Translate

06 กุมภาพันธ์ 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร [อัตถวเสปกรณ์] อำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ [คาถาสังคณิกะ] ท่านพระอุบาลีเข้าเฝ้าทูลถามปัญหา

Google Workspace logo 
ทำบุญ 
อำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ
   [๑๐๐๙] พระตถาคตทรงบัญญัติสิกขาบท แก่พระสาวกทั้งหลาย เพราะทรงอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความผาสุกแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่ผาสุกแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิด
ในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่ออนุเคราะห์พระวินัย ๑.
   [๑๐๑๐] สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก สิ่งใดเป็นไปเพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก สิ่งนั้นเป็นไปเพื่ออยู่ผาสุกแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก สิ่งใดเป็นไปเพื่ออยู่ผาสุกแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อป้องกันอาสวะ
อันจะบังเกิดในปัจจุบัน สิ่งใดเป็นไปเพื่อป้องกันอาสวะ อันจะบังเกิดในปัจจุบัน สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต สิ่งใดเป็นไปเพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส สิ่งใดเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อ
ความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว สิ่งใดเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนผู้ที่เลื่อมใสแล้ว สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม สิ่งใดเป็นไปเพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม สิ่งนั้นเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย.
   [๑๐๑๑] สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์สิ่งนั้นเป็นไปเพื่ออยู่ผาสุกแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบันสิ่งใด
เป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม สิ่งใดเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย.
   [๑๐๑๒] สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่ออยู่ผาสุกแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อกำจัดอาสวะ
อันจักบังเกิดในอนาคต สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งใดเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งนั้นเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์.
   [๑๐๑๓] สิ่งใดเป็นไปเพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ... สิ่งใดเป็นไปเพื่ออยู่ผาสุกแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ...  สิ่งใดเป็นไปเพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ...  สิ่งใดเป็นไปเพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ... สิ่งใดเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
   สิ่งใดเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ...  สิ่งใดเป็นไปเพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ...  สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งนั้นเป็นความรับว่าดีแห่งสงฆ์ สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งนั้นเป็นความผาสุกแห่งสงฆ์ สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อข่มบุคคล
ผู้เก้อยาก สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งนั้นเป็นไปเพื่ออยู่ผาสุกแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย
สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว สิ่งใดเป็นไปเพื่ออนุเคราะห์พระวินัย สิ่งนั้นเป็นไปเพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม.
       [๑๐๑๔] อรรถหนึ่งร้อย ธรรมหนึ่งร้อย นิรุตติสองร้อย
ญาณสี่ร้อย มีในอัตถวเสปกรณ์.   อัตถวเสปกรณ์ จบ
 มหาวรรค จบ
หัวข้อประจำเรื่อง
       [๑๐๑๕]  หมวดธรรมเหล่านี้ของภิกษุ ๑๖ ของภิกษุณี ๑๖ คือ หมวด ๑ ถึงหมวด ๘ ในคำถามและปัจจัย และหมวด ๑ ถึงหมวด ๘ ในคำถามและปัจจัยอีก เปยยาล อันตราเภทและเอกุตตริกะ ปวารณา อัตถวเสปกรณ์สงเคราะห์เข้ามหาวรรค ฯ
หัวข้อประจำเรื่อง จบ
คาถาสังคณิกะ
ท่านพระอุบาลีเข้าเฝ้าทูลถามปัญหา
   ท่านพระอุบาลีกราบทูลว่า สิกขาบทที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ในวินัยทั้งสอง ย่อมมาสู่อุเทศทุกวันอุโบสถ สิกขาบทเหล่านั้น มีเท่าไร? ทรงบัญญัติไว้ ณ พระนครกี่แห่ง?
   พ. ปัญญาของท่านดี ท่านสอบถามโดยแยบคาย เพราะฉะนั้นเราจักบอกแก่ท่านตามที่ท่านเป็นผู้ฉลาดถาม.
   สิกขาบทที่บัญญัติไว้ในวินัยทั้งสอง ย่อมมาสู่อุเทศทุกวันอุโบสถสิกขาบทเหล่านั้นมี ๓๕๐ สิกขาบท ตถาคตบัญญัติไว้ ณ พระนคร ๗ แห่ง.
   [๑๐๑๗] อุ. สิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้ ณ พระนคร ๗ แห่งๆ ไหนบ้าง? ของพระองค์ได้โปรดแจ้งพระนคร ๗ แห่งนั้นแก่ข้าพระพุทธเจ้าๆ ได้ฟังทางแห่งพระดำรัสของพระองค์แล้ว จะปฏิบัติ ข้อนั้นจะพึงมีเพื่อความเกื้อกูลแก่พวกข้าพระพุทธเจ้า.
   พ. สิกขาบทเหล่านั้น บัญญัติไว้ ณ พระนครเวสาลี ๑ พระนครราชคฤห์ ๑ พระนครสาวัตถี ๑ พระนครอาฬวี ๑ พระนครโกสัมพี ๑ สักกชนบท ๑ ภัคคชนบท ๑.
สิกขาบทบัญญัติ
   [๑๐๑๘] อุ. สิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้ ณ พระนครเวสาลี มีเท่าไร? ณ พระนครราชคฤห์ มีเท่าไร? ณ พระนครสาวัตถี มีเท่าไร? ณ พระนครอาฬวี มีเท่าไร? ณ พระนครโกสัมพี มีเท่าไร? ณ สักกชนบท มีเท่าไร? ณ ภัคคชนบท มีเท่าไร? พระองค์อันข้าพระพุทธเจ้าทูลถามแล้ว ขอได้โปรดตอบข้อนั้นแก่ข้าพระพุทธเจ้า.
   พ. สิกขาบทที่บัญญัติไว้ ในพระนครเวสาลีมี ๑๐ สิกขาบท. ในพระนครราชคฤห์มี ๒๑ สิกขาบท. ในพระนครสาวัตถี รวมทั้งหมด มี ๒๙๔ สิกขาบท. ในพระนครอาฬวี มี ๖ สิกขาบท. ในพระนครโกสัมพี มี ๘ สิกขาบท. ในสักกชนบทมี ๘ สิกขาบท. ในภัคคชนบท. มี ๓ สิกขาบท.
   สิกขาบทเหล่าใดได้บัญญัติไว้ในพระนครเวสาลี ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้นตามที่จะกล่าวต่อไป. สิกขาบทว่าด้วยเสพเมถุน ๑ สิกขาบทว่าด้วยฆ่ามนุษย์ ๑ สิกขาบทว่าด้วยอวดอุตตริมนุสสธรรมที่ไม่มีจริง ๑ สิกขาบทว่าด้วยทรงอติเรกจีวร ๑ สิกขาบทว่าด้วยหล่อสันถัตด้วยขนเจียมดำล้วน ๑ สิกขาบทว่าด้วย
อวดอุตตริมนุสสธรรมที่มีจริง ๑ สิกขาบทว่าด้วยภัตรทีหลัง ๑ สิกขาบทว่าด้วยไม้ชำระฟัน ๑ สิกขาบทว่าด้วยให้ของเคี้ยวของฉันแก่อเจลก ๑ สิกขาบทว่าด้วยภิกษุณีด่าภิกษุ ๑ รวม สิกขาบทที่บัญญัติไว้ในพระนครเวสาลี เป็น ๑๐ สิกขาบท
   สิกขาบทเหล่าใดที่บัญญัติไว้ในพระนครราชคฤห์ ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้น ตามที่จะกล่าวต่อไป. สิกขาบทว่าด้วยถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ณ พระนครราชคฤห์ ๑ สิกขาบทว่าด้วยตามกำจัดภิกษุรวม ๒ สิกขาบทว่าด้วยทำลายสงฆ์และประพฤติตามรวม ๒,  สิกขาบทว่าด้วยรับอันตรวาสก ๑, สิกขาบท
ว่าด้วยแลกเปลี่ยนรูปิยะ ๑, สิกขาบทว่าด้วยขอด้าย ๑, สิกขาบทว่าด้วยบ่นว่า ๑, สิกขาบทว่าด้วยฉันโภชนะที่ภิกษุณีแนะให้เขาถวาย ๑ สิกขาบทว่าด้วยอาหารในโรงทาน ๑ สิกขาบทว่าด้วยฉันหมู่ ๑ สิกขาบทว่าด้วยฉันในเวลาวิกาล ๑ สิกขาบทว่าด้วยเที่ยวไปในสกุล ๑ สิกขาบทว่าด้วยอาบน้ำ ๑ สิกขาบทว่า
ด้วยบวชคนมีอายุไม่ครบ ๑ สิกขาบทว่าด้วยให้จีวร ๑ สิกขาบทว่าด้วยฉันโภชนะที่ภิกษุณียืนสั่งเสีย ๑ สิกขาบทว่าด้วยเที่ยวยอดเขา ๑ สิกขาบทว่าด้วยจาริก  ๑ สิกขาบทเหล่านี้บัญญัติไว้ในพระนครราชคฤห์ รวมกับการให้ฉันทะในกรรมนั้นแหละ  เป็น ๒๑ สิกขาบท.
   สิกขาบทเหล่าใดบัญญัติไว้ในพระนครสาวัตถี ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้น ตามที่กล่าวต่อไป. ปาราชิก ๔ ของภิกษุณี สังฆาทิเลส ๑๖ อนิยต ๒ นิสสัคคียะ ๒๔ สิกขาบทที่เรียกว่าขุททกสิกขาบทมี ๑๕๖ สิกขาบทที่ควรติเตียน ๑๐ สิกขาบทเสขิยวัตร ๗๒ สิกขาบท รวม สิกขาบททั้งหมดที่บัญญัติไว้ ในพระนครสาวัตถี ๒๙๔ สิกขาบท.
   สิกขาบทเหล่าใดบัญญัติไว้ในพระนครอาฬวี ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้นดังจะกล่าวต่อไป. สิกขาบทว่าด้วยให้ทำกุฎี ๑ สิกขาบทว่าด้วยทำสันถัตเจือไหม ๑ สิกขาบทว่าด้วยนอนร่วมกับอนุปสัมบัน ๑ สิกขาบทว่าด้วยขุดดิน ๑ สิกขาบทว่าด้วยพรากภูตคาม ๑ สิกขาบทว่าด้วยน้ำมีตัวสัตว์เอารดหญ้าหรือดิน ๑ สิกขาบทเหล่านี้รวม ๖ สิกขาบท  บัญญัติไว้ในพระนครอาฬวี.
   สิกขาบทเหล่าใดบัญญัติไว้ในพระนครโกสัมพี ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้น ดังจะกล่าวต่อไป สิกขาบทว่าด้วยให้ทำวิหารใหญ่ ๑ สิกขาบทว่าด้วยภิกษุว่ายากสอนยาก ๑ สิกขาบทว่าด้วยแกล้งพูดคำอื่นกลบเกลื่อน ๑ สิกขาบทว่าด้วยกรอบประตู ๑ สิกขาบทว่าด้วยดื่มสุราเมรัย ๑ สิกขาบทว่าด้วยไม่เอื้อเฟื้อ ๑ สิกขาบทว่าด้วยว่ากล่าวโดยชอบธรรม ๑ รวมเป็น ๘ สิกขาบททั้งดื่มน้ำนม.
   สิกขาบทเหล่าใดบัญญัติไว้ในสักกชนบท ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้น ดังจะกล่าวต่อไป. สิกขาบทว่าด้วยให้ซักขนเจียม ๑ สิกขาบทว่าด้วยบาตรมีรอยร้าวหย่อน ๕ แห่ง ๑ สิกขาบทว่าด้วยสั่งสอนภิกษุณีถึงที่อยู่ ๑ สิกขาบทว่าด้วยขอเภสัช ๑ สิกขาบทว่าด้วยกล่องเข็ม ๑ สิกขาบทว่าด้วยเสนาสนะป่า ๑ รวม ๖
สิกขาบทนี้บัญญัติไว้ ณ พระนครกบิลพัสดุ์ สิกขาบทว่าด้วยทำความสะอาดด้วยน้ำ ๑ สิกขาบทว่าด้วยไม่รับโอวาท ๑ ตถาคตได้กล่าวไว้ในหมู่ภิกษุณี.
   สิกขาบทเหล่าใดบัญญัติไว้ในภัคคชนบท ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้น ดังจะกล่าวต่อไป. สิกขาบทว่าด้วยติดไฟผิง ๑ สิกขาบทว่าด้วยมือเปื้อนอามิส ๑ สิกขาบทว่าด้วยน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าวสุก ๑ สิกขาบทเหล่านั้น คือ ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๗ นิสสัคคิยะ ๘ ขุททกะ ๓๒ ปาฏิเทสนียะสิกขาบทที่น่าติ ๒
เสขิยวัตร ๓ อันพระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ บัญญัติไว้ใน ๖ พระนคร รวม ๕๖ สิกขาบทในพระนครสาวัตถี พระโคดมผู้มียศ บัญญัติไว้ทั้งหมดรวม ๒๙๔ สิกขาบท.
ทรงพยากรณ์อาบัติหนักและอาบัติเบาเป็นต้น
   [๑๐๑๙] อุ. ข้าพระพุทธเจ้า ได้ทูลถามปัญหาข้อใดกะพระองค์ พระองค์ได้ ทรงแก้ปัญหาข้อนั้นแก่ข้าพระพุทธเจ้า ได้ทรงแก้ปัญหานั้นๆ โดยมิได้เป็นอย่างอื่น. ข้าพระพุทธเจ้า ขอทูลถามปัญหาข้ออื่นกะพระองค์ ขอพระองค์โปรดตอบปัญหานั้นต่อไป. คือ อาบัติหนัก ๑ อาบัติเบา  ๑ อาบัติมีส่วนเหลือ ๑ 
อาบัติไม่มีส่วนเหลือ ๑ อาบัติชั่วหยาบ ๑ อาบัติไม่ชั่วหยาบ ๑ สิกขาบทเป็นยาวตติยกะ ๑ สิกขาบททั่วไป ๑ สิกขาบทไม่ทั่วไป ๑ สิกขาบทที่จำแนกไว้ระงับด้วยสมถะเหล่าใด ๑ ขอพระองค์ได้โปรดชี้แจงสิกขาบทนี้แม้ทั้งมวล. พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจะฟังพระดำรัสของพระองค์.
   พ. อาบัติหนักมี ๓๑ ศีลวิบัติและอาจารวิบัติในอาบัติหนักเหล่านั้น อาบัติปาราชิกที่ไม่มีส่วนเหลือมี ๘ อาบัติใดหนัก อาบัตินั้นชั่วหยาบอาบัติใดชั่วหยาบ อาบัตินั้นเป็นศีลวิบัติ.  อาบัติปาราชิก อาบัติสังฆาทิเสส เรียกชื่อว่าศีลวิบัติ. อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตติยะ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏทุพภาสิตคือด่าประสงค์จะล้อเล่น อาบัตินี้นั้นรวมเรียกว่า อาจารวิบัติ.
ทิฏฐิวิบัติ
   [๑๐๒๐] บุคคลมีปัญญาเขลา อันโมหะครอบงำ ถูกอสัทธรรมรุมล้อมย่อมถือทิฏฐิวิบัติกล่าวตู่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาบัตินี้นั้นรวมเรียกว่าทิฏฐิวิบัติ.
อาชีววิบัติ
   [๑๐๒๑] ภิกษุผู้ปรารถนาลามก ถูกความอยากครอบงำ ย่อมอวดอุตตริมนุสสธรรม อันไม่มีไม่เป็นจริง เพราะเหตุอาชีวะ เพราะการณ์อาชีวะ ภิกษุถึงความเที่ยวชักสื่อ เพราะเหตุอาชีวะ เพราะการณ์อาชีวะ  ภิกษุกล่าวว่าภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่านภิกษุนั้นเป็นอรหันต์ เพราะเหตุอาชีวะ เพราะการณ์อาชีวะ ภิกษุณี
ขอโภชนะอันประณีตเพื่อประโยชน์ตนมาฉัน เพราะเหตุอาชีวะ เพราะการณ์อาชีวะ ภิกษุไม่อาพาธขอแกงหรือข้าวสุกเพื่อประโยชน์ตนมาฉัน เพราะเหตุอาชีวะ เพราะการณ์อาชีวะ อาบัตินี้นั้นรวมเรียกว่า อาชีววิบัติ.
ยาวตติยกะสิกขาบท
   [๑๐๒๒]  ยาวตติยกะสิกขาบท ๑๑ นั้น ท่านจงฟัง ดังจะกล่าวต่อไป อุกขิตตานุวัตติกสิกขาบท ๑ ยาวตติยกะสิกขาบท ๘ อริฏฐสิกขาบท ๑ จัณฑกาลิสิกขาบท ๑ สิกขาบทเหล่านี้นั้นชื่อยาวตติยกะสิกขาบท.
ทรงพยากรณ์เฉทนกสิกขาบทและเภทนกสิกขาบทเป็นต้น 
             [๑๐๒๓] อุ. สิกขาบทว่าด้วยการตัดมีเท่าไร? สิกขาบทว่าด้วยการทำลายมีเท่าไร?
สิกขาบทว่าด้วยการรื้อมีเท่าไร? สิกขาบทว่าเป็นปาจิตตีย์มิใช่อื่นมีเท่าไร? สิกขาบทว่าด้วยการ
สมมติภิกษุมีเท่าไร? สิกขาบทที่ว่าเป็นความชอบ มีเท่าไร? สิกขาบทที่ว่าอย่างยิ่งมีเท่าไร?
สิกขาบทที่พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ทรงบัญญัติว่ารู้อยู่ มีเท่าไร?
         พ. สิกขาบทว่าด้วยการตัดมี ๖ สิกขาบทว่าด้วยการทำลายมี ๑ สิกขาบทว่าด้วยการ
รื้อมี ๑ สิกขาบทที่ว่าเป็นปาจิตตีย์มิใช่อื่นมี ๔ สิกขาบทว่าด้วยการสมมติภิกษุมี ๔ สิกขาบท
ที่ว่าเป็นความชอบมี ๗ สิกขาบทที่ว่าอย่างยิ่งมี ๑๔ สิกขาบทที่พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่ง
พระราชาผู้สูงศักดิ์บัญญัติไว้ว่ารู้อยู่มี ๑๖.
อรรถกถา ปริวาร อัตถวเสปกรณ์ อำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการอัตถวเสปกรณวัณณนา  วินิจฉัยในอัตถวเสปกรณ์ พึงทราบดังนี้ :-
   ในคำว่า ทส อตฺถวเส เป็นต้น คำที่ควรกล่าว ได้กล่าวในวัณณนาแห่งปฐมปาราชิกแล้วแล.๑- 
   ในบททั้งหลายมีบทว่า ยํ สงฺฆสุฏฺฐุ ตํ สงฺฆผาสุ เป็นอาทิ บทต้นๆ เป็นเนื้อความของบทหลังๆ. 
   ก็ด้วยทำให้เป็นบทตั้งทีละบท ในทุก ๑๐ บท ประกอบ ๒๐ ครั้ง รวมร้อยบทนี้ใด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสในคำว่า อรรถร้อยหนึ่ง ธรรมร้อยหนึ่ง เป็นต้น. พึงทราบอรรถร้อยหนึ่ง ด้วยอำนาจบทหลังๆ ในร้อยบทนั้น. พึงทราบร้อยธรรม ด้วยอำนาจบทต้นๆ. 
   อีกอย่างหนึ่ง สิกขาบทอันพระตถาคตทรงอำนาจประโยชน์ ๑๐ เหล่าใด ทรงบัญญัติแล้วแก่สาวกทั้งหลาย อำนาจประโยชน์ ๑๐ เหล่าใดอันข้าพเจ้าพรรณนาแล้ว ในอรรถกถาแห่งปฐมปาราชิกในหนหลัง โดยนัยมีอาทิอย่างนี้ว่า บรรดาอำนาจประโยชน์ ๑๐ นั้น ความเห็นชอบของสงฆ์ คือความยอมรับคำว่า ดีแล้ว พระเจ้าข้า ดุจความยอมรับคำในที่มาว่า ดีแล้ว เทวะ ชื่อว่าสังฆสุฏฐุตา. 
   ก็ภิกษุใด ยอมรับคำของพระตถาคต ความยอมรับคำนั้น ของภิกษุนั้น ย่อมมี เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข สิ้นกาลนาน เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงกระทำให้แจ้งซึ่งเนื้อความนี้ว่า เราจักบัญญัติ เพื่อสงฆ์ยอมรับคำของเราว่า ดีแล้ว พระเจ้าข้า จักแสดงโทษในการที่ไม่ยอมรับ และอานิสงส์ในการที่
ยอมรับก่อนจึงจะบัญญัติ จักไม่บัญญัติกดขี่ด้วยหักหาญ ดังนี้ จึงตรัสว่า เพื่อเห็นชอบของสงฆ์. พึงทราบอรรถร้อยหนึ่งเพราะอำนาจประโยชน์เหล่านั้น มาแล้วในคัมภีร์บริวารนี้ ๑๐ ครั้ง และพึงทราบธรรมร้อยหนึ่ง ด้วยอำนาจบทที่ส่องอรรถนั้น.
   พึงทราบนิรุตติสองร้อยเหล่านี้ คือด้วยอำนาจแห่งนิรุตติที่ส่องอรรถ ร้อยนิรุตติ ด้วยอำนาจแห่งนิรุตติที่เป็นตัวธรรมดา ร้อยนิรุตติ. 
   และพึงทราบญาณสี่ร้อย คือ ร้อยญาณ ในร้อยอรรถ ร้อยญาณ ในในร้อยธรรม สองร้อยญาณ ในสองร้อยนิรุตติ. 
   จริงอยู่ คำใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ร้อยอรรถ ร้อยธรรม สองร้อยนิรุตติ รวมเป็นสี่ร้อยญาณ มีในอำนาจประโยชน์ที่เป็นเหตุเริ่มทำคำนี้ ทรงอาศัยอรรถเป็นต้นนั้น ตรัสแล้ว ฉะนี้แล. 
๑- สมนฺต.ปฐม. ๒๕๘.
พรรณนาอัตถวเสปกรณ์ จบ               
               มหาวัคควัณณนา
          ในอรรถกถาวินัย ชื่อสมันตปาสาทิกา จบแล้ว                  ด้วยประการฉะนี้
               จำนวนสิกขาบทของภิกษุเป็นต้น
    [๑๐๒๔] สิกขาบทของภิกษุมาสู่อุเทศทุกวันอุโบสถรวม ๒๒๐ สิกขาบท ของภิกษุณีมาสู่อุเทศทุกวันอุโบสถรวม ๓๐๔ สิกขาบท.
                            สิกขาบทของภิกษุที่ไม่ทั่วไปกับภิกษุณี มี ๔๖ สิกขาบท.
                            สิกขาบทของภิกษุณีที่ไม่ทั่วไปกับภิกษุ มี ๑๓๐ สิกขาบท
                            สิกขาบทของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ทั่วไปรวม ๑๗๖ สิกขาบท
                            สิกขาบทของทั้งสองฝ่ายที่ศึกษาร่วมกันมี ๑๗๔ สิกขาบท.
            ประเภทสิกขาบทของภิกษุ
   [๑๐๒๕] สิกขาบทของภิกษุ ๒๒๐ สิกขาบท มาสู่อุเทศทุกวันอุโบสถ ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้นดังจะกล่าวต่อไป. ปาราชิก ๔ 
สังฆาทิเสส ๑๓ อนิยต ๒ นิสสัคคิยะ ๓๐ ถ้วน ขุททกะ ๙๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ เสขิยะ ๗๕ สิกขาบท ของภิกษุ
   รวม ๒๒๐ สิกขาบท มาสู่อุเทศทุกวันอุโบสถ.
            ประเภทสิกขาบทของภิกษุณี
   [๑๐๒๖] สิกขาบทของภิกษุณี ๓๐๔ สิกขาบท มาสู่อุเทศทุกวันอุโบสถท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้นดังจะกล่าวต่อไป. ปาราชิก ๘
สังฆาทิเสส ๑๗นิสสัคคิยะ ๓๐ ถ้วน ขุททกะ ๑๖๖ ปาฏิเทสนียะ ๘ เสขิยะ ๗๕ สิกขาบทของภิกษุณี
   รวม ๓๐๔ สิกขาบท มาสู่อุเทศทุกวันอุโบสถ.
            อสาธารณะสิกขาบทของภิกษุ
[๑๐๒๗] สิกขาบทของภิกษุ ที่ไม่ทั่วไปกับภิกษุณี มี ๔๖ ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้นดังจะกล่าวต่อไป. สังฆาทิเสส ๖ รวมทั้งอนิยต ๒
สิกขาบท เป็น ๘ นิสสัคคิยะ ๑๒ รวมกันเป็น ๒๐ ขุททกะ ๒๒ ปาฏิเทสนียะ ๔ สิกขาบทของภิกษุไม่ทั่วไปกับภิกษุณี
   รวม ๔๖ สิกขาบท.
                  อสาธารณะสิกขาบทของภิกษุณี
      [๑๐๒๘] สิกขาบทของภิกษุณี ที่ไม่ทั่วไปกับภิกษุมี ๑๓๐ ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้นดังจะกล่าวต่อไป ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ที่สงฆ์ขับออกจากหมู่ ๑๐ นิสสัคคิยะ ๑๒ ขุททกะ ๙๖ ปาฏิเทสนียะ ๘ สิกขาบทของภิกษุณีที่ไม่ทั่วไปกับภิกษุ รวม ๑๓๐.
                สิกขาบทที่ไม่ทั่วไปแก่สองฝ่าย
    [๑๐๒๙] สิกขาบทของทั้งสองฝ่ายที่ไม่ทั่วไปมี ๑๗๖ ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้นดังจะกล่าวต่อไป. ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๑๖ อนิยต ๒ นิสสัคคิยะ ๒๔ ขุททกะ ๑๑๘ ปาฏิเทสนียะ ๑๒ สิกขาบทของทั้งสอง ฝ่ายที่ไม่ทั่วไป รวม ๑๗๖.
              สิกขาบทของทั้งสองฝ่ายที่ศึกษาร่วมกัน
     [๑๐๓๐] สิกขาบทของทั้งสองฝ่ายที่ศึกษาร่วมกันมี ๑๗๔ ท่านจงฟังสิกขาบทเหล่านั้นดังจะกล่าวต่อไป. ปาราชิก ๔ สังฆาทิเสส ๗ นิสสัคคิยะ ๑๘ ขุททกะ ๗๐ ถ้วน เสขิยะ ๗๕ สิกขาบทของทั้งสองฝ่ายที่ศึกษาร่วมกัน รวม ๑๗๔ สิกขาบท.
               อาบัติที่ระงับไม่ได้
  [๑๐๓๑] บุคคลผู้ต้องปาราชิกเหล่าใด ๘ จำพวกไม่ควรเข้าใกล้ เปรียบเสมอด้วยโคนต้นตาล บุคคลผู้ต้องปาราชิกเหล่านั้น ย่อมไม่งอกงามเปรียบเหมือนใบไม้เหลือง ศิลาหนา คนศีรษะขาด ต้นตาลยอดด้วน ฉะนั้น.
               อาบัติที่ระงับได้
      [๑๐๓๒] สังฆาทิเสส ๒๓ อนิยต ๒ นิสสัคคิยะ ๔๒ ปาจิตตีย์ ๑๘๘ ปาฏิเทสนียะ ๑๒ เสขิยะ ๗๕ ระงับด้วยสมถะ ๓ คือสัมมุขาวินัย ๑ ปฏิญญาตกรณะ ๑ ติณวัตถารกะ ๑.
ส่วนที่ทรงจำแนก
     [๑๐๓๓] อุโบสถ ๓ ปวารณา ๒ กรรม ๔ อันพระชินเจ้าทรงแสดงแล้วอุเทศ ๕ และอุเทศ ๔ ย่อมไม่มีโดยประการอื่น และกองอาบัติมี ๗.
                อธิกรณ์
     [๑๐๓๔] อธิกรณ์ ๔ ระงับด้วยสมถะ ๗ คือ ระงับด้วยสมถะ ๒ ด้วยสมถะ ๔ ด้วยสมถะ ๓ แต่กิจจาธิกรณ์ระงับด้วยสมถะ ๑.
7.1/10 ·  ปีที่ฉาย :   เสียง : พากย์ไทย 0  ชั่วโมง 50 นาที 
ทิชา (2024) Ticha ‧ ละครโทรทัศน์|HD THAI 
Overview ตัวอย่าง Clips Reviews นักแสดง
เป็นเรื่องราวของ อู่ยี่ ลูกสาวคนเดียวของ โหย่ว แรงงานต่างด้าว ที่เข้ามาในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย พวกเขาหวังว่าจะ เปลี่ยนแปลงชะตากรรมและมีชีวิตที่ดีขึ้นแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตาม ที่ฝัน เมื่อได้พบกับนายจ้าง บุษรา สาวไฮโซที่มีอิทธิพลในสังคม ชนชั้นสูง ด้วยความที่เธอทำแต่งานทำให้ พัดชัย ลูกชายสุดที่รัก ของเธอต้องเผชิญกับชีวิตอันโดดเดี่ยว แต่นั่นก็ไม่ยากเท่ากับที่อู่ยี่ และโหย่วต้องเผชิญเมื่อชีวิตของอู่ยี่ถูกกลั่นแกล้งการต่อสู้เพื่อแสวงหา ความยุติธรรมในนามของทิชา ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น: