[๗๒๗] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ อนาถบิณฑิกคหบดี
เขตพระนครสาวัตถี.
ครั้งนั้น ในพระนครสาวัตถี มีชาวบ้านหมู่หนึ่งได้จัดอาหารพร้อมทั้งจีวรไว้เพื่อสงฆ์
ด้วยหมายใจว่า ให้ท่านฉันแล้วจักให้ครองจีวร.
ครั้งนั้นแลพวกพระฉัพพัคคีย์ได้เข้าไปหาชาวบ้านหมู่นั้นแล้วกล่าวว่า ท่านทั้งหลาย ขอจงถวายจีวรเหล่านี้แก่ภิกษุพวกนี้เถิด. &@ ชาวบ้านหมู่นั้นกล่าวว่า ท่านเจ้าข้า พวกกระผมจัดถวายไม่ได้ เพราะพวกกระผมได้จัดอาหารพร้อมทั้งจีวรไว้เพื่อสงฆ์ ทุกๆ ปี.
&@ พระฉัพพัคคีย์กล่าวว่า ท่านทั้งหลาย ทายกผู้ถวายแก่สงฆ์มีจำนวนมาก อาหารสำหรับสงฆ์ก็มีมาก ภิกษุเหล่านี้อาศัยพวกท่าน เห็นอยู่แต่พวกท่าน จึงอยู่ในที่นี้ หากพวกท่านจักไม่ให้แก่ภิกษุเหล่านี้ ก็บัดนี้ ใครเล่าจักให้แก่ภิกษุเหล่านี้ ขอท่านทั้งหลาย จงให้จีวรเหล่านี้แก่ภิกษุพวกนี้เถิด.
เมื่อชาวบ้านพวกนั้นถูกพระฉัพพัคคีย์แค่นได้ จึงได้ถวายจีวรตามที่ได้จัดไว้แก่พวกพระฉัพพัคคีย์ไป
แล้วอังคาสสงฆ์ด้วยอาหารอย่างเดียว.
บรรดาภิกษุที่ทราบว่า อาหารพร้อมทั้งจีวรที่เขาจัดไว้ถวายสงฆ์มี แต่ไม่ทราบว่า เขาได้ถวายจีวรแก่พระฉัพพัคคีย์ไปแล้ว ได้กล่าวขึ้นอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ขอจงถวายจีวรแก่สงฆ์เถิด. @& ชาวบ้านหมู่นั้นกล่าวว่า ท่านเจ้าข้า จีวรตามที่ได้จัดไว้ไม่มี เจ้าข้า เพราะพระคุณเจ้าเหล่าฉัพพัคคีย์ได้น้อมไปเพื่อพระคุณเจ้าเหล่าฉัพพัคคีย์ด้วยกันแล้ว.
&@ บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์รู้อยู่ จึงได้น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์มาเพื่อบุคคลเล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ทรงสอบถาม
&@ พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามพระฉัพพัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอรู้อยู่น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์มาเพื่อบุคคล จริงหรือ?
พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
&@ พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอรู้อยู่ จึงได้น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์มาเพื่อบุคคลเล่า การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว
@& ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
&@ ๑๓๑. ๑๒. อนึ่ง ภิกษุใด รู้อยู่ น้อมลาภที่เขาน้อมไปจะถวายสงฆ์มาเพื่อบุคคล เป็นปาจิตตีย์. เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ.
สิกขาบทวิภังค์
&@ [๗๒๘] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
&@ บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ ชื่อว่า ภิกษุที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
&@ที่ชื่อว่า รู้อยู่ คือรู้เอง หรือคนอื่นบอกแก่เธอ หรือเจ้าตัวบอก.
&@ที่ชื่อว่า จะถวายสงฆ์ คือเขาจะให้อยู่แล้ว จะบริจาคอยู่แล้วแก่สงฆ์.
&@ ที่ชื่อว่า ลาภ ได้แก่จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ เภสัชบริขารอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้โดยที่สุดแม้ก้อนจุรณ ไม้ชำระฟัน ด้วยชายผ้า.
&@ ที่ชื่อว่า เข้าน้อมไป คือ เขาได้เปล่งวาจาไว้ว่า จักถวาย จักทำ ภิกษุน้อมมาเพื่อบุคคล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทภาชนีย์
&@ [๗๒๙] ลาภที่เขาน้อมไปแล้ว ภิกษุสำคัญว่าเขาน้อมไปแล้ว น้อมมาเพื่อบุคคล ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
&@ ลาภที่เขาน้อมไปแล้ว ภิกษุสงสัยอยู่ น้อมมาเพื่อบุคคล ต้องอาบัติทุกกฏ.
&@ ลาภที่เขาน้อมไปแล้ว ภิกษุสำคัญว่าเขาไม่ได้น้อมไป น้อมมาเพื่อบุคคล ไม่ต้องอาบัติ.
&@ ลาภที่เขาน้อมไปเพื่อสงฆ์ ภิกษุน้อมมาเพื่อสงฆ์หมู่อื่นก็ดี เพื่อเจดีย์ก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ.
&@ ลาภที่เขาน้อมไปเพื่อเจดีย์ ภิกษุน้อมมาเพื่อเจดีย์อื่นก็ดี เพื่อสงฆ์ก็ดี เพื่อบุคคลก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ.
&@ ลาภที่เขาน้อมไปเพื่อบุคคล ภิกษุน้อมมาเพื่อบุคคลอื่นก็ดี เพื่อสงฆ์ก็ดี เพื่อเจดีย์ก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ.
&@ ลาภที่เขายังไม่ได้น้อมไป ภิกษุสำคัญว่าเขาน้อมไปแล้ว ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
&@ ลาภที่เขายังไม่ได้น้อมไป ภิกษุสงสัยอยู่ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ไม่ต้องอาบัติ
&@ ลาภที่เขายังไม่ได้น้อมไป ภิกษุสำคัญว่าเขายังไม่ได้น้อมไป ... ไม่ต้องอาบัติ.
อนาปัตติวาร
&@ [๗๓๐] ภิกษุ เมื่อทายกถามว่า จะถวายที่ไหน ตอบว่า ไทยธรรมของพวกท่าน พึงได้รับการใช้สอย พึงได้รับการปรับปรุง หรือพึงตั้งอยู่ได้นานในที่ใด ก็หรือจิตของพวกท่านเลื่อมใสในที่ใด ก็จงถวายในที่นั้นเถิด ดังนี้ ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
สหธรรมิกวรรค สิกขาบทที่ ๑๒ จบ.
ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๘ จบ.
หัวข้อประจำเรื่อง
๑. สหธัมมิกสิกขาบท ว่าด้วยการว่ากล่าวโดยถูกธรรม
๒. วิวัณณนสิกขาบท ว่าด้วยการก่นสิกขาบท
๓. โมหนสิกขาบท ว่าด้วยการแสร้งทำหลง
๔. ปหารทานสิกขาบท ว่าด้วยการให้ประหาร
๕. ตลสัตติกสิกขาบท ว่าด้วยการเงื้อหอกคือฝ่ามือ
๖. อมูลกสิกขาบท ว่าด้วยการโจทด้วยอาบัติไม่มีมูล
๗. สัญจิจจสิกขาบท ว่าด้วยการแกล้งก่อความรำคาญ
๘. อุปัสสุติสิกขาบท ว่าด้วยการแอบฟัง
๙. กัมมปฏิพาหนสิกขาบท ว่าด้วยการคัดค้านกรรม
๑๐. ฉันทาทานสิกขาบท ว่าด้วยการไม่ให้ฉันทะ
๑๑. ทัพพสิกขาบท ว่าด้วยเรื่องท่านพระทัพพมัลลบุตร
๑๒. ปริณามนสิกขาบท ว่าด้วยการน้อมลาภสงฆ์
อรรถกถา ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตติย์ สหธรรมิกวรรคที่ ๘ สิกขาบทที่ ๑๒
สหธรรมิกวรรค ปริณามน
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๑๒ พึงทราบดังนี้ :-
คำที่จะพึงกล่าวทั้งหมดมีนัยดังกล่าวแล้วในปริณามนสิกขาบทในติงสกัณฑ์นั้น เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์เพราะน้อมมาเพื่อตน ในสิกขาบทนี้เป็นปาจิตตีย์ล้วนเพราะน้อมไปเพื่อบุคคล (อื่น).
สิกขาบทนี้มีสมุฏฐาน ๓ เป็นกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต มีเวทนา ๓ ดังนี้แล.
ปริณามนสิกขาบทที่ ๑๒ จบ
สหธรรมิกวรรคที่ ๘ จบบริบูรณ์ ตามวรรณนานุกรม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น