Translate

17 กันยายน 2567

ปาจิตตีย์กัณฑ์ ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๖ สุราปานวรรค สิกขาบทที่ ๕ เรื่องพระฉัพพัคคีย์ [ว่าด้วย การหลอนภิกษุ] พระวินัยปิฎก เล่ม ๒ มหาวิภังค์ ทุติยภาค

[๕๙๘]โดยสมัยนั้นพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี 
         ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์หลอนพระสัตตรสวัคคีย์ พวกเธอถูกหลอนจึงร้องไห้. 
        ภิกษุทั้งหลายถามพระสัตตรสวัคคีย์ว่า อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านร้องไห้ทำไม? 
        พระสัตตรสวัคคีย์ตอบว่า พระฉัพพัคคีย์พวกนี้หลอนพวกผม ขอรับ. 
        บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ต่างก็พากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้หลอนพวกภิกษุทั้งหลายเล่า? แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค 
ทรงสอบถามพระผู้มีพระภาคทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอหลอนภิกษุทั้งหลาย จริงหรือ ?. 
        พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า. 
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
        พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอจึงได้หลอนภิกษุทั้งหลายเล่า? การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว 
        ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง อย่างนี้ ว่าดังนี้:- 
พระบัญญัติ   ๑๐๔. ๕. อนึ่ง ภิกษุใดหลอนซึ่งภิกษุ เป็นปาจิตตีย์. เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ. 
สิกขาบทวิภังค์
 [๕๙๙] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด 
 บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ นี้ 
  ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้. 
 บทว่า ซึ่งภิกษุ ได้แก่ ภิกษุรูปอื่น. 
 บทว่า หลอน ความว่า อุปสัมบันมุ่งจะหลอนอุปสัมบัน แสดงรูปก็ดี เสียงก็ดี กลิ่นก็ดี รสก็ดี โผฏฐัพพะก็ดี เธอผู้ถูกหลอนนั้นจะตกใจก็ตาม ไม่ตกใจก็ตาม ต้องอาบัติปาจิตตีย์. 
        อุปสัมบันมุ่งจะหลอนอุปสัมบัน บอกเล่าทางกันดารเพราะโจรก็ดี ทางกันดารเพราะสัตว์ร้ายก็ดี ทางกันดารเพราะปีศาจก็ดี เธอจะตกใจก็ตาม ไม่ตกใจก็ตาม ต้องอาบัติปาจิตตีย์. บทภาชนีย์ ติกะปาจิตตีย์ 
        [๖๐๐] อุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอุปสัมบัน หลอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์. 
        อุปสัมบัน ภิกษุสงสัย หลอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์. 
        อุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอนุปสัมบัน หลอน ต้องอาบัติปาจิตตีย์. 
ทุกกฏ
        [๖๐๑] อุปสัมบันมุ่งจะหลอนอนุปสัมบัน แสดงรูปก็ดี เสียงก็ดี กลิ่นก็ดี รสก็ดี โผฏฐัพพะก็ดี เขาจะตกใจก็ตาม ไม่ตกใจก็ตาม ต้องอาบัติทุกกฏ. 
        อุปสัมบันมุ่งจะหลอนอนุปสัมบัน บอกเล่าทางกันดารเพราะโจรก็ดี ทางกันดารเพราะสัตว์ร้ายก็ดี ทางกันดารเพราะปีศาจก็ดี เขาจะตกใจก็ตาม ไม่ตกใจก็ตาม ต้องอาบัติทุกกฏ. 
        [๖๐๒] อนุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอุปสัมบัน หลอน ต้องอาบัติทุกกฏ. 
        อนุปสัมบัน ภิกษุสงสัย หลอน ต้องอาบัติทุกกฏ. 
        อนุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอนุปสัมบัน หลอน ต้องอาบัติทุกกฏ. 
อนาปัตติวาร
        [๖๐๓] ภิกษุไม่ประสงค์จะหลอน แต่แสดงรูปก็ดี เสียงก็ดี กลิ่นก็ดี รสก็ดี โผฏฐัพพะก็ดี หรือบอกเล่าทางกันดารเพราะโจร ทางกันดารเพราะสัตว์ร้าย ทางกันดารเพราะปีศาจ ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
 สุราปานวรรค สิกขาบทที่ ๕ จบ 
อรรถกถา ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตติย์ สุราปานวรรคที่ ๖ 
สิกขาบทที่ ๕        สุราปานวรรค ภิงสาปน 
       การนำรูปเข้าไปแสดงเป็นต้น
ในสิกขาบทที่ ๕ พึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้ว ในมนุสสวิคคหสิกขาบทนั่นแล. 
         บทที่เหลือตื้นทั้งนั้น. 
      ปกิณกะมีสมุฏฐานเป็นต้นเป็นเช่นเดียวกับอนาทริยสิกขาบทนั้นแล.

ไม่มีความคิดเห็น: