Translate

24 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑ ทรงประทานโอวาทแก่ภิกษุสงฆ์ เรื่องสหายภัททวัคคีย์

     [๓๕] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงจำพรรษาแล้ว  รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เพราะทำในใจโดยแยบคาย  เพราะตั้งความเพียรชอบโดยแยบคาย  เราจึงได้บรรลุอนุตตรวิมุติ
 จึงได้ทำอนุตตรวิมุติให้แจ้ง  แม้พวกเธอก็ได้บรรลุอนุตตรวิมุติ  ทำอนุตตรวิมุติให้แจ้ง  เพราะทำในใจโดยแยบคาย  เพราะตั้งความเพียรชอบโดยแยบคาย.
    ครั้งนั้น  มารผู้มีใจบาปเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค  ครั้นแล้วได้ทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
ท่านเป็นผู้อันบ่วงมาร  ทั้งที่เป็นของทิพย์
ทั้งที่เป็นของมนุษย์ผูกพันไว้แล้ว
  ท่านเป็นผู้อันเครื่องผูกแห่งมารรัดรึงแล้ว แน่ะสมณะ ท่านจักไม่พ้นเรา.
   พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า  เราเป็นผู้พ้นแล้วจากบ่วงมาร ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ เราเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูกแห่งมาร  
   ดูกรมารท่านถูกเรากำจัดเสียแล้ว.
   ครั้งนั้น  มารผู้มีใจบาปรู้ว่า  พระผู้มีพระภาคทรงรู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้แล้วมีทุกข์ เสียใจ หายไปในที่นั้นเอง.
เรื่องสหายภัททวัคคีย์
   [๓๖] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระนครพาราณสีตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จจาริกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่ตำบลอุรุเวลา  และทรงแวะจากทาง  แล้วเสด็จเข้าไปยังไพรสณฑ์แห่งหนึ่ง  ครั้นถึงไพรสณฑ์นั้นแล้ว  ประทับนั่ง ณ โคนไม้ต้นหนึ่ง.
   ก็โดยสมัยนั้นแล  สหายภัททวัคคีย์จำนวน  ๓๐ คน  พร้อมด้วยปชาบดีบำเรอกันอยู่ ณ ไพรสณฑ์แห่งนั้น.  สหายคนหนึ่งไม่มีประชาบดี. สหายทั้งหลายจึงได้นำหญิงแพศยามาเพื่อประโยชน์แก่เขา. 
   ต่อมาหญิงแพศยานั้น เมื่อพวกสหายนั้นเผลอตัวมัวบำเรอกันอยู่  ได้ลักเครื่องประดับหนีไป.  
   จึงพวกสหายนั้น เมื่อจะทำการช่วยเหลือสหาย  เที่ยวตามหาหญิงแพศยานั้น ไปถึงไพรสณฑ์แห่งนั้น  ได้เห็นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งอยู่ ณ โคนไม้ต้นหนึ่ง ครั้นแล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค  แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า  พระผู้มีพระภาคเห็นหญิงบ้างไหมเจ้าข้า?
   พระผู้มีพระภาคทรงย้อนถามว่า  ดูกรกุมารทั้งหลาย  พวกเธอจะต้องการอะไรด้วยหญิงเล่า?
   ภัท. เจ้าข้า พวกข้าพเจ้าเป็นสหายภัททวัคคีย์จำนวน ๓๐ คน ในตำบลนี้  พร้อมด้วยปชาบดี บำเรอกันอยู่ในไพรสณฑ์แห่งนี้  สหายคนหนึ่งไม่มีปชาบดี  พวกข้าพเจ้าจึงได้นำหญิงแพศยามาเพื่อประโยชน์แก่เขา 
   ต่อมา หญิงแพศยานั้น  เมื่อพวกข้าพเจ้าเผลอตัวมัวบำเรอกันอยู่ ได้ลักเครื่องประดับหนีไป เพราะเหตุนั้น พวกข้าพระองค์ผู้เป็นสหายกัน เมื่อจะทำการช่วยเหลือสหาย จึงเที่ยวตามหาหญิงนั้นมาถึงไพรสณฑ์แห่งนี้ เจ้าข้า.
   ภ.  ดูกรกุมารทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ข้อที่พวกเธอแสวงหาหญิงหรือแสวงหาตนนั้น อย่างไหนเป็นความดีของพวกเธอเล่า?
   ภัท.  ข้อที่พวกข้าพระองค์แสวงหาตนนั่นแล  เป็นความดีของพวกข้าพเจ้า เจ้าข้า.
   ภ.  ดูกรกุมารทั้งหลาย  ถ้าอย่างนั้นพวกเธอนั่งลงเถิด  เราจักแสดงธรรมแก่พวกเธอ.
   พวกสหายภัททวัคคีย์เหล่านั้น  รับพระพุทธาณัติพจน์ว่า อย่างนั้น เจ้าข้า  ถวายบังคม พระผู้มีพระภาคแล้ว  นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.  
   พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอนุปุพพิกถาแก่พวกเขา คือทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา โทษ ความต่ำทราม  ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย  และอานิสงส์ในความออกจากกาม.  
        เมื่อพระองค์ทรงทราบว่า  พวกเขามีจิตสงบ มีจิตอ่อน  มีจิตปลอดจากนิวรณ์  มีจิตเบิกบาน  มีจิตผ่องใสแล้ว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง  คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค. 
ดวงตาเห็นธรรม
   ปราศจากธุลี  ปราศจากมลทินว่า  สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา  ได้เกิดแก่พวกเขา ณ ที่นั่งนั่นแล ดุจผ้าที่สะอาด ปราศจากมลทินควรได้รับน้ำย้อมเป็นอย่างดี ฉะนั้น. 
   พวกเขาได้เห็นธรรมแล้ว ได้บรรลุธรรมแล้ว ได้รู้ธรรมแจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมอันหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความสงสัยถึง
ความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อผู้อื่นในคำสอนของพระศาสดา ได้ทูลคำนี้ต่อพระผู้มีพระภาคว่า พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์พึงได้บรรพชา พึงได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาค.
   พระผู้มีพระภาคตรัสว่า พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ดังนี้ แล้วได้ตรัสต่อไปว่า ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด.
              พระวาจานั้นแล 
ได้เป็นอุปสมบทของท่านผู้มีอายุเหล่านั้น.
           เรื่องสหายภัททวัคคีย์ จบ
ทุติยภาณวาร จบ.
อรรถกามหาวรรคภาค ๑มหาขันธกะ
เรื่องสหายภัททวัคคีย์ อรรถกถาสหายกวัตถุ
    หลายบทว่า มยฺหํ โข ภิกฺขเว มีอรรถว่า มยา โข. 
    อีกอย่างหนึ่ง 
มีความว่า ความทำในใจโดยแยบคายของเรา. 
    อธิบายว่า เพราะความทำในใจโดยแยบคายของเราเป็นเหตุ. ครั้นเปลี่ยนวิภัติแล้วก็พึงกล่าวคำว่า มยา เป็นอนภิหิตกัตตา ในบทว่า อนุปฺปตฺตา นี้อีก (เพราะ มยฺหํ เป็นสามีสัมพันธไปแล้ว). 
    บทว่า ภทฺทวคฺคิยา มีความว่า ได้ยินว่า สหายเหล่านั้นเป็นราชกุมารผู้มีความเจริญด้วยรูปร่างและจิต เที่ยวไปด้วยคุมกันเป็นพวกเดียวกัน เพราะฉะนั้น ท่านจึงเรียกว่า ภัททวัคคีย์ โว อักษรในบทว่า เตนหิ โว ดังนี้ สักว่านิบาต. 
    สองบทว่า ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ มีความว่า โสดาปัตติมรรคได้เกิดขึ้นแก่บางพวก สกทาคามิมรรคได้เกิดขึ้นแก่บางพวก อนาคามิมรรคได้เกิดขึ้นแก่บางพวก. 
    จริงอยู่ มรรคเหล่านี้ทั้ง ๓ ท่านเรียกว่าธรรมจักษุ. 
    ได้ยินว่า สหายเหล่านั้นได้เป็นนักเลง ๓๐ คนในตุณฑิลชาดก.๑- ครั้งนั้น พวกเขาได้ฟังตุณฑิโลวาทแล้วรักษาศีล ๕. บุพพกรรมของสหายเหล่านั้นเท่านี้. 
๑- ขุ. ชา. เล่ม ๒๗/ข้อ ๙๑๗. 
ชาดกอัฏฐกถาภาค ๕ หน้า ๗๘

ไม่มีความคิดเห็น: