Translate

10 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตตีย์ ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๔ เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง

     [๑๖๐] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี.
    ครั้งนั้น มีพระสนมเก่าคนหนึ่งบวชอยู่ในสำนักภิกษุณี ภิกษุณีรูปหนึ่งอันความกระสันบีบคั้นแล้ว ได้เข้าไปหาภิกษุณีพระสนมรูปนั้นถึงสำนักแล้วถามว่าแม่เจ้า พระราชาเสด็จไปหาแม่เจ้านานๆ ครั้ง แม่เจ้าดำรงอยู่ได้ด้วยอาการอย่างไร?
    ภิกษุณีพระสนมตอบว่า ด้วยท่อนยางเกลี้ยงๆ จ๊ะ.
    ภิกษุณีนั้นซักว่า ท่อนยางเกลี้ยงนั่นเป็นอย่างไร?
    จึงภิกษุณีพระสนมนั้นได้บอกท่อนยางเกลี้ยงแก่ภิกษุณีนั้น ภิกษุณีนั้นใช้ท่อนยางเกลี้ยงแล้วลืมล้างวางทิ้งไว้ ณ ที่ข้างหนึ่ง. ภิกษุณีทั้งหลายเห็นท่อนยางเกลี้ยงมีหมู่แมลงวันตอม จึงพูดเป็นเชิงถามว่า นี่การกระทำของใคร?
    ภิกษุณีนั้นกล่าวตอบอย่างนี้ว่า นี้เป็นการกระทำของดิฉัน. 
    บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีจึงได้ใช้ท่อนยางเกลี้ยงๆ เล่า
ทรงสอบถาม
    พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีใช้ท่อนยางเกลี้ยงๆ จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีจึงได้ใช้ท่อนยางเกลี้ยงๆ เล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
         ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ     ๕๙. ๔. เป็นปาจิตตีย์ ในเพราะใช้ท่อนยางเกลี้ยงๆ เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง จบ.
สิกขาบทวิภังค์
    [๑๖๑] ที่ชื่อว่า ท่อนยางเกลี้ยงๆ ได้แก่ วัตถุที่ทำขึ้นด้วยยาง ทำขึ้นด้วยไม้ ทำขึ้นด้วยแป้ง ทำขึ้นด้วยดิน.
    ภิกษุณียินดีสัมผัส สอดวัตถุโดยที่สุดแม้กลีบอุบล เข้าไปสู่องค์รหัส ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
อนาปัตติวาร     [๑๖๒] มีเหตุอาพาธ ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล. ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๔ จบ.
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๒
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๔ พึงทราบดังนี้;-
    บทว่า ปุราณราโชโรโธ ได้แก่ เป็นพระสนมของพระเจ้าแผ่นดินในกาลก่อน คือในคราวเป็นคฤหัสถ์.
    สองบทว่า จิราจิรํ คจฺฉติ คือ นานๆ พระราชาจึงจะเสด็จมา.
    บทว่า ธาเรถ คือ แม่เจ้าอาจ (ดํารงอยู่ได้อย่างไร?). เมื่อพวกภิกษุณีถามว่า นี้กรรมของใคร? ภิกษุณีนั้นเข้าใจว่า แม้เมื่อเราไม่บอก ภิกษุณีเหล่านี้ก็จักทําความระแวงสงสัยในเรา จึงได้กล่าวอย่างนี้ว่า นี้เป็นการกระทําของดิฉัน.
    บทว่า ชตุมฏฺฐเก ได้แก่ ท่อนเกลี้ยงๆ ทําด้วยยาง.
    บทว่า ชตุมฎฺฐเก นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสด้วยอํานาจแห่งเรื่องเท่านั้น. แต่เมื่อสอดท่อนกลมๆ อย่างใดอย่างหนึ่งเข้าไปเป็นอาบัติทั้งนั้น.
    ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสว่า ชั้นที่สุด สอดแม้กลีบอุบลเข้าไปสู่องค์รหัสและแม้กลีบอุบลนี้ ก็โตเกินไป แต่เมื่อสอดแม้เพียงเกสรเข้าไปก็อาบัติเหมือนกัน.
บทที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น.
    สมุฏฐานเป็นต้นก็เป็นเช่นกับที่กล่าวแล้วในตลฆาฏกสิกขาบทนั้นแล.

ไม่มีความคิดเห็น: