[๗๗๖] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาบิณฑิกคหบดี
เขตพระนครสาวัตถี.
ครั้งนั้น ท่านพระนันทะโอรสพระมาตุจฉาของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ทรงโฉม เป็นที่ต้องตาต้องใจ ต่ำกว่าพระผู้มีพระภาค ๔ องคุลี ท่านทรงจีวรเท่าจีวรพระสุคต ภิกษุเถระได้เห็นท่านพระนันทะมาแต่ไกล
ครั้นแล้วลุกจากอาสนะสำคัญว่า พระผู้มีพระภาคเสด็จมา ท่านพระนันทะเข้ามาใกล้จึงจำได้ แล้วเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนท่านพระนันทะจึงได้ทรงจีวรเท่าจีวรของพระสุคตเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามท่านพระนันทะว่า ดูกรนันทะ ข่าวว่า เธอทรงจีวรเท่าจีวรสุคต จริงหรือ?
ท่านพระนันทะทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรนันทะ ไฉนเธอจึงได้ทรงจีวรเท่าจีวรของสุคตเล่า การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
๑๔๑. ๑๐. อนึ่ง ภิกษุใด ให้ทำจีวรมีประมาณเท่าสุคตจีวร หรือยิ่งกว่า เป็นปาจิตตีย์ มีอันให้ตัดเสีย นี้ประมาณแห่งสุคตจีวรของพระสุคตในคำนั้น โดยยาว ๙ คืบ โดยกว้าง ๖ คืบ ด้วยคืบสุคต นี้ประมาณแห่งสุคตจีวรของพระสุคต.
เรื่องพระนันทะ จบ.
สิกขาบทวิภังค์
[๗๗๗] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า มีประมาณเท่าสุคตจีวร คือ โดยยาว ๙ คืบ โดยกว้าง ๖ คืบ ด้วยคืบสุคต.
บทว่า ให้ทำ คือ ทำเองก็ดี ให้ผู้อื่นทำก็ดี เป็นทุกกฏในประโยค เป็นปาจิตตีย์ด้วยได้จีวรมา พึงตัดเสีย แล้วจึงแสดงอาบัติตก.
บทภาชนีย์
จตุกกะปาจิตตีย์
[๗๗๘] จีวร ตนทำค้างไว้ แล้วทำต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. จีวร ตนทำค้างไว้ แล้วใช้ผู้อื่นทำต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. จีวร ผู้อื่นทำค้างไว้ ตนทำต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์. จีวร ผู้อื่นทำค้างไว้ ใช้คนอื่นทำต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ทุกะทุกกฏ
ทำเองก็ดี ให้ผู้อื่นทำก็ดี เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น ต้องอาบัติทุกกฏ. ได้จีวรที่ผู้อื่นทำสำเร็จแล้วมาใช้สอย ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
[๗๗๙] ทำจีวรหย่อนกว่าประมาณ ๑ ได้จีวรที่ผู้อื่นทำสำเร็จแล้วมาตัดเสียแล้วใช้สอย ๑ ทำเป็นผ้าขึงเพดานก็ดี ทำเป็นผ้าปูพื้นก็ดี ทำเป็นผ้าม่านก็ดี ทำเป็นเปลือกฟูกก็ดี ทำเป็นปลอกหมอนก็ดี ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
รตนวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ.
ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๙ จบ.
หัวข้อประจำเรื่อง
๑. อันเตปุรสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าสู่พระราชฐาน
๒. รตนสิกขาบท ว่าด้วยการเก็บรตนะ
๓. วิกาเลคามปเวสนสิกขาบท ว่าด้วยการเข้าบ้านในเวลาวิกาล
๔. สูจิฆรสิกขาบท ว่าด้วยการทำกล่องเข็ม
๕. มัญจสิกขาบท ว่าด้วยเตียงตั่งเกินประมาณ
๖. ตูโลนัทธสิกขาบท ว่าด้วยเตียงตั่งยัดนุ่น
๗. นิสีทนสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้าสำหรับนั่ง
๘. กัณฑุปฏิจฉาทีสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้าปิดฝี
๙. วัสสิกสาฏิกสิกขาบท ว่าด้วยการทำผ้าอาบน้ำฝน
๑๐. สุคตจีวรสิกขาบท ว่าด้วยการทำจีวรเท่าสุคตจีวร.
อรรถกถา ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตติย์ รตน
วรรคที่ ๙ สิกขาบทที่ ๑๐ รตนวรรค นันทเถร
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๑๐ พึงทราบดังนี้ :-
บทว่า จตุรงฺคุโลมโก คือ มีขนาดต่ำกว่า ๔ นิ้ว (พระนันทะมีขนาดต่ำกว่าพระศาสดา ๔ นิ้ว).
คำที่เหลือในสิกขาบทนี้ ตื้นทั้งนั้น. สิกขาบทนี้มีสมุฏฐาน ๖.
นันทเถรสิกขาบทที่ ๑๐ จบ
ราชวรรคที่ ๙ จบบริบูรณ์ ตามวรรณนานุกรม.
คำว่า อุทฺทิฏฺฐา โข เป็นต้น มีนัยดังกล่าวแล้วนั้นแล.
ขุททกวรรณนาในอรรถกถาพระวินัย
ชื่อสมันตปาสาทิกา จบบริบูรณ์.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น