Translate

11 ตุลาคม 2567

พระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก เล่ม ๓ ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ ปาจิตตีย์ ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๘ เรื่องพราหมณ์คนหนึ่ง

     [๑๗๕] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี. 
    ครั้งนั้น พราหมณ์คนหนึ่งเป็นข้าราชการ ถูกปลดออกจากราชการแล้วคิดว่าจักทูลขอรับพระราชทานตำแหน่งเดิมคืน จึงสนานเกล้าแล้วเดินผ่านที่พำนักของภิกษุณีไปสู่ราชตระกูล
    ภิกษุณีรูปหนึ่งถ่ายวัจจะลงในหม้อ แล้วเททิ้งออกนอกฝา ราดลงบนศีรษะของพราหมณ์นั้น ดังนั้น พราหมณ์จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุณีโล้นเหล่านี้ไม่ใช่สมณะ ไม่มีสมบัติ ไฉนจึงได้เทหม้อคูถลงบนศีรษะเราเล่า เราจักเผาที่พำนักของภิกษุณีเหล่านี้เสียดังนั้น จึงถือคบเพลิงเข้าไปสู่ที่พำนักภิกษุณี 
    อุบาสกคนหนึ่งออกมาจากสำนักภิกษุณี เห็นพราหมณ์นั้นกำลังถือคบเพลิงผ่านเข้าไปสู่ที่พำนัก จึงถามพราหมณ์ว่า ท่านผู้เจริญ เหตุไรท่านถือคบเพลิงเข้าไปสู่ที่พำนักภิกษุณี?
    พราหมณ์ตอบว่า ท่านผู้เจริญ เพราะภิกษุณีโล้นเหล่านี้เป็นสตรีไม่มีสมบัติ เทหม้อคูถลงบนศีรษะของเรา เราจึงจักเผาสำนักของภิกษุณีเหล่านี้เสีย.
    อุบาสกชี้แจงว่า ไปเถิด ท่านผู้เจริญ นั่นเป็นมงคล ท่านจักได้ทรัพย์ ๑,๐๐๐ ตำลึง และตำแหน่งเดิมคืน.
    ฝ่ายพราหมณ์นั้นสนานเกล้าแล้วไปสู่ราชตระกูล ได้ทรัพย์พระราชทาน ๑,๐๐๐ ตำลึง และตำแหน่งเดิมนั้นคืน. จึงอุบาสกนั้นเข้าไปสู่ที่พำนักภิกษุณี แจ้งเรื่องนั้นแก่ภิกษุณีทั้งหลายแล้วขู่สำทับ.
    บรรดาภิกษุณีที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงได้เทอุจจาระทิ้งออกภายนอกฝาที่พำนักเล่า
ทรงสอบถาม
    พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าพวกภิกษุณีเทอุจจาระทิ้งออกภายนอกฝาที่พำนัก จริงหรือ?
 ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงได้เทอุจจาระทิ้งออกนอกฝาที่พำนักเล่า การกระทำของพวกนางนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
 ดูกรภิกษุทั้งหลาย
   ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ    ๖๓. ๘. อนึ่ง ภิกษุณีใด เทหรือให้เท ซึ่งอุจจาระก็ดี ปัสสาวะก็ดี หยากเยื่อก็ดี ของเป็นเดนก็ดี ณ ภายนอกฝาที่พำนักก็ดี ณ ภายนอกกำแพงก็ดี เป็นปาจิตตีย์. เรื่องพราหมณ์คนหนึ่ง จบ.
สิกขาบทวิภังค์
    [๑๗๖] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด
    บทว่า ภิกษุณี ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุณี เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ชื่อว่า ภิกษุณีที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้.
    ที่ชื่อว่า อุจจาระ ได้แก่ สิ่งที่เขาเรียกกันว่าคูถ.
    ที่ชื่อว่า ปัสสาวะ ได้แก่ สิ่งที่เขาเรียกกันว่ามูตร.
    ที่ชื่อว่า หยากเยื่อ ได้แก่ สิ่งที่เขาเรียกกันว่าขยะมูลฝอย.
    ที่ชื่อว่า ของเป็นเดน ได้แก่ อามิสเป็นเดน หรือกระดูก หรือน้ำที่เป็นเดน.
    ที่ชื่อว่า ฝา ได้แก่ฝา ๓ ชนิด คือ ฝาอิฐ ฝาศิลา ฝาไม้.
    ที่ชื่อว่า กำแพง ได้แก่กำแพง ๓ ชนิด คือ กำแพงอิฐ กำแพงศิลา กำแพงไม้.
    บทว่า ภายนอกฝา คือ ข้างนอกฝาที่อยู่.
    บทว่า ภายนอกกำแพง คือ ข้างนอกกำแพง.
    บทว่า เท ความว่า เทเอง ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
    บทว่า ให้เท ความว่า ใช้คนอื่น ต้องอาบัติทุกกฏ ใช้เขาครั้งเดียว เขาเทแม้หลายครั้ง ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
อนาปัตติวาร     [๑๗๗] มองดูก่อนแล้วจึงเท ๑ เทในที่ที่เขาไม่ใช้ ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
ลสุณวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ.
อรรถกา ภิกขุนีวิภังค์ ปาจิตติยกัณฑ์ลสุณวรรคสิกขาบทที่ ๘
วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๘ พึงทราบดังนี้ :-
    ราชภัฏ (พระราชทรัพย์) คือ ภาษี ส่วยสาอากรของหลวง พราหมณ์นี้ยักยอกเอาไป เพราะเหตุนั้น พราหมณ์นั้นจึงชื่อว่านิพพิฏฐราชภัฏ (ผู้ถูกปลดออกจากราชการ).
    อธิบายว่า ผู้รับตำแหน่งอย่างหนึ่งทางด้านส่วยสาอากร ได้ยักยอกเบียดบังเอาผลกำไรจากตำแหน่งนั้น.
    ข้อว่า ตํเยว ภฏปถํ ยาจิสฺสามิ ได้แก่ พราหมณ์นั้นคิดคำนึงอยู่ว่า เราถวายส่วยแก่นายหลวงแล้ว จักทูลขอพระราชทานรับตำแหน่งเดิมนั้นแหละคืน.
    บทว่า ปริภาสิ ได้แก่ อุบาสกนั้นขู่สำทับภิกษุณีเหล่านั้นว่า พวกท่านอย่าได้ทำอย่างนี้อีกต่อไปนะ.
    บทว่า สยํ ฉฑฺเฑติ มีความว่า เมื่อเททั้ง ๔ วัตถุทิ้ง ด้วยประโยคเดียว เป็นอาบัติเพียงตัวเดียว. เมื่อทิ้งทีละอย่างๆ เป็นอาบัติมากตามจำนวนวัตถุ.
    แม้ในการสั่ง ก็นัยนี้นั่นแล. ถึงในการทิ้งไม้ชำระฟัน ก็เป็นปาจิตตีย์ แก่ภิกษุณีเหมือนกัน. เป็นทุกกฏแก่ภิกษุในที่ทั้งปวง. 
บทที่เหลือ ตื้นทั้งนั้น.
    สิกขาบทนี้มีสมุฏฐาน ๖ เป็นทั้งกิริยาทั้งอกิริยา เป็นโนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ ฉะนี้แล.

ไม่มีความคิดเห็น: