Translate

11 พฤศจิกายน 2568

พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ พุทธวงศ์-จริยาปิฎก อปทาน กัจจายวรรคที่ ๕๔

มหากัจจายนเถราปทานที่ ๑ ว่าด้วยบุพจริยาของพระมหากัจจายนเถระ
  
 [๑๒๑] พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตระ ผู้ปราศจากตัณหา ทรงชำนะสิ่งที่ ใครๆ เอาชนะไม่ได้ เป็นพระผู้นำ ได้เสด็จอุบัติขึ้นในกัปที่แสนแต่ ภัทกัปนี้ พระองค์เป็นผู้แกล้วกล้าสามารถ มีพระอินทรีย์เสมือน ใบบัว มีพระพักตร์ปราศจากมลทินคล้ายพระจันทร์ มีพระฉวีวรรณ ปานดังทองคำ
 มีพระรัศมีซ่านออกจากพระองค์เหมือนรัศมีพระอาทิตย์ นำตาและใจของสัตว์ลง ประดับด้วยพระลักษณะอัน ประเสริฐ ล่วงทางแห่งคำพูดทุกอย่าง อันหมู่มนุษย์และอมรเทพ สักการะ ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ทรงยังสัตว์ให้ตรัสรู้ ทรง นำไปได้อย่างรวดเร็ว มีพระสุรเสียงไพเราะ มีพระสันดานหนาไป ด้วยพระกรุณา ทรงแกล้วกล้าในที่ประชุม พระองค์ทรงแสดง ธรรมอันไพเราะ ซึ่งประกอบด้วยสัจจะ ๔ ทรงฉุดขึ้นซึ่งหมู่สัตว์ที่ จมอยู่ในเปือกตมคือโมหะ
 ครั้งนั้นเราเป็นดาบส สัญจรไปแต่คน เดียว มีป่าหิมพานต์เป็นที่อยู่อาศัย เมื่อไปสู่มนุษยโลก ทางอากาศ ก็ได้พบพระพิชิตมาร เราได้เข้าไปเฝ้าพระองค์แล้วสดับพระธรรม เทศนาของพระธีรเจ้า ผู้ทรงพรรณนาคุณอันใหญ่ของพระสาวกอยู่ว่า เราไม่เห็นสาวกองค์อื่นใดในธรรมวินัยนี้ ที่จะเสมอเหมือนกับ กัจจายนภิกษุนี้ ผู้ซึ่งประกาศธรรมที่เราแสดงแล้วแต่โดยย่อได้โดย พิสดาร ทำบริษัทและเราให้ยินดี เพราะฉะนั้น กัจจายนภิกษุนี้ จึงเลิศกว่าภิกษุผู้เลิศในการกล่าวได้โดยพิสดาร ซึ่งอรรถแห่งภาษิต ที่เรากล่าวไว้แต่โดยย่อนั้น ภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงจำไว้ อย่างนี้เถิด
 ครั้งนั้น เราได้ฟังพระดำรัสอันรื่นรมย์ใจแล้ว เกิด ความอัศจรรย์ จึงไปป่าหิมพานต์นำเอากลุ่มดอกไม้มาบูชาพระผู้ เป็นที่พึ่งของโลก แล้วปรารถนาฐานันดรนั้น ครั้งนั้น พระผู้เป็น ที่อยู่แห่งสรณะ ทรงทราบอัธยาศัยของเราแล้ว ได้ทรงพยากรณ์ว่า จงดูฤาษีผู้ประเสริฐนี้ ซึ่งเป็นผู้มีผิวพรรณเหมือนทองคำที่ไล่มลทิน ออกแล้ว มีโลมชาติชูชันและใจโสมนัส ยืนประนมอัญชลีนิ่งไม่ ไหวติง ร่าเริง มีนัยน์ตาเต็มดี มีอัธยาศัยน้อมไปในคุณของพระ พุทธเจ้า มีธรรมเป็นธง มีหทัยร่าเริง เหมือนกับถูกรดด้วย น้ำอมฤต เขาได้สดับคุณของกัจจายนภิกษุเข้า จึงได้ปรารถนา ฐานันดรนั้น ในอนาคตกาล
 ฤาษีผู้นี้จะได้เป็นธรรมทายาทของพระ โคดมมหามุนี เป็นโอรสอันธรรมเนรมิต จักเป็นพระสาวกของ พระศาสดา มีนามชื่อว่ากัจจายนะ เขาจักเป็นพหุสูต มีญาณใหญ่ รู้อธิบายแจ้งชัด เป็นนักปราชญ์ จักถึงฐานันดรนั้น ดังที่เราได้ พยากรณ์ไว้แล้ว ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราท่อง เที่ยวอยู่แต่ในสองภพ คือ ในเทวดาและมนุษย์ คติอื่นเราไม่รู้ นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา เราเกิดสองสกุล คือ สกุลกษัตริย์และ สกุลพราหมณ์ เราไม่เกิดในสกุลที่ต่ำทราม นี้เป็นผลแห่งพุทธบูชา และในภพสุดท้าย
 เราเกิดเป็นบุตรของติปิติวัจฉพราหมณ์ผู้เป็น ปุโรหิตของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ในพระนครอุชเชนีอันรื่นรมย์ เราเป็นคนฉลาดเรียนจบไตรเพท ส่วนมารดาของเราชื่อจันทนปทุมา เราชื่อกัจจานะ เป็นผู้มีผิวกายงาม เราอันพระเจ้าแผ่นดินทรงส่งไป เพื่อพิจารณาพระพุทธเจ้า ได้พบพระผู้นำซึ่งเป็นประตูของโมกขบุรี เป็นที่สั่งสมคุณ และได้สดับพระพุทธภาษิตอันปราศจากมลทิน เป็นเครื่องชำระล้างเปือกตมคือคติ จึงได้บรรลุอมตธรรมอันสงบ ระงับ พร้อมกับบุรุษ ๗ คนที่เหลือ เราเป็นผู้อธิบายในพระมติ อันใหญ่ของพระสุคตเจ้าได้แจ้งชัด และพระศาสดาทรงตั้งไว้ใน ตำแหน่งเอตทัคคะ เราเป็นผู้มีความปรารถนาสำเร็จด้วยดีแล้ว เรา เผากิเลสทั้งหลายแล้ว ...
                        พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
                        ทราบว่า ท่านพระมหากัจจายนเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. 
จบ มหากัจจายนเถราปทาน.
อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๕๔. กัจจายวรรค
๑. มหากัจจายนเถราปทาน
              ๕๓๑. อรรถกถากัจจายนเถราปทาน         
              พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๑ แห่งวรรคที่ ๕๔ ดังต่อไปนี้:- 
              อปทานของท่านพระมหากัจจายนเถระมีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. 
              แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ. 
 ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในตระกูลคฤหบดีมหาศาล พอเจริญวัยแล้ว วันหนึ่งได้ฟังธรรมในสำนักของพระศาสดา ได้เห็นภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งที่ (สามารถ) จำแนกเนื้อความที่พระศาสดาตรัสไว้โดยย่อให้พิสดารได้ แม้ตนเองก็ปรารถนาตำแหน่งนั้นบ้าง จึงตั้งปณิธานทำบุญมีทานเป็นต้นไว้เป็นอันมาก แล้วท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก. 
 ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ได้เป็นวิทยาธร เที่ยวไปทางอากาศ ได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ซึ่งประทับนั่งในชัฏแห่งป่าแห่งหนึ่ง มีใจเลื่อมใสได้เอาดอกกรรณิการ์มาทำการบูชา. 
              ด้วยบุญอันนั้น เขาจึงกลับไปมาเฉพาะแต่ในสุคติอย่างเดียว. 
 ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะ เขาได้บังเกิดในเรือนอันมีสกุล ในกรุงพาราณสี เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว ได้เอาแผ่นอิฐทองคำมีค่าราคาแสนหนึ่ง ทำการบูชา ณ ที่สุวรรณเจดีย์สำหรับบำเพ็ญกัมมัฏฐาน ได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่า ด้วยผลแห่งบุญอันนี้ ขอให้สรีระของข้าพระองค์จงมีวรรณะดุจทองคำ ในที่ที่ได้บังเกิดแล้วๆ เถิด ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ทำแต่กุศลกรรมจนตลอดชีวิตแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลกตลอดพุทธันดรหนึ่ง. 
              ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในเรือนปุโรหิตของพระเจ้าจัณฑปัชโชต ในกรุงอุชเชนี ในวันตั้งชื่อเขา มารดาคิดว่า ลูกของเรามีสีกายดุจทองคำ เขาถือเอาชื่อของตนเองมา (แต่เกิด) ดังนี้จึงตั้งชื่อเขาว่ากัญจนมาณพทีเดียว. 
              เขาเจริญวัยแล้ว เล่าเรียนจบไตรเพท พอบิดาล่วงลับดับชีวิตแล้ว ก็ได้รับตำแหน่งปุโรหิตแทน ว่าโดยอำนาจโคตรเขาปรากฏแล้วว่า กัจจายนะ
              ต่อมาพระเจ้าจัณฑปัชโชตได้ทรงสดับว่า พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น จึงส่งเขาไปหาด้วยพระราชดำรัสว่า ท่านอาจารย์ ท่านจงไปที่พระอารามนั้นแล้ว ทูลนิมนต์พระศาสดามาในวังนี้ ท่านปุโรหิตนั้นมีตนเป็นที่ ๘ เข้าไปเฝ้าพระศาสดา. 
              พระศาสดาได้ทรงแสดงธรรมแก่ปุโรหิตนั้นแล้ว. ในเวลาจบพระธรรมเทศนา ท่านปุดรหิตพร้อมกับคนทั้ง ๗ ได้ดำรงอยู่ในพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔. 
              ท่านได้บรรลุอรหัตผลแล้วอย่างนี้ ระลึกถึงบุรพกรรมของตนได้เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. 
              คำนั้นมีเนื้อความดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั่นแล. 
 ลำดับนั้น พระศาสดาทรงเหยียดพระหัตถ์ตรัสว่า พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด. ในขณะนั้น พวกภิกษุเข้านั้นได้มีผมและหนวดยาวประมาณ ๒ องคุลี ทรงบาตรและจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์ ได้เป็นคล้ายพระเถระบวชมา ๖๐ พรรษา พระเถระทำประโยชน์ของตนให้สำเร็จแล้วอย่างนี้ (วันหนึ่ง) จึงกราบทูลพระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเจ้าจัณฑปัชโชตปรารถนาจะไหว้พระบาท และฟังธรรมของพระองค์ พระเจ้าข้า. 
              พระศาสดาตรัสว่า กัจจานะ เธอนั่นแหละจงไปในวังนั้น เมื่อเธอไปถึงแล้ว พระราชาจักทรงเลื่อมใส. 
              พระเถระมีตนเป็นที่ ๘ ได้ไปในพระราชวังนั้น ตามพระบัญชาของพระศาสดา ได้ทำให้พระราชาทรงเลื่อมใสแล้ว ได้ประดิษฐานพระศาสนาไว้ในอวันตีชนบทเรียบร้อยแล้ว จึงได้กลับมาเฝ้าพระศาสดาอีก. 
              ด้วยอำนาจความปรารถนาในครั้งก่อนของตน ปกรณ์ทั้ง ๓ คือ กัจจายนปกรณ์ มหานิรุตติปกรณ์และเนตติปกรณ์ จึงได้ปรากฏแล้วในท่ามกลางสงฆ์. 
              ต่อมา ท่านได้รับสถาปนาจากพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงสันโดษไว้ในตำแหน่งที่เลิศ ด้วยพระดำรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหากัจจานะเป็นเลิศกว่าสาวกทั้งหลายของเราผู้จำแนกเนื้อความที่เรากล่าวไว้โดยย่อ ทำให้พิสดารได้ ดังนี้แล้ว ท่านก็อยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่พระอรหัตผลแล.
จบอรรถกถามหากัจจายนเถราปทาน

ไม่มีความคิดเห็น: