
สมถสัมมุขาวินัยวารที่ ๑๑
[๘๙๔] สมถะคือสัมมุขาวินัย สัมมุขาวินัยคือสมถะ.
สมถะคือเยภุยยสิกา เยภุยยสิกาคือสมถะ.
สมถะคือสติวินัย สติวินัยคือสมถะ.
สมถะคืออมูฬหวินัย อมูฬหวินัยคือสมถะ.
สมถะคือปฏิญญาตกรณะ ปฏิญญาตกรณะคือสมถะ.
สมถะคือตัสสปาปิยสิกา ตัสสปาปิยสิกาคือสมถะ.
สมถะคือติณวัตถารกะ ติณวัตถารกะคือสมถะ.
สมถะเหล่านี้ คือ เยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะเป็นสมถะ, มิใช่เป็นสัมมุขาวินัย, สัมมุขาวินัยเป็นสมถะและเป็นสัมมุขาวินัย.
สมถะเหล่านี้ คือ สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ สัมมุขาวินัยเป็นสมถะ, มิใช่เป็นเยภุยยสิกา, เยภุยยสิกาเป็นสมถะและเป็นเยภุยยสิกา.
สมถะเหล่านี้ คือ อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ สัมมุขาวินัย เยภุยยสิกาเป็นสมถะ, มิใช่เป็นสติวินัย, สติวินัยเป็นสมถะและเป็นสติวินัย.
สมถะเหล่านี้ คือ ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ สัมมุขาวินัย เยภุยยสิกา สติวินัยเป็นสมถะ, มิใช่เป็นอมูฬหวินัย, อมูฬหวินัยเป็นสมถะและเป็นอมูฬหวินัย.
สมถะเหล่านี้ คือ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ สัมมุขาวินัย เยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัยเป็นสมถะ, มิใช่เป็นปฏิญญาตกรณะ, ปฏิญญาตกรณะเป็นสมถะและเป็น ปฏิญญาตกรณะ.
สมถะเหล่านี้ คือ ติณวัตถารกะ สัมมุขาวินัย เยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะเป็นสมถะ, มิใช่เป็นตัสสปาปิยสิกา, ตัสสปาปิยสิกาเป็นสมถะและเป็น ตัสสปาปิยสิกา.
สมถะเหล่านี้ คือ สัมมุขาวินัย เยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกาเป็นสมถะ, มิใช่เป็นติณวัตถารกะ, ติณวัตถารกะเป็นสมถะและเป็นติณวัตถารกะ.
[๘๙๕] วินัยคือสัมมุขาวินัย สัมมุขาวินัยคือวินัย. วินัยคือเยภุยยสิกา เยภุยยสิกาคือวินัย. วินัยคือสติวินัย สติวินัยคือวินัย วินัยคืออมูฬหวินัย อมูฬหวินัยคือวินัย. วินัยคือปฏิญญาตกรณะ ปฏิญญาตกรณะคือวินัย. วินัยคือตัสสปาปิยสิกา ตัสสปาปิยสิกาคือวินัย. วินัยคือติณวัตถารกะ ติณวัตถารกะคือวินัย. สมถสัมมุขาวินัยวารที่ ๑๑ จบ
วินัยวารที่ ๑๒
[๘๙๖] วินัย บางอย่างเป็นสัมมุขาวินัย บางอย่างไม่เป็นสัมมุขาวินัย, สัมมุขาวินัยเป็นวินัย และเป็นสัมมุขาวินัย.
วินัยบางอย่างเป็นเยภุยยสิกา บางอย่างไม่เป็นเยภุยยสิกา, เยภุยยสิกาเป็นวินัย และเป็นเยภุยยสิกา.
วินัยบางอย่างเป็นสติวินัย บางอย่างไม่เป็นสติวินัย, สติวินัยเป็นวินัย และเป็นสติวินัย.
วินัยบางอย่างเป็นอมูฬหวินัย บางอย่างไม่เป็นอมูฬหวินัย, อมูฬหวินัยเป็นวินัย และเป็นอมูฬหวินัย.
วินัยบางอย่างเป็นปฏิญญาตกรณะ บางอย่างไม่เป็นปฏิญญาตกรณะ, ปฏิญญาตกรณะเป็นวินัย และเป็นปฏิญญาตกรณะ.
วินัยบางอย่างเป็นตัสสปาปิยสิกา บางอย่างไม่เป็นตัสสปาปิยสิกา, ตัสสปาปิยสิกาเป็นวินัย และเป็นตัสสปาปิยสิกา.
วินัยบางอย่างเป็นติณวัตถารกะ บางอย่างไม่เป็นติณวัตถารกะ, ติณวัตถารกะเป็นวินัยและเป็นติณวัตถารกะ. วินัยวารที่ ๑๒ จบ
กุศลวารที่ ๑๓
[๘๙๗] สัมมุขาวินัย เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต.
เยภุยยสิกา เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต.
สติวินัย เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต.
อมูฬหวินัย เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต.
ปฏิญญาตกรณะ เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต.
ตัสสปาปิยสิกา เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต.
ติณวัตถารกะ เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต.
สัมมุขาวินัย บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต, สัมมุขาวินัยเป็นอกุศล ไม่มี.
เยภุยยสิกา บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต.
สติวินัย บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต.
อมูฬหวินัย บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต.
ปฏิญญาตกรณะ บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต.
ตัสสปาปิยสิกา บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต.
ติณวัตถารกะ บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต.
[๘๙๘] วิวาทาธิกรณ์ เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต. อนุวาทาธิกรณ์ เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต. อาปัตตาธิกรณ์ เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต. กิจจาธิกรณ์ เป็นกุศล อกุศล อัพยากฤต.
วิวาทาธิกรณ์ บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต.
อนุวาทาธิกรณ์ บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต.
อาปัตตาธิกรณ์ บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต. อาปัตตาธิกรณ์ เป็นกุศลไม่มี.
กิจจาธิกรณ์ บางทีเป็นกุศล บางทีเป็นอกุศล บางทีเป็นอัพยากฤต. กุศลวารที่ ๑๓ จบ
จักรเปยยาล ยัตถวารที่ ๑๔
[๘๙๙] เยภุยยสิกาใช้ได้ ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่ใด เยภุยยสิกาใช้ได้ ณ ที่นั้น ณ ที่นั้นใช้สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา และติณวัตถารกะไม่ได้.
สติวินัยใช้ได้ ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่ใด สติวินัยใช้ได้ ณ ที่นั้น ณ ที่นั้นใช้อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะและเยภุยยสิกาไม่ได้.
อมูฬหวินัยใช้ได้ ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่ใด อมูฬหาวินัยใช้ได้ ณ ที่นั้น ณ ที่นั้นใช้ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ เยภุยยสิกา และสติวินัยไม่ได้.
ปฏิญญาตกรณะใช้ได้ ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่ใด ปฏิญญาตกรณะใช้ได้ ณ ที่นั้น ณ ที่นั้นใช้ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ เยภุยยสิกา สติวินัย และอมูฬหวินัยไม่ได้.
ตัสสปาปิยสิกาใช้ได้ ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่ใด ตัสสปาปิยสิกาใช้ได้ ณ ที่นั้น ณ ที่นั้นใช้ติณวัตถารกะ เยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย และปฏิญญาตกรณะไม่ได้.
ติณวัตถารกะใช้ได้ ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยใช้ได้ ณ ที่ใด ติณวัตถารกะใช้ได้ ณ ที่นั้น ณ ที่นั้นใช้เยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ และตัสสปาปิยสิกาไม่ได้.
[๙๐๐] เยภุยยสิกามี ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยมี ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยมี ณ ที่ใด เยภุยยสิกามี ณ ที่นั้น ณ ที่นั้นไม่มีสติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา และติณวัตถารกะ.
สติวินัยมี ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยมี ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยมี ณ ที่ใด สติวินัยมี ณ ที่นั้น ณ ที่นั้นไม่มีอมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ และเยภุยยสิกา คือ (จัดสัมมุขาวินัยเป็นมูล) ... ติณวัตถารกะมี ณ ที่ใด สัมมุขาวินัยมี ณ ที่นั้น สัมมุขาวินัยมี ณ ที่ใด ติณวัตถารกะมี ณ ที่นั้น
ถ. อนุวาทาธิกรณ์กับอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. อนุวาทาธิกรณ์กับอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๖ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. อนุวาทาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. อนุวาทาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๔ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑.
ถ. อาปัตตาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. อาปัตตาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๓ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ และอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ และอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๗ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๕ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑.
ถ. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ เท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๗ อย่าง คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑. สัมมันติวาร ที่ ๑๗ จบ
สัมมันตินสัมมันติวาร ที่ ๑๘
[๙๐๔] ถามว่า วิวาทาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร? อนุวาทาธิกรณ์ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร? อาปัตตาธิกรณ์ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร? กิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ตอบว่า วิวาทาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๒ คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๕ คือ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
อนุวาทาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๔ คือ สัมมุขาวินัย ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๓ คือ เยภุยยสิกา ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑
อาปัตตาธิกรณ์ระงับด้วยสมถะ ๓ คือ สัมมุขาวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๔ คือ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑.
กิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๑ คือ สัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยสมถะ ๖ คือ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. วิวาทาธิกรณ์กับอนุวาทาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์กับอนุวาทาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๕ คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๒ คือ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. วิวาทาธิกรณ์กับอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์กับอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๔ คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๓ คือ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑
ถ. วิวาทาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๒ คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๕ คือ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. อนุวาทาธิกรณ์กับอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. อนุวาทาธิกรณ์กับอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๖ คือ สัมมุขาวินัย ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๑ คือ เยภุยยสิกา.
ถ. อนุวาทาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. อนุวาทาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๔ คือ สัมมุขาวินัย ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๓ คือ เยภุยยสิกา ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. อาปัตตาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. อาปัตตาธิกรณ์กับกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๓ คือ สัมมุขาวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๔ คือ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑.
ถ. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ และอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ และอาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๗ คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๕ คือสัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๒ คือ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ถ. อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะ ๖ คือ สัมมุขาวินัย ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑ ไม่ระงับด้วยสมถะ ๑ คือ เยภุยยสิกา.
ถ. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสมถะเท่าไร ไม่ระงับด้วยสมถะเท่าไร?
ต. วิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ และกิจจาธิกรณ์ระงับด้วยสมถะ ๗ คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑ ติณวัตถารกะ ๑. สัมมันตินสัมมันติวาร ที่ ๑๘ จบ
สมถาธิกรณวาร ที่ ๑๙
[๙๐๕] ถามว่า สมถะระงับด้วยสมถะ สมถะระงับด้วยอธิกรณ์ อธิกรณ์ระงับด้วยสมถะ อธิกรณ์ระงับด้วยอธิกรณ์ หรือ?
ตอบว่า สมถะบางอย่างระงับด้วยสมถะ สมถะบางอย่างไม่ระงับด้วยสมถะ สมถะบางอย่างระงับด้วยอธิกรณ์ สมถะบางอย่างไม่ระงับด้วยอธิกรณ์ อธิกรณ์บางอย่างระงับด้วยสมถะ อธิกรณ์บางอย่างไม่ระงับด้วยสมถะ อธิกรณ์บางอย่างระงับด้วยอธิกรณ์ อธิกรณ์บางอย่างไม่ระงับด้วยอธิกรณ์.
[๙๐๖] ถามว่า อย่างไร สมถะบางอย่างระงับด้วยสมถะ สมถะบางอย่างไม่ระงับด้วยสมถะ?
ตอบว่า เยภุยยสิกา ระงับด้วยสัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยสติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา และติณวัตถารกะ.
สติวินัย ระงับด้วยสัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยอมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ และเยภุยยสิกา.
อมูฬหวินัย ระงับด้วยสัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ เยภุยยสิกา และสติวินัย.
ปฏิญญาตกรณะ ระงับด้วยสัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยตัสสปาปิยสิกา ติณวัตถารกะ เยภุยยสิกา สติวินัย และอมูฬหวินัย.
ตัสสปาปิยสิกา ระงับด้วยสัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยติณวัตถารกะ เยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย และปฏิญญาตกรณะ.
ติณวัตถารกะ ระงับด้วยสัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยเยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ และตัสสปาปิยสิกา.
อย่างนี้ สมถะบางอย่างระงับด้วยสมถะ อย่างนี้ สมถะบางอย่างไม่ระงับด้วยสมถะ.
[๙๐๗] ถามว่า อย่างไร สมถะบางอย่างระงับด้วยอธิกรณ์ อย่างไร สมถะบางอย่างไม่ระงับด้วยอธิกรณ์?
ตอบว่า สัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
เยภุยยสิกา ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
สติวินัย ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
อมูฬหวินัย ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
ปฏิญญาตกรณะ ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
ตัสสปาปิยสิกา ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
ติณวัตถารกะ ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
อย่างนี้ สมถะบางอย่างระงับด้วยอธิกรณ์ อย่างนี้ สมถะบางอย่างไม่ระงับด้วยอธิกรณ์.
[๙๐๘] ถามว่า อย่างไร อธิกรณ์บางอย่างระงับด้วยสมถะ อย่างไร อธิกรณ์บางอย่างไม่ระงับด้วยสมถะ?
ตอบว่า วิวาทาธิกรณ์ ระงับด้วยสัมมุขาวินัย และเยภุยยสิกา ไม่ระงับด้วยสติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา และติณวัตถารกะ.
อนุวาทาธิกรณ์ ระงับด้วยสัมมุขาวินัย สติวินัย อมูฬหวินัย และตัสสปาปิยสิกาไม่ระงับด้วยเยภุยยสิกา ปฏิญญาตกรณะ และติณวัตถารกะ.
อาปัตตาธิกรณ์ ระงับด้วยสัมมุขาวินัย ปฏิญญาตกรณะ และติณวัตถารกะ ไม่ระงับด้วยเยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย และตัสสปาปิยสิกา.
กิจจาธิกรณ์ ระงับด้วยสัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยเยภุยยสิกา สติวินัย อมูฬหวินัย ปฏิญญาตกรณะ ตัสสปาปิยสิกา และติณวัตถารกะ.
อย่างนี้ อธิกรณ์บางอย่างระงับด้วยสมถะ อย่างนี้ อธิกรณ์บางอย่างไม่ระงับด้วยสมถะ.
[๙๐๙] ถามว่า อย่างไร อธิกรณ์บางอย่างระงับด้วยอธิกรณ์ อย่างไร อธิกรณ์บางอย่างไม่ระงับด้วยอธิกรณ์?
ตอบว่า วิวาทาธิกรณ์ ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
อนุวาทาธิกรณ์ ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์.
อาปัตตาธิกรณ์ ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์. กิจจาธิกรณ์ ไม่ระงับด้วยวิวาทาธิกรณ์ อนุวาทาธิกรณ์ อาปัตตาธิกรณ์ แต่ระงับด้วยกิจจาธิกรณ์. อย่างนี้ อธิกรณ์บางอย่างระงับด้วยอธิกรณ์. อย่างนี้ อธิกรณ์บางอย่างไม่ระงับด้วยอธิกรณ์. [๙๑๐] สมถะทั้ง ๖ อย่าง อธิกรณ์ทั้ง ๔ อย่าง ระงับด้วยสัมมุขาวินัย แต่สัมมุขาวินัย ไม่ระงับด้วยอะไร. สมถาธิกรณวาร ที่ ๑๙ จบ ๕สมุฏฐานปติวาร ที่ ๒๐
[๙๑๑] ถามว่า วิวาทาธิกรณ์ยังอธิกรณ์ ๔ ข้อไหนให้เกิด? ตอบว่า วิวาทาธิกรณ์ไม่ยังอธิกรณ์ ๔ ข้อไหนให้เกิด แต่เพราะปัจจัย คือวิวาทาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง ๔ ย่อมเกิดขึ้นได้. มีอุปมาเหมือนอะไร? เหมือนภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ ย่อมวิวาทกันว่า นี้ เป็นธรรม นี้ ไม่เป็นธรรม นี้ เป็นวินัย นี้ ไม่เป็นวินัย นี้ พระตถาคตเจ้าตรัสภาษิตไว้ นี้ พระตถาคตเจ้าไม่ได้ตรัสภาษิตไว้ นี้ พระตถาคตเจ้าทรงประพฤติมา นี้ พระตถาคตเจ้าไม่ได้ทรงประพฤติมา นี้ พระตถาคตเจ้าทรงบัญญัติไว้ นี้ พระตถาคตเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติไว้ นี้ เป็นอาบัติ นี้ ไม่เป็นอาบัติ นี้ เป็นอาบัติเบา นี้ เป็นอาบัติหนัก นี้ เป็นอาบัติที่มีส่วนเหลือ นี้ เป็นอาบัติหาส่วนเหลือมิได้ นี้ เป็นอาบัติชั่วหยาบ นี้ เป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง ความทุ่มเถียง การกล่าวต่างกัน การ กล่าวโดยประการอื่น การพูดเพื่อความกลัดกลุ้มใจ ความหมายมั่นในเรื่องนั้น อันใด นี้เรียกว่า วิวาทาธิกรณ์. สงฆ์วิวาทกันในวิวาทาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์. เมื่อวิวาทกัน ย่อมโจท จัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์. เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์. เพราะปัจจัย คือ วิวาทาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง ๔ ย่อมเกิดได้อย่างนี้. [๙๑๒] ถามว่า อนุวาธิกรณ์ยังอธิกรณ์ ๔ ข้อไหนให้เกิด? ตอบว่า อนุวาทาธิกรณ์ไม่ยังอธิกรณ์ ๔ ข้อไหนให้เกิด แต่เพราะปัจจัย คือ อนุวาทาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง ๔ ย่อมเกิดได้. มีอุปมาเหมือนอะไร? เหมือนภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ ย่อมโจทภิกษุด้วยศีลวิบัติ อาจารวิบัติ ทิฏฐิวิบัติ หรืออาชีววิบัติ การโจท การกล่าวหา การฟ้องร้อง การประท้วง ความเป็นผู้คล้อยตาม การ ทำความอุตสาหะโจท การตามเพิ่มกำลังให้ ในเรื่องนั้น อันใด นี้เรียกว่า อนุวาทาธิกรณ์. สงฆ์ย่อมวิวาทกันในอนุวาทาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์. เมื่อวิวาทย่อมโจท จัดเป็น อนุวาทาธิกรณ์. เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์. เพราะปัจจัย คือ อนุวาทาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง ๔ ย่อมเกิดได้อย่างนี้. [๙๑๓] ถามว่า อาปัตตาธิกรณ์ยังอธิกรณ์ ๔ ข้อไหนให้เกิด? ตอบว่า อาปัตตาธิกรณ์ไม่ยังอธิกรณ์ ๔ ข้อไหนให้เกิด แต่เพราะปัจจัย คือ อาปัตตาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง ๔ ย่อมเกิดขึ้นได้. มีอุปมาเหมือนอะไร? เหมือนกองอาบัติทั้ง ๕ ชื่ออาปัตตาธิกรณ์ กองอาบัติทั้ง ๗ ก็ชื่ออาปัตตาธิกรณ์ นี้ เรียกว่า อาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ย่อมวิวาทกันในอาปัตตาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์ เมื่อวิวาท ย่อมโจท จัดเป็น อนุวาทาธิกรณ์. เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ย่อมทำกรรมตามอาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์.
เพราะปัจจัย คือ อาปัตตาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง ๔ ย่อมเกิดได้อย่างนี้. [๙๑๔] ถามว่า กิจจาธิกรณ์ยังอธิกรณ์ ๔ ข้อไหนให้เกิด? ตอบว่า กิจจาธิกรณ์ไม่ยังอธิกรณ์ ๔ ข้อไหนให้เกิด แต่เพราะปัจจัย คือ กิจจาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง ๔ ย่อมเกิดได้. มีอุปมาเหมือนอะไร? เหมือนความมีแห่งกรรมที่จะพึงทำ ความมีแห่งกิจที่จะต้องทำ แห่งสงฆ์ อันใด คือ อปโลกนกรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม ญัตติจตุตถกรรม นี้เรียกว่า กิจจาธิกรณ์. สงฆ์ย่อมวิวาทกันในกิจจาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์. เมื่อวิวาท ย่อมโจท จัดเป็น อนุวาทาธิกรณ์. เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์. สงฆ์ย่อมทำกรรมตามอาบัติ นั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์. เพราะปัจจัย คือ กิจจาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง ๔ ย่อมเกิดได้อย่างนี้. สมุฏฐาเปติวาร ที่ ๒๐ จบ สมถเภท
“โจ” เกมเมอร์หนุ่มดวงตก ได้รับมรดกเป็นบ้านที่มีผีเจ้าของบ้านคนเก่า “อนงค์” แถมมาด้วย แต่คนก็ไม่ยอมหนี ผีก็ไม่ยอมไป คนกับผีเลยจับมือกันเปิดบ้านผีสิงให้คนมาเที่ยวเล่นแถมยังได้เห็นความน่ารักของผีบ้านนี้มากขึ้นทุกวันจนเกิดเป็นความรัก เล่นหลักดูหนังไม่ได้ลองกดตัวเล่นอื่น ตัวเล่นหลัก แจ้งปัญหา
[๙๑๕] ถามว่า วิวาทาธิกรณ์ จัดเป็นอธิกรณ์ ๔ ข้อไหน? แอบอิงอธิกรณ์ข้อไหน? นับเนื่องถึงอธิกรณ์ข้อไหน? สงเคราะห์ด้วยอธิกรณ์ข้อไหน? อนุวาทาธิกรณ์จัดเป็นอธิกรณ์ ๔ ข้อไหน? แอบอิงอธิกรณ์ข้อไหน? นับเนื่องถึง อธิกรณ์ข้อไหน? สงเคราะห์ด้วยอธิกรณ์ข้อไหน? อาปัตตาธิกรณ์ จัดเป็นอธิกรณ์ ๔ ข้อไหน? แอบอิงอธิกรณ์ข้อไหน? นับเนื่องถึง อธิกรณ์ข้อไหน? สงเคราะห์ด้วยอธิกรณ์ข้อไหน? กิจจาธิกรณ์ จัดเป็นอธิกรณ์ ๔ ข้อไหน? แอบอิงอธิกรณ์ข้อไหน? นับเนื่องถึง อธิกรณ์ข้อไหน? สงเคราะห์ด้วยอธิกรณ์ข้อไหน? ตอบว่า วิวาทาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔. แอบอิงวิวาทาธิกรณ์ นับเนื่องถึงวิวาทาธิกรณ์ สงเคราะห์ด้วยวิวาทาธิกรณ์. อนุวาทาธิกรณ์ จัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔. แอบอิงอนุวาทาธิกรณ์ นับเนื่องถึงอนุวาทาธิกรณ์ สงเคราะห์ด้วยอนุวาทาธิกรณ์. อาปัตตาธิกรณ์ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ ๔. แอบอิงอาปัตตาธิกรณ์ นับ เนื่องถึงอาปัตตาธิกรณ์ สงเคราะห์ด้วยอาปัตตาธิกรณ์. กิจจาธิกรณ์ จัดเป็นกิจจาธิกรณ์บรรดาอธิกรณ์ ๔. แอบอิงกิจจาธิกรณ์ นับเนื่องถึง กิจจาธิกรณ์ สงเคราะห์ด้วยกิจจาธิกรณ์. [๙๑๖] ถามว่า วิวาทาธิกรณ์ บ่งถึงสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗? อิงอาศัยสมถะ เท่าไร? นับเนื่องในสมถะเท่าไร? สงเคราะห์ด้วยสมถะเท่าไร? ระงับด้วยสมถะเท่าไร? อนุวาทาธิกรณ์ บ่งถึงสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗? อิงอาศัยสมถะเท่าไร? นับ เนื่องในสมถะเท่าไร? สงเคราะห์ด้วยสมถะเท่าไร? ระงับด้วยสมถะเท่าไร? อาปัตตาธิกรณ์ บ่งถึงสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗? อิงอาศัยสมถะเท่าไร? นับ เนื่องในสมถะเท่าไร? สงเคราะห์ด้วยสมถะเท่าไร? ระงับด้วยสมถะเท่าไร? กิจจาธิกรณ์ บ่งถึงสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ ๗? อิงอาศัยสมถะเท่าไร? นับเนื่อง ในสมถะเท่าไร? สงเคราะห์ด้วยสมถะเท่าไร? ระงับด้วยสมถะเท่าไร? ตอบว่า วิวาทาธิกรณ์ บ่งถึงสมถะ ๒ บรรดาสมถะ ๗ อิงอาศัยสมถะ ๒ นับเนื่อง ในสมถะ ๒ สงเคราะห์ด้วยสมถะ ๒ ระงับด้วยสมถะ ๒ คือ สัมมุขาวินัย ๑ เยภุยยสิกา ๑. อนุวาทาธิกรณ์ บ่งถึงสมถะ ๔ บรรดาสมถะ ๗ อิงอาศัยสมถะ ๔ นับเนื่องในสมถะ ๔ สงเคราะห์ด้วยสมถะ ๔ ระงับด้วยสมถะ ๔ คือ สัมมุขาวินัย ๑ สติวินัย ๑ อมูฬหวินัย ๑ ตัสสปาปิยสิกา ๑. อาปัตตาธิกรณ์ บ่งถึงสมถะ ๓ บรรดาสมถะ ๗ อิงอาศัยสมถะ ๓ นับเนื่องในสมถะ ๓ สงเคราะห์ด้วยสมถะ ๓ ระงับด้วยสมถะ ๓ คือ สัมมุขาวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณ- *วัตถารกะ ๑. กิจจาธิกรณ์ บ่งถึงสมถะ ๑ บรรดาสมถะ ๗ อิงอาศัยสมถะ ๑ นับเนื่องในสมถะ ๑ สงเคราะห์ด้วยสมถะ ๑ ระงับด้วยสมถะ ๑ คือ สัมมุขาวินัย. สมถเภท จบ วีสติวาร จบ หัวข้อประจำวาร
[๙๑๗] ปริยายวาร ๑ สาธารณวาร ๑ ตัพภาคิยวาร ๑ สมถสาธารณวาร ๑ สมถตัพ
ภาคิยวาร ๑ สมถสัมมุขาวินัยวาร ๑ วินัยวาร ๑ กุศลวาร ๑ ยัตถวาร ๑ สมยวาร ๑ สังสัฏฐวาร ๑
สัมมันติวาร ๑ นสัมมันติวาร ๑ สมถาธิกรณวาร ๑ สมุฏฐาเปติวาร ๑ อธิกรณ์บ่งถึงอธิกรณ์ ๑ฯ
หัวข้อประจำวาร จบ