Translate

18 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๘ กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ ๑ เรื่องภิกษุณีหลายรูป

     [๔๐๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. 
    ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลายให้สามเณรีมีอายุหย่อน ๒๐ ฝนอุปสมบท เธอเหล่านั้นอดทนไม่ได้ต่อความหนาว ความร้อน ความหิว ความกระหาย ไม่อดทนต่อสัมผัสแห่งเหลือบ 
    ยุง ลม แดด และสัตว์เสือกคลาน มักไม่อดกลั้นต่อถ้อยคำที่เขากล่าวร้าย หยาบคาย มีปกติไม่อดทนต่อทุกขเวทนาที่เกิดในสรีระอย่างแรงกล้า หยาบช้า เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจอันอาจพร่าชีวิตเสีย. 
    บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้ให้สามเณรีมีอายุหย่อน ๒๐ ฝน อุปสมบทเล่า 
ทรงสอบถาม
    พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีให้สามเณรีมีอายุหย่อน ๒๐ ฝน อุปสมบท จริงหรือ? 
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้ให้สามเณรี มีอายุหย่อน ๒๐ ฝน อุปสมบทเล่า เพราะสามเณรีมีอายุหย่อน ๒๐ ฝน 
     เป็นผู้อดทนไม่ได้ต่อความหนาว ความร้อน ความหิว ความกระหาย ไม่อดทนต่อสัมผัสแห่งเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เสือกคลาน มักไม่อดกลั้นต่อถ้อยคำที่เขากล่าวร้าย 
    หยาบคาย มีปกติไม่อดทนต่อทุกขเวทนาที่เกิดในสรีระอย่างแรงกล้า หยาบช้า เผ็ดร้อน ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ อันอาจพร่าชีวิตเสีย การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส 
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ    ๑๒๖. ๑. อนึ่ง ภิกษุณีใด ยังสตรีผู้เป็นกุมารี มีอายุหย่อน ๒๐ ปีให้บวช เป็นปาจิตตีย์. 
เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ. 
สิกขาบทวิภังค์
    [๔๐๒] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด 
    บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้. 
    ที่ชื่อว่า มีอายุหย่อน ๒๐ ปี คือ มีอายุยังไม่ถึง ๒๐ ฝน. 
    ที่ชื่อว่า สตรีผู้ยังเป็นกุมารี ได้แก่ สตรีที่เรียกกันว่าสามเณรี. 
บทว่า ให้บวช คือ ให้อุปสมบท. 
    ตั้งใจว่า จักให้อุปสมบท แล้วแสวงหาคณะก็ดี อาจารย์ก็ดี บาตรก็ดี จีวรก็ดี สมมติสีมาก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ จบกรรมวาจา ๒ ครั้ง ต้องอาบัติทุกกฏ ๒ ตัว จบกรรมวาจาครั้งสุด ภิกษุณีผู้อุปัชฌาย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ คณะและอาจารย์ ต้องอาบัติทุกกฏ. 
บทภาชนีย์
    [๔๐๓] สามเณรีมีอายุหย่อน ๒๐ ปี ภิกษุณีสำคัญว่ามีอายุหย่อน ๒๐ ปีให้บวช ต้องอาบัติปาจิตตีย์. 
    สามเณรีมีอายุหย่อน ๒๐ ปี ภิกษุณีสงสัย ให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ. 
    สามเณรีมีอายุหย่อน ๒๐ ปี ภิกษุณีสำคัญว่ามีอายุครบแล้ว ให้บวชไม่ต้องอาบัติ. 
    สามเณรีมีอายุครบ ๒๐ ปี ภิกษุณีสำคัญว่า มีอายุหย่อน ๒๐ ปี ต้องอาบัติทุกกฏ. 
    สามเณรีมีอายุครบ ๒๐ ปี ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
    สามเณรีมีอายุครบ ๒๐ ปี ภิกษุณีสำคัญว่ามีอายุครบแล้ว ไม่ต้องอาบัติ. 
อนาปัตติวาร
    [๔๐๔] บวชกุมารีผู้มีอายุหย่อน ๒๐ ฝน สำคัญว่ามีอายุครบแล้ว ๑ บวชกุมารีผู้มีอายุครบ ๒๐ ฝนแล้ว สำคัญว่ามีอายุครบแล้ว ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล. 
กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ ๑ จบ. 
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์กุมารีภูตวรรคสิกขาบทที่ ๑ -๒ -๓
     สิกขาบทที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ แห่งกุมารีภูตวรรค เช่นเดียวกับคิหิคตสิกขาบททั้ง ๓ นั่นเอง. 
     ก็มหาสิกขมานา ๒ รูปก่อนเขาทั้งหมด บัณฑิตพึงทราบว่า มีอายุล่วง ๒๐ ปีแล้ว มหาสิกขมานาเหล่านั้นจะเป็นสตรีคฤหัสถ์ (เคยมีสามีแล้ว) หรือมิใช่สตรีคฤหัสถ์ก็ตามที 
    สงฆ์ควรเรียกว่า สิกขมานา เหมือนกันในสมมติกรรมเป็นต้น ไม่ควรเรียกว่า คิหิคตา หรือว่า กุมารีภูตา. 
     ภิกษุณีสงฆ์พึงให้สิกขาสมมติแก่สตรีคฤหัสถ์ในเวลามีอายุ ๑๐ ปี แล้วทำการอุปสมบทในเวลามีอายุ ๑๒ ปี. ให้ในเวลามีอายุ ๑๑ ปี แล้วทำอุปสมบทในเวลามีอายุ ๑๓ ปี. 
    ให้สมมติในเวลามีอายุ ๑๒ ปี ๑๓ ปี ๑๔ ปี ๑๕ ปี ๑๖ ปี ๑๗ ปี และ ๑๘ ปี แล้วพึงกระทำการอุปสมบทในเวลามี ๑๔-๑๕-๑๖-๑๗-๑๘-๑๙-๒๐ ปี. 
     ก็แล ตั้งแต่เวลามีอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป สตรีคฤหัสถ์นี้จะเรียกว่า คิหิคตาบ้าง ว่า กุมารีภูตาบ้างก็ได้. แต่สตรีผู้เป็นกุมารีภูตา ไม่ควรเรียกว่า คิหิคตา ควรเรียกว่า กุมารีภูตาเท่านั้น. 
    ฝ่ายมหาสิกขมานาจะเรียกว่า คิหิคตาบ้าง ก็ไม่ควร. จะเรียกว่ากุมารีภูตาบ้าง ก็ไม่ควร. 
     แม้ทั้ง ๓ นาง ควรเรียกว่าสิกขมานาด้วยอำนาจการให้สิกขาสมมติ.

ไม่มีความคิดเห็น: