Translate

09 กุมภาพันธ์ 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร กฐินเภท ว่าด้วยกฐินไม่เป็นอันกรานเป็นต้น มูลเหตุแห่งกฐินเป็นต้น องค์ของภิกษุผู้กรานกฐิน

Google Workspace logo 
ทำบุญ 
ว่าด้วยกฐินไม่เป็นอันกรานเป็นต้น
   [๑๑๒๔] กฐินใครไม่ได้กราน? กฐินใครได้กราน? กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการอย่างไร? กฐินเป็นอันกรานด้วยอาการอย่างไร?
กฐินไม่เป็นอันกราน
   [๑๑๒๕] คำว่า กฐินใครไม่ได้กราน นั้น ความว่า กฐิน บุคคล ๒ พวก คือ ภิกษุผู้ไม่ได้กราน ๑ ภิกษุผู้ไม่อนุโมทนา ๑ ไม่เป็นอันกรานกฐิน บุคคล ๒ พวกนี้ ไม่เป็นอันกราน.
กฐินเป็นอันกราน
   [๑๑๒๖] คำว่า กฐินใครได้กราน นั้น ความว่า กฐิน บุคคล ๒ พวกนี้ คือ ภิกษุผู้กราน ๑ ภิกษุผู้อนุโมทนา ๑ เป็นอันกราน กฐิน บุคคล ๒ พวกนี้ เป็นอันกราน.
เหตุที่กฐินไม่เป็นอันกราน
   [๑๑๒๗] คำว่า กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการอย่างไร นั้น คือ กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการ ๒๔ คือ:-
 ๑. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงขีดรอย
 ๒. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงซักผ้า
 ๓. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงกะผ้า
 ๔. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงตัดผ้า
 ๕. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงเนาผ้า
 ๖. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงเย็บด้น
 ๗. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงทำลูกดุม
 ๘. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงทำรังดุมให้มั่น
 ๙. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงประกอบผ้าอนุวาต
 ๑๐. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงประกอบผ้าอนุวาตด้านหน้า
 ๑๑. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงดามผ้า
 ๑๒. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงย้อมเป็นสีหม่น
 ๑๓. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการเพียงผ้าที่ทำนิมิตได้มา
 ๑๔. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยผ้าที่พูดเลียบเคียงได้มา
 ๑๕. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยผ้าที่ยืมเขามา
 ๑๖. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยผ้าที่เก็บไว้ค้างคืน
 ๑๗. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยผ้าที่เป็นนิสสัคคิยะ
 ๑๘. กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยผ้าที่มิได้ทำกัปปะพินทุ
 ๑๙. กฐินไม่เป็นอันกราน เว้นผ้าสังฆาฏิ
 ๒๐. กฐินไม่เป็นอันกราน เว้นผ้าอุตราสงค์
 ๒๑. กฐินไม่เป็นอันกราน เว้นผ้าอันตรวาสก
 ๒๒. กฐินไม่เป็นอันกราน เว้นจีวรมีขันธ์ ๕ หรือเกินกว่า ๕ ซึ่งตัดดีแล้ว ทำให้มีมณฑล เสร็จในวันนั้น
 ๒๓. กฐินไม่เป็นอันกราน นอกจากบุคคลกราน
 ๒๔. กฐินไม่เป็นอันกรานโดยชอบ ถ้าภิกษุผู้อยู่นอกสีมา อนุโมทนากฐินนั้น
   กฐินไม่เป็นอันกราน แม้ด้วยอาการอย่างนี้.
อธิบายเหตุที่ไม่ได้กรานบางข้อ
   [๑๑๒๘] ที่ชื่อว่า ทำนิมิต คือ ภิกษุทำนิมิตว่า เราจักกรานกฐินด้วยผ้าผืนนี้.
   ที่ชื่อว่า พูดเลียบเคียง คือ ภิกษุพูดเลียบเคียงด้วยคิดว่า จักยังผ้ากฐินให้เกิดด้วยการพูดเลียบเคียงนี้. ผ้าที่ทายกไม่ได้หยิบยกให้เรียกว่าผ้ายืมเขามา.
   ที่ชื่อว่า ผ้าเก็บไว้ค้างคืน มี ๒ อย่าง คือ ผ้าทำค้างคืน ๑ ผ้าเก็บไว้ค้างคืน ๑.
   ที่ชื่อว่า ผ้าเป็นนิสสัคคิยะ คือ ภิกษุกำลังทำอยู่ อรุณขึ้นมา.
   กฐินไม่เป็นอันกราน ด้วยอาการ ๒๔ อย่างนี้.
เหตุที่กฐินเป็นอันกราน
   [๑๑๒๙] คำว่า กฐินเป็นอันกราน ด้วยอาการอย่างไร นั้น ความว่า กฐินย่อมเป็นอันกรานด้วยอาการ ๑๗ อย่าง ดังต่อไปนี้
   ๑. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าใหม่
   ๒. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าเทียมใหม่
   ๓. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าเก่า
   ๔. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าบังสุกุล
   ๕. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าตกตามร้าน
 ๖. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าที่ไม่ได้ทำนิมิตได้มา
 ๗. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าที่ไม่ได้พูดเลียบเคียงได้มา
 ๘. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าที่ไม่ได้ยืมเขามา
 ๙. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าที่มิได้เก็บไว้ค้างคืน
 ๑๐. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าที่มิได้เป็นนิสสัคคิยะ
 ๑๑. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าทำกัปปะพินทุแล้ว
 ๑๒. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าสังฆาฏิ
 ๑๓. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าอุตราสงค์
 ๑๔. กฐินเป็นอันกราน ด้วยผ้าอันตรวาสก
 ๑๕. กฐินเป็นอันกราน ด้วยจีวรมีขันธ์ ๕ หรือเกินกว่า ซึ่งตัดดีแล้วทำให้มีมณฑลเสร็จในวันนั้น
 ๑๖. กฐินเป็นอันกราน เพราะบุคคลกราน
 ๑๗. กฐินเป็นอันกรานโดยชอบ ถ้าภิกษุผู้อยู่ในสีมา อนุโมทนากฐินนั้น
   กฐินเป็นอันกราน แม้ด้วยอาการอย่างนี้ กฐินเป็นอันกราน ด้วยอาการ ๑๗ อย่างนี้.
ธรรมที่เกิดพร้อมกัน
   [๑๑๓๐] ถามว่า ธรรมเท่าไร ย่อมเกิดพร้อมกับการกรานกฐิน?
   ตอบว่า ธรรม ๑๕ อย่าง ย่อมเกิดพร้อมกับการกรานกฐิน คือ มาติกา ๘ ปลิโพธ ๒ อานิสงส์ ๕ ธรรม ๑๕ อย่างนี้ ย่อมเกิดพร้อมกับการกรานกฐิน.
ธรรมที่เป็นปัจจัยแห่งประโยคเป็นต้น
   [๑๑๓๑] ประโยค มีธรรมเท่าไรเป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัยเป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย.
          บุพพกรณ์ ...
          การถอนผ้า ...
          การอธิษฐานผ้า ...
          การกราน ...
          มาติกา และปลิโพธ ...
 วัตถุ มีธรรมเท่าไรเป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย.
บุพพกรณ์เป็นปัจจัย
   [๑๑๓๒] ประโยค มีบุพพกรณ์เป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. บุพพกรณ์ มีประโยคเป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. ประโยค มีบุพพกรณ์เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย. ธรรม ๑๕ อย่างเป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย.
การถอนผ้าเป็นปัจจัย
   [๑๑๓๓] บุพพกรณ์ มีการถอนผ้าเป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. การถอนผ้า มีบุพพกรณ์เป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. บุพพกรณ์ มีการถอนผ้า เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย. ธรรม ๑๕ อย่าง เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย.
การอธิษฐานผ้าเป็นปัจจัย
   [๑๑๓๔] การถอนผ้า มีการอธิษฐานผ้าเป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. การอธิษฐานผ้ามีการถอนปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. การถอนผ้ามีการอธิษฐานเป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย. ธรรม๑๕ อย่าง  เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย.
การกรานเป็นปัจจัย
   [๑๑๓๕] การอธิษฐานผ้า มีการกรานเป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. การกรานมีการอธิษฐานเป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. การอธิษฐานผ้ามีการกรานเป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย, ธรรม ๑๕ อย่าง  เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย.
มาติกาและปลิโพธิเป็นปัจจัย
   [๑๑๓๖] การกราน มีมาติกาแลปลิโพธเป็นปัจจัยโดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. มาติกาและปลิโพธมีการกรานเป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. การกรานมีมาติกาและปลิโพธเป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย. ธรรม ๑๕ อย่าง  เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย.
ความหวังและหมดหวังเป็นปัจจัย
   [๑๑๓๗] วัตถุ มีความหวังและหมดหวังเป็นปัจจัย โดยอนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย เป็นปัจจัยโดยนิสสยปัจจัย เป็นปัจจัยโดยอุปนิสสยปัจจัย. ความหวังและหมดหวัง มีวัตถุเป็นปัจจัยโดยปุเรชาตปัจจัย. วัตถุมีความหวังและหมดหวัง เป็นปัจจัยโดยปัจฉาชาตปัจจัย. ธรรม ๑๕ อย่าง  เป็นปัจจัยโดยสหชาตปัจจัย.
นิทานเป็นต้นแห่งบุพพกรณ์เป็นต้น
   [๑๑๓๘] ถามว่า บุพพกรณ์ มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
   การถอนผ้า มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
   การอธิษฐานผ้า มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน.
   การกราน มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
   มาติกาและปลิโพธ มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
   ความหวังและหมดหวัง มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
   ตอบว่า บุพพกรณ์ มีประโยคเป็นนิทาน มีประโยคเป็นสมุทัย มีประโยคเป็นชาติ มีประโยคเป็นแดนเกิดก่อน มีประโยคเป็นองค์ มีประโยคเป็นสมุฏฐาน.
   การถอนผ้า มีบุพพกรณ์เป็นนิทาน มีบุพพกรณ์เป็นสมุทัย มีบุพพกรณ์เป็นชาติ มีบุพพกรณ์เป็นแดนเกิดก่อน มีบุพพกรณ์เป็นองค์ มีบุพพกรณ์เป็นสมุฏฐาน.
   การอธิษฐานผ้า มีการถอนเป็นนิทาน มีการถอนเป็นสมุทัย มีการถอนเป็นชาติ มีการถอนเป็นแดนเกิดก่อน มีการถอนเป็นองค์ มีการถอนเป็นสมุฏฐาน.
   การกราน มีการอธิษฐานเป็นนิทาน มีการอธิษฐานเป็นสมุทัย มีการอธิษฐานเป็นชาติมีการอธิษฐานเป็นแดนเกิดก่อน มีการอธิษฐานเป็นองค์ มีการอธิษฐานเป็นสมุฏฐาน.
   มาติกาและปลิโพธ มีการกรานเป็นนิทาน มีการกรานเป็นสมุทัย มีการกรานเป็นชาติ มีการกรานเป็นแดนเกิดก่อน มีการกรานเป็นองค์ มีการกรานเป็นสมุฏฐาน.
   ความหวังและหมดหวัง มีวัตถุเป็นนิทาน มีวัตถุเป็นสมุทัย มีวัตถุเป็นชาติ มีวัตถุเป็นแดนเกิดก่อน มีวัตถุเป็นองค์ มีวัตถุเป็นสมุฏฐาน.
   ถ. ประโยค มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
          บุพพกรณ์ ...
          การถอนผ้า ...
          การอธิษฐานผ้า ...
          การกราน ...
          มาติกาและปลิโพธ ...
          วัตถุ ...
  ความหวังและหมดหวัง มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
  ต. ประโยค มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน มีเหตุเป็นองค์ มีเหตุเป็นสมุฏฐาน.
          การถอนผ้า ...
          การอธิษฐานผ้า ...
          การกราน ...
          มาติกาและปลิโพธ ...
          วัตถุ ...
 ความหวังและหมดหวัง มีเหตุเป็นนิทาน มีเหตุเป็นสมุทัย มีเหตุเป็นชาติ มีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน มีเหตุเป็นองค์ มีเหตุเป็นสมุฏฐาน.
 ถ. ประโยค มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน ...
          บุพพกรณ์ ...
          การถอนผ้า ...
          การอธิษฐานผ้า ...
          การกราน ...
          มาติกาและปลิโพธ ...
          วัตถุ ...
 ความหวังและหมดหวัง มีอะไรเป็นนิทาน? มีอะไรเป็นสมุทัย? มีอะไรเป็นชาติ? มีอะไรเป็นแดนเกิดก่อน? มีอะไรเป็นองค์? มีอะไรเป็นสมุฏฐาน?
 ต. ประโยค มีปัจจัยเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
          บุพพกรณ์ ...
          การถอนผ้า ...
          การอธิษฐานผ้า ...
          การกราน ...
          มาติกาและปลิโพธ ...
          วัตถุ ...
 ความหวังและหมดหวัง มีปัจจัยเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นสมุทัย มีปัจจัยเป็นชาติ มีปัจจัยเป็นแดนเกิดก่อน มีปัจจัยเป็นองค์ มีปัจจัยเป็นสมุฏฐาน.
สงเคราะห์ธรรม
   [๑๑๓๙] ถามว่า บุพพกรณ์ สงเคราะห์ด้วยธรรมเท่าไร?
   ตอบว่า บุพพกรณ์ สงเคราะห์ด้วยธรรม ๗ อย่าง คือ ซักผ้า ๑ กะผ้า ๑ ตัดผ้า ๑ เนาผ้า ๑ เย็บผ้า ๑ ย้อมผ้า ๑ ทำกัปปะพินทุ ๑ บุพพกรณ์ สงเคราะห์ด้วยธรรม ๗ นี้.
   ถ. การถอนผ้า สงเคราะห์ด้วยธรรมเท่าไร?
   ต. การถอนผ้า สงเคราะห์ด้วยธรรม ๓ อย่าง คือ ผ้าสังฆาฏิ ๑ ผ้าอุตราสงค์ ๑ ผ้าอันตรวาสก ๑.
   ถ. การอธิษฐานผ้า สงเคราะห์ด้วยธรรมเท่าไร?
   ต. การอธิษฐานผ้า สงเคราะห์ด้วยธรรม ๓ อย่าง คือ ผ้าสังฆาฏิ ๑ ผ้าอุตราสงค์ ๑ ผ้าอันตรวาสก ๑.
   ถ. การกราน สงเคราะห์ด้วยธรรมเท่าไร?
   ต. การกราน สงเคราะห์ด้วยธรรมอย่างเดียว คือ เปล่งวาจา.
มูลเหตุแห่งกฐินเป็นต้น
   [๑๑๔๐] ถามว่า กฐินมีมูลเท่าไร? มีวัตถุเท่าไร? มีภูมิเท่าไร?
   ตอบว่า กฐิน มีมูลอย่างเดียว คือ สงฆ์ มีวัตถุ ๓ คือ ผ้าสังฆาฏิ ๑ ผ้าอุตราสงค์ ๑ ผ้าอันตรวาสก ๑ มีภูมิ ๖ คือ ผ้าทำด้วยเปลือกไม้ ๑ ผ้าทำด้วยฝ้าย ๑ ผ้าทำด้วยไหม ๑ ผ้าทำด้วยขนสัตว์ ๑ ผ้าทำด้วยป่าน ๑ ผ้าทำด้วยสัมภาระเจือกัน ๑.
เป็นต้นแห่งกฐินเป็นต้น
   [๑๑๔๑] ถามว่า กฐิน มีอะไรเป็นเบื้องต้น? มีอะไรเป็นท่ามกลาง? มีอะไรเป็นที่สุด?
   ตอบว่า กฐินมีบุพพกรณ์เป็นเบื้องต้น มีการทำเป็นท่ามกลาง มีการกรานเป็นที่สุด.
องค์ของภิกษุผู้กรานกฐิน
   [๑๑๔๒] ถามว่า ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไร ไม่ควรกรานกฐิน? ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไร ควรกรานกฐิน?
   ตอบว่า ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๘ ไม่ควรกรานกฐิน ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๘ ควรกรานกฐิน.
   ถ. ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน ไม่ควรกรานกฐิน?
   ต. ภิกษุไม่รู้บุพพกรณ์ ๑ ไม่รู้การถอนผ้า ๑ ไม่รู้การอธิษฐานผ้า ๑ ไม่รู้การกราน ๑ ไม่รู้มาติกา ๑ ไม่รู้ปลิโพธ ๑ ไม่รู้การเดาะกฐิน ๑ ไม่รู้อานิสงส์ ๑.
   ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ไม่ควรกรานกฐิน.
   ถ. ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นไฉน ควรกรานกฐิน?
   ต. ภิกษุรู้บุพพกรณ์ ๑ รู้การถอนผ้า ๑ รู้การอธิษฐานผ้า ๑ รู้การกราน ๑ รู้มาติกา ๑ รู้ปลิโพธ ๑ รู้การเดาะกฐิน ๑ รู้อานิสงส์ ๑.
   ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ควรกรานกฐิน.
การกรานกฐิน
   [๑๑๔๓] ถามว่า บุคคลพวกไหนกรานกฐินไม่ขึ้น? บุคคลพวกไหนกรานกฐินขึ้น?
   ตอบว่า บุคคล ๓ พวกกรานกฐินไม่ขึ้น บุคคล ๓ พวกกรานกฐินขึ้น.
   ถ. บุคคล ๓ พวกเหล่าไหน กรานกฐินไม่ขึ้น.
   ต. บุคคลอยู่นอกสีมาอนุโมทนา ๑ เมื่ออนุโมทนาไม่เปล่งวาจา ๑ เมื่อเปล่งวาจาไม่ให้ผู้อื่นรู้ ๑ บุคคล ๓ พวกเหล่านี้ กรานกฐินไม่ขึ้น.
   ถ. บุคคล ๓ พวกเหล่าไหน กรานกฐินขึ้น?
   ต. บุคคลอยู่ในสีมาอนุโมทนา ๑ เมื่ออนุโมทนาเปล่งวาจา ๑ เมื่อเปล่งวาจาให้ผู้อื่นรู้ ๑ บุคคล ๓ พวกนี้กรานกฐินขึ้น.
วัตถุวิบัติเป็นต้น
   [๑๑๔๔] ถามว่า การกรานกฐินเท่าไร ไม่ขึ้น? การกรานกฐินเท่าไร ขึ้น?
   ตอบว่า การกรานกฐิน ๓ อย่าง ไม่ขึ้น การกรานกฐิน ๓ อย่าง ขึ้น.
   ถ. การกรานกฐิน ๓ อย่างเหล่าไหน ไม่ขึ้น?
   ต. ผ้าเป็นของวิบัติโดยวัตถุ ๑ วิบัติโดยกาล ๑ วิบัติโดยการกระทำ ๑ การกรานกฐิน ๓ อย่างนี้ ไม่ขึ้น.
   ถ. การกรานกฐิน ๓ อย่างเหล่าไหน ขึ้น?
   ต. ผ้าเป็นของถึงพร้อมด้วยวัตถุ ๑ ถึงพร้อมด้วยกาล ๑ ถึงพร้อมด้วยการกระทำ ๑ การกรานกฐิน ๓ อย่างนี้ ขึ้น.
ควรรู้กฐินเป็นต้น
   [๑๑๔๕] พึงรู้จักกฐิน พึงรู้จักการกรานกฐิน พึงรู้จักเดือนที่กรานกฐิน พึงรู้จักวิบัติแห่งการกรานกฐิน พึงรู้จักสมบัติแห่งการกรานกฐิน พึงรู้จักการทำนิมิต พึงรู้จักการพูดเลียบเคียง พึงรู้จักผ้าที่ยืมเขามา พึงรู้จักผ้าที่เก็บไว้ค้างคืน พึงรู้จักผ้าที่เป็นนิสสัคคีย์.
วิภาคคำว่าพึงรู้จักกฐินเป็นต้น
   [๑๑๔๖] คำว่า พึงรู้จักกฐิน นั้น ความว่า การรวบรวม การประชุมชื่อ การตั้งชื่อการเรียกชื่อ ภาษา พยัญชนะ การกล่าวธรรมเหล่านั้น รวมเรียกว่า กฐิน.
             คำว่า พึงรู้จักเดือนที่กรานกฐิน คือ พึงรู้จักเดือนท้ายแห่งฤดูฝน.
             คำว่า พึงรู้จักวิบัติแห่งการกรานกฐิน ได้แก่ พึงรู้จักวิบัติแห่งการกรานกฐิน ด้วย
อาการ ๒๔ อย่าง.
             คำว่า พึงรู้จักสมบัติแห่งการกรานกฐิน ได้แก่ พึงรู้จักสมบัติแห่งการกรานกฐิน
ด้วยอาการ ๑๗ อย่าง.
             คำว่า พึงรู้จักการทำนิมิต คือ ทำนิมิตว่า จักกรานกฐิน ด้วยผ้าผืนนี้.
             คำว่า พึงรู้จักการพูดเลียบเคียง คือ ทำการพูดเลียบเคียงด้วยคิดว่า จักยังผ้ากฐิน
ให้เกิด ด้วยการพูดเลียบเคียงนี้.
             คำว่า พึงรู้จักผ้าที่ยืมเขามา คือรู้จักผ้าที่ทายกมิได้หยิบยกให้.
             คำว่า พึงรู้จักผ้าที่เก็บไว้ค้างคืน คือ พึงรู้จักผ้าที่เก็บไว้ค้างคืน ๒ อย่าง คือ
ทำค้างคืน ๑ เก็บไว้ค้างคืน ๑.
             คำว่า พึงรู้จักผ้าเป็นนิสสัคคีย์ นั้น คือ เมื่อภิกษุกำลังทำผ้าอยู่อรุณขึ้นมา.
                  อธิบายการกรานกฐิน
             [๑๑๔๗] คำว่า พึงรู้จักการกรานกฐิน นั้น มีอธิบายว่า ถ้าผ้ากฐินบังเกิดแก่สงฆ์
สงฆ์พึงปฏิบัติอย่างไร? ภิกษุผู้กรานพึงปฏิบัติอย่างไร? ภิกษุผู้อนุโมทนาพึงปฏิบัติอย่างไร?
             สงฆ์พึงให้ผ้ากฐินแก่ภิกษุผู้กรานกฐินด้วยญัตติทุติยกรรม.
             ภิกษุผู้กรานกฐินนั้น พึงซักขยำให้สะอาดแล้ว กะ ตัด เย็บ ย้อม ทำพินทุกัปปะ
แล้วกรานกฐินในวันนั้นเทียว ถ้าประสงค์จะกรานกฐินด้วยผ้าสังฆาฏิ พึงถอนผ้าสังฆาฏิผืนเก่า
เสีย พึงอธิษฐานผ้าสังฆาฏิผืนใหม่ เปล่งวาจาว่า ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยผ้าสังฆาฏิผืนนี้, ถ้า
ประสงค์จะกรานกฐินด้วยผ้าอุตราสงค์ พึงถอนผ้าอุตราสงค์ผืนเก่าเสีย พึงอธิษฐานผ้าอุตราสงค์
ผืนใหม่ เปล่งวาจาว่า ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยผ้าอุตราสงค์ผืนนี้, ถ้าประสงค์จะกรานกฐินด้วยผ้า
อันตรวาสก พึงถอนผ้าอันตรวาสกผืนเก่าเสีย พึงอธิษฐานผ้าอันตรวาสกผืนใหม่ เปล่งวาจาว่า
ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยผ้าอันตรวาสกผืนนี้.
             อันภิกษุผู้กรานกฐินนั้น พึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคองอัญชลี
กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านเจ้าข้า กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม ขอท่านทั้งหลาย
อนุโมทนาเถิด.
             ภิกษุผู้อนุโมทนาเหล่านั้น พึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคองอัญชลี กล่าวอย่างนี้
ว่า ผู้มีอายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม เราทั้งหลายอนุโมทนา.
             ภิกษุผู้กรานกฐินนั้น พึงเข้าไปหาภิกษุหลายรูป ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคอง
อัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านเจ้าข้า กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม ขอท่าน
ทั้งหลายอนุโมทนาเถิด.
             ภิกษุผู้อนุโมทนาเหล่านั้น พึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคองอัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า
ผู้มีอายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม เราทั้งหลายอนุโมทนา.
             ภิกษุผู้กรานกฐินนั้น พึงเข้าไปหาภิกษุรูปหนึ่ง ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคอง
อัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม ขอท่าน
อนุโมทนาเถิด.
             ภิกษุผู้อนุโมทนานั้น พึงห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า ประคองอัญชลีกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มี
อายุ กฐินของสงฆ์กรานแล้ว การกรานกฐินเป็นธรรม ข้าพเจ้าอนุโมทนา.
กรานกฐิน
             [๑๑๔๘] ถามว่า สงฆ์กรานกฐิน คณะกรานกฐิน บุคคลกรานกฐิน หรือ?
             ตอบว่า สงฆ์หาได้กรานกฐินไม่ คณะหาได้กรานกฐินไม่ แต่บุคคลกรานกฐิน. ถ้า
สงฆ์หาได้กรานกฐินไม่ คณะหาได้กรานกฐินไม่ แต่บุคคลกรานกฐิน ได้ชื่อว่า สงฆ์ไม่ได้กราน
กฐิน คณะไม่ได้กรานกฐิน แต่บุคคลกรานกฐิน.
             ถ. สงฆ์สวดปาติโมกข์ คณะสวดปาติโมกข์ บุคคลสวดปาติโมกข์ หรือ?
             ต. สงฆ์หาได้สวดปาติโมกข์ไม่ คณะหาได้สวดปาติโมกข์ไม่ แต่บุคคลสวดปาติโมกข์,
สงฆ์หาได้สวดปาติโมกข์ไม่ คณะหาได้สวดปาติโมกข์ไม่ แต่บุคคลสวดปาติโมกข์ ได้ชื่อว่า
สงฆ์ไม่ได้สวดปาติโมกข์ คณะไม่ได้สวดปาติโมกข์ แต่บุคคลสวดปาติโมกข์. หรือ เพราะ
ความสามัคคีแห่งสงฆ์ เพราะความสามัคคีแห่งคณะ เพราะบุคคลสวด ได้ชื่อว่า สงฆ์สวด
ปาติโมกข์ คณะสวดปาติโมกข์ บุคคลสวดปาติโมกข์ ฉันใด, สงฆ์หาได้กรานกฐินไม่ คณะ
หาได้กรานกฐินไม่ แต่บุคคลกรานกฐิน, เพราะสงฆ์อนุโมทนา เพราะคณะอนุโมทนา เพราะ
บุคคลกราน ได้ชื่อว่า สงฆ์กรานกฐิน คณะกรานกฐิน บุคคลกรานกฐิน ฉันนั้นเหมือนกัน.
                                   แก้ปัญหาปลิโพธในมาติกา ๘
             [๑๑๔๙] ท่านมหากัสสปถามว่า การเดาะกฐินมีการหลีกไปเป็นที่สุด
อันพระสุคตเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็ข้าพเจ้า
ขอถามท่านถึงการเดาะกฐินนั่น ปลิโพธอย่างไหนขาดก่อน?
             ท่านพระอุบาลีตอบว่า การเดาะกฐินมีการหลีกไปเป็นที่สุด อัน
พระสุคตเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็เมื่อภิกษุ
หลีกไปด้วยคิดว่า จักทิ้งอาวาสนี้เสียละ ปลิโพธในจีวรขาดก่อน, ปลิโพธ
ในอาวาสขาดพร้อมกับภิกษุนั้นไปนอกสีมา.
             [๑๑๕๐] ม. การเดาะกฐินมีการทำเสร็จเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็ข้าพเจ้าขอถามท่าน ถึงการ
เดาะกฐินนั่น ปลิโพธอย่างไหนขาดก่อน?
             อุ. การเดาะกฐินมีการทำเสร็จเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็เมื่อภิกษุหลีกไปด้วยคิดว่าจัก
ทิ้งอาวาสนี้เสียละ ปลิโพธในอาวาสขาดก่อน เมื่อจีวรสำเร็จ ปลิโพธใน
จีวรขาด.
             [๑๑๕๑] ม. การเดาะกฐินมีการตกลงใจเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็ข้าพเจ้าขอถามท่านถึงการ
เดาะกฐินนั่น ปลิโพธอย่างไหนขาดก่อน?
             อุ. การเดาะกฐินมีการตกลงใจเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็เมื่อภิกษุหลีกไปด้วยคิดว่าจัก
ทิ้งอาวาสนี้เสียละ ปลิโพธ ๒ อย่าง ขาดพร้อมกัน.
             [๑๑๕๒] ม. การเดาะกฐินมีความเสียเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็ข้าพเจ้าขอถามท่านถึงการ
เดาะกฐินนั่น ปลิโพธอย่างไหนขาดก่อน?
             อุ. การเดาะกฐินมีการเสียเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็นเผ่า
พันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็เมื่อภิกษุหลีกไปด้วยคิดว่าจักทิ้ง
อาวาสนี้เสียละ ปลิโพธในอาวาสขาดก่อน  ปลิโพธในจีวรขาดเมื่อจีวร
เสียหาย.
             [๑๑๕๓] ม. การเดาะกฐินมีการฟังเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็ข้าพเจ้าขอถามท่านถึงการ
เดาะกฐินนั่น ปลิโพธอย่างไหนขาดก่อน
             อุ. การเดาะกฐินมีการฟังเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์
แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็เมื่อภิกษุหลีกไปด้วยคิดว่าจักทิ้ง
อาวาสนี้เสียละ ปลิโพธในจีวรขาดก่อน ปลิโพธในอาวาสขาดพร้อมกับ
การฟังของภิกษุนั้น.
             [๑๑๕๔] ม. การเดาะกฐินมีความสิ้นหวังเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็ข้าพเจ้าขอถามท่าน ถึงการ
เดาะกฐินนั่น ปลิโพธอย่างไหนขาดก่อน?
             อุ. การเดาะกฐินมีความสิ้นหวังเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็เมื่อภิกษุหลีกไปด้วยคิดว่าจัก
ทิ้งอาวาสนี้เสียละ ปลิโพธในอาวาสขาดก่อน  ปลิโพธในจีวรขาดต่อเมื่อ
สิ้นความหวังในจีวรแล้ว.
             [๑๑๕๕] ม. การเดาะกฐินมีการก้าวล่วงสีมาเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้าผู้
เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็ข้าพเจ้าขอถามท่าน ถึง
การเดาะกฐินนั่น ปลิโพธอย่างไหนขาดก่อน?
             อุ. การเดาะกฐินมีการก้าวล่วงสีมาเป็นที่สุด อันพระสุคตเจ้า
ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็เมื่อภิกษุหลีกไปด้วย
คิดว่า จักทิ้งอาวาสนี้เสียละ ปลิโพธในจีวรขาดก่อน  ปลิโพธในอาวาส
ขาดเมื่อภิกษุนั้นไปนอกสีมา.
             [๑๑๕๖] ม. การเดาะกฐินมีการเดาะพร้อมกัน อันพระสุคตเจ้าผู้เป็น
เผ่าพันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็ข้าพเจ้าขอถามท่านถึงการ
เดาะกฐินนั่น ปลิโพธอย่างไหนขาดก่อน?
             อุ. การเดาะกฐินมีการเดาะพร้อมกัน อันพระสุคตเจ้าผู้เป็นเผ่า-
พันธุ์แห่งพระราชาผู้สูงศักดิ์ตรัสไว้แล้ว ก็เมื่อภิกษุหลีกไปด้วยคิดว่าจักทิ้ง
อาวาสนี้เสียละ ปลิโพธทั้ง ๒ ขาดพร้อมกัน.
                                   การเดาะกฐิน
             [๑๑๕๗] ถามว่า การเดาะกฐินที่สงฆ์เป็นใหญ่มีเท่าไร? การเดาะกฐินที่บุคคลเป็น
ใหญ่มีเท่าไร? การเดาะกฐินที่สงฆ์ไม่เป็นใหญ่บุคคลไม่เป็นใหญ่มีเท่าไร?
             ตอบว่า การเดาะกฐินที่สงฆ์เป็นใหญ่มีอย่างเดียว คือ การเดาะในระหว่าง.
             การเดาะกฐินที่บุคคลเป็นใหญ่มี ๔ อย่าง คือ เดาะกฐินมีการหลีกไปเป็นที่สุด ๑ มี
การทำเสร็จเป็นที่สุด ๑ มีความตกลงใจเป็นที่สุด ๑ มีความก้าวล่วงสีมาเป็นที่สุด ๑.
             การเดาะกฐินที่สงฆ์ไม่เป็นใหญ่ ที่บุคคลไม่เป็นใหญ่มี ๔ อย่าง คือการเดาะกฐินมี
การเสียเป็นที่สุด ๑ มีการฟังเป็นที่สุด ๑ มีความสิ้นหวังเป็นที่สุด ๑ มีการเดาะกฐินพร้อมกัน ๑.
                การเดาะกฐินภายในสีมาเป็นต้น
             [๑๑๕๘] ถามว่า การเดาะกฐินเท่าไร เดาะภายในสีมา? การเดาะกฐินเท่าไร เดาะ
ภายนอกสีมา? การเดาะกฐินเท่าไร บางอย่างเดาะภายในสีมา บางอย่างเดาะภายนอกสีมา?
             ตอบว่า การเดาะกฐิน ๒ อย่าง เดาะภายในสีมา คือ เดาะในระหว่าง ๑ เดาะ
พร้อมกัน ๑.
             การเดาะกฐิน ๓ อย่าง เดาะภายนอกสีมา คือ การเดาะกฐินมีความหลีกไปเป็นที่สุด
๑ มีความฟังเป็นที่สุด ๑ มีความก้าวล่วงสีมาเป็นที่สุด ๑.
             การเดาะกฐิน ๔ อย่าง บางอย่างเดาะภายในสีมา บางอย่างเดาะภายนอกสีมา คือ
การเดาะกฐินมีการทำเสร็จเป็นที่สุด ๑ มีความตกลงใจเป็นที่สุด ๑ มีความเสียเป็นที่สุด ๑ มี
ความสิ้นหวังเป็นที่สุด ๑.
                การเดาะกฐินเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นต้น
             [๑๑๕๙] ถามว่า การเดาะกฐินเท่าไร เกิดด้วยกัน ดับด้วยกัน? การเดาะกฐิน
เท่าไร เกิดด้วยกัน ดับต่างกัน?
             ตอบว่า การเดาะกฐิน ๒ อย่างที่เกิดด้วยกัน ดับด้วยกัน คือ เดาะในระหว่าง ๑
เดาะพร้อมกัน ๑.
             การเดาะกฐินนอกนั้น เกิดด้วยกัน ดับต่างกัน.
      กฐินเภท จบ
                           หัวข้อประจำเรื่อง
             [๑๑๖๐] ใคร ด้วยอย่างไร ธรรม ๑๕ อย่าง นิทาน เหตุ ปัจจัย สงเคราะห์ มูล
เบื้องต้น ประเภท บุคคล ๘ บุคคล ๓ การเดาะกฐิน ๓ พึงรู้ การกราน การสวด ปลิโพธ
เป็นใหญ่ สีมา เกิดขึ้นและดับ.
      ปริวาร จบ

ไม่มีความคิดเห็น: