Translate

14 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตตีย์ ตุวัฎฏวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ เรื่องภิกษุณีหลายรูป

     [๒๙๒] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต 
เขตพระนครราชคฤห์.
    ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลายอยู่ในพระนครราชคฤห์นั้นนั่นแหละ ตลอดฤดูฝน ตลอดฤดูหนาว ตลอดฤดูร้อน คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ทิศทั้งหลายคับแคบเป็นดุจมืดมนแก่ภิกษุณีทั้งหลาย ทิศทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏแก่ภิกษุณีเหล่านี้ ดังนี้. 
   ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนเหล่านั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึงเล่าเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลายๆ ได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
 ทรงบัญญัติสิกขาบท
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงกระทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า 
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุณีทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ ... เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑. 
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ    ๙๕. ๑๐. อนึ่ง ภิกษุณีใด อยู่จำตลอดฤดูฝนแล้ว ไม่หลีกไปสู่จาริก โดยที่สุดแม้สิ้นหนทาง ๕-๖ โยชน์ เป็นปาจิตตีย์. เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ. 
สิกขาบทวิภังค์
    [๒๙๓] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด 
    บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้. 
    ที่ชื่อว่า อยู่จำตลอดฤดูฝนแล้ว คือ อยู่จำตลอดฤดูฝนสามเดือนต้นหรือสามเดือนหลังแล้ว พอทอดธุระว่าจักไม่หลีกไปสู่จาริก สิ้นหนทางอย่างต่ำ ๕-๖ โยชน์ ดังนี้เท่านั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์. 
อนาปัตติวาร    [๒๙๔] ในเมื่ออันตรายมี ๑ แสวงหาภิกษุณีเป็นเพื่อนแล้วไม่ได้ ๑ อาพาธ ๑ มีอันตราย ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล. 
            ตุวัฏฏวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ. 
ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๕ จบ. 
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ตุวัฎฏรรคสิกขาบทที่ ๑๐
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๑๐ พึงทราบดังนี้ :- 
     บทว่า อาหุนฺทริกา แปลว่า คับแคบ. 
     สองบทว่า ธุรํ นิกฺขิตฺตมตฺเต มีความว่า ถ้าแม้นว่า ภิกษุณีทอดธุระแล้ว ภายหลังจึงหลีกไป เป็นอาบัติเหมือนกัน. แม้เมื่อปวารณาแล้วไปสิ้น ๕ โยชน์ ไม่เป็นอาบัติ.
      ใน ๖ โยชน์ ไม่มีคำที่จะพึงกล่าวถึงเลย. ก็ถ้าว่า ภิกษุณีไปได้ ๓ โยชน์ แล้วย้อนกลับมาโดยทางเดิมนั่นแล ไม่ควร. จะมาโดยทางอื่น ควรอยู่. 
     บทว่า อนฺตราเย คือ มีอันตราย ๑๐ อย่าง. 
     ภิกษุณีออกไปด้วยคิดว่า เราจักไปละ แต่ห้วงน้ำหลากมาเต็มแม่น้ำ หรือมีพวกโจรดักซุ่มอยู่ใกล้ทาง หรือเมฆตั้งเค้ามา จะกลับมา ก็ควร. 
คำที่เหลือตื้นทั้งนั้น. 
     สิกขาบทนี้มีสมุฏฐานดุจปฐมปาราชิก เป็นอกิริยา สัญญาวิโมกข์ สจิตตกะ โลกวัชชะ กายกรรม วจีกรรม อกุศลจิต เป็นทุกขเวทนา แล. 
        อรรถกถาตุวัฏฏวรรค สิกขาบทที่ ๑๐ จบ 
 อรรถกถาตุวัฏฏวรรค วรรคที่ ๔ จบ.

ไม่มีความคิดเห็น: