สิกขาบทที่ ๑
[๘๔๑] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เมื่อคำข้าวยังไม่นำมาถึง ย่อมอ้าช่องปากไว้ท่า พระบัญญัติ ๑๘๖. ๔๑. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เมื่อคำข้าวยังไม่นำมาถึง เราจักไม่อ้าช่องปาก.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุผู้ฉันอาหาร เมื่อคำข้าวยังไม่ถึงปาก ไม่พึงอ้าช่องปากไว้ท่า ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ เมื่อคำข้าวยังนำมาไม่ถึงปาก อ้าช่องปากไว้ท่า ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๒
[๘๔๒] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์กำลังฉันอยู่ สอดนิ้วมือทั้งหมดเข้าไปในปาก
พระบัญญัติ ๑๘๗. ๔๒. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราฉันอยู่ จักไม่สอดมือทั้งนั้นเข้าในปาก.
สิกขาบทวิภังค์
อันภิกษุกำลังฉันอาหารอยู่ ไม่พึงสอดนิ้วมือทั้งหมดเข้าในปาก ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ กำลังฉันอยู่ สอดนิ้วมือทั้งหมดเข้าในปาก ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๒ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๓
[๘๔๓] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์เจรจาทั้งๆ ที่ในปากยังมีคำข้าว
พระบัญญัติ ๑๘๘. ๔๓. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า ปากยังมีคำข้าว เราจักไม่พูด.
สิกขาบทวิภังค์ อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงพูดด้วยทั้งปากยังมีคำข้าว ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ พูดด้วย ทั้งปากยังมีคำข้าว ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๓ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๔
[๘๔๔] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารโยนคำข้าว
พระบัญญัติ ๑๘๙. ๔๔. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันเดาะคำข้าว.
สิกขาบทวิภังค์ อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันเดาะคำข้าว ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันเดาะคำข้าว ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ฉันอาหารที่แข้น ๑ ฉันผลไม้น้อยใหญ่ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๔ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๕
[๘๔๕] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารกัดคำข้าว
พระบัญญัติ ๑๙๐. ๔๕. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันกัดคำข้าว.
สิกขาบทวิภังค์ อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันกัดคำข้าว ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันอาหารกัดคำข้าว ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ฉันขนมที่แข้นแข็ง ๑ ฉันผลไม้น้อยใหญ่ ๑ ฉันกับแกง ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๕ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๖
[๘๔๖] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย
พระบัญญัติ ๑๙๑. ๔๖. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันทำให้ตุ่ย.
สิกขาบทวิภังค์ อันภิกษุฉันอาหารไม่พึงฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันอาหาร ทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ยข้างเดียวก็ดี ทั้งสองข้างก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ฉันผลไม้น้อยใหญ่ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๗
[๘๔๗] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารสลัดมือ
พระบัญญัติ ๑๙๒. ๔๗. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันสลัดมือ.
สิกขาบทวิภังค์ อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันสลัดมือ ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันอาหารสลัดมือ ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ สลัดมือทิ้งเศษอาหาร ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๗ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๘
[๘๔๘] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหาร โปรยเมล็ดข้าว
พระบัญญัติ ๑๙๓. ๔๘. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันทำเมล็ดข้าวตก.
สิกขาบทวิภังค์ อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงฉันทำเมล็ดข้าวตก ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันทำเมล็ดข้าวให้ร่วง ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ ทิ้งผงข้าวเมล็ดข้าวติดไปด้วย ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๙
[๘๔๙] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารแลบลิ้น
พระบัญญัติ ๑๙๔. ๔๙. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันแลบลิ้น.
สิกขาบทวิภังค์ อันภิกษุผู้ฉันอาหารไม่พึงแลบลิ้น ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันอาหารแลบลิ้น ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๑๐
[๘๕๐] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์ฉันอาหารดังจับๆ
พระบัญญัติ ๑๙๕. ๕๐. ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักไม่ฉันทำเสียงจับๆ.
สิกขาบทวิภังค์ อันภิกษุฉันอาหารไม่พึงฉันทำเสียงดังจับๆ ภิกษุใดอาศัยความไม่เอื้อเฟื้อ ฉันอาหารดังจับๆ ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
ไม่แกล้ง ๑ เผลอ ๑ ไม่รู้ตัว ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
กพฬวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ.
วรรคที่ ๕ จบ.
อรรถกถา เสขิยกัณฑ์ กพฬวรรคที่ ๕
บทว่า อนาหเฏ
คือ ยังนำมาไม่ถึง. ความว่า ยังไม่ทันถึงช่องปาก.
สองบทว่า สพฺพํ หตฺถํ ได้แก่ นิ้วมือทุกนิ้ว.
ในบทว่า สกวเฬน นี้ มีวินิจฉัยดังนี้ :-
ภิกษุกำลังแสดงธรรมใส่สมอ หรือชะเอมเครือเข้าปาก แสดงธรรมไปพลาง, คำพูดจะไม่ขาดหายไป ด้วยชิ้นสมอเป็นต้นเท่าใด, เมื่อชิ้นสมอเป็นต้นเท่านั้นยังมีอยู่ในปาก จะพูดก็ควร.
บทว่า ปิณฺฑุกฺเขปกํ คือ ฉันเดาะคำข้าวๆ.
บทว่า กวฬาวจฺเฉทกํ คือ ฉันกัดคำข้าวๆ.บทว่า อวคณฺฑการกํ ได้แก่ ฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ยดุจลิง.
บทว่า หตฺถนิทฺธูนกํ คือ ฉันสลัดมือๆ.
บทว่า สิตฺถาวการกํ คือ ฉันโปรยเม็ดข้าวๆ.
บทว่า ชิวฺหานิจฺฉารกํ คือ ฉันแลบลิ้นๆ.
บทว่า จปุจปุการกํ ได้แก่ ฉันทำเสียงดังอย่างนี้ คือจับๆ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น