Translate

15 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตตีย์ จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๖ เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา

     [๓๑๑] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. 
    ครั้งนั้น ภิกษุณีถุลลนันทาให้ของเคี้ยวของบริโภคแก่พวกครูฟ้อนรำบ้าง แก่พวกฟ้อนรำบ้าง แก่พวกโดดไม้สูงบ้าง แก่พวกจำอวดบ้าง แก่พวกเล่นกลองบ้าง 
     ด้วยมือของตนพร้อมกับสั่งว่า ท่านทั้งหลายจงกล่าวสรรเสริญข้าพเจ้าในที่ชุมชนพวกครูฟ้อนรำก็ดี พวกฟ้อนรำก็ดี พวกโดดไม้สูงก็ดี พวกจำอวดก็ดี พวกเล่นกลองก็ดี 
    ต่างก็กล่าวสรรเสริญภิกษุณีถุลลนันทาในที่ชุมชนว่า แม่เจ้าถุลลนันทาเป็นพหูสูต เป็นคนช่างพูด เป็นผู้องอาจ สามารถเจรจาถ้อยคำมีหลักฐาน ท่านทั้งหลายจงถวายแก่แม่เจ้า จงทำแก่แม่เจ้า ดังนี้. 
    บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้าถุลลนันทาจึงได้ให้ของเคี้ยวของบริโภคแก่ชาวบ้านด้วยมือของตนเล่า 
ทรงสอบถาม
    พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทาให้ของเคี้ยวของบริโภคแก่ชาวบ้านด้วยมือของตนเอง จริงหรือ?. 
 ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทา จึงได้ให้ของเคี้ยวของบริโภคแก่ชาวบ้านด้วยมือของตนเองเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส 
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย
   ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ    ๑๐๑. ๖. อนึ่ง ภิกษุณีใด ให้ของเคี้ยวหรือของบริโภคแก่ชาวบ้านก็ดี แก่ปริพาชกก็ดี แก่ปริพาชิกาก็ดี ด้วยมือของตนเอง เป็นปาจิตตีย์. เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ
สิกขาบทวิภังค์
    [๓๑๒] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด 
    บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้. 
    ที่ชื่อว่า ชาวบ้าน ได้แก่ บุคคลผู้ครองเรือนผู้ใดผู้หนึ่ง. 
    ที่ชื่อว่า ปริพาชก ได้แก่ บุรุษผู้ใดผู้หนึ่ง ผู้บวชเป็นปริพาชก เว้นภิกษุ และสามเณร. 
    ที่ชื่อว่า ปริพาชิกา ได้แก่ สตรีผู้ใดผู้หนึ่ง ผู้บวชเป็นปริพาชิกา เว้นภิกษุณี สิกขมานาและสามเณรี. 
    ที่ชื่อว่า ของเคี้ยว ได้แก่ ของเคี้ยว เว้นโภชนะ ๕ น้ำและไม้ชำระฟัน นอกนั้นชื่อว่าของเคี้ยว. 
    ที่ชื่อว่า ของบริโภค ได้แก่ โภชนะ ๕ คือข้าวสุก ขนมสด ขนมแห้ง ปลา เนื้อ. 
    บทว่า ให้ คือ ให้ด้วยกายก็ดี ด้วยของเนื่องด้วยกายก็ดี ด้วยโยนให้ก็ดี ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ให้น้ำ ไม้ชำระฟัน ต้องอาบัติทุกกฏ. 
อนาปัตติวาร
    [๓๑๓] ใช้ผู้อื่นให้ ๑ มิได้ให้ ๑ วางให้ ๑ ให้ของลูบไล้ภายนอก ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล. จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ. 
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์จิตตาคารวรรคสิกขาบทที่ ๖
    คำทั้งหมดในสิกขาบทที่ ๖ บัณฑิตพึงทราบโดยนัยดังกล่าวแล้วในอาคารริกสิกขาบท ในนัคควรรคนั่นแล. 
แต่มีความแปลกกันอย่างนี้ :- 
     อาคาริกสิกขาบทนั้นมีสมุฏฐาน ๖ สิกขาบทนี้มีสมุฏฐานดุจเอฬกโลมสิกขาบท เพราะท่านกล่าวว่า ด้วยมือของตนเอง เป็นกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ แล.

ไม่มีความคิดเห็น: