[๑๑๐] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี.
ครั้งนั้น ภิกษุณีถุลลนันทาอาพาธ มีอุบาสกคนหนึ่งเข้าไปเยี่ยมภิกษุณีถุลลนันทาถึงสำนัก แล้วได้ถามนางดังนี้ว่า ข้าแต่แม่เจ้า ท่านไม่สบายหรือ จงกรุณาใช้ข้าพเจ้า ให้นำของสิ่งไรมาถวาย.
นางตอบว่า อาวุโส ฉันต้องการเนยใส.
จึงอุบาสกนั้นได้ไปนำเนยใสราคาหนึ่งกหาปณะ จากร้านของชาวตลาดคนหนึ่ง มาถวายภิกษุณีถุลลนันทา.
นางกล่าวอย่างนี้ว่า อาวุโส ความต้องการของฉันไม่ใช่เนยใส ฉันต้องการน้ำมัน.
จึงอุบาสกนั้นได้เดินกลับเข้าไปหาชาวตลาดคนนั้นแล้วบอกกะเขาดังนี้ว่า แม่เจ้าไม่ต้องการเนยใสจ้ะ ต้องการน้ำมัน ขอท่านจงรับคืนเนยใสของท่าน โปรดให้น้ำมันแก่ข้าพเจ้า.
ชาวตลาดตอบว่า นี่นาย ถ้าพวกข้าพเจ้ารับสิ่งของที่ขายไปแล้วคืนมาอีก เมื่อไรสินค้าของพวกข้าพเจ้าจึงจักขายหมดไป เนยใสท่านซื้อไปด้วยราคาเนยใสแล้ว จงนำราคาค่าน้ำมันมา จึงจักนำน้ำมันไปได้.
อุบาสกผู้นั้นจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาขึ้นในทันใดนั้นแลว่า แม่เจ้าถุลลนันทาออกปากขอของอย่างหนึ่งแล้ว ไฉนจึงได้ออกปากขอของอย่างอื่นอีกเล่า.
ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินอุบาสกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่.
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน แม่เจ้าถุลลนันทาออกปากขอของอย่างหนึ่งได้แล้ว จึงได้ออกปากขอของอย่างอื่นอีกเล่า แล้วได้แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค.
ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทาออกปากขอของอย่างหนึ่งได้แล้ว ออกปากขอของอย่างอื่นอีก จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีถุลลนันทาออกปากขอของอย่างหนึ่งได้แล้ว จึงได้ออกปากขอของอย่างอื่นอีกเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-พระบัญญัติ ๒๙.๔. อนึ่ง ภิกษุณีใด ออกปากขอของอย่างหนึ่งได้แล้ว พึงออกปากขอของอื่นอีกอย่าง เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ.
สิกขาบทวิภังค์
[๑๑๑] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
บทว่า ออกปากขอของอย่างหนึ่งได้แล้ว คือ ขอของสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้แล้ว.
บทว่า พึงออกปากขอของอื่นอีกอย่าง ความว่า เว้นของอย่างใดอย่างหนึ่งที่ขอแล้วนั้นขอของอย่างอื่นอีก เป็นทุกกฏในประโยค เป็นนิสสัคคีย์ด้วยได้ของมา ต้องเสียสละแก่สงฆ์คณะ หรือภิกษุณีรูปหนึ่ง.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลของที่ขอได้มานั้น ภิกษุณีพึงเสียสละอย่างนี้.
วิธีเสียสละ
เสียสละแก่สงฆ์
ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ... แม่เจ้า ของอื่นอีกอย่าง สิ่งนี้ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอของอย่างหนึ่งได้แล้ว จึงขอได้มา เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละของอื่นอีกอย่าง สิ่งนี้แก่สงฆ์ สงฆ์พึงให้ของอื่นอีกอย่าง สิ่งนี้แก่ภิกษุณีมีชื่อนี้ ดังนี้.
เสียสละแก่คณะ
ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีหลายรูป ... แม่เจ้าทั้งหลาย พึงให้ของอื่นอีกอย่าง สิ่งนี้แก่ภิกษุณีมีชื่อนี้ ดังนี้.
เสียสละแก่ภิกษุณีรูปหนึ่ง
ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีรูปหนึ่ง ... ข้าพเจ้าให้ของอื่นอีกอย่างสิ่งนี้แก่แม่เจ้า ดังนี้.
บทภาชนีย์
ติกะนิสสัคคิยปาจิตตีย์
[๑๑๒] ของอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่า ของอย่างหนึ่ง ขอของอื่นอีกอย่าง เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ของอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสงสัย ขอของอื่นอีกอย่าง เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ของอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่า มิใช่ของอย่างหนึ่ง ขอของอื่นอีกอย่าง เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
ทุกะทุกกฎ มิใช่ของอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่า ของอย่างหนึ่ง ต้องอาบัติทุกกฏ. มิใช่ของอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.
ไม่ต้องอาบัติ มิใช่ของอย่างหนึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่า มิใช่ของอย่างหนึ่ง ไม่ต้องอาบัติ.
อนาปัตติวาร
&@ [๑๑๓] ขอของสิ่งหนึ่งนั้น และขอแถมของอื่นอีกอย่างรวมกัน ๑ แสดงอานิสงส์แล้วขอ ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล. ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๔ จบ.
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ นิสสัคคิสกัณฑ์ปัตตวรรค สิกขาบทที่ ๔
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๔ พึงทราบดังนี้ :-
บทว่า กเยน แปลว่า ด้วยราคา. ได้ยินว่า ภิกษุณีชื่อถุลลนันทานั้นเข้าใจอยู่ว่า อุบาสกนั้นคืนเนยใสที่ซื้อมาแล้ว จักนําแม่นํ้ามันมาได้ จึงได้กล่าวคํานี้ว่า อาวุโส! ฉันไม่มีความต้องการด้วยเนยใส ฉันต้องการนํ้ามัน.
บทว่า วิญฺญาเปตฺวา ได้แก่ บอกให้รู้แล้ว หรือออกปากขอแล้วว่า ท่านจงนําของชื่อนี้มา.
สองบทว่า ตญฺเจว วิญฺญาเปติ มีความว่า สิ่งใดที่ตนขอก่อน สิ่งนั้นน้อยไปไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้น จึงขอของนั้นนั่นแลเพิ่ม.
สองบทว่า อญฺญญฺจ วิญฺญาเปติ มีความว่า ถ้าว่าตนขอเนยใสไว้ก่อน แต่เพราะหมอพูดว่า จะต้องเจียวคู่กัน (เจียวรวมเข้าด้วยกัน) จึงมีความต้องการด้วยนํ้ามัน เพราะฉะนั้น จึงขอแถมแม้ของอื่นอย่างนี้ว่า เรามีความต้องการนํ้ามันด้วย.
ข้อว่า อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา วิญฺญาเปติ มีความว่า ถ้าหากว่า เนยใสที่เขานํามามีราคาถึงกหาปณะ ภิกษุณีแสดงอานิสงส์แล้ว ขออย่างนี้ว่า ด้วยราคาเท่านี้ จะได้น้ำมัน ๒ เท่า และกิจนี้จะสําเร็จได้ตลอดไป แม้ด้วยนํ้ามันนี้ เพราะฉะนั้น ท่านจงนํานํ้ามันมาเถิด.
คําที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น.
สิกขาบทนี้มีสมุฏฐาน ๖ เป็นทั้งกิริยาทั้งอกิริยา เป็นโนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ ฉะนี้แล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น