Translate

19 พฤศจิกายน 2568

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน อภยเถราปทานที่ ๗ ว่าด้วยบุพจริยาของพระอภยเถระ

  
 [๑๓๗] ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารผู้รู้จบธรรมทั้งปวง เป็นพระ ผู้นำ พระนามว่าปทุมุตระ ได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว พระตถาคตเจ้ายัง บุคคลบางพวกให้ตั้งอยู่ในสรณคมน์ ยังบุคคลบางพวกให้ตั้งอยู่ใน ศีล คือ กุศลกรรมบถ ๑๐ อันอุดม พระธีรเจ้าพระองค์นั้น ทรง ประทานสามัญผลอันอุดมแก่บุคคลบางคน ทรงหลั่งสมาบัติ ๘ และวิชชา ๓ แก่บุคคลบางคน
 พระโลกนาถผู้อุดมกว่านรชนพระองค์ นั้น ทรงประกอบสัตว์บางพวกไว้ในอภิญญา ทรงประทาน ปฏิสัมภิทา ๔ แก่บุคคลบางคน พระผู้เป็นสารถีฝึกนระ ทรงเห็น ประชาสัตว์ที่ควรจะนำไปให้ตรัสรู้ได้ แม้ในสถานที่นับโยชน์ไม่ ถ้วน ก็รีบเสด็จไปทรงแนะนำ
 ครั้งนั้น เราเป็นบุตรของพราหมณ์ ในพระนครหงสวดี เป็นผู้เรียนจบทุกเวท เข้าใจไวยากรณ์ ฉลาด ในนิรุติ แกล้วกล้าในคัมภีร์นิฆัณฑุ เข้าใจตัวบท รู้ชัดในคัมภีร์ เกฏุภะ ฉลาดในฉันท์และกาพย์กลอน เมื่อเที่ยวเดินพักผ่อน ได้ ไปถึงพระวิหารหังสาราม ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐสุด อัน มหาชนแวดล้อม เรามีมติเป็นข้าศึกเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าผู้ปราศจาก กิเลสธุลี ซึ่งกำลังทรงแสดงธรรม ได้สดับพระดำรัสของพระองค์อัน ปราศจากมลทิน ไม่ได้พบเห็นพระดำรัสที่ไร้ประโยชน์ของพระมุนี นั้น คือ คำที่ชักมาผิด คำที่ต้องกล่าวซ้ำ หรือคำที่ไม่ถูกทาง เพราะฉะนั้น เราจึงได้บวช โดยเวลาไม่นานเลย เราก็เป็นผู้แกล้ว กล้าในธรรมทุกอย่าง ได้รับสมมติให้เป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะ ใน พระพุทธพจน์อันละเอียด
 ครั้งนั้น เราได้กรองคาถา ๔ คาถา ซึ่งมี พยัญชนะสละสลวย ชมเชยพระพุทธเจ้าเป็นผู้ปราศจากความ กำหนัด มีความเพียรมาก ทรงอยู่ในสงสารที่มีภัย ไม่เสด็จนิพพาน ก็เพราะพระกรุณา ฉะนั้น พระมุนีเจ้าจึงชื่อว่าทรงประกอบด้วย พระกรุณา เพราะเหตุนั้น สัตว์ที่เป็นปุถุชนแต่ไม่ตกอยู่ในอำนาจ กิเลส มีสัมปชัญญะ ประกอบด้วยสติ บุคคลไม่ควรจะคิด กิเลส ที่มีกำลังทุรพล อันนอนเนื่องอยู่ในสันดานของเรา ถูกเผาด้วยไฟ คือญาณแล้วไม่สิ้นไป ข้อนั้นไม่เคยมีเลย
 ผู้ใดเป็นที่เคารพของ โลกทั้งปวง เป็นผู้เลิศลอยในโลก และเป็นอาจารย์ของโลก โลก ย่อมอนุวัตรตามผู้นั้น เราประกาศพระธรรมเทศนาสดุดีพระสัมพุทธเจ้า ด้วยคาถามีอาทิดังกล่าวมาตราบเท่าสิ้นชีวิต จุติจากอัตภาพนั้น แล้วได้ไปสวรรค์ ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เรากล่าวสดุดีพระพุทธเจ้าใด เพราะการกล่าวสดุดีนั้น เราไม่รู้สึกทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการกล่าว สดุดี ครั้งนั้น เราได้เสวยราชสมบัติใหญ่อันเป็นทิพย์ในเทวโลก ได้ เสวยราชสมบัติใหญ่ของพระเจ้าจักรพรรดิก็มากครั้ง เราเกิดแต่ใน สองภพ คือ ในเทวดาและมนุษย์ คติอื่นไม่รู้จัก นี้เป็นผลแห่งการ กล่าวสดุดี เราเกิดแต่ในสองตระกูล คือ สกุลกษัตริย์และสกุล พราหมณ์ หาเกิดในสกุลที่ต่ำทรามไม่
 นี้เป็นผลแห่งการกล่าวสดุดี ก็ในภพสุดท้าย ในบัดนี้ เราเป็นโอรสของพระเจ้าพิมพิสารในพระนครราชคฤห์อันอุดม มีนามว่าอภัย เราไปสู่อำนาจของปาปมิตร สมาคมกับนิครนถ์ อันนิครนถ์นาฏบุตรส่งไป จึงได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด เราทูลถามปัญหาอันละเอียดสุขุม ได้สดับการ พยากรณ์อย่างสูงแล้วจึงบวช ไม่นานก็ได้บรรลุอรหัต เราเป็น ผู้กล่าวสดุดีพระชินวรเจ้าทุกเมื่อ เพราะกรรมนั้น เราจึงเป็นผู้มี ร่างกายและปากมีกลิ่นหอม เป็นผู้เพรียบพร้อมด้วยความสุข เพราะ กรรมนั้นส่งผลให้ เราจึงเป็นคนมีปัญญากล้า มีปัญญาร่าเริง มี ปัญญาเบา มีปัญญามาก และปฏิภาณอันวิจิตร.
                        เราเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส กล่าวสดุดีพระสยัมภูผู้ไม่มีใคร เสมอเหมือน พระนามว่าปทุมุตระ เพราะผลของกรรม นั้น เราจึงไม่ไปอบายภูมิถึงแสนกัป. เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ...
                        พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้วดังนี้
                        ทราบว่า ท่านพระอภยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. 
จบ อภยเถราปทาน.
อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๕๕. ภัททิยวรรค
๗. อภยเถราปทาน
               ๕๔๗. อรรถกถาอภยเถราปทาน
               พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๗ ดังต่อไปนี้:- 
               อปทานของท่านพระอภยเถระมีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. 
               แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระชินวรพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ. 
               ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ในหังสวดีนคร. 
               ท่านได้เจริญวัยแล้ว เป็นผู้เล่าเรียนเจนจบเวทางคศาสตร์ เป็นผู้ฉลาดในลัทธิสมัยของตนและของผู้อื่น. วันหนึ่งได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว มีใจเลื่อมใส กล่าวชมพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาทั้งหลาย. 
               ท่านดำรงอยู่ในมนุษยโลกนั้นจนตลอดอายุ ได้ทำบุญทั้งหลายไว้ จุติจากอัตภาพนั้นแล้วไปบังเกิดในเทวโลก ท่องเที่ยวไปมาเฉพาะแต่ในสุคติภพเท่านั้น. 
               ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสาร ในกรุงราชคฤห์ พระราชบิดาและพระราชมารดาได้ทรงขนานนามพระราชโอรสนั้นว่า อภยกุมาร
               พระราชกุมารนั้น พอได้เจริญวัยแล้ว ก็ได้เป็นผู้คุ้นเคยกับพวกนิครนถ์ท่องเที่ยวไปด้วยกัน. วันหนึ่งถูกนิครนถ์นาฏบุตรส่งไปเฝ้าพระศาสดาเพื่อยกวาทะขึ้นกล่าวแย้ง ได้ทูลถามปัญหาอันสุขุมละเอียด ได้ฟังคำพยากรณ์อันละเอียดแล้ว มีความเลื่อมใส บวชในสำนักพระศาสดา ได้ส่งญาณไปตามลำดับกัมมัฏฐานแล้ว ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัต. 
               ท่านครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว ระลึกถึงบุรพกรรมของตนได้เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. 
               คำนั้นทั้งหมดมีเนื้อความพอจะกำหนดได้โดยง่ายเลยทีเดียวแล.
จบอรรถกถาอภยเถราปทาน

ไม่มีความคิดเห็น: