[๓๒๒] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี.
ครั้งนั้น ภิกษุณีฉัพพัคคีย์พากันเรียนติรัจฉานวิชา.
คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงเรียนติรัจฉานวิชา เหมือนสตรีคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลาย ได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้เรียนติรัจฉานวิชาเล่า
ทรงสอบถาม พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า ภิกษุณีฉัพพัคคีย์
พากันเรียนติรัจฉานวิชา จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีฉัพพัคคีย์จึงได้พากันเรียนติรัจฉานวิชาเล่า การกระทำของพวกนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ ๑๐๔. ๙. อนึ่ง ภิกษุณีใด เรียนติรัจฉานวิชา เป็นปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีฉัพพัคคีย์ จบ.
สิกขาบทวิภังค์
[๓๒๓] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณี ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า ติรัจฉานวิชา ได้แก่ ศิลปวิทยาการนอกพระศาสนาชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่กอปรด้วยประโยชน์.
บทว่า เรียน คือ เรียนโดยบท ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ บท เรียนโดยอักขระ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ทุกๆ ตัวอักขระ.
อนาปัตติวาร [๓๒๔] เรียนหนังสือ ๑ เรียนวิชาท่องจำ ๑ เรียนวิชาป้องกันเพื่อประสงค์คุ้มครองตัว ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
จิตตาคารวรรค สิกขาบทที่ ๙ จบ.
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์จิตตาคารวรรคสิกขาบทที่ ๙
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๙ พึงทราบดังนี้ :-
สองบทว่า พาหิรกํ อนตฺถสํหิตํ ได้แก่ (ศิลปวิทยาการ) ทำลายผู้อื่นมีชนิดเช่นศิลปะเนื่องด้วยช้าง ม้า รถ ธนูและดาบ กับมนต์อาถรรพณ์ มนต์ฝังหุ่น มนต์ทำให้มีอำนาจ มนต์ทำให้ผอมแห้งและวิชาประกอบยาพิษเป็นต้น.
บทว่า ปริตฺตํ ได้แก่ (วิชาป้องกันตัว) มีชนิดเช่นวิชาป้องกันพวกยักษ์ และป้องกันพวกนาค (งู) เป็นต้น แม้ทุกอย่าง ย่อมสมควร.
บทที่เหลือตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้มีสมุฏฐานดุจปทโสธรรมสิกขาบท เกิดขึ้นทางวาจา ๑ ทางวาจากับจิต ๑ เป็นกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ วจีกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ แล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น