นทองกายสิทธ์ ของวิเศษเหล่านี้ก็ไม่ทำอันตรายเราได้
   ปิศาจงึ้นกั๊กเมื่อเรียกเจียเห้งซึงเข้าในน้ำเต้าแล้ว ก็พาไปยังถ้ำร้องบอกกิมกั๊กว่า ข้าพเจ้าจับเจียเห้งซึงได้แล้วขังอยู่ในน้ำเต้านี้ กิมกั๊กใต้อ๋องได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงพูดแกงึ้นกั๊กว่าเอาไว้สั่นดูถ้ามันไม่มีเสียงแล้วจึงค่อยเปิดยันต์ออกดู
   เห้งเจียอยู่ในน้ำเต้าได้ยินปีศาจมันพูดกันดังนั้นจึงคิดว่า อันตัวของเรานี้ทำไมจึงจะสั่นไม่มีเสียงได้ ถ้ากายนั้นไม่แปรก็มีเสียงอย่าเลยเราจะหลอกมัน ถ้ามันสั่นไม่ได้ยินเสียงมันก็จะเปิดยันต์ออกเราจะได้คิดหนีไป คิดแล้วก็นึกว่าทำอย่างนั้นเห็นจะไม่เป็นคนเก่งได้ ไว้คอยมันสั่นเราจึงทำกระแอมไอจามหลอกมันให้เปิดเราออกก็จะไปได้ เห้งเจียคัดดังนั้นแล้วก็เกรียมตัวคอยอยู่ มิได้รู้ว่าปีศาจทั้งสองมันมัวกินสุราเสียมิได้มาสั่นน้ำเต้า เห้งเจียจะใคร่หลอกปีศาจให้มาสั่นน้ำเต้าจึงร้องว่าฟ้าเอ๋ยรูปนั้นแปรแล้ว ปีศาจก็มิได้มาสั่น เห้งเจียก็ร้องอีกว่าแม่เอ๋ยแปรเข้าไปถึงบั้นเอวแล้ว
   ปีศาจกิมกั๊กได้ยินดังนั้นจึงพูดว่า ถ้าแปรเข้าไปถึงบั้นเอวก็คงจะแปรเข้าไปขาดครึ่งตัวจงเปิดดูที เห้งเจียได้ยินดังนั้นจึงถอนขนหางแปลงเป็นรูปครึ่งตัวอยู่ในนั้น ตัวเห้งเจียก็แปลงเป็นแมลงหวี่คอยจะบินออกเมื่อเปิด ปีศาจกิมกั๊กจึงยกเอาน้ำเต้ามาเปิดยันต์ออกดู เห้งเจียก็บินออกไปแปลงเป็นปีศาจกี๊ฮั้ยเล้งยืนอยู่ข้างนั้น กิมกั๊กใต้อ๋องก็ยกน้ำเต้าขึ้นมองดูแลเข้าไปก็เห็นมีรูปครึ่งตัวอยู่ในนั้น มิได้รู้สึกว่ารูปแปลงหรือจริง ก็ร้องบอกว่าเร็ว ๆ ปิดเสียมันแปลงยังไม่หมดตัว งึ้นกั๊กใต้อ๋องก็เอายันต์ปิดเข้าตามเดิม กิมกั๊กใต้อ๋องจึงหยิบเอาป้านสุรามารินกินอีกสองสามถ้วย แล้วส่งให้งึ้นกั๊กพูดว่าเจ้ามีความลำบากมากควรพี่จะรินสุราให้เจ้ากิน งึ้นกั๊กเห็นพี่มีกะใจดังนั้นก็รับมากินอีกสองสามถ้วย หยิบน้ำเต้าส่งให้กี๊ฮั้ยเล้งโดยไม่รู้สึกว่าเห้งเจียแปลงเป็น   ปีศาจ ทั้งสองก็ส่งสุราไปมากินกันอยู่จนเมา
   เห้งเจียเห็นปิศาจมิได้สงไสยจึงเอาน้ำเต้านั้นซ่อนไว้ในเสื้อ ถอนขนหางแปลงเป็นน้ำเต้ายืนถืออยู่ ปีศาจเสพสุรามึนเมาแล้วก็กลับรับเอาน้ำเต้าคืนมา ก็กลับเข้านั่งที่กินสุราไปอีกพักหนึ่ง เห้งเจียได้ของวิเศษแล้วก็ถอยออกมามีความดีใจ
 (บทที่ ๓๕)
   ฝ่ายเห้งเจียได้ของวิเศษมาแล้วก็หนีออกมานอกถ้ำ กลายเป็นรูปเดิมร้องด่าท้าทายอยู่หน้าถ้ำด้วยเสียงอันดังว่า เฮ้ยอ้ายพวกปีศาจมึงจงรีบไปบอกนายมึงว่ากูมาแล้ว ปีศาจน้อยถามว่าท่านอยู่ที่ไหนมา เห้งเจียว่ากูคือเห้งเจียซึง พวกปีศาจน้อยได้ฟังดังนั้นก็รีบนำความเข้าไปแจ้งแก่ใต้อ๋องทั้งสอง กิมกั๊กใต้อ๋องได้ฟังดังนั้นจิตใจให้สะดุ้งหวาดจึงพูดแก่งึ้นกั๊กผู้น้องว่า เห็นจะไม่เป็นการเราไปโดนรังมันแล้วหมายว่าสองคน มันมีพี่น้องมากมันค่อยทอยกันมาอย่างนี้ เห็นจะไม่สำเร็จการ
   งึ้นกั๊กใต้อ๋องพูดว่าพี่จงวางใจเถิด น้ำเต้าวิเศษของเราใส่ได้ถึงพันคน นี่เราพึ่งจับเจียเห้งซึงคนเดียว พี่จะวิตกอะไรแก่เห้งเจียซึง ข้าพเจ้าจะออกไปจับมันอีกคนหนึ่งให้ดู งึ้นกั๊กจึงหยิบเอาน้ำเต้าปลอมออกไปยังหน้าถ้ำ โดยยังเข้าใจอยู่ว่าน้ำเต้านั้นเป็นของจริง ครั้นออกมาร้องถามว่าอ้ายคนไหน สามารถมาท้าทายอึกกะทึกอยู่ที่นี่หว่า มึงจงมานี่กูไม่ต่อสู้แก่มึง จะเรียกมึงคำหนึ่งมึงยังอาจจะขานรับหรือ เห้งเจียพูดว่าเจ้าเรียกข้า ๆ ก็อาจขานรับ ข้าจะเรียกเจ้าบ้างเจ้าอาจขานรับหรือ งึ้นกั๊กใต้อ๋องพูดว่าข้าเรียกเจ้า ๆ เข้าอยู่ในน้ำเต้าเจ้าจะได้อะไรที่ไหนมาใส่ข้า เห้งเจียตอบว่าข้าก็มีน้ำเต้าเหมือนกัน เจ้าอย่าสำคัญว่ามีแต่ของเจ้าผู้เดียวเลย
   งึ้นกั๊กว่าถ้ามีจริงจงเอาออกมาให้ดูสักทีจะได้หรือไม่ หรือเจ้าพูดอวดเล่นดอกกะมัง เห้งเจียได้ฟังปีศาจพูดท้าทายดังนั้น ก็หยิบเอาน้ำเต้าวิเศษออกจากมือเสื้อ ยกขึ้นชูแล้วว่าอ้ายมารร้ายเอ็งจงดูน้ำเต้าเถิด งึ้นกั๊กแลไปเห็นน้ำเต้าก็สะดุ้งหวาดตกใจ พูดว่าทำไมจึงเหมือนของเราราวกับอันเดียวกัน จึงร้องถามว่าน้ำเต้าลูกนี้เจ้าได้ที่ไหนมา เห้งเจียไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไรด้วยไม่ทราบว่ากำเนิดเดิมมาอย่างไร จึงกลับย้อนถามว่าก็น้ำเต้าของเอ็งได้มาจากไหนเล่า
   ฝ่ายปีศาจพาซื่อหารู้ว่าเห้งเจียจะเอาคำของตัวไม่ ก็ตอบตามความจริงว่าอันน้ำเต้าของเรานี้ เมื่อเริ่มฟ้าเริ่มดินมีท่านพรหมท้ายเสียงเล่ากุนแปลงเป็นนางหนึงฮวย ประกอบทำหินปะฟ้า ครั้นปะมาถึงทิศตะวันออกที่เขากุลหลุนซัว ข้างริมเขานั้นมีของวิเศษของเทวดา ท้ายเสียงเล่ากุนเอาของนั้นมาประกอบทำเป็นน้ำเต้าทอง เพราะฉะนั้นจึงมีมาจนทุกวันนี้ เห้งเจียได้ฟังปีศาจบอกดังนั้นจึงตอบว่า ของเราก็มีกำเนิดเหมือนของเจ้านั่นและ แต่ของเราเป็นตัวผู้ของเจ้าเป็นผัวเมียฤทธิ์น้อยกว่ากัน
   ปีศาจได้ฟังดังนั้นจึงพูดว่า ไม่ต้องการด้วยตัวผู้แลตัวเมีย ใช้ได้แล้วก็เป็นดีเหมือนกัน เห้งเจียพูดว่า เจ้าพูดดังนั้นก็จริงของเจ้าแล้ว เรายอมให้เจ้าเรียกก่อน เราจะเรียกต่อภายหลัง ปีศาจงึ้นกั๊กได้ฟังเห้งเจียยอมดังนั้นก็ดีใจ โดยเหตุที่ไม่รู้สึกว่าของตนเป็นของปลอม จึงถือน้ำเต้าเหาะขึ้นไปบนอากาศ เอาน้ำเต้าคว่ำลงแล้วก็เรียกว่าเห้งเจียซึงโว๊ย เห้งเจียได้ยินเรียกก็รับขานว่าโว้ย ๆ เจ็ดแปดครั้ง ก็มิได้เห็นว่าเป็นประการใด งึ้นกั๊กปีศาจเห็นดังนั้น ก็ลดลงยังพื้นกระทืบเท้าทุบอกร้องว่า เทวดาเอ๋ยเทวดาใครจะรู้เลยว่ามันจะแปรปรวนไปอย่างนี้ น้ำเต้าของเราเป็นตัวเมียไปเห็นตัวผู้เข้าก็ใช้ไม่ได้เสียแล้ว
   เห้งเจียหัวเราะแล้วพูดว่า ของเจ้าจงเก็บไปเถิด คราวนี้ถึงที่ข้าจะเรียกบ้าง เห้งเจียก็เหาะขึ้นไปกลางอากาศ เอาปากน้ำเต้าคว่ำลงตรงปีศาจแล้วก็ร้องเรียกว่า อ้ายงึ้นกั๊กปีศาจโว้ย งึ้นกั๊กก็รับขานว่าโว๊ย ในทันใดนั้น งึ้นกั๊กก็เข้าไปอยู่ในน้ำเต้า เห้งเจียก็ลดลงยังพื้น เดินตรงเข้าไปที่ปากถ้ำ ทางเดินไม่ค่อยจะเรียบร้อย เห้งเจียหิ้วน้ำเต้ามาได้ยินเสียงในน้ำเต้าร้องไม่หยุดเดินมาประเดี๋ยวก็มาถึงประตูถ้ำยกน้ำเต้าขึ้นสั่นพักหนึ่ง จึงภาวนาว่า (จิวเหยียดบุนอ๋อง ขงจื๊อ เซี้ยหยิน ถัวฮวยหนึง เซียนแซกุ้ยก๊ก จื๊อเซียนแซ) พวกปีศาจเห็นดังนั้น ก็วิ่งเข้าไปบอกกิมกั๊กว่าใต้อ๋องบัดนี้เกิดเหตุแล้ว เห้งเจียซึงจับงึ้นกั๊กใต้อ๋องใส่ในน้ำเต้ามายืนภาวนาอยู่หน้าถ้ำนั้น
   กิมกั๊กใต้อ๋องได้ฟังพวกปีศาจบอกดังนั้น ก็ตกตะลึงล้มลงกับพื้น ร้องไห้ด้วยเสียงอันดังพูดว่า น้องเอ๋ยพี่กับเจ้าลงมาจากสวรรค์ จุติยังมนุษย์โลกเป็นเจ้าเขา คิดว่าจะได้รับความสุขด้วยกัน ไม่รู้ว่าอ้ายพวกถือบวชเหล่านี้ มันจะมาฆ่าเจ้าให้ถึงแก่ความตาย พวกปีศาจเห็นนายเศร้าโศกโทมนัสร้องไห้ก็พากันร้องไห้ทั้งถ้ำ โป๊ยก่ายต้องมัดโยงแขวนอยู่บนขื่อ เห็นดังนั้นอดอยู่มิได้ ก็ร้องพูดออกมาว่า เฮ้ยอ้ายปีศาจน้องของเองบัดนี้ก็ตายแล้ว เองจะร้องไห้ไปทำไมให้ป่วยการ เจ้าจงรีบจัดแจงทำเครื่องแจให้สะอาด เชิญพวกข้าจะสวดพระธรรมให้น้องเจ้าไปสวรรค์
   กิมกั๊กได้ฟังดังนั้น ก็ยิ่งแสนแค้นจะใคร่เอาโป๊ยก่ายมาฆ่ากินเสียก่อน แลไปเห็นพวกปีศาจวิ่งเข้ามาบอกว่า บัดนี้เห้งเจียซึงมาร้องด่าท้าทายอยู่ที่ฟน้าถ้ำอีกแล้ว กิมกั๊กก็ตกใจจึงให้พวกปีศาจตรวจของวิเศษดูว่ายังอยู่กี่สิ่ง ปีศาจน้อยบอกว่ายังอยู่สามสิ่ง คือเกี่ยม พัดไฟ ขวดน้ำมนต์ กิมกั๊กพูดว่ามันกลับเอาคนของเราใส่เข้าไปในน้ำเต้า จงเอาพัดไฟแลเกี่ยมนั้นมา พวกบริวารจึงหยิบของสองสิ่งนั้นมาใส่ให้ใต้อ๋อง กิมกั๊กจึงเอาพัดเหน็บไว้กับคอเสื้อ มือก็ถือเกี่ยมเดินออกมายังหน้าถ้ำ ร้องด่าว่าอ้ายชาติลิงมึงฆ่ามารดากับน้องกู กูมีความแค้นมึงยิ่งนัก
   เห้งเจียจึงด่าว่า อ้ายชาติปีศาจมึงยังจะมาหาที่ตายอีกหรือ มึงจงรีบเร็วๆ ส่งอาจารย์กูออกมา กูจะยกชีวิตมึงไว้ กิมกั๊กมิได้พูดโต้ตอบว่ากระไร ถือเกี่ยมตรงเข้ามาฟันเอาเห้งเจีย ๆ ยกกระบองขึ้นรับ ต่างออกกำลังรบกันได้ประมาณยี่สิบเพลง ยังไม่แพ้ชนะแก่กัน ปีศาจเอาเกี่ยมชี้ให้พวกบริวารเข้าช่วยระดมตี พวกปีศาจก็กรูเข้าล้อมจับเห้งเจีย ๆ อยู่ท่ามกลาง เห้งเจียเห็นดังนั้นจึงถอนขนออกกำมือหนึ่ง ร้องไห้ขนแปลงเป็นเห้งเจียมากดังเม็ดฝน ตรงเข้าตีแยกปีศาจนั้นออกกระจายไป พวกปีศาจก็พากันวิ่งหลบหนีและร้องว่าสู้เขาไมได้แล้ว เห้งเจียเต็มไปทั้งนั้นอย่างนี้ กิมกั๊กก็ถือเกี่ยมตรงเข้ามา มือหนึ่งฉายพัดออกหันหน้าไปทิศอาคเนย์ร้องขึ้นคำหนึ่ง เอาพัดไฟโบกไปทีหนึ่ง พื้นดินก็ลุกเป็นไฟขึ้นโดยแรง เป็นเปลวปลิวขึ้นบนอากาศ
   เห้งเจียเห็นไฟลุกขึ้นดังนั้น ก็ถอนขนในตัวออกขนหนึ่งร่ายคาถาเป่าไป เป็นรูปเห้งเจียยืนอยู่ ตัวเห้งเจียก็เหาะหนีไฟไป ครั้นออกจากที่ลับไฟนั้นแล้ว ก็เหาะไปยังหน้าถ้ำเน่ยฮวยต๋อง คิดจะเข้าไปแก้อาจารย์ออก ก็ตรงเข้าไปในถ้ำเอากระบองตีปีศาจตายไปทั้งสิ้น แลเข้าไปในถ้ำนั้นมีแสงแดงสว่างไปทั้งถ้ำ เดิมคิดว่าไฟ ดูไปก็มิใช่ไฟเป็นแสงรัศมี เห้งเจียเดินเข้าไปใกล้มองดูเห็นขวดน้ำมนต์มีแสงสว่าง เห้งเจียก็ลักเอาขวดนั้นมาหาทันจะช่วยอาจารย์ไม่ ก็รีบหนีออกมาจากถ้ำ บังเอิญมาพบกิมกั๊กกลับเข้ามา กิมกั๊กเห็นเห้งเจียก็ตรงเข้าเอาเกี่ยมฟันเห้งเจีย ๆ ก็เหาะหนีหายไปในอากาศ กิมกั๊กเห็นเห้งเจียหนีหายไปแล้ว ก็เดินเข้าไปในถ้ำ แลไปเห็นพวกปีศาจบริวารล้มตายไปทั้งสิ้น เงียบสงัดไม่ได้ยินเสียง กิมกั๊กเห็นดังนั้นก็ยิ่งแสนโทมนัสเสียใจ คิดขึ้นมาแล้วก็ร้องไห้ นั่งพักที่โต๊ะเลยหลับไป
   ฝ่ายเห้งเจียลักได้ขวดน้ำมนต์วิเศษมาแล้ว ก็รัดผูกเข้ากับบั้นเอวเหาะย้อนกลับมายังถ้ำเน่ยฮวยต๋อง ครั้นถึงเห้งเจียก็แอบย่องดูในถ้ำเห็นเงียบสงัดอยู่ เห้งเจียก็ค่อย ๆ เดินเข้าไป แลเห็นปีศาจนั่งหลับอยู่กับโต๊ะ พัดไฟกับเกี่ยมวางอยู่บนโต๊ะ เห้งเจียเห็นดังนั้นก็เดินเบา ๆ เข้าไปข้างโต๊ะ เอื้อมหยิบเอาพัดนั้นมาก็วิ่งหนีออกไป กิมกั๊กตกใจลืมตาเห็นเห้งเจีย จึงฉวยเอาเกี่ยมกระโดดไล่เห้งเจียออกมายังหน้าถ้ำ เห้งเจียวิ่งออกมาจากถ้ำแล้ว เอาพัดไฟเหน็บไว้กับบั้นเอ็วแล้ว สองมือถือกระบองตรงเข้ามาประจันหน้ารบกับปีศาจกิมกั๊กออกกำลังรับเห้งเจียได้สี่สิบเพลง ทานกำลังเห้งเจียไม่ไหว ก็ล่าถอยเหาะหนีไปทิศตะวันตกตรงไปยังถ้ำเอี๋ยมเล่งต๋อง เห้งเจียเห็นปีศาจหนีไปแล้ว ก็ลงเดินเข้าไปในถ้ำ แก้มัดอาจารย์ โป๊ยก่าย ซัวเจ๋ง อาจารย์กับสานุศิษย์ก็มีความดีใจ จัดหาอาหารกินในถ้ำนั้น แล้วก็พักนอนในถ้ำคืนหนึ่ง
   ฝ่ายปิศาจกิมกั๊กหนีไปหาน้าชายรวบรวมปีศาจทั้งชายแลหญิงเข้าสมทบกันพร้อมแล้ว อาชิดใต้อ๋องยกมา เห้งเจียกำลังนั่งอยู่ได้ยินเสียงลมพัดฉิวมาก็วิ่งออกมานอกประตูแลไป เห็นกิมกั๊กพาพรรคพวกมา เห้งเจียก็กลับเข้าไปบอกว่าบัดนี้ปีศาจไปพาพวกมาเป็นอันมาก จึงสั่งให้ซัวเจ๋งคอยระวังพระอาจารย์ เรียกโป๊ยก่ายให้คอยช่วยรบ
   เห้งเจียเก็บเอาของวิเศษเหล่านั้นซ่อนเข้าไปแล้ว มือจับกระบองพร้อมด้วยโป๊ยก่ายเดินออกมา แลไปเห็นอาชิดนายใหญ่ยืนอยู่ข้างหน้าดูรูปร่างลักษณะหน้าขาวดุจเพชร หนวดยาวคิ้วตั้งแข็ง ใบหูดุจมีดมือถืออาวุธทวนร้องด่าด้วยเสียงอันดังว่า เฮ้ยอ้ายชาติลิงไม่มีดี มึงอาจสามารถประมาทคน มึงจงยื่นคอออกมายอมตายเสียโดยดีจะได้แก้แค้นแทนวงศ์ญาติของเรา
   เห้งเจียได้ฟังดังนั้นก็เกิดโทโสจึงร้องด่าว่าเอ็งจะต้องตายไม่ดีทั้งโคตร มึงยังไม่รู้จักฝีมือกูซึ่งเป็นปู่ของเอ็ง มึงอย่าวิ่งหนีจงมารับกระบองดูสักทีหนึ่ง ปีศาจอาชิดเอาทวนแทงเห้งเจีย ๆ ยกกระบองขึ้นรับปิดไว้ ต่างออกกำลังเข้มแขงรบกันโดยสามารถได้สามสิบเพลง ปีศาจกำลังน้อยทานกำลังเห้งเจียไม่ได้ก็ถอยหนี เห้งเจียไล่กระชั้นมา กิมกั๊กยกเกี่ยมเข้าสกัดหน้ารบกันอีกสามสิบเพลง อาชิดก็หวนมาช่วยรบ โป๊ยก่ายแลเห็นจึงจับคราดเหล็กกระโดดเข้าสกัดรบแก่อาชิดใต้อ๋อง รบกันได้พักใหญ่ยังหาแพ้ชนะกันไม่
   อาชิดจึงร้องให้ปีศาจบริวารเข้าระดมช่วย พวกปีศาจก็พากันเข้าช่วยรบ ซัวเจ๋งเห็นดังนั้นก็จับพลองเหล็กตรงเข้ามาสกัดหน้า ตีพวกพลปีศาจกระจายไปทั้งสิ้น อาชิดใต้อ๋องเห็นเสียทีก็หันโดดหนีไป โป๊ยก่ายไล่กระชั้นตามมาเอาคราดสับลงทีหนึ่งตายคาที่ เอาคราด ๆ มาดูศพ เป็นเสือปลาตัวหนึ่ง กิมกั๊กเห็นฆ่าน้าชายตายแล้ว ผละออกจากเห้งเจีย ถือเกี่ยมมารบกับโป๊ยก่าย ๆ ก็เข้าต่อสู้กับกิมกั๊ก ซัวเจ๋งเห็นดังนั้นก็จับพลองเข้าช่วยโป๊ยก่าย ปีศาจทานกำลังสองนายไม่ไหว ก็ผละออกเหาะหนีไป โป๊ยก่ายซัวเจ๋งก็ไล่ตามไป เห้งเจียเห็นดังนั้นก็ชิงเหาะสกัดหน้า เอาขวดวิเศษออกหันปากขวดไปตรงปีศาจกิมกั๊กร้องเรียกคำหนึ่งว่า กิมกั๊กใต้อ๋อง กิมกั๊กหมายว่าพวกบริวารตามมาเรียก จึงขานรับกิมกั๊กก็แล่นเข้าไปอยู่ในขวดวิเศษ
   เห้งเจียก็เอายันต์ปิดปากขวดไว้ แลไปเห็นเกี่ยมวิเศษของปีศาจตกอยู่กับพื้น เห้งเจียก็เก็บเอามา เห้งเจียกำจัดปีศาจร้ายตายแล้วก็พากันกลับมายังถ้ำ เข้าไปคำนับพระอาจารย์แล้วเห้งเจียจึงพูดแก่พระถังซัมจั๋งว่า บัดนี้ก็ราบคาบแล้ว ขอนิมนต์พระอาจารย์ขึ้นม้าออกเดินเถิด ถังซัมจั๋งมีความยินดี พร้อมอาจารย์กับศิษย์ก็ออกเดินหมายตรงไปยังปราจิณทิศ ในเมื่อกำลังเดินไปนั้น แลไปเห็นตาเฒ่าผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างทาง เดินออกมายึดเอาพระถังซัมจั๋งแล้วถามว่า พระสงฆ์จะไปข้างไหน จงคืนของวิเศษนั้นมาให้ข้าพเจ้า เห้งเจียพิศดูไปมาก็รู้ว่า ท่านพรหมท้ายเสียงเล่ากุน จึงคำนับแล้วถามว่า นี่ท่านจะไปข้างไหน
   ท้ายเสียงเล่ากุนได้ยินเห้งเจียถามดังนั้น ก็เหาะขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์แก้วลอยอยู่กลางอากาศร้องเรียกว่าซึงเห้งเจีย จงคืนของวิเศษมาให้ข้าพเจ้า เห้งเจียก็เหาะตามขึ้นไปถามว่า ของวิเศษนั้นคืออะไรที่ไหน เล่ากุนบอกว่า น้ำเต้านั้นของเราใส่ยา ขวดนั้นของเราใส่น้ำ เกี่ยมนั้นของเราปราบมารร้าย พัดนั้นของเราใช้ไฟ เชือกนั้นของเราไว้คาดเอ็ว สองปีศาจนั้นคนหนึ่งสำหรับรักษาเบ้าทอง ชื่อ (กิมท่งจื๊อ) คนหนึ่งรักษาเบ้าเงิน ชื่อ (งึ้นท่งจื้อ) เธอทั้งสองลักเอาของวิเศษหนีลงมาเกิดในมนุษย์โลกนี้ เที่ยวค้นหาก็ไม่พบ บัดนี้เห้งเจียจับได้มีซึ่งความชอบ
   เห้งเจียได้ฟังดังนั้น จึงพูดว่านี่คือท่านปล่อยสานุศิษย์ลงมาให้ทำร้ายโทษนี้อยู่แก่ท่าน เพราะสั่งสอนไม่เรียบร้อย เล่ากุนตอบว่า ข้อนั้นเราไม่เกี่ยวข้องด้วย เหตุด้วยอาจารย์สานุศิษย์พวกถังซัมจั๋ง มิใช่พวกมารปีศาจทำให้ลำบาก ถ้ามิฉะนั้นก็จะไม่สำเร็จมรรคผล เห้งเจียได้ฟังดังนั้น ก็มีใจผ่องไสโสมนัส จึงพูดว่าแม้ของวิเศษแห่งท่านก็จงมาเอาไปเถิด เห้งเจียก็นำของมาส่งให้เล่ากุน ๆ รับเอามาแล้วจึงเปิดยันต์ที่ปากขวดน้ำเต้า คว่ำเทออกมาสองสายย้อย เล่ากุนเอามือชี้เข้าทีหนึ่ง ก็กลายกลับคืนอย่างเดิมเป็นกิมท่งจื้อ งึ้นท่งจื้อ ยืนเฝ้าซ้ายขวา เล่ากุนบันดาลเป็นแสงสว่างเหาะกลับไปยังทิพย์สถานวิมานฟ้า
   ฝ่ายเห้งเจียเอาของวิเศษคืนให้ท่ายเสียงเล่ากุนไปแล้วก็เหาะกลับลงมายังพื้นดิน เล่าความให้ถังซัมจั๋งฟังทุกประการ ถังซัมจั๋งได้ทราบดังนั้นก็มีความยินดี ตั้งหน้าหมายมุ่งไปยังทิศปราจิณ

ไม่มีความคิดเห็น: