Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หน้า ๓/๑๕.เวรัญชกัณฑ์ อรรถกถา มหาวิภังค์ ปฐมภาค แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ หน้า ๓/๑๕.เวรัญชกัณฑ์ อรรถกถา มหาวิภังค์ ปฐมภาค แสดงบทความทั้งหมด

28 กรกฎาคม 2567

หน้า ๓/๑๕.เวรัญชกัณฑ์ อรรถกถา มหาวิภังค์ ปฐมภาค

ทำบุญ    search-google   
       เริ่มเรื่องทุติยสังคายนา
   ก็เพื่อรู้ทุติยสังคายนาแจ่มแจ้ง ควรทราบลำดับดังต่อไปนี้
          จริงอยู่ ในกาลใด
               พระเถระทั้ง ๕๐๐ มีพระมหากัสสป
                    เป็นต้น ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว มีปัญญาอัน
                    รุ่งเรืองเหล่านั้น ครั้นสังคายนาพระสัทธรรม
                    และยังพระสัทธรรมให้รุ่งเรืองในที่ทั้งปวง
                    แล้ว ดำรงอยู่จนถึงที่สุดแห่งชีวิต ไม่มีอาลัย
                    สิ้นเชื้อดับไป เหมือนประทีปดับไปฉะนั้น
 [ภิกษุชาววัชชีบุตรแสดงวัตถุ ๑๐ ประการ] 
        ในกาลนั้น เมื่อคืนและวันล่วงไปโดยลำดับ ในเมื่อพระผู้มีพระภาค
เจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วได้ ๑๐๐ ปี พวกภิกษุวัชชีบุตรชาวเมืองไพศาลี แสดง
วัตถุ ๑๐ ประการเหล่านี้ในเมืองไพศาลี คือ :-
                กปฺปติ สิงฺคิโลณกปฺโป กัปปะว่า เก็บเกลือไว้ด้วยเขนงฉันกับบิณฑบาตที่ไม่เค็ม ก็ควร,
                กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป กัปปะว่า จะฉันโภชนะ ในวิกาล เมื่อเงาคล้อยไป ๒ องคุลี ก็ควร,
                กปฺปติ คามนฺตรกปฺโป กัปปะว่า ภิกษุตั้งใจว่าจะไปในละแวกบ้าน ห้ามภัตแล้ว ฉันโภชนะที่ไม่เป็นเดน ก็ควร,
                กปฺปติ อาวาสกปฺโป กัปปะว่า จะแยกกันทำสังฆกรรมมีอุโบสถเป็นต้น ในเสนาสนะต่างแห่งในสีมาเดียวกัน ก็ควร,
                กปฺปติ อนุมติกปฺโป กัปปะว่า เมื่อตั้งใจว่าจะถือเอาอนุมัติในเวลาที่พวกภิกษุผู้ยังไม่มา มาแล้ว เมื่อเธอเหล่านั้นยังไม่ทันมา สงฆ์เป็นวรรคจะทำกรรมนั้น แล้วอนุมัติ
ภายหลัง ก็ควร,                กปฺปติ อาจิณฺณกปฺโป กัปปะว่า ข้อที่อาจารย์และอุปัชฌาย์เคยประพฤติมา ย่อมควร,
                กปฺปติ อมถิตกปฺโป กัปปะว่า ภิกษุฉันแล้ว ห้ามโภชนะแล้ว ฉันนมสดที่ยังไม่เป็นทธิ ซึ่งไม่เป็นเคน ย่อมควร,
                กปฺปติ ชโลคึปาตุ ภิกษุจะดื่มสุราอย่างอ่อน ที่ยังไม่ถึงเป็นน้ำเมา ก็ควร,
                กปฺปติ อทสกํ นิสีทนํ ผ้านิสีทนะที่ไม่มีชาย ก็ควร,
                กปฺปติ ชาตรูปรชตํ ทองและเงินควรแก่ภิกษุ.๑-
๑- วิ. จุลฺ. เล่ม ๗/ข้อ ๖๓๐/หน้า ๓๙๖
             พระราชาทรงพระนามว่า กาฬาโศก ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้า
สุสูนาค ได้ทรงเป็นฝักฝ่ายของพวกภิกษุวัชชีบุตรเหล่านั้นแล้ว.
               [พระยสเถระได้ทราบเรื่องภิกษุวัชชีบุตรแสดงวัตถุ ๑๐ ประการ] 
                            ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระยสกากัณฑกบุตรเที่ยวจาริกไปในวัชชีชนบท ได้สดับว่า ข่าวว่าพวกภิกษุวัชชีบุตร ชาวเมืองไพศาลีแสดง
วัตถุ ๑๐ ประการในเมืองไพศาลี ดังนี้ จึงดำริว่า ข้อที่เราได้ฟังความวิบัติแห่งพระศาสนาของพระทศพลแล้ว จะพึงเป็นผู้มีความขวนขวายน้อยเสีย ไม่
สมควรแก่เราเลย เอาละ เราจะข่มพวก
อธรรมวาทีเสีย แล้วจะยกย่องธรรม ดังนี้ จึงได้ไปทางเมืองไพศาลี.
               ดังได้ยินมาว่า ท่านพระยสกากัณฑกบุตรพักอยู่ที่กูฏาคารศาลา ในป่ามหาวันใกล้เมืองไพศาลีนั้น.
               ก็โดยสมัยนั้นแล พวกภิกษุวัชชีบุตรชาวเมืองไพศาลี ใส่น้ำให้เต็มถาดทองสัมฤทธิ์แล้วตั้งไว้ในท่ามกลางสงฆ์ในวันอุโบสถนั้น กล่าวแนะนำ
อุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองไพศาลี ผู้มาแล้วๆ อย่างนี้ว่า ผู้มีอายุ ท่านทั้งหลาย
จงถวายรูปิยะแก่สงฆ์ กหาปณะหนึ่งก็ได้, กึ่งกหาปณะก็ได้, บาทหนึ่งก็ได้
, มาสกหนึ่งก็ได้, กิจของสงฆ์ที่ต้องทำด้วยบริขาร จักมีดังนี้.๑-
๑- วิ. จุลฺ. เล่ม ๗/ข้อ ๖๓๐/หน้า ๓๙๖     
คำทั้งปวงควรเล่าจนถึงคำว่า ก็วินัยสังคีตินี้ได้มีภิกษุ ๗๐๐ รูป ไม่หย่อนไม่เกิน, เพราะฉะนั้น วินัยสังคีตินี้ท่านจึงเรียกว่า สัตตสติกา.
               ก็ภิกษุล้านสองแสนรูปซึ่งท่านพระยสกากัณฑกบุตรชักชวนได้ประชุมกันในสันนิบาตนี้. วัตถุ ๑๐ ประการเหล่านั้น
 ท่านพระเรวตะเป็นผู้ถาม พระสัพพกามี
เถระเป็นผู้วิสัชนาพระวินัย วินิจฉัยเสร็จในท่ามกลางภิกษุเหล่านั้น, อธิกรณ์เป็นอันระงับเสร็จแล้ว.
               [คัดเลือกพระเถระทำทุติยสังคายนาได้ ๗๐๐ รูป]               
               ภายหลัง พระเถระทั้งหลายปรึกษากันว่า พวกเราจักสังคายนาพระ
ธรรมและพระวินัยอีก ดังนี้ จึงได้คัดเลือกภิกษุ ๗๐๐ รูปผู้ทรงพระไตรปิฎก
 บรรลุปฏิสัมภิทา แล้วนั่งประชุมกันที่วาลิการาม ใกล้เมืองไพศาลี ชำระมลทินแห่งพระศาสนาทั้งปวง ได้สังคายนาพระธรรมและวินัยทั้งหมด
 ด้วยอำนาจปิฎก นิกาย องค์ และธรรมขันธ์ซ้ำอีก เช่นเดียวกับที่พระมหากัสสปเถระสังคายนาแล้วนั่นแล.
               สังคีติใดในโลก
                                   ท่านเรียกว่า สัตตสตสังคีติ เพราะ
                         พระเถระ ๗๐๐ รูปทำ, และเรียกว่า ทุติย-
                         สังคีติ เพราะเทียบสังคีติที่ทำก่อน.
               สังคีตินี้ทำอยู่ ๘ เดือนจึงสำเร็จ ด้วยประการฉะนี้.
               ก็แลสังคีตินี้นั้น
                                   อันพระเถระเหล่าใดร้อยกรองไว้แล้ว
                         บรรดาพระเถระเหล่านั้น พระเถระที่ปรากฏ
                         คือ พระสัพพกามี ๑ พระสาฬหะ ๑ พระ
                         เรวตะ ๑ พระขุชชโสภิตะ ๑ พระยสะ ๑
                         พระสาณสัมภูตะ ๑ เหล่านี้ เป็นสัทธิวิหาริก
                         ของพระอานนทเถระ เคยเห็นพระตถาคต
                         พระสุมนะ ๑ พระวาสภคามี ๑, ๒ รูปนี้
                         บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นสัทธิวิหาริกของ
                         พระอนุรุทธะ เคยเห็นพระตถาคต ก็แล
                         พระเถระทั้งหลายผู้ทำสังคายนาครั้งที่ ๒
                         ทุกๆ รูปเป็นผู้ปลงภาระแล้ว เสร็จกิจแล้ว
                         หาอาสวะมิได้ ดังนี้แล.
ฎีกาสารัตถทีปนี เป็น เตสุ วิสฺสุตา ๑/๑๗๒. แม้ในอรรถโยชนาก็เป็นเช่นนี้.
               จบทุติยสังคีติเท่านี้