[๗๖๘] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี
เขตพระนครสาวัตถี.
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตผ้าปิดฝีแก่ภิกษุทั้งหลายแล้ว พระฉัพพัคคีย์ทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตผ้าปิดฝีแล้ว จึงใช้ผ้าปิดฝีไม่มีประมาณ ปล่อยเลื้อยไปข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง เที่ยวไป
บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน พระฉัพพัคคีย์จึงได้ใช้ผ้าปิดฝีไม่มีประมาณเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอใช้ผ้าปิดฝีไม่มีประมาณ จริงหรือ?
พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอจึงได้ใช้ผ้าปิดฝีไม่มีประมาณเล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
๑๓๙. ๘. อนึ่ง ภิกษุผู้ให้ทำผ้าปิดฝี พึงให้ทำให้ได้ประมาณ นี้ประมาณในคำนั้น โดยยาว ๔ คืบ โดยกว้าง ๒ คืบ ด้วยคืบสุคต เธอให้ล่วงประมาณนั้นไป เป็นปาจิตตีย์ ที่ให้ตัดเสีย.
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ.
สิกขาบทวิภังค์
[๗๖๙] ที่ชื่อว่า ผ้าปิดฝี ได้แก่ผ้าที่ทรงอนุญาตแก่ภิกษุอาพาธ เป็นฝี เป็นสุกใสเป็นโรคอันมีน้ำหนอง น้ำเหลืองเปรอะเปื้อน หรือเป็นฝีดาด ที่ใต้สะดือลงไป เหนือหัวเข่าขึ้นมาเพื่อจะได้ใช้ปิดแผล.
บทว่า ผู้ให้ทำ คือ ทำเองก็ดี ให้ผู้อื่นทำก็ดี ต้องให้ทำให้ได้ประมาณ นี้ประมาณ ในคำนั้น คือ โดยยาว ๔ คืบ โดยกว้าง ๒ คืบ ด้วยคืบสุคต.
ทำเองก็ดี ให้ผู้อื่นทำก็ดี ล่วงประมาณนั้นไป เป็นทุกกฏในประโยค เป็นปาจิตตีย์ด้วยได้ผ้านั้นมา พึงตัดเสีย แล้วจึงแสดงอาบัติตก.
บทภาชนีย์
จตุกกะปาจิตตีย์
[๗๗๐] ผ้าปิดฝี ตนทำค้างไว้ แล้วทำต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ผ้าปิดฝี ตนทำค้างไว้ แล้วใช้ผู้อื่นทำต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ผ้าปิดฝี ผู้อื่นทำค้างไว้ ตนทำต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ผ้าปิดฝี ผู้อื่นทำค้างไว้ ภิกษุใช้คนอื่นทำต่อจนสำเร็จ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ทุกะทุกกฏ
ทำเองก็ดี ให้ผู้อื่นทำก็ดี เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น ต้องอาบัติทุกกฏ. ภิกษุได้ผ้าปิดฝีที่ผู้อื่นทำไว้มาใช้สอย ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
[๗๗๑] ทำผ้าปิดฝีได้ประมาณ ๑ ทำผ้าปิดฝีให้หย่อนกว่าประมาณ ๑ ได้ผ้าปิดฝีที่ผู้อื่นทำไว้เกินประมาณมาตัดแล้วใช้สอย ๑ ทำเป็นผ้าขึงเพดานก็ดี ทำเป็นผ้าปูพื้นก็ดี ทำเป็นผ้าม่านก็ดี ทำเป็นเปลือกฟูกก็ดี ทำเป็นปลอกหมอนก็ดี ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
รตนวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ.
อรรถกถา ปาจิตติยกัณฑ์ปาจิตติย์ รตน
วรรคที่ ๙ สิกขาบทที่ ๘รตนวรรค กัณฑุปฏิจฉาที
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๘ พึงทราบดังนี้ :-
ข้อว่า กณฺฑุปฏิจฺฉาทีอนุญฺญาตา โหติ มีความว่า ผ้าปิดฝี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้ในที่ไหน? (ทรงอนุญาตไว้) ในเรื่องพระเวฬัฏฐสีสะในจีวรขันธกะ.
สมจริงดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในที่นั้นว่า๑-
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าปิดฝีแก่ภิกษุผู้มีอาพาธเป็นฝีก็ดี เป็นสุกใสก็ดี เป็นโรคอันมีน้ำหนองน้ำเหลืองเปรอะเปื้อนก็ดี เป็นลำลาบเพลิงก็ดี ดังนี้.
คำว่า ยสฺส อโธนาภิ อพฺภชานุมณฺฑลํ ได้แก่ ผ้าที่ทรงอนุญาตแก่ภิกษุผู้เป็นอาพาธที่ภายใต้สะดือลงไป เหนือมณฑลเข่าทั้ง ๒ ขึ้นมา. หิดเปื่อย ชื่อว่ากัณฑุ. ต่อมเม็ดเล็กๆ มีเมล็ดโลหิต
ชื่อว่าปีฬกา. น้ำเหลืองไม่สะอาดไหลออกด้วยอำนาจริดสีดวงทวารบานทะโรคและเบาหวานเป็นต้น ชื่อว่าโรคน้ำเหลือเสีย. อาพาธเป็นเม็ดยอดใหญ่ ท่านเรียกว่า เป็นลำลาบเพลิง.
คำที่เหลือในสิกขาบทนี้ ตื้นทั้งนั้น. สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน ๖.
๑- วิ. มหา. เล่ม ๕/ข้อ ๑๕๗/หน้า ๒๑๖
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น