Translate

22 กันยายน 2567

ปาจิตตีย์กัณฑ์ ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๘ สหธรรมิกวรรค สิกขาบทที่ ๖ เรื่องพระฉัพพัคคีย์ [ว่าด้วย การโจทด้วยอาบัติไม่มีมูล] พระวินัยปิฎก เล่ม ๒ มหาวิภังค์ ทุติยภาค

[๗๐๓]โดยสมัยนั้นพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ อนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. 
    ครั้งนั้น พระฉัพพัคคีย์โจทภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้โจทภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูลเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. 
ทรงสอบถาม    พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอโจทภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล จริงหรือ? 
    พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอจึงได้โจทภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูลเล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ ๑๒๕. ๖. อนึ่ง ภิกษุใด กำจัดซึ่งภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสหามูลมิได้ เป็นปาจิตตีย์. เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ. 
สิกขาบทวิภังค์
    [๗๐๔] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด 
     บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ ชื่อว่า ภิกษุที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
    บทว่า ซึ่งภิกษุ คือ ซึ่งภิกษุอื่น.
    ที่ชื่อว่า หามูลมิได้ คือ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจ. 
    บทว่า ด้วยอาบัติสังฆาทิเสส คือ ด้วยอาบัติสังฆาทิเสส ๑๓ สิกขาบท สิกขาบทใด สิกขาบทหนึ่ง.
 บทว่า กำจัด คือ โจทเองก็ดี ให้ผู้อื่นโจทก็ดี ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทภาชนีย์
ติกะปาจิตตีย์     [๗๐๕] อุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอุปสัมบัน โจทด้วยอาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
    อุปสัมบัน ภิกษุมีความสงสัย โจทด้วยอาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
    อุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอนุปสัมบัน โจทด้วยอาบัติสังฆาทิเสสไม่มีมูล ต้องอาบัติปาจิตตีย์. ปัญจกะทุกกฏ
ภิกษุโจทด้วยอาจารวิบัติก็ดี ด้วยทิฏฐิวิบัติก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ.
    ภิกษุโจทอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
    อนุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอุปสัมบัน โจท ต้องอาบัติทุกกฏ. 
    อนุปสัมบัน ภิกษุมีความสงสัย โจท ต้องอาบัติทุกกฏ.
    อนุปสัมบัน ภิกษุสำคัญว่าอนุปสัมบัน โจท ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร
    [๗๐๖] ภิกษุสำคัญว่ามีมูล โจทเองก็ดี ให้ผู้อื่นโจทก็ดี ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
สหธรรมิกวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ.
อรรถกถา ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตติย์ สหธรรมิก
วรรคที่ ๘ สิกขาบทที่ ๖    สหธรรมิกวรรค อมูลก
    วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๖ พึงทราบดังนี้ :-
    บทว่า อนุทฺธํเสนฺติ มีความว่า ก็พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เหล่านั้น เพราะตนเองเป็นผู้มีโทษเกลื่อนกล่น เมื่อจะทำการป้องกันว่า ภิกษุทั้งหลายจักไม่โจท จักไม่ยังพวกเราให้ๆ การด้วยอาการอย่างนี้ จึงรีบชิงโจทภิกษุทั้งหลายด้วยสังฆาทิเสสไม่มีมูลเสียก่อน. 
     คำที่เหลือในสิกขาบทนี้ตื้นทั้งนั้น เพราะมีนัยดังเรากล่าวแล้วในอมูลกสิกขาบทในเตรสกัณฑ์.
    สิกขาบทนี้มีสมุฏฐาน ๓ เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนา ดังนี้แล.

ไม่มีความคิดเห็น: