![]() |
|
ได้ตรัสสรรเสริญพระสาวกผู้ประเสริฐกว่าภิกษุทั้งหลายที่มีเสียงไพเราะ เราได้สดับพระธรรมเทศนา
นั้นแล้วก็ชอบใจ จึงได้ทำสักการะแก่พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่
ถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระศาสดาแล้ว ปรารถนาฐานันดร
นั้น ครั้งนั้น พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้นำชั้นพิเศษ ได้ตรัสพยากรณ์ใน
ท่ามกลางพระสงฆ์ว่า ในอนาคตกาล ท่านจักได้ฐานันดรนี้สมดัง
มโนรถความปรารถนา ในกัปที่แสนแต่ภัทรกัปนี้ พระศาสดามี
พระนามชื่อว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จ
อุบัติขึ้นในโลก
เศรษฐีบุตรผู้นี้ จักได้เป็นธรรมทายาทของพระ
ศาสดาพระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรมเนรมิต เป็นสาวกของพระ
ศาสดา มีนามชื่อว่าภัททิยะ เพราะกรรมที่ทำไว้ดีนั้น และเพราะ
การตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ในกัปที่ ๙๒ แต่ภัทรกัปนี้ พระพิชิตมารพระนามว่าผุสสะเป็นผู้นำ
ยากที่จะหาผู้เสมอ ยากที่จะข่มขี่ได้ สูงสุดกว่าโลกทั้งปวงได้เสด็จ
อุบัติขึ้นแล้ว และพระพุทธองค์ทรงสมบูรณ์ด้วยจรณะ เป็นผู้
ประเสริฐเที่ยงตรง ทรงมีความเพียรเผากิเลส ทรงแสวงหา
ประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ ทรงเปลื้องสัตว์เป็นอันมากจาก
กิเลสเครื่องจองจำ เราเกิดเป็นนกดุเหว่าขาวในพระอารามอันน่าเพลิด
เพลินเจริญใจ ของพระผุสสสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เราอยู่
ที่ต้นมะม่วงใกล้พระคันธกุฎี
ครั้งนั้น เราเห็นพระพิชิตมารผู้สูงสุด
เป็นพระทักขิไณยบุคคล เสด็จพระราชดำเนินไปบิณฑบาต จึงทำ
จิตให้เลื่อมใส แล้วร้องด้วยเสียงอันไพเราะ ครั้งนั้น เราบินไป
สวนหลวงคาบผลมะม่วงที่สุกดีมีเปลือกเหมือนทองคำมาแล้วน้อม
เข้าไปถวายแด่พระสัมพุทธเจ้า เวลานั้น พระพิชิตมารผู้ประกอบ
ด้วยพระกรุณา ทรงทราบวาระจิตของเรา จึงทรงรับบาตรจากมือของ
ภิกษุผู้อุปัฏฐาก เรามีจิตร่าเริงถวายผลมะม่วงแด่พระมหามุนี เราใส่
บาตรแล้วก็ประนมปีกร้องด้วยเสียงอันไพเราะ น่ายินดี เสนาะน่า
ฟัง เพื่อบูชาพระพุทธเจ้า แล้วไปนอนหลับ
ครั้งนั้น นกเหยี่ยว
ผู้มีใจชั่วช้าได้โฉบเอาเรา ผู้มีจิตเบิกบาน มีอัธยาศัยไปสู่ความรัก ต่อพระพุทธเจ้าไปฆ่าเสีย เราจุติจากอัตภาพนั้นไปเสวยมหันตสุขใน
สวรรค์ชั้นดุสิต แล้วมาสู่กำเนิดมนุษย์เพราะกรรมนั้นพาไป ใน
ภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าผู้มีพระนามตามพระโคตรว่ากัสสป เป็นเผ่า
พันธุ์พรหมมีพระยศใหญ่ ประเสริฐกว่านักปราชญ์ ได้เสด็จอุบัติขึ้น
แล้วพระองค์ทรงยังพระศาสนาให้โชติช่วงครอบงำเดียรถีย์ผู้หลอก
ลวงทรงแนะนำเวไนยสัตว์พระองค์พร้อมทั้งพระสาวกปรินิพพานแล้ว
เมื่อพระพุทธองค์ผู้เลิศในโลกปรินิพพานแล้ว
ประชุมชนเป็นอันมาก
ที่เลื่อมใส จักทำพระสถูปของพระศาสดา เพื่อต้องการจะบูชาพระ
พุทธเจ้า เขาปรึกษากันอย่างนี้ว่า จักช่วยกันทำพระสถูปของ
พระศาสดาผู้แสวงหาพระคุณอันใหญ่ ให้สูงเจ็ดโยชน์ ประดับ
ด้วยแก้ว ๗ ประการ ครั้งนั้น เราเป็นจอมทัพของพระเจ้าแผ่นดิน
แคว้นกาสีพระนามว่ากิกี ได้พูดลดประมาณที่พระเจดีย์ของพระพุทธ
เจ้า ผู้ไม่มีประมาณเสีย ครั้งนั้น ชนเหล่านั้นได้ช่วยกันทำเจดีย์
ของศาสดา ผู้มีพระปัญญากว่านรชน สูงโยชน์เดียว ประดับด้วย
รัตนะนานาชนิด ตามถ้อยคำของเรา เพราะกรรมที่ทำไว้ดีนั้น และ
เพราะการตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้น
ดาวดึงส์ ก็ในภพสุดท้ายในบัดนี้ เราเกิดในสกุลเศรษฐีอันมั่งคั่ง
สมบูรณ์ มีทรัพย์มากมาย
ในพระนครสาวัตถีอันประเสริฐ เราได้
เห็นพระสุคตเจ้าในเวลาเสด็จเข้าพระนครก็อัศจรรย์ใจ จึงบรรพชา
ไม่นานก็ได้บรรลุอรหัต เพราะกรรมคือการลดประมาณของพระเจดีย์
เราได้ทำไว้ เราจึงมีร่างกายต่ำเตี้ย ควรจะเป็นร่างกายกลม เราบูชา
พระพุทธเจ้าสูงสุดด้วยเสียงอันไพเราะ จึงได้ถึงความเป็นผู้เลิศกว่า
ภิกษุทั้งหลายที่มีเสียงไพเราะ เพราะการถวายผลไม้แด่พระพุทธเจ้า
และเพราะการอนุสรณ์ถึงพระพุทธคุณ เราจึงสมบูรณ์ด้วยสามัญผล
ไม่มีอาสวะอยู่ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ...
พระพุทธศาสนาเรา
ได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระลกุณฏกภัททิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ลกุณฏกภัททิยเถราปทาน.
อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ ๕๕. ภัททิยวรรค
๑. ลกุณฏกภัททิยเถราปทาน
อรรถกถาภัททิยาวรรคที่ ๕๕
๕๔๑. อรรถกถาลกุณฎกภัททิยเถราปทาน
พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๑ วรรคที่ ๕๕ ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านพระลกุณฎกภัททิยเถระมีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้ :-
แม้พระเถระรูปนี้ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมาแล้วในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ.
ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในตระกูลที่มีโภคะมากมาย ในหังสวดีนคร บรรลุนิติภาวะแล้ว กำลังนั่งฟังธรรมของพระศาสดา ได้มองเห็นภิกษุรูปหนึ่งซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาท่านไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้มีเสียงไพเราะ แม้ตนเองก็ปรารถนาตำแหน่งนั้นบ้างได้ถวายมหาทานอันเจือปนด้วยรสหวาน เช่น เนยใสและน้ำตาลกรวดเป็นต้นแด่ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขแล้ว ตั้งปณิธานไว้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในอนาคตกาล แม้ข้าพระองค์ก็พึงเป็นเหมือนภิกษุรูปนี้ คือพึงเป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้มีเสียงไพเราะ ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง.
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นว่าเขาไม่มีอันตราย จึงทรงพยากรณ์แล้ว เสด็จหลีกไป.
เขาทำบุญไว้เป็นอันมากจนตลอดอายุแล้ว ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก ได้เสวยสมบัติในโลกทั้ง ๒ แล้ว.
ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าผุสสะ เขาได้บังเกิดเป็นนกดุเหว่าสวยงาม บินมาโฉบเอาผลมะม่วงพันธุ์อร่อยไปจากพระราชอุทยาน มองเห็นพระศาสดาแล้วมีใจเลื่อมใส เกิดความคิดขึ้นว่า เราจักถวายแด่พระพุทธเจ้า.
พระศาสดาทรงทราบความเป็นไปทางจิตของเขา จึงทรงรับบาตรแล้วประทับนั่ง.
นกดุเหว่านั้นได้วางผลมะม่วงสุกลงในบาตรของพระทศพล. เพื่อจะให้เขาเกิดความโสมนัสใจ พระศาสดาได้เสวยผลมะม่วงสุกนั้น ขณะที่เขากำลังเห็นอยู่นั่นแล.
ลำดับ นั้นนกดุเหว่านั้นมีใจเลื่อมใส ระงับยับยั้งอยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่ปีตินั้นนั่นแลตลอด ๗ วัน. ด้วยบุญกรรมนั้นนั่นแหละทุกๆ ภพที่เขาเกิดแล้ว จึงได้มีเสียงไพเราะ.
ในกาลแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ เขาได้บังเกิดในตระกูลช่างไม้ ได้ปรากฏว่าเป็นหัวหน้าช่างไม้. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว เขาพูดกะพวกประชาชนผู้เริ่มจะก่อสร้างสถูปประมาณ ๗ โยชน์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นว่า เราจักกระทำวงกลมรอบ ๑ โยชน์ และส่วนสูงอีก ๑ โยชน์.
คนเหล่านั้นทั้งหมดได้ตั้งอยู่ในถ้อยคำของเขาแล้ว.
เขาได้ช่วยกันสร้างเจดีย์อันมีประมาณต่ำ แด่พระพุทธเจ้าผู้หาประมาณมิได้ ด้วยประการฉะนี้. ด้วยกรรมอันนั้นทุกๆ ที่ที่เขาได้เกิดแล้ว จึงได้มีรูปร่างประมาณต่ำกว่าคนอื่นๆ.
ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราทั้งหลาย เขาได้บังเกิดในเรือนอันมีสกุล ได้ปรากฏชื่อว่า ลกุณฎกภัททิยะ เพราะมีรูปร่างต่ำ และเพราะมีสรีระสวยงาม คล้ายรูปเปรียบทองคำ ฉะนั้น.
ในกาลต่อมาเขาได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้วได้มีศรัทธา บวชแล้วเป็นพหูสูต เป็นพระธรรมกถึก แสดงธรรมแก่คนเหล่าอื่นด้วยเสียงอันไพเราะ.
ต่อมาในวันมีมหรสพวันหนึ่ง หญิงคณิกาคนหนึ่งนั่งรถไปกับพราหมณ์คนหนึ่ง เธอมองเห็นพระเถระเข้า จึงหัวเราะจนมองเห็นฟัน. พระเถระถือเอากระดูกฟันของหญิงนั้นมาเป็นนิมิต ทำฌานให้บังเกิดขึ้นแล้ว ทำฌานนั้นให้เป็นพื้นฐานเจริญวิปัสสนา ได้เป็นพระอนาคามี. ท่านอยู่ด้วยสติเป็นไปในกายเนืองๆ.
วันหนึ่งท่านได้รับคำแนะนำพร่ำสอนจากท่านพระธรรมเสนาบดี จนถึงได้ดำรงอยู่ในพระอรหัต. ภิกษุและสามเณรบางพวกไม่รู้ว่าท่านได้บรรลุพระอรหัตแล้ว แกล้งดึงหูท่านเสียบ้าง จับศีรษะ จับแขน หรือจับมือและเท้าเป็นต้นสั่นเล่น เบียดเบียนบ้าง.
ท่านเป็นพระอรหัตแล้วเกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อนของตน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้.
บทว่า มญฺชุนาภินิกูชหํ ความว่า เราได้พูดได้เปล่งเสียงด้วยเสียงอันไพเราะน่ารัก.
คำที่เหลือในเรื่องนี้ พอจะกำหนดรู้ได้โดยง่ายทีเดียวแล.
จบอรรถกถาลกุณฎกภัททิยเถราปทาน


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น