Translate

11 กุมภาพันธ์ 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร อุปาลิปัญจกะ [อธิกรณวูปสมวรรคที่ ๑๐] องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรระงับอธิกรณ์ [สังฆเภทวรรคที่ ๑๑] ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์มีโทษ [ทุติยสังฆเภทวรรคที่ ๑๒] ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ไม่มีโทษ

Google Workspace logo 
ทำบุญ 
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรระงับอธิกรณ์
        [๑๒๑๑] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ไม่ควรระงับอธิกรณ์ พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้อาบัติ
             ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอาบัติ
             ๓. ไม่รู้ประโยคอาบัติ
             ๔. ไม่รู้ความระงับอาบัติ
            ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์ 
        ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้อาบัติ
             ๒. รู้สมุฏฐานอาบัติ
             ๓. รู้ประโยคอาบัติ
             ๔. รู้ความระงับอาบัติ
            ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรระงับอธิกรณ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้อธิกรณ์
             ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอธิกรณ์
             ๓. ไม่รู้ประโยคอธิกรณ์
             ๔. ไม่รู้ความระงับอธิกรณ์
            ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้อธิกรณ์
             ๒. รู้สมุฏฐานอธิกรณ์
             ๓. รู้ประโยคอธิกรณ์
             ๔. รู้ความระงับอธิกรณ์
            ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรระงับอธิกรณ์
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรระงับอธิกรณ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ถึงฉันทาคติ
             ๒. ถึงโทสาคติ
             ๓. ถึงโมหาคติ
             ๔. ถึงภยาคติ
             ๕. เป็นอลัชชี
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ
             ๒. ไม่ถึงโทสาคติ
             ๓. ไม่ถึงโมหาคติ
             ๔. ไม่ถึงภยาคติ
             ๕. เป็นลัชชี
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ถึงฉันทาคติ
             ๒. ถึงโทสาคติ
             ๓. ถึงโมหาคติ
             ๔. ถึงภยาคติ
             ๕. เป็นผู้ได้ยินได้ฟังน้อย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ
             ๒. ไม่ถึงโทสาคติ
             ๓. ไม่ถึงโมหาคติ
             ๔. ไม่ถึงภยาคติ
             ๕. เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรระงับอธิกรณ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้วัตถุ
             ๒. ไม่รู้นิทาน
             ๓. ไม่รู้บัญญัติ
             ๔. ไม่รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง
       ๕. ไม่รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้วัตถุ
             ๒. รู้นิทาน
             ๓. รู้บัญญัติ
             ๔. รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง
       ๕. รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรระงับอธิกรณ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ถึงฉันทาคติ
             ๒. ถึงโทสาคติ
             ๓. ถึงโมหาคติ
             ๔. ถึงภยาคติ
             ๕. ไม่ฉลาดในวินัย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง คือ:-
             ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ
             ๒. ไม่ถึงโทสาคติ
             ๓. ไม่ถึงโมหาคติ
             ๔. ไม่ถึงภยาคติ
             ๕. ฉลาดในวินัย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรระงับอธิกรณ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ถึงฉันทาคติ
             ๒. ถึงโทสาคติ
             ๓. ถึงโมหาคติ
             ๔. ถึงภยาคติ
       ๕. เป็นผู้หนักในบุคคล ไม่หนักในสงฆ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ
             ๒. ไม่ถึงโทสาคติ
             ๓. ไม่ถึงโมหาคติ
             ๔. ไม่ถึงภยาคติ
       ๕. เป็นผู้หนักในสงฆ์ ไม่หนักในบุคคล
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรระงับอธิกรณ์อีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ไม่ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ถึงฉันทาคติ
             ๒. ถึงโทสาคติ
             ๓. ถึงโมหาคติ
             ๔. ถึงภยาคติ
       ๕. เป็นผู้หนักในอามิส ไม่หนักในสัทธรรม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่ควรระงับอธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ควรระงับอธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ควรระงับอธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ
             ๒. ไม่ถึงโทสาคติ
             ๓. ไม่ถึงโมหาคติ
             ๔. ไม่ถึงภยาคติ
       ๕. เป็นผู้หนักสัทธรรม ไม่หนักในอามิส
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ควรระงับอธิกรณ์.
สงฆ์แตกกัน
       [๑๒๑๒] อุ. สงฆ์แตกกันด้วยอาการเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี สงฆ์แตกกันด้วยอาการ ๕. อาการ ๕ อะไรบ้าง? คือ กรรม ๑ อุเทศ ๑ ชี้แจง ๑ สวดประกาศ ๑ ให้จับสลาก ๑ ดูกรอุบาลี สงฆ์แตกกันด้วยอาการ ๕ นี้แล.
สังฆราชีและสังฆเภท
       [๑๒๑๓] อุ. พระพุทธเจ้าข้า ที่ตรัสว่า ความร้าวรานแห่งสงฆ์นั้น ด้วยเหตุเพียงเท่าไร จึงเป็นความร้าวรานแห่งสงฆ์ แต่ไม่ถึงความแตกแห่งสงฆ์? อนึ่ง ด้วยเหตุเพียงเท่าไรจึงเป็นทั้งความร้าวรานแห่งสงฆ์ทั้งความแตกแห่งสงฆ์?
       พ. ดูกรอุบาลี อาคันตุกวัตรนั่น เราบัญญัติไว้แล้ว สำหรับภิกษุพวกอาคันตุกะ เมื่อสิกขาบทอันเราบัญญัติไว้เรียบร้อยอย่างนี้แล้ว ภิกษุพวกอาคันตุกะไม่ประพฤติในอาคันตุกวัตร
       ดูกรอุบาลี แม้อย่างนี้แล เป็นความร้าวรานแห่งสงฆ์ แต่ไม่ถึงความแตกแห่งสงฆ์.
       ดูกรอุบาลี อาวาสิกวัตรนั่น เราบัญญัติไว้แล้ว สำหรับภิกษุพวกเจ้าถิ่น เมื่อสิกขาบท อันเราบัญญัติไว้เรียบร้อยอย่างนี้แล้ว ภิกษุเจ้าถิ่นไม่ประพฤติในอาวาสิกวัตร
       ดูกรอุบาลี แม้อย่างนี้แล เป็นความร้าวรานแห่งสงฆ์ แต่ไม่ถึงความแตกแห่งสงฆ์.
       ดูกรอุบาลี ภัตตัคควัตรในโรงภัตรนั่น เราบัญญัติไว้แล้ว สำหรับภิกษุทั้งหลาย ตามลำดับผู้แก่กว่า ตามลำดับราตรี ตามสมควร คือ อาสนะที่ดี น้ำที่สะอาด ก้อนข้าวที่ดี เมื่อสิกขาบท อันเราบัญญัติไว้เรียบร้อยอย่างนี้แล้ว พวกพระใหม่เกียดกันอาสนะในโรงภัตรสำหรับพระเถระเสีย
       ดูกรอุบาลี แม้อย่างนี้ เป็นความร้าวรานแห่งสงฆ์ แต่ไม่ถึงความแตกแห่งสงฆ์.
       ดูกรอุบาลี เสนาสนวัตรในเสนาสนะนั่น เราบัญญัติไว้แล้ว สำหรับภิกษุทั้งหลายตามลำดับผู้แก่กว่า ตามลำดับราตรี ตามสมควร เมื่อสิกขาบท อันเราบัญญัติไว้เรียบร้อยอย่างนี้แล้ว พวกพระใหม่เกียดกันเสนาสนะของพระเถระเสีย
       ดูกรอุบาลี แม้อย่างนี้ เป็นความร้าวรานแห่งสงฆ์ แต่ไม่ถึงความแตกแห่งสงฆ์.
       ดูกรอุบาลี อุโบสถอย่างเดียวกัน ปวารณาอย่างเดียวกัน สังฆกรรมอย่างเดียวกัน กรรมใหญ่น้อยอย่างเดียวกัน ภายในสีมานั่น เราบัญญัติไว้แล้วแก่ภิกษุทั้งหลาย เมื่อสิกขาบทอันเราบัญญัติไว้เรียบร้อยอย่างนี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายต่างทำความแตกแยกกัน แล้วคุมกันเป็นคณะแยกทำอุโบสถ แยกทำปวารณา แยกทำสังฆกรรม แยกทำกรรมใหญ่น้อย ภายในสีมานั่นแหละ
       ดูกรอุบาลี แม้อย่างนี้ เป็นทั้งความร้าวรานแห่งสงฆ์ ทั้งความแตกแห่งสงฆ์แล.    อธิกรณวูปสมวรรคที่ ๑๐ จบ
หัวข้อประจำวรรค  
       [๑๒๑๔] อาบัติ อธิกรณ์ ลำเอียงเพราะรักใคร่ ได้ยินได้ฟังน้อย วัตถุไม่ฉลาดบุคคล อามิส สงฆ์แตกกัน ความร้าวรานแห่งสงฆ์ และความแตกแห่งสงฆ์.
ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์มีโทษ
   [๑๒๑๕] อุ. ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล เป็นผู้ไปอบายตกนรก ชั่วกัป เยียวยาไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
   ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ อำพรางความเห็นด้วยกรรม ๑
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้ องค์ ๕ อะไรบ้าง?
   ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ อำพรางความเห็นด้วยอุเทศ ๑
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้.
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
   ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ชี้แจงอำพรางความเห็น ๑
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้.
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เป็นผู้ไปอบายตกนรก ชั่วกัป เยียวยาไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
   ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ อำพรางความเห็นด้วยสวดประกาศ ๑
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้.
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เป็นผู้ไปอบายตกนรก ชั่วกัป เยียวยาไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
   ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ อำพรางความเห็นด้วยให้จับสลาก ๑
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้.
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เป็นผู้ไปอบายตกนรก ชั่วกัป เยียวยาไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
   ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ อำพรางความถูกใจด้วยกรรม ๑ ...
... อำพรางความถูกใจด้วยอุเทศ ...
... ชี้แจงอำพรางความถูกใจ ...
... อำพรางความถูกใจด้วยสวดประกาศ ...
... อำพรางความถูกใจด้วยให้จับสลาก ...
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้.
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เป็นผู้ไปอบายตกนรก ชั่วกัป เยียวยาไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
   ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ อำพรางความพอใจด้วยกรรม ๑ ...
... อำพรางความพอใจด้วยอุเทศ ...
... ชี้แจงอำพรางความพอใจ ...
... อำพรางความพอใจด้วยสวดประกาศ ...
... อำพรางความพอใจด้วยให้จับสลาก ...
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไปอบาย ตกนรกชั่วกัป เยียวยาไม่ได้.
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก เป็นผู้ไปอบายตกนรก ชั่วกัป เยียวยาไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
   ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ อำพรางสัญญาด้วยกรรม ๑ ...
       ... อำพรางสัญญาด้วยอุเทศ ...
       ... ชี้แจงอำพรางสัญญา ...
... อำพรางสัญญาด้วยสวดประกาศ ...
... อำพรางสัญญาด้วยให้จับสลาก ...
       ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไปอบาย ตกนรก ชั่วกัปเยียวยาไม่ได้.    สังฆเภทวรรคที่ ๑๑ จบ
หัวข้อประจำวรรค
       [๑๒๑๖] อำพรางความเห็นด้วยกรรม อุเทศ ชี้แจง สวดประกาศ และให้จับสลากรวม ๕ นี้ อิงความเห็น ความถูกใจ ความชอบใจ และสัญญา ๓ อย่างนั้น มีนัยตามแนว ๕ อย่างนั้นแล.
ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ไม่มีโทษ
        [๑๒๑๗] อุ ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล เป็นผู้ไม่ไปอบายไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้ พระพุทธเจ้าข้า?
        พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ประกอบด้วยองค์ ๕ เป็นผู้ไม่ไปอบาย ไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้ องค์ ๕ อะไรบ้าง?
        ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ไม่อำพรางความเห็นด้วยกรรม ๑
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไม่ไปอบาย ไม่ตกนรก
ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้.
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ ไม่เป็นผู้ไปอบาย ไม่
ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้ องค์ ๕ อะไรบ้าง?
             ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑
แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ไม่อำพรางความเห็นด้วยอุเทศ ๑
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไม่ไปอบาย ไม่ตกนรก
ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้.
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้ไม่ไปอบาย
ไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้ องค์ ๕ อะไรบ้าง?
             ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม
๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ชี้แจงไม่อำพรางความเห็น ๑
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไม่ไปอบาย ไม่
ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยามิได้
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้ไม่ไปอบาย
ไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
             ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็น
อธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ไม่อำพรางความเห็นด้วยสวด
ประกาศ ๑
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไม่ไปอบาย
ไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้ไม่ไปอบาย
ไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้ องค์ ๕ อะไรบ้าง
             ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม
๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ไม่อำพรางความเห็นด้วยให้จับสลาก ๑
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไม่ไปอบาย ไม่ตก
นรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้ไม่ไปอบาย
ไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้ องค์ ๕ อะไรบ้าง?
             ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็น
อธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ไม่อำพรางความถูกใจด้วย
กรรม ๑ ...
             ... ไม่อำพรางความถูกใจด้วยอุเทศ ...
             ... ชี้แจงไม่อำพรางความถูกใจ ...
             ... ไม่อำพรางความถูกใจด้วยสวดประกาศ ...
             ... ไม่อำพรางความถูกใจด้วยให้จับสลาก ...
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไม่ไปอบาย ไม่ตก
นรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้ไม่ไปอบาย
ไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้ องค์ ๔ อะไรบ้าง?
             ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็น
อธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ไม่อำพรางความชอบใจด้วย
กรรม ๑ ...
             ... ไม่อำพรางความชอบใจด้วยอุเทศ ...
             ... ชี้แจงไม่อำพรางความชอบใจ ...
             ... ไม่อำพรางความชอบใจด้วยสวดประกาศ ...
             ... ไม่อำพรางความชอบใจด้วยให้จับสลาก ...
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไม่ไปอบาย ไม่
ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้.
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้ไม่ไปอบาย
ไม่ตกนรก ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้ องค์ ๕ อะไรบ้าง?
             ดูกรอุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็น
อธรรม ๑ แสดงอวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าเป็นอวินัย ๑ ไม่อำพรางสัญญาด้วยกรรม ๑
             ... ไม่อำพรางสัญญาด้วยอุเทศ ...
             ... ชี้แจงไม่อำพรางสัญญา ...
             ... ไม่อำพรางสัญญาด้วยสวดประกาศ ...
             ... ไม่อำพรางสัญญาด้วยให้จับสลาก ...
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้ไม่ไปอบาย ไม่ตกนรก
ไม่อยู่ชั่วกัป มิใช่เยียวยาไม่ได้.   ทุติยสังฆเภทวรรค ที่ ๑๒ จบ
                       หัวข้อประจำวรรค
             [๑๒๑๘] ไม่อำพรางความเห็นด้วยกรรม อุเทศ ชี้แจง สวดประกาศและให้จับสลาก
รวม ๕ นี้อิงความเห็น ความถูกใจ ความชอบใจ และสัญญา ๓ อย่างนี้ มีนัยตามแนว ๕ อย่าง
นั้น ขอท่านทั้งหลาย จงรู้วิธี ๒๐ ถ้วนในฝ่ายขาว เหมือนวิธี ๒๐ ถ้วน ในฝ่ายดำข้างหลัง
ฉะนั้นเทอญ. ฯ

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร อุปาลิปัญจกะ [มุสาวาทวรรคที่ ๗] มุสาวาท งดอุโบสถหรือปวารณา [ภิกขุนีโอวาทวรรคที่ ๘] องค์สำหรับลงโทษภิกษุณี [อุพพาหิกวรรคที่ ๙] ไม่สมมติด้วยอุพพาหิกา

Google Workspace logo 
ทำบุญ 
มุสาวาท
      [๑๑๙๓] อุ. มุสาวาท มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
      พ. ดูกรอุบาลี มุสาวาทนี้มี ๕ อย่าง. ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. มีอยู่ มุสาวาทถึงต้องอาบัติปาราชิก
 ๒. มีอยู่ มุสาวาทถึงต้องอาบัติสังฆาทิเสส
 ๓. มีอยู่ มุสาวาทถึงต้องอาบัติถุลลัจจัย
 ๔. มีอยู่ มุสาวาทถึงต้องอาบัติปาจิตตีย์
 ๕. มีอยู่ มุสาวาทถึงต้องอาบัติทุกกฏ
      ดูกรอุบาลี มุสาวาท ๕ อย่าง นี้แล.
งดอุโบสถหรือปวารณา
      [๑๑๙๔] อุ. พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล งดอุโบสถหรือปวารณาในท่ามกลางสงฆ์ สงฆ์พึงกำจัดเสียว่า อย่าเลย ภิกษุ เธออย่าได้ทำความบาดหมางอย่าได้ทำความทะเลาะ อย่าได้ทำความแก่งแย่ง อย่าได้ทำความวิวาทกัน ดังนี้ แล้วทำอุโบสถหรือปวารณา?
      ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ งดอุโบสถหรือปวารณา ในท่ามกลางสงฆ์ สงฆ์พึงกำจัดเสียว่า อย่าเลย ภิกษุ เธออย่าได้ทำความบาดหมาง อย่าได้ทำความทะเลาะ อย่าได้ทำความแก่งแย่ง อย่าได้ทำความวิวาทกัน ดังนี้ แล้วทำอุโบสถหรือปวารณา. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
            ๑. เป็นอลัชชี
            ๒. เป็นพาล
            ๓. มิใช่ปกตัตตะ
 ๔. เป็นผู้กล่าวประสงค์จะให้เคลื่อนจากพรหมจรรย์
 ๕. หาใช่เป็นผู้กล่าวประสงค์ให้ออกจากอาบัติไม่.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล งดอุโบสถหรือปวารณาในท่ามกลางสงฆ์ สงฆ์พึงกำจัดเสียว่า อย่าเลย ภิกษุ เธออย่าได้ทำความบาดหมาง อย่าได้ทำความทะเลาะ อย่าได้ทำความแก่งแย่ง อย่าได้ทำความวิวาทกัน ดังนี้ แล้วทำอุโบสถ หรือปวารณา.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ งดอุโบสถหรือปวารณาในท่ามกลางสงฆ์ สงฆ์พึงกำจัดเสียว่า อย่าเลย ภิกษุ เธออย่าได้ทำความบาดหมาง อย่าได้ทำความทะเลาะอย่าได้ทำความแก่งแย่ง อย่าได้ทำความวิวาทกัน ดังนี้แล้วทำอุโบสถหรือปวารณา. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายไม่บริสุทธิ์
 ๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาไม่บริสุทธิ์
 ๓. เป็นผู้มีอาชีวะไม่บริสุทธิ์
 ๔. เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด
 ๕. เป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล งดอุโบสถ หรือปวารณาในท่ามกลางสงฆ์ สงฆ์พึงกำจัดเสียว่า อย่าเลย ภิกษุ เธออย่าได้ทำความบาดหมาง อย่าได้ทำความทะเลาะ อย่าได้ทำความแก่งแย่ง อย่าได้ทำความวิวาทกัน ดังนี้แล้วทำอุโบสถ หรือปวารณา.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรให้คำซักถาม
       [๑๑๙๕] อุ. สงฆ์ไม่พึงให้คำซักถาม แก่ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี สงฆ์ไม่พึงให้คำซักถาม แก่ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ไม่รู้อาบัติและอนาบัติ
       ๒. ไม่รู้อาบัติเบาและอาบัติหนัก
๓. ไม่รู้อาบัติมีส่วนเหลือและอาบัติหาส่วนเหลือมิได้.
๔. ไม่รู้อาบัติชั่วหยาบและอาบัติไม่ชั่วหยาบ
๕. ไม่รู้อาบัติที่ทำคืนได้และอาบัติที่ทำคืนไม่ได้
       ดูกรอุบาลี สงฆ์ไม่พึงให้คำซักถาม แก่ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
องค์ของภิกษุผู้ควรให้คำซักถาม
       ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงให้คำซักถาม แก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. รู้อาบัติและอนาบัติ
       ๒. รู้อาบัติเบาและอาบัติหนัก
๓. รู้อาบัติมีส่วนเหลือและอาบัติหาส่วนเหลือมิได้
๔. รู้อาบัติชั่วหยาบและอาบัติไม่ชั่วหยาบ
๕. รู้อาบัติที่ทำคืนได้และอาบัติที่ทำคืนไม่ได้
       ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงให้คำซักถาม แก่ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ ๕
       [๑๑๙๖] อุ. ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ ๕. อาการ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ด้วยไม่ละอาย
       ๒. ด้วยไม่รู้
       ๓. ด้วยสงสัยแล้วขืนทำ
       ๔. ด้วยสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร
       ๕. ด้วยสำคัญว่าไม่ควรในของที่ควร
 ดูกรอุบาลี ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ ๕ นี้แล.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการแม้อื่นอีก ๕. อาการ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ด้วยไม่ได้เห็น
             ๒. ด้วยไม่ได้ฟัง
             ๓. ด้วยหลับ
             ๔. ด้วยเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น
             ๕. ด้วยลืมสติ
 ดูกรอุบาลี ภิกษุต้องอาบัติด้วยอาการ ๕ นี้แล.
เวร ๕
 [๑๑๙๗] อุ. เวรมีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
 พ. ดูกรอุบาลี เวรนี้มี ๕ เวร ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ฆ่าสัตว์มีชีวิต
       ๒. ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้
       ๓. ประพฤติผิดในกาม
       ๔. พูดเท็จ
       ๕. เหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เพราะดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย
 ดูกรอุบาลี เวร ๕ นี้แล.
เจตนางดเว้น ๕
 [๑๑๙๘] อุ. เจตนางดเว้น มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
 พ. ดูกรอุบาลี เจตนางดเว้นนี้ มี ๕. เจตนางดเว้น ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. เจตนางดเว้น จากฆ่าสัตว์มีชีวิต
๒. เจตนางดเว้น จากถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ให้
๓. เจตนางดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
๔. เจตนางดเว้น จากพูดเท็จ
๕. เจตนางดเว้น จากเหตุเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เพราะดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย
 ดูกรอุบาลี เจตนางดเว้น ๕ นี้แล.
ความเสื่อม ๕
 [๑๑๙๙] อุ. ความเสื่อมมีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
 พ. ดูกรอุบาลี ความเสื่อมนี้ มี ๕. ความเสื่อม ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ความเสื่อมจากญาติ
       ๒. ความเสื่อมจากโภคทรัพย์
       ๓. ความเสื่อมคือมีโรค
       ๔. ความเสื่อมจากศีล
       ๕. ความเสื่อมคือเห็นผิด
 ดูกรอุบาลี ความเสื่อม ๕ นี้แล.
ความถึงพร้อม ๕
      [๑๒๐๐] อุ. ความถึงพร้อมมีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า
       พ. ดูกรอุบาลี ความถึงพร้อมนี้ มี ๕ อะไรบ้าง คือ:-
       ๑. ความถึงพร้อมด้วยญาติ
       ๒. ความถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์.
       ๓. ความถึงพร้อมด้วยความไม่มีโรค
       ๔. ความถึงพร้อมด้วยศีล
       ๕. ความถึงพร้อมด้วยเห็นชอบ
 ดูกรอุบาลี ความถึงพร้อมมี ๕ นี้แล.    มุสาวาทวรรคที่ ๗ จบ
หัวข้อประจำวรรค
       [๑๒๐๑] มุสาวาท ๑ ย่ำยี ๑ ย่ำยีอีกนัยหนึ่ง ๑ ซักถาม ๑ อาบัติ ๑ อาบัติอีกนัยหนึ่ง ๑ เวร ๑ เจตนางดเว้น ๑ ความเสื่อม ๑ ความถึงพร้อม ๑ รวมเป็นวรรคที่ ๗ฯ
หัวข้อประจำวรรค จบ
องค์สำหรับลงโทษ
       [๑๒๐๒] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว พึงลงโทษได้ พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว พึงลงโทษ คือ ภิกษุณีสงฆ์ไม่พึงไหว้ภิกษุนั้น. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. เปิดกายอวดภิกษุณีทั้งหลาย
       ๒. ถลกขาอ่อนอวดภิกษุณีทั้งหลาย
       ๓. เปิดองค์กำเนิดอวดภิกษุณีทั้งหลาย
       ๔. เปิดไหล่ทั้งสองอวดภิกษุณีทั้งหลาย
๕. พูดเคาะภิกษุณี ชักจูงพวกคฤหัสถ์ให้สมสู่กับภิกษุณี
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว พึงลงโทษ คือ ภิกษุณีสงฆ์ไม่พึงไหว้ภิกษุนั้น.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว พึงลงโทษ คือ ภิกษุณีสงฆ์ไม่พึงไหว้ภิกษุนั้น. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ขวนขวายเพื่อความเสื่อมลาภแห่งภิกษุณีทั้งหลาย
๒. ขวนขวายเพื่อความพินาศแห่งภิกษุณีทั้งหลาย
๓. ขวนขวายเพื่อความอยู่ไม่ได้แห่งภิกษุณีทั้งหลาย
๔. ด่าบริภาษภิกษุณีทั้งหลาย
๕. ยุยงภิกษุกับภิกษุณีให้แตกกัน
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว พึงลงโทษ คือ ภิกษุณีสงฆ์ไม่พึงไหว้ภิกษุนั้น.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว พึงลงโทษ คือ ภิกษุณีสงฆ์ไม่พึงไหว้ภิกษุนั้น. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ขวนขวายเพื่อความเสื่อมลาภแห่งภิกษุณีทั้งหลาย
๒. ขวนขวายเพื่อความพินาศแห่งภิกษุณีทั้งหลาย
๓. ขวนขวายเพื่อความอยู่ไม่ได้แห่งภิกษุณีทั้งหลาย
๔. ด่าบริภาษภิกษุณีทั้งหลาย
๕. ชักจูงภิกษุให้สมสู่กับภิกษุณีทั้งหลาย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว พึงลงโทษ คือ ภิกษุณีสงฆ์ไม่พึงไหว้ภิกษุนั้น.
องค์สำหรับลงโทษภิกษุณี
       [๑๒๐๓] อุ. ภิกษุณีประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล สงฆ์พึงลงโทษ พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุณีประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. เปิดกายอวดภิกษุทั้งหลาย
       ๒. ถลกขาอ่อนอวดภิกษุทั้งหลาย
       ๓. เปิดองค์กำเนิดอวดภิกษุทั้งหลาย
       ๔. เปิดไหล่ทั้งสองอวดภิกษุทั้งหลาย
 ๕. พูดเคาะภิกษุ ชักจูงให้สมสู่กับสตรีคฤหัสถ์
       ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุณีประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
       ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุณีประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ขวนขวายเพื่อความเสื่อมลาภแห่งภิกษุทั้งหลาย
๒. ขวนขวายเพื่อความพินาศแห่งภิกษุทั้งหลาย
๓. ขวนขวายเพื่อความอยู่ไม่ได้แห่งภิกษุทั้งหลาย
๔. ด่าบริภาษภิกษุทั้งหลาย
๕. ยุยงภิกษุณีกับภิกษุทั้งหลายให้แตกกัน
       ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุณีประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
       ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุณีผู้ประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
๑. ขวนขวายเพื่อความเสื่อมลาภแห่งภิกษุทั้งหลาย
๒. ขวนขวายเพื่อความพินาศแห่งภิกษุทั้งหลาย
๓. ขวนขวายเพื่อความอยู่ไม่ได้แห่งภิกษุทั้งหลาย
๔. ด่าบริภาษภิกษุทั้งหลาย
๕. ชักจูงภิกษุณีให้สมสู่กับภิกษุ
       ดูกรอุบาลี สงฆ์พึงลงโทษแก่ภิกษุณีประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
องค์ของภิกษุไม่ควรให้โอวาท
      [๑๒๐๔] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. เป็นอลัชชี
             ๒. เป็นพาล
             ๓. ไม่ใช่ปกตัตตะ
 ๔. เป็นผู้พูดประสงค์ให้เคลื่อนจากพรหมจรรย์
 ๕. หาใช่เป็นผู้พูดประสงค์ให้ออกจากอาบัติไม่
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายไม่บริสุทธิ์
 ๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาไม่บริสุทธิ์
 ๓. เป็นผู้มีอาชีวะไม่บริสุทธิ์
 ๔. เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด
 ๕. ถูกซักเข้า ไม่สามารถให้คำตอบข้อที่ซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้ประกอบด้วยอนาจารทางกาย
 ๒. เป็นผู้ประกอบด้วยอนาจารทางวาจา
 ๓. เป็นผู้ประกอบด้วยอนาจารทางกายและวาจา
 ๔. ด่าบริภาษภิกษุณีทั้งหลาย
๕. คลุกคลีกับภิกษุณีทั้งหลาย ด้วยการคลุกคลีอันไม่สมควรอยู่
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. เป็นอลัชชี
       ๒. เป็นพาล
       ๓. ไม่ใช่ปกตัตตะ
 ๔. เป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ
 ๕. เป็นผู้ไม่ทำให้บริบูรณ์ในสิกขา
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรรับให้โอวาท
       [๑๒๐๕] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ไม่พึงรับให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่พึงรับให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้ประกอบด้วยอนาจารทางกาย
 ๒. เป็นผู้ประกอบด้วยอนาจารทางวาจา
 ๓. เป็นผู้ประกอบด้วยอนาจารทางกายและวาจา
 ๔. ด่าบริภาษภิกษุณี
 ๕. เป็นผู้คลุกคลีกับภิกษุณีทั้งหลาย ด้วยการคลุกคลีอันไม่สมควรอยู่
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงรับให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงรับให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. เป็นอลัชชี
             ๒. เป็นพาล
             ๓. ไม่ใช่ปกตัตตะ
             ๔. เป็นผู้เตรียมจะไป
             ๕. อาพาธ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงรับให้โอวาทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรสนทนาด้วย
      [๑๒๐๖] อุ. ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองศีล ของพระอเสขะ
 ๒. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองสมาธิ ของพระอเสขะ
 ๓. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองปัญญา ของพระอเสขะ
 ๔. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติ ของพระอเสขะ
 ๕. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ ของพระอเสขะ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
องค์ของภิกษุผู้ควรสนทนาด้วย
       ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้ประกอบด้วยกองศีล ของพระอเสขะ
 ๒. เป็นผู้ประกอบด้วยกองสมาธิ ของพระอเสขะ
 ๓. เป็นผู้ประกอบด้วยกองปัญญา ของพระอเสขะ
 ๔. เป็นผู้ประกอบด้วยกองวิมุตติ ของพระอเสขะ
 ๕. เป็นผู้ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ ของพระอเสขะ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรสนทนาอีกนัยหนึ่ง 
       ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
       ๑. ไม่เป็นผู้บรรลุอรรถปฏิสัมภิทา
       ๒. ไม่เป็นผู้บรรลุธรรมปฏิสัมภิทา
       ๓. ไม่เป็นผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา
       ๔. ไม่เป็นผู้บรรลุปฏิภาณปฏิสัมภิทา
       ๕. ไม่พิจารณาจิตตามที่วิมุติ
             ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
                         องค์ของภิกษุผู้ควรสนทนาด้วย
             ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง?
คือ:-
                          ๑. เป็นผู้บรรลุอรรถปฏิสัมภิทา
                          ๒. เป็นผู้บรรลุธรรมปฏิสัมภิทา
                          ๓. เป็นผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา
                          ๔. เป็นผู้บรรลุปฏิภาณปฏิสัมภิทา
                          ๕. พิจารณาจิตตามที่วิมุติ
             ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
ภิกขุนีโอวาทวรรค ที่ ๘ จบ
                                                 หัวข้อประจำวรรค
             [๑๒๐๗] ภิกษุณีฝ่ายเดียวพึงลงโทษ ๑ ภิกษุณีพึงลงโทษอีก ๒ นัย ลงโทษภิกษุณี
๓ อย่าง ๑ ไม่ให้โอวาท ๑ ไม่ให้โอวาทอีก ๒ นัย ๑ ไม่รับให้โอวาทตรัสไว้ ๒ อย่าง ๑ ใน
การสนทนาตรัสไว้ ๒ หมวด ๑ฯ
ไม่สมมติด้วยอุพพาหิกา
[๑๒๐๘] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา พระพุทธเจ้าข้า? พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. เป็นผู้ไม่ฉลาดในอรรถ ๒. เป็นผู้ไม่ฉลาดในธรรม ๓. เป็นผู้ไม่ฉลาดในนิรุตติ ๔. เป็นผู้ไม่ฉลาดในพยัญชนะ ๕. เป็นผู้ไม่ฉลาดในคำต้นและคำหลัง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. สมมติด้วยอุพพาหิกา ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. เป็นผู้ฉลาดในอรรถ ๒. เป็นผู้ฉลาดในธรรม ๓. เป็นผู้ฉลาดในนิรุตติ ๔. เป็นผู้ฉลาดในพยัญชนะ ๕. เป็นผู้ฉลาดในคำต้นและคำหลัง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. ไม่สมมติด้วยอุพพาหิกาอีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. เป็นผู้มักโกรธ ถูกความโกรธครอบงำ ๒. เป็นผู้ลบหลู่ ถูกความลบหลู่ครอบงำ ๓. เป็นผู้ตีเสมอ ถูกความตีเสมอครอบงำ ๔. เป็นผู้มีปกติริษยา ถูกความริษยาครอบงำ ๕. เป็นผู้ถือแต่ความเห็นของตน ถืออย่างแน่นแฟ้นปลดได้ยาก ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. สมมติด้วยอุพพาหิกา ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. ไม่เป็นผู้มักโกรธ ไม่ถูกความโกรธครอบงำ ๒. ไม่เป็นผู้ลบหลู่ ไม่ถูกความลบหลู่ครอบงำ ๓. ไม่เป็นผู้ตีเสมอ ไม่ถูกความตีเสมอครอบงำ ๔. ไม่เป็นผู้มีปกติริษยา ไม่ถูกความริษยาครอบงำ ๕. ไม่เป็นผู้ถือแต่ความเห็นของตน ไม่ถืออย่างแน่นแฟ้น ปลดได้ง่าย ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. ไม่สมมติด้วยอุพพาหิกาอีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. โกรธ ๒. พยาบาท ๓. เบียดเบียน ๔. ยั่วให้โกรธ ๕. ไม่อดทน ไม่รับอนุสาสนีโดยเคารพ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. สมมติด้วยอุพพาหิกา ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. ไม่โกรธ ๒. ไม่พยาบาท ๓. ไม่เบียดเบียน ๔. ไม่ยั่วให้โกรธ ๕. เป็นผู้อดทน มีปกติรับอนุสาสนีโดยเคารพ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. ไม่สมมติด้วยอุพพาหิกาอีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. เป็นผู้ล่อให้หลง ให้ระลึกไม่ได้ ๒. เป็นผู้พูดไม่ให้ทำโอกาส ๓. ไม่เป็นผู้โจทตามอาบัติในธรรมและวินัยที่สมควร ๔. ไม่เป็นผู้ปรับตามอาบัติในธรรมและวินัยที่สมควร ๕. ไม่ชี้แจงตามความเห็น ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. สมมติด้วยอุพพาหิกา ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. เป็นผู้เตือนให้ระลึก ไม่ใช่ล่อให้หลง ๒. เป็นผู้พูดให้ทำโอกาส ๓. เป็นผู้โจทตามอาบัติในธรรมและวินัยที่สมควร ๔. เป็นผู้ปรับตามอาบัติในธรรมและวินัยที่สมควร ๕. ชี้แจงตามความเห็น ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. ไม่สมมติด้วยอุพพหิกาอีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. ถึงฉันทาคติ ๒. ถึงโทสาคติ ๓. ถึงโมหาคติ ๔. ถึงภยาคติ ๕. เป็นอลัชชี ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. สมมติด้วยอุพพาหิกา ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ ๒. ไม่ถึงโทสาคติ ๓. ไม่ถึงโมหาคติ ๔. ไม่ถึงภยาคติ ๕. เป็นลัชชี ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. ไม่สมมติด้วยอุพพาหิกาอีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. ถึงฉันทาคติ ๒. ถึงโทสาคติ ๓. ถึงโมหาคติ ๔. ถึงภยาคติ ๕. ไม่ฉลาดในวินัย ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์ไม่พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. สมมติด้วยอุพพาหิกา ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. ไม่ถึงฉันทาคติ ๒. ไม่ถึงโทสาคติ ๓. ไม่ถึงโมหาคติ ๔. ไม่ถึงภยาคติ ๕. ฉลาดในวินัย ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล สงฆ์พึงสมมติด้วยอุพพาหิกา. องค์ของภิกษุผู้โง่แท้ [๑๒๐๙] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้ พระพุทธเจ้าข้า? พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. ไม่รู้สุตตะ ๒. ไม่รู้สุตตานุโลม ๓. ไม่รู้วินัย ๔. ไม่รู้วินยานุโลม ๕. ไม่ฉลาดในฐานะและอฐานะ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ของภิกษุผู้ฉลาดแท้ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. รู้สุตตะ ๒. รู้สุตตานุโลม ๓. รู้วินัย ๔. รู้วินยานุโลม ๕. ฉลาดในฐานะและอฐานะ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ของภิกษุผู้โง่แท้อีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. ไม่รู้ธรรม ๒. ไม่รู้ธรรมานุโลม ๓. ไม่รู้วินัย ๔. ไม่รู้วินยานุโลม ๕. ไม่ฉลาดในคำต้นและคำหลัง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ของภิกษุผู้ฉลาดแท้ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. รู้ธรรม ๒. รู้ธรรมานุโลม ๓. รู้วินัย ๔. รู้วินยานุโลม ๕. ฉลาดในคำต้นและคำหลัง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ของภิกษุผู้โง่แท้อีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. ไม่รู้วัตถุ ๒. ไม่รู้นิทาน ๓. ไม่รู้บัญญัติ ๔. ไม่รู้บทอันตกหล่นภายหลัง ๕. ไม่รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ของภิกษุผู้ฉลาดแท้ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. รู้วัตถุ ๒. รู้นิทาน ๓. รู้บัญญัติ ๔. รู้บทอันตกหล่นภายหลัง ๕. รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ของภิกษุผู้โง่แท้อีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. ไม่รู้อาบัติ ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอาบัติ ๓. ไม่รู้ประโยคอาบัติ ๔. ไม่รู้ความระงับอาบัติ ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ของภิกษุผู้ฉลาดแท้ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. รู้อาบัติ ๒. รู้สมุฏฐานอาบัติ ๓. รู้ประโยคอาบัติ ๔. รู้การระงับอาบัติ ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ของภิกษุผู้โง่แท้อีกนัยหนึ่ง ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ แม้อื่นอีก ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:- ๑. ไม่รู้อธิกรณ์ ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอธิกรณ์ ๓. ไม่รู้ประโยคอธิกรณ์ ๔. ไม่รู้ความระงับอธิกรณ์ ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้โง่แท้. องค์ของภิกษุผู้ฉลาดแท้ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ถึงความนับว่า เป็นผู้ฉลาดแท้. องค์ ๕ อะไร บ้าง? คือ:- ๑. รู้อธิกรณ์ ๒. รู้สมุฏฐานอธิกรณ์ ๓. รู้ประโยคอธิกรณ์ ๔. รู้ความระงับอธิกรณ์ ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์ ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ถึงความนับว่าเป็นผู้ฉลาดแท้. อุพพาหิกวรรคที่ ๙ จบ หัวข้อประจำวรรค [๑๒๑๐] ไม่ฉลาดในอรรถ ๑ มักโกรธ ๑ ยั่วให้โกรธ ๑ ล่อให้หลง ๑ ถึงฉันทา คติ ๑ ไม่ฉลาด ๑ ไม่ฉลาดอีก ๑ สุตตะ ๑ ธรรม ๑ วัตถุ ๑ อาบัติ ๑ อธิกรณ์ ๑ ฝ่ายละ ๒ๆ ท่านประกาศแล้วทั้งหมด ขอท่านทั้งหลายจงรู้ฝ่ายดำและฝ่ายขาวเทอญ.

10 กุมภาพันธ์ 2568

พระไตรปิฏก พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๘ ปริวาร อุปาลิปัญจกะ อัตตาทานวรรคที่ ๕ หน้าที่ของโจทก์ ธุดงควรรคที่ ๖ ถืออยู่ป่าเป็นต้น

Google Workspace logo 
ทำบุญ 
หน้าที่ของโจทก์
   [๑๑๘๓] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น. ธรรม ๕ อย่าง อะไรบ้าง? คือ:-
   ๑. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์หรือหนอ เราเป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวนหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางกายบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวน จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านศึกษาความประพฤติทางกายก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
   ๒. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์หรือหนอ เราเป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวนหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้ประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นผู้ประกอบด้วยความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีข้อสอบสวน จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญทานศึกษาความประพฤติทางวาจาก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
   ๓. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เมตตาจิต ไม่มีอาฆาต เราเข้าไปตั้งไว้แล้วในหมู่เพื่อนสพรหมจารีหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ได้เข้าไปตั้งเมตตาจิตไม่มีอาฆาตในหมู่เพื่อนสพรหมจารี จะมีผู้กล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเข้าไปตั้งเมตตาจิตในหมู่เพื่อนสพรหมจารีก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้
   ๔. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีสุตะมาก ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะหรือหนอ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถ ทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้นเราได้ฟังมาก ทรงจำไว้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้มีสุตะมาก ทรงจำสุตะ สั่งสมสุตะ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์บริบูรณ์ สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้น เธอหาได้ฟังมาก ทรงจำไว้คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญาไม่ จะมีผู้กล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเรียนคัมภีร์ก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
   ๕. ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงกำหนดอย่างนี้ว่า เราจำปาติโมกข์ทั้งสองได้ดี โดยพิสดาร สวดไพเราะคล่องแคล่วดี วินิจฉัยเรียบร้อย โดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะหรือ ธรรมนั้นของเรามีอยู่หรือไม่มี?
   ดูกรอุบาลี ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้จำปาติโมกข์ทั้งสอง โดยพิสดาร สวดไพเราะคล่องแคล่วดี วินิจฉัยเรียบร้อย โดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะไม่ได้ มีผู้ถามว่า ท่าน สิกขาบทนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ที่ไหน เธอถูกถามดังนี้ ย่อมตอบไม่ถูกต้อง จะมีผู้ว่ากล่าวต่อเธอว่า เชิญท่านเรียนวินัยก่อน จะมีคนว่ากล่าวต่อเธอดังนี้.
   ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์โจทผู้อื่น พึงกำหนดธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่นเถิด.
หน้าที่ของโจทก์อีกนัยหนึ่ง
   [๑๑๘๔] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น. ธรรม ๕ อย่างอะไรบ้าง? คือ:-
๑. เราจักพูดโดยกาลอันควร จักไม่พูดโดยกาลไม่ควร
๒. เราจักพูดด้วยคำจริง จักไม่พูดด้วยคำเท็จ
๓. เราจักพูดด้วยคำสุภาพ จักไม่พูดด้วยคำหยาบ
๔. เราจักพูดด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์ จักไม่พูดด้วยคำไม่ประกอบด้วยประโยชน์
๕. เราจักมีเมตตาจิตพูด จักไม่มุ่งร้ายพูด
       ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงตั้งธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่นเถิด.
 โจทก์ควรใฝ่ใจถึงธรรม
       [๑๑๘๕] อุ. ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรมเท่าไรไว้ในตน แล้วโจทผู้อื่น พระพุทธเจ้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรม ๕ อย่างไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น. ธรรม ๕ อย่าง อะไรบ้าง? คือ:-
              ๑. ความการุญ
              ๒. ความหวังประโยชน์
              ๓. ความเอ็นดู
              ๔. ความออกจากอาบัติ
              ๕. ความทำวินัยเป็นเบื้องต้น
       ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้โจทก์ประสงค์จะโจทผู้อื่น พึงมนสิการธรรม ๕ อย่างนี้ไว้ในตนแล้วโจทผู้อื่น.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรให้ทำโอกาส
       [๑๑๘๖] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายไม่บริสุทธิ์
 ๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาไม่บริสุทธิ์
 ๓. เป็นผู้มีอาชีวะไม่บริสุทธิ์
 ๔. เป็นผู้เขลา ไม่ฉลาด
 ๕. ถูกซักเข้า ไม่อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ไม่ควรทำโอกาส.
องค์ของภิกษุผู้ควรให้ทำโอกาส
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ขอให้ทำโอกาส สงฆ์ควรทำโอกาส. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์
 ๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์
 ๓. เป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์
 ๔. เป็นบัณฑิต ผู้ฉลาด
 ๕. ถูกซักเข้า อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ขอให้ทำโอกาส. สงฆ์ควรทำโอกาส.
รับอธิกรณ์
   [๑๑๘๗] อุ. ภิกษุผู้ประสงค์จะรับอธิกรณ์ พึงรับอธิกรณ์ ประกอบด้วยองค์เท่าไร พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประสงค์จะรับอธิกรณ์ พึงรับอธิกรณ์ ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
   ๑. ภิกษุผู้ประสงค์จะรับอธิกรณ์ พึงพิจารณาอย่างนี้ว่า เราประสงค์จะรับอธิกรณ์นี้ เป็นกาลสมควรหรือไม่ที่จะรับอธิกรณ์นี้ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่าเป็นกาลไม่สมควรที่จะรับอธิกรณ์นี้ หาใช่เป็นกาลสมควรไม่ อธิกรณ์นั้น ภิกษุไม่พึงรับไว้
   ๒. ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า เป็นกาลสมควรที่จะรับอธิกรณ์นี้ หาใช่เป็นการไม่สมควรไม่ ภิกษุนั้นพึงพิจารณาต่อไปว่า เราประสงค์จะรับอธิกรณ์นี้ อธิกรณ์นี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า อธิกรณ์นี้เป็นเรื่องไม่จริง หาใช่เป็นเรื่องจริงไม่ อธิกรณ์นั้น ภิกษุไม่พึงรับไว้.
   ๓. ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า อธิกรณ์นี้เป็นเรื่องจริง หาใช่เป็นเรื่องไม่จริงไม่ภิกษุนั้นพึงพิจารณาต่อไปว่า เราประสงค์จะรับอธิกรณ์นี้ อธิกรณ์นี้ประกอบด้วยประโยชน์หรือไม่ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า อธิกรณ์นี้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ หาใช่ประกอบด้วยประโยชน์ไม่ อธิกรณ์นั้น ภิกษุไม่พึงรับไว้.
   ๔. ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า อธิกรณ์นี้ ประกอบด้วยประโยชน์ หาใช่ประกอบด้วยประโยชน์ไม่ ภิกษุนั้นพึงพิจารณาต่อไปว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ จักได้ภิกษุผู้เคยเห็นเคยคบกัน เป็นฝ่ายโดยธรรมวินัยหรือไม่ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่าเมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ จักไม่ได้ภิกษุผู้เคยเห็นเคยคบกันเป็นฝ่ายโดยธรรมโดยวินัย อธิกรณ์นั้น ภิกษุไม่พึงรับไว้.
   ๕. ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้จักได้ภิกษุผู้เคยเห็นเคยคบกัน เป็นฝ่ายโดยธรรมโดยวินัย ภิกษุนั้นพึงพิจารณาต่อไปว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง ความวิวาท ความแตกแห่งสงฆ์ ความร้าวรานแห่งสงฆ์ความถือต่างแห่งสงฆ์
ความกระทำต่างแห่งสงฆ์ ซึ่งมีการนั้นเป็นเหตุ จักมีแก่สงฆ์หรือไม่ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง ความวิวาท ความแตกแห่งสงฆ์ ความร้าวรานแห่งสงฆ์ ความถือต่างแห่งสงฆ์ ความกระทำต่างแห่งสงฆ์ ซึ่งมีการนั้นเป็นเหตุ จักมีแก่สงฆ์ อธิกรณ์นั้นภิกษุไม่พึงรับไว้.
   ก็ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่ รู้อย่างนี้ว่า เมื่อเรารับอธิกรณ์นี้ไว้ ความบาดหมาง ความทะเลาะความแก่งแย่ง ความวิวาท ความแตกแห่งสงฆ์ ความร้าวรานแห่งสงฆ์ ความถือต่างแห่งสงฆ์ ความกระทำต่างแห่งสงฆ์ ซึ่งมีการนั้นเป็นเหตุ จักไม่มีแก่สงฆ์ อธิกรณ์นั้นภิกษุพึงรับไว้.
   ดูกรอุบาลี อธิกรณ์ที่ประกอบด้วยองค์ ๕ อย่างนี้แล ภิกษุรับไว้จักไม่ก่อความเดือดร้อนให้แม้ในภายหลังแล.
องค์แห่งภิกษุผู้มีอุปการะมาก
   [๑๑๘๘] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์ พระพุทธเจ้าข้า?
   พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
   ๑. เป็นผู้มีศีล สำรวมในปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยมรรยาทและโคจรอยู่ เป็นผู้มีปกติเห็นภัยในโทษมีประมาณน้อยสมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย.
   ๒. เป็นผู้มีสุตะมาก ทรงสุตะ สั่งสมสุตะ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง ธรรมเห็นปานนั้น เธอเป็นผู้ได้สดับมากทรงจำไว้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา.
   ๓. เธอจำปาติโมกข์ทั้งสองได้ดีโดยพิสดาร สวดไพเราะ คล่องแคล่ว วินิจฉัยถูกต้อง โดยสุตตะ โดยอนุพยัญชนะ.
   ๔. เป็นผู้ตั้งอยู่ในวินัย ไม่ง่อนแง่น.
   ๕. เป็นผู้สามารถให้คู่ความทั้งสองเบาใจ ให้เข้าใจ ให้เพ่งพินิจพิจารณา เลื่อมใส.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่อธิกรณ์.
       ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
 ๑. เป็นผู้มีความประพฤติทางกายบริสุทธิ์
 ๒. เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์
 ๓. เป็นผู้มีอาชีวะบริสุทธิ์
 ๔. เป็นบัณฑิต ผู้ฉลาด
 ๕. ถูกซักเข้า อาจให้คำตอบข้อที่ซัก
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ เหล่านี้แล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้วัตถุ
             ๒. รู้นิทาน
             ๓. รู้บัญญัติ
             ๔. รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง
             ๕. รู้ถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล เป็นผู้มีอุปการะมากแก่ภิกษุพวกก่ออธิกรณ์.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถาม
       [๑๑๘๙] อุ. ภิกษุประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล ไม่พึงซักถาม พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้สุตตะ
             ๒. ไม่รู้สุตตานุโลม
             ๓. ไม่รู้วินัย
             ๔. ไม่รู้วินยานุโลม
             ๕. ไม่ฉลาดในฐานะและอฐานะ
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้สุตตะ
             ๒. รู้สุตตานุโลม
             ๓. รู้วินัย
             ๔. รู้วินยานุโลม
             ๕. ฉลาดในฐานะและอฐานะ
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถามอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้ธรรม
             ๒. ไม่รู้ธรรมานุโลม
             ๓. ไม่รู้วินัย
             ๔. ไม่รู้วินยานุโลม
             ๕. ไม่ฉลาดในคำต้นและคำหลัง
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง คือ:-
             ๑. รู้ธรรม
             ๒. รู้ธรรมานุโลม
             ๓. รู้วินัย
             ๔. รู้วินยานุโลม
             ๕. ฉลาดในคำต้นและคำหลัง
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถามอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้วัตถุ
             ๒. ไม่รู้นิทาน
             ๓. ไม่รู้บัญญัติ
             ๔. ไม่รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง
             ๕. ไม่รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้วัตถุ
             ๒. รู้นิทาน
             ๓. รู้บัญญัติ
             ๔. รู้บทที่ตกหล่นภายหลัง
             ๕. รู้ทางถ้อยคำอันเข้าสนธิกันได้
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถามอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้อาบัติ
             ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอาบัติ
             ๓. ไม่รู้ประโยคอาบัติ
             ๔. ไม่รู้ความระงับอาบัติ
             ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้อาบัติ
             ๒. รู้สมุฏฐานอาบัติ
             ๓. รู้ประโยคอาบัติ
             ๔. รู้ความระงับอาบัติ
             ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอาบัติ
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรซักถามอีกนัยหนึ่ง
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕ ไม่พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. ไม่รู้อธิกรณ์
             ๒. ไม่รู้สมุฏฐานอธิกรณ์
             ๓. ไม่รู้ประโยคอธิกรณ์
             ๔. ไม่รู้ความระงับอธิกรณ์
             ๕. ไม่ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล ไม่พึงซักถาม.
องค์ของภิกษุผู้ควรซักถาม
       ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ พึงซักถาม. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. รู้อธิกรณ์
             ๒. รู้สมุฏฐานอธิกรณ์
             ๓. รู้ประโยคอธิกรณ์
             ๔. รู้ความระงับอธิกรณ์
             ๕. ฉลาดในการวินิจฉัยอธิกรณ์
ดูกรอุบาลี ภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล พึงซักถาม.  อัตตาทานวรรค ที่ ๕ จบ
หัวข้อประจำวรรค
       [๑๑๙๐] บริสุทธิ์ ๑ กาล ๑ ความการุญ ๑ โอกาส ๑ รับอธิกรณ์ ๑ อธิกรณ์ ๑ และอธิกรณ์อีกนัยหนึ่ง ๑ วัตถุ ๑ สุตตะ ๑ ธรรม ๑ วัตถุอีกนัยหนึ่ง ๑ อาบัติ ๑ อธิกรณ์.
       [๑๑๙๑] อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
       พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่านี้มี ๕ จำพวก. ๕ จำพวก อะไรบ้าง? คือ:-
   ๑. เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถืออยู่ป่า
   ๒. เป็นผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถืออยู่ป่า
   ๓. เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถืออยู่ป่า
   ๔. เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้า สรรเสริญ จึงถืออยู่ป่า
ถืออยู่ป่าเป็นต้น
             ๕. เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และเพราะอาศัย
ความเป็นแห่งการอยู่ป่ามีประโยชน์ ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถืออยู่ป่า
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถืออยู่ป่ามี ๕ จำพวก นี้แล.
             อุ. ภิกษุผู้ถือเที่ยวบิณฑบาต มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือผ้าบังสุกุล มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่โคนไม้ มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ป่าช้า มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ในที่แจ้ง มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือทรงผ้า ๓ ผืน มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือเที่ยวตามแถว มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือการนั่ง มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถืออยู่ในเสนาสนะตามที่จัดไว้ มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือนั่งฉัน ณ อาสนะแห่งเดียว มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือการห้ามภัตรที่เขานำมาถวายเมื่อภายหลัง มีเท่าไรหนอแล พระพุทธ
เจ้าข้า? ...
             อุ. ภิกษุผู้ถือการฉันเฉพาะในบาตร มีเท่าไรหนอแล พระพุทธเจ้าข้า?
             พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถือฉันเฉพาะในบาตรนี้มี ๕ จำพวก. ๕ จำพวกอะไรบ้าง? คือ:-
             ๑. เพราะเป็นผู้เขลา งมงาย จึงถือฉันเฉพาะในบาตร
             ๒. เพราะผู้มีความปรารถนาลามก อันความปรารถนาครอบงำ จึงถือฉันเฉพาะในบาตร
             ๓. เพราะวิกลจริต มีจิตฟุ้งซ่าน จึงถือฉันเฉพาะในบาตร
             ๔. เพราะเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้าสรรเสริญ จึงถือฉันเฉพาะ
ในบาตร
             ๕. เพราะอาศัยความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลา ความเงียบสงัด และอาศัยความ
เป็นแห่งการฉันเฉพาะในบาตร มีประโยชน์ด้วยความปฏิบัติงามนี้ จึงถึงฉันเฉพาะในบาตร
             ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถือฉันเฉพาะในบาตรมี ๕ จำพวก นี้แล.
             ธุดงควรรคที่ ๖ จบ
                            หัวข้อประจำวรรค
             [๑๑๙๒] ถืออยู่ป่า ๑ ถือเที่ยวบิณฑบาต ๑ ถือทรงผ้าบังสุกุล ๑ ถืออยู่โคนไม้ ๑
ถืออยู่ป่าช้าเป็นที่ครบห้า ๑ ถืออยู่ในที่กลางแจ้ง ๑ ถือทรงผ้า ๓ ผืน ๑ ถือเที่ยวตามแถว ๑
ถือการนั่ง ๑ ถืออยู่ในเสนาสนะตามที่จัดไว้ ๑ ถือนั่งฉัน ณ อาสนะแห่งเดียว ๑ ถือห้ามภัตรที่
เขานำมาถวายเมื่อภายหลัง ๑ ถือฉันเฉพาะในบาตร ๑.