Translate

10 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตตีย์ ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๖ เรื่องภิกษุณีภรรยาเก่าของมหาอำมาตย์

     [๑๖๘] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี.
    ครั้งนั้น มหาอำมาตย์ผู้หนึ่ง ชื่ออาโรหันตะ ได้บวชอยู่ใน สำนักภิกษุ. ภรรยาเก่าของท่านก็ได้บวชอยู่ในสำนักภิกษุณี.
    ต่อมา ภิกษุนั้นทำภัตกิจในสำนักภิกษุณี นั้น.
    เมื่อภิกษุนั้นกำลังฉันอยู่ ภิกษุณีนั้นได้เข้าไปยืนปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ด้วยน้ำฉันและการพัดวีแล้วกล่าวถ้อยคำเกี่ยวกับการครองเรือนยั่วยวนอยู่ จึงภิกษุนั้นรุกรานนางว่า ดูกรน้องหญิง เธออย่าได้ทำเช่นนี้ ข้อนี้ไม่ควร.
    นางได้กล่าวว่า เมื่อก่อนท่านได้กระทำอย่างนี้ๆ แก่ข้าพเจ้า บัดนี้ เพียงเท่านี้ก็ทนไม่ได้ ครั้นแล้วได้ครอบขันน้ำลงบนศีรษะ ประหารด้วยพัด. บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่ง โทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีจึงได้ให้ประหารแก่ภิกษุเล่า 
ทรงสอบถาม
    พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีให้ประหารแก่ภิกษุ จริงหรือ?
 ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีจึงได้ให้ประหารแก่ ภิกษุเล่า การกระทำของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
   ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ ๖๑. ๖. อนึ่ง ภิกษุณีใด เมื่อภิกษุกำลังฉันอยู่ เข้าไปปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ด้วยน้ำฉันหรือด้วยการพัดวี เป็นปาจิตตีย์. เรื่องภิกษุณีภรรยาเก่าของมหาอำมาตย์ จบ.
สิกขาบทวิภังค์
    [๑๖๙] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
    บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
    บทว่า เมื่อภิกษุ ได้แก่ เมื่ออุปสัมบัน.
    บทว่า กำลังฉันอยู่ คือ กำลังฉันโภชนะ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่.
    ที่ชื่อว่า น้ำฉัน ได้แก่ น้ำชนิดใดชนิดหนึ่งสำหรับดื่ม.
    ที่ชื่อว่า การพัดวี ได้แก่ เครื่องโบกแกว่งชนิดใดชนิดหนึ่งสำหรับพัดวี.
    บทว่า เข้าไปปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ความว่า อยู่ในหัตถบาส ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทภาชนีย์
ติกะปาจิตตีย์
    [๑๗๐] อุปสัมบัน ภิกษุณีสำคัญว่าอุปสัมบัน เข้าไปปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ด้วยน้ำฉัน หรือ ด้วยการพัดวี ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
    อุปสัมบัน ภิกษุณีสงสัย เข้าไปปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ด้วยน้ำฉันหรือการพัดวี ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
    อุปสัมบัน ภิกษุณีสำคัญว่าอนุปสัมบัน เข้าไปปฏิบัติอยู่ใกล้ๆ ด้วยน้ำฉันหรือการพัดวี ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ฉักกะทุกกฎ
    ปฏิบัติอยู่นอกหัตถบาส ต้องอาบัติทุกกฏ.
    ภิกษุฉันของเคี้ยว ภิกษุณีเข้าไปปฏิบัติ ต้องอาบัติทุกกฏ.
    เข้าไปปฏิบัติอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
    อนุปสัมบัน ภิกษุณีสำคัญว่าอุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
    อนุสัมบัน ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ
    อนุปสัมบัน ภิกษุณีสำคัญว่าอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
อนาปัตติวาร [๑๗๑] ภิกษุณีถวายเอง ๑ ให้คนอื่นถวาย ๑ สั่งอนุปสัมบันให้ปฏิบัติ ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๖ จบ.
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๖
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๖ พึงทราบดังนี้ :-
บทว่า ภตฺตวิสฺสคฺคํ แปลว่า ภัตกิจ.
    สามบทว่า ปานีเยน จ วิธูปเนน จอุปติฏฺฐิตฺวา ความว่า ยืนเอามือข้างหนึ่งถือขันน้ำ เอามือข้างหนึ่งถือพัด พัดวีอยู่ใกล้ๆ.
    บทว่า อจฺจาวทติ มีความว่า กล่าวถ้อยคำเกี่ยวกับการครองเรือน ละเมิดจารีตของบรรพชิตว่า แม้เมื่อก่อน ท่านก็บริโภคอยู่อย่างนี้ ดิฉันก็ทำการปรนนิบัติท่านอย่างนี้.
    สองบทว่า ยงฺกิญฺจิ ปานียํ มีความว่า น้ำสะอาด หรือน้ำเปรียง นมส้ม น้ำผึ้ง น้ำรส และนมสดเป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่งก็ตามที.
    สองบทว่า ยากาจิ วีชนี คือ ชั้นที่สุดแม้ชายจีวร ก็ชื่อว่าพัด.
    ในคำว่า หตฺถปาเส ติฏฺฐติ อาปตฺติ ปาจิตฺติยสฺส นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรับปาจิตตีย์ เพราะการยืนเป็นปัจจัยเท่านั้น. แต่เพราะการประหารเป็นปัจจัย ทรงบัญญัติทุกกฏไว้ในขันธกะ. 
    สองบทว่า เทติ ทาเปติ มีความว่า ภิกษุณีถวายน้ำดื่ม หรือแกงเป็นต้นว่า นิมนต์ท่านดื่มน้ำนี้ นิมนต์ท่านฉันกับแกงนี้เถิด. ถวายพัดใบตาลว่า นิมนต์ท่านพัดด้วยพัดใบตาลนี้ ฉันเถิด หรือว่าสั่งให้ผู้อื่นถวายน้ำดื่มและพัดให้แม้ทั้ง ๒ อย่างไม่เป็นอาบัติ. 
    สองบทว่า อนุปสมฺปนฺนํ อาณาเปติ คือ สั่งสามเณรีเพื่อให้ปฏิบัติไม่เป็นอาบัติ.
 คำที่เหลือตื้นทั้งนั้น.
    สิกขาบทนี้มีสมุฏฐานเหมือนเอฬกโลมสิกขาบท เป็นกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม มี

ไม่มีความคิดเห็น: