Translate

19 พฤศจิกายน 2568

หน้าต่างที่ ๑ / ๑๒. อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๕๕. ภัททิยวรรค ๑๐. จูฬสุคันธเถราปทาน ๕๕๐. อรรถกถาจูฬสุคันธเถราปทาน

          เนื้อความในอรรถกา มีทั้งหมด ๑๒ หน้าต่าง.
อรรถกถาหน้าต่างที่ [๑] [๒] [๓] [๔] [๕] [๖] [๗] [๘] [๙] [๑๐] [๑๑] [๑๒]
               พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๑๐ ดังต่อไปนี้ :- 
               อปทานของท่านพระจูฬสุคันธเถระ อันมีคำเริ่มต้นว่า อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป ดังนี้. 
               แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ. 
         ในกาลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ท่านได้บังเกิดในตระกูลซึ่งสมบูรณ์ด้วยสมบัติ ในกรุงพาราณสี บรรลุนิติภาวะแล้ว ได้ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดาแล้ว นมัสการอยู่ทุกเมื่อ ถวายมหาทาน นำเอาของหอมโดยชาติ ๔ อย่าง#- ฉาบไล้พระคันธกุฎีพระผู้มีพระภาคเจ้า เดือนละ ๗ ครั้ง. 
                #- กลิ่นหญ้าฝรั่น กลิ่นกฤษณา กลิ่นกำยาน กลิ่นบุปผชาติ. กลิ่น ๔ อย่างนี้เรียกว่าจตุชาติคันธะ หรือเรียกว่าจตุชาติสุคันธะ. 

               เขาได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่า ขอให้กลิ่นหอมอย่างดียิ่งจงบังเกิดแก่สรีระของข้าพระองค์ในสถานที่ที่ได้เกิดแล้วเกิดแล้วเถิด. 
               พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพยากรณ์กะเขาแล้ว. 
               เขาดำรงอยู่จนตลอดอายุ บำเพ็ญบุญไว้เป็นอันมาก จุติจากอัตภาพนั้นไปบังเกิดในเทวโลก กระทำกลิ่นสรีระให้หอมฟุ้งทั่วกามาวจรโลก จึงได้ปรากฏชื่อว่า สุคันธเทวบุตร
               เทพบุตรนั้นได้เสวยสมบัติเทวโลกแล้ว จุติจากอัตภาพนั้น ในพุทธุปบาทกาลนี้ได้บังเกิดในตระกูลที่มีโภคะมากมาย. ด้วยกลิ่นแห่งสรีระของมารดาเขา เรือนทั้งสิ้นและพระนครทั้งสิ้น ได้มีกลิ่นหอมเป็นอันเดียวกัน. 
               ในขณะที่เขาเกิดแล้ว สาวัตถีนครทั้งสิ้นได้เป็นคล้ายกับผอบของหอม. ด้วยเหตุนั้น มารดาบิดาจึงได้ตั้งชื่อเขาว่าสุคันธะ. 
               เขาได้ถึงความเจริญวัยแล้ว. ในคราวนั้น พระศาสดาได้เสด็จถึงสาวัตถี ได้ทรงรับพระเชตวันมหาวิหาร. นายสุคันธะนั้นเห็นพระศาสดาพระองค์นั้นแล้ว มีใจเลื่อมใส บวชในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่นานนักก็ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔. 
               ตั้งแต่วันที่ท่านเกิดขึ้นจนถึงปรินิพพาน ในระหว่างนี้ กลิ่นหอมเท่านั้นฟุ้งตลบไปในที่ทั้งหลายเช่นที่นอนและที่ยืนเป็นต้น. แม้พวกเทวดาก็ยังโปรยจุณทิพย์และดอกไม้หอมทิพย์ลงถวาย. 
               ก็พระเถระนั้น ครั้นได้บรรลุพระอรหัตแล้วระลึกถึงบุรพกรรมของตน เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป ดังนี้. 
               คำนั้นทั้งหมดมีเนื้อความพอที่จะกำหนดได้โดยง่ายทีเดียว เพราะมีนัยดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในหนหลัง และเพราะมีเนื้อความง่าย. 
               ความต่างกันแห่งบุญและความต่างกันแห่งชื่ออย่างเดียวเท่านั้นเป็นความแปลกกันแล.
จบอรรถกถาจูฬสุคันธเถราปทาน
               รวมอปทานที่มีในวรรคนี้ คือ 
                           ๑. ลกุณฏกภัททิยเถราปทาน 
                           ๒. กังขาเรวตเถราปทาน 
                           ๓. สีวลิเถราปทาน 
                           ๔. วังคีสเถราปทาน 
                           ๕. นันทกเถราปทาน 
                           ๖. กาฬุทายีเถราปทาน 
                           ๗. อภยเถราปทาน 
                           ๘. โลมสติยเถราปทาน 
                           ๙. วนวัจฉเถราปทาน 
                           ๑๐. จูฬสุคันธเถราปทาน 
               และในวรรคนี้มีคาถา ๓๑๖ คาถา.
จบภัททิยวรรคที่ ๕๕
                รวมวรรค 
                           ๑. กณิการวรรค 
                           ๒. ผลทายกวรรค 
                           ๓. ติณทายกวรรค 
                           ๔. กัจจายนวรรค 
                           ๕. ภัททิยวรรค 
               บัณฑิตคำนวณคาถาไว้แผนกหนึ่ง รวมได้ ๙๘๔ คาถา และประกาศอปทานรวมได้ ๕๕๖ อปทาน พร้อมกับอุทานคาถา มีคาถารวม ๖๒๑๘ คาถา.
จบ พุทธาปทาน ปัจเจกพุทธาปทาน และเถราปทานแต่เท่านี้

ไม่มีความคิดเห็น: