Translate

21 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๙ ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๑๑,๑๒ เรื่องภิกษุณีหลายรูป

     [๔๗๒] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. 
   ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลายไม่ขอโอกาส นั่งบนอาสนะเบื้องหน้าภิกษุ.
   ภิกษุทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้ไม่ขอโอกาส นั่งบนอาสนะเบื้องหน้าภิกษุเล่า
ทรงสอบถาม   พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีทั้งหลายไม่ขอโอกาส นั่งบนอาสนะเบื้องหน้าภิกษุ จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
   พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงได้ไม่ขอโอกาส นั่งบนอาสนะเบื้องหน้าภิกษุเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
   ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-พระบัญญัติ   ๑๔๙. ๑๑. อนึ่ง ภิกษุณีใด ไม่ขอโอกาส นั่งบนอาสนะเบื้องหน้าภิกษุ เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ.
สิกขาบทวิภังค์
   [๔๗๓] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
   บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ...  นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
   คำว่า เบื้องหน้าภิกษุ คือ ตรงหน้าอุปสัมบันภิกษุ.
   บทว่า ไม่ขอโอกาส คือ ไม่บอกกล่าวก่อน.
   คำว่า นั่งบนอาสนะ คือ โดยที่สุด แม้นั่งบนพื้นดิน ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทภาชนีย์
ติกะปาจิตตีย์
   [๔๗๔] ยังไม่ได้ขอโอกาส ภิกษุณีสำคัญว่า ยังไม่ได้ขอโอกาส นั่งบนอาสนะ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
   ยังไม่ได้ขอโอกาส ภิกษุณีมีความสงสัย นั่งบนอาสนะ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
   ยังไม่ได้ขอโอกาส ภิกษุณีสำคัญว่าขอโอกาสแล้ว นั่งบนอาสนะ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ทุกะทุกกฎ   ขอโอกาสแล้ว ภิกษุณีสำคัญว่า ยังไม่ได้ขอโอกาส ต้องอาบัติทุกกฏ.   ขอโอกาสแล้ว ภิกษุณีมีความสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
ไม่ต้องอาบัติ   ขอโอกาสแล้ว ภิกษุณีสำคัญว่า ขอโอกาสแล้ว ไม่ต้องอาบัติ.
อนาปัตติวาร
   [๔๗๕] ขอโอกาส นั่งบนอาสนะ ๑ อาพาธ ๑ มีเหตุจำเป็น ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๑๑ จบ.
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ฉัตตุปาหนวรรคสิกขาบทที่ ๑๑
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๑๑ พึงทราบดังนี้ :- 
   สองบทว่า ภิกฺขุสฺส ปุรโต คือ ตรงหน้าจังๆ. 
   ก็คำนี้บัณฑิตพึงทราบว่า ท่านกล่าวหมายเอาอุปจาร (ที่ใกล้โดยรอบ ๑๒ ศอก). 
คำที่เหลือง่ายทั้งนั้น. 
   สิกขาบทนี้มีสมุฏฐานดุจกฐินสิกขาบท เกิดขึ้นทางกายกับวาจา ๑ ทางกายวาจากับจิต เป็นทั้งกิริยาทั้งอกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ แล.
อรรถกถาฉัตตวรรค สิกขาบทที่ ๑๑ จบ.
ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๑๒
เรื่องภิกษุณีหลายรูป
   [๔๗๖] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี.
   ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลายถามปัญหากะภิกษุผู้ที่ตนยังไม่ได้ขอโอกาส ภิกษุทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้ถามปัญหากะภิกษุผู้ที่ตนยังมิได้ขอโอกาสเล่า
ทรงสอบถาม   พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกภิกษุณีถามปัญหากะภิกษุผู้ที่ตนยังไม่ได้ขอโอกาส จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
   พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงได้ถามปัญหากะภิกษุที่ตนยังมิได้ขอโอกาสเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
   ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-พระบัญญัติ   ๑๕๐. ๑๒. อนึ่ง ภิกษุณีใด ถามปัญหากะภิกษุผู้ที่ตนยังมิได้ขอโอกาส เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ.
สิกขาบทวิภังค์
   [๔๗๗] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
   บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
   บทว่า ผู้ที่ตนยังมิได้ขอโอกาส คือ ตนยังมิได้บอกกล่าว.
   บทว่า ภิกษุ ได้แก่ อุปสัมบันภิกษุ.
   คำว่า ถามปัญหา คือ ยังภิกษุให้ทำโอกาสในพระสูตรแล้วถามพระวินัย หรือพระอภิธรรม ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
   ยังภิกษุให้ทำโอกาสในพระวินัย แล้วถามพระสูตร หรือพระอภิธรรม ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
   ยังภิกษุให้ทำโอกาสในพระอภิธรรม แล้วถามพระสูตร หรือพระวินัย ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทภาชนีย์
ติกะปาจิตตีย์
   [๔๗๘] ยังมิได้ขอโอกาส ภิกษุณีสำคัญว่า ยังมิได้ขอโอกาส ถามปัญหา ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
   ยังมิได้ขอโอกาส ภิกษุณีมีความสงสัย ถามปัญหา ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
   ยังมิได้ขอโอกาส ภิกษุณีสำคัญว่าขอโอกาสแล้ว ถามปัญหา ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ทุกะทุกกฎ   ขอโอกาสแล้ว ภิกษุณีสำคัญว่า ยังมิได้ขอโอกาส ต้องอาบัติทุกกฏ.   ขอโอกาสแล้ว ภิกษุณีมีความสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
ไม่ต้องอาบัติ   ขอโอกาสแล้ว ภิกษุณีสำคัญว่าขอโอกาสแล้ว ไม่ต้องอาบัติ.
อนาปัตติวาร
   [๔๗๙] ยังภิกษุให้ทำโอกาสแล้วถาม ๑ ยังภิกษุให้ทำโอกาสไม่เจาะจงแล้วถามปัญหาในปิฎกใดปิฎกหนึ่ง ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ ๑๒ จบ.
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ฉัตตุปาหนวรรคสิกขาบทที่ ๑๒
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๑๒ พึงทราบดังนี้ :- 
   บทว่า อโนกาสกตํ ได้แก่ ผู้ที่ตนยังมิได้ทำการขอโอกาสอย่างนี้ว่า ดิฉันจักถามในสถานที่โน้น. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า บทว่า ผู้ที่ตนยังมิได้ขอโอกาส คือ ตนยังไม่ได้บอกกล่าว. 
   บทว่า อนุทฺทิสฺส มีความว่า ไม่กำหนดอย่างนี้ว่า ดิฉันจักถามในฐานะชื่อโน้น กล่าวอย่างนี้อย่างเดียวว่า ดิฉันจะถามข้อที่ควรถาม ซึ่งมีอยู่ พระผู้เป็นเจ้า! 
คำที่เหลือง่ายทั้งนั้น. 
   สิกขาบทนี้มีสมุฏฐานดุจปทโสธรรมสิกขาบท เกิดขึ้นทางวาจา ๑ ทางวาจากับจิต ๑ เป็นทั้งกิริยาทั้งอกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ วจีกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ แล.

ไม่มีความคิดเห็น: