เจ้าเมืองเง็กฮัวจิวผู้นี้ เป็นผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในทางยุติธรรม แลนับถือพระพุทธศาสนาปฏิบัติตามทางสัมมาปฏิปทา เมื่อพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ทั้งสามคนมาถึงเมืองเข้าเฝ้า เพื่อจะขอเปลี่ยนหนังสือเดินทางก็ทรงอนุญาตเปลี่ยนหนังสือและประทับตราให้แล้ว สั่งให้เจ้าพนักงานจัดเครื่องแจเลี้ยงจนอิ่มเอิบเป็นที่สำราญแล้ว แต่พระราชบุตรของพระเจ้าแผ่นดินทั้งสามพระองค์ จะใคร่ได้เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งเป็นอาจารย์ฝึกหัดเพลงอาวุธ ครั้นปีศาจลักเอาเครื่องมือของเห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งไป จึงได้ติดตามไปจับตัวปิศาจได้อาวุธคืนแล้ว จึงได้ลาออกจากเมืองไป
ซิฮั่นไต้อ๋องผู้นี้ กำเนิดเดิมเป็นกระบือดำ สำนักนิอยู่ตำบลเขาเล่งซัว มีพรรคพวกอยู่สามตน อยู่ในถ้ำเหี้ยนเองต๋อง ปฏิบัติตนรักษาศีลภาวนามาหลายร้อยปี สำเร็จในทางฌานโลกีย์มีฤทธาอานุภาพแปลงกายได้ตามประสงค์ เมื่อพระถังซัมจั๋งกับศิษย์ทั้งสามมาถึงเมืองกิมเพ่งฮู้เป็นเทศกาลของชาวเมืองนั้น จุดไฟโคมบูชาเป็นการรื่นเริงสนุกสนานทุกปี โดยถือว่าเป็นการมงคล พระถังซัมจั๋งไปเที่ยวดูโคมไฟ ซิฮั่นไต้อ๋องที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ บันดาลอิทธิฤทธิ์กระทำให้มืดมัว แล้วจับเอาตัวพระถังซัมจั๋งไป เห้งเจียติดตามไปจับเอาตัวปีศาจทั้งสามมาได้แล้ว จึงได้พาอาจารย์กับพี่น้องออกจากเมืองไป
ซิซู้ไต้อ๋องนี้ กำเนิดเดิมเป็นกระบือดำเป็นพวกเดียวกันแก่ซิฮั่นไต้อ๋อง ซิติ้นไต้อ๋องด้วยเป็นกระบือดำเหมือนกัน จับเอาพระถังซัมจั๋งไปไว้ในถ้ำ เห้งเจียโป๊ยก่ายซัวเจ๋งทั้งสามคน พากันติดตามไปรบพวกปีศาจทั้งสามแพ้ จึงได้จับตัวมาฆ่าเสียทั้งสามตน แล้วจึงได้แก้อาจารย์หลุดพ้นมาได้จากถ้ำ
ซิติ้นไต้อ๋องนี้ กำเนิดเดิมเป็นกระบือดำเป็นพวกเดียวกันแก่ซิซู้ไต้อ๋องซีฮั่นไต้อ๋อง ซึ่งได้จับพระถังซัมจั๋ง ซึ่งเดิมมาได้แปลงตัวเป็นพระพุทธเจ้าหลอกลวงราษฎรให้เชื่อถือ กระทำสักการะบูชาจุดประทีปโคมไฟทุก ๆ ปีที่ในเมืองกิมเพ่งฮู้พากันหลงเชื่อว่าเป็นจริง เห้งเจียรู้เหตุจึงกำจัดจับตัวมาให้ชาวเมืองดูรู้เห็นทุกคน
เจ้าเมืองเทียนเต็กก๊กพระองค์นี้ มีพระราชบุตรีพระองค์หนึ่งพระเจ้าแผ่นดินพาไปชมสวน นางปีศาจกระต่ายบันดาลเป็นลมหอบเอาไปทิ้งที่ในวัดเป๊ากิมเสียนยี่ จนเมื่อพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ทั้งสามมาถึงเมืองเทียนเต๊กก๊ก เห้งเจียได้รู้เหตุจึงได้ปราบปรามนางปิศาจกะต่ายแล้วจึงนำพระเจ้าแผ่นดินเทียนเต็กก๊กไปรับพระราชบุตรีกลับคืนมา
แม่นางท้ายอิมแช คือ เป็นพระจันทร์ ซึ่งเป็นเจ้าของนางปีศาจกะต่าย ๆ หนีลงมาแปลงตัวปลอมเป็นนางก๋งจื้อราชบุตรตรีของเจ้าเมืองเทียนเต๊กก๊ก ครั้นเมื่อเห้งเจียไล่นางกะต่ายไปจวนจะถึงแก่ชีวิต ก็เสด็จลงมาพร้อมด้วยนางฟ้า ขอโทษนางกะต่ายได้แล้ว ก็พานางกะต่ายกลับไปยังวิมาน
เจ้าเมืองท่งท้ายฮู้ผู้นี้ เป็นผู้มีอัธยาศัยสุภาพ ตั้งอยู่ในการสัมมาคารวะประกอบด้วยศีลสัตย์มารยาทอันดี เมื่อพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ทั้งสามคนมาถึงเมืองนี้ ก็ต้อนรับเลี้ยงดูโดยสมควร พวกราษฎรนับถือสรรเสริญ เป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในทางยุติธรรม
เข่าญ่วนหลายเศรษฐีผู้นี้ อยู่ตำบลบ้านตี๊เล่งกุ้ยเป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนา ใจเมตตาประกอบแต่การกุศลทำบุญให้ทานเนืองนิตย์จิตไม่ตระหนี่เหนียวแน่น เมื่อพระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์มาถึงก็นิมนต์ไว้ เลี้ยงดูรับรองปฏิบัติโดยเคารพอย่างยิ่งแลมีศรัทธาถวายเข้าสงฆ์มิได้ขาดสักวันเดียว
กิมเต็งไต้เซียนนี้ เป็นเทวดาองค์ใหญ่พระโพธิสัตว์สั่งให้คอยนำทางพระถังซัมจั๋งจะได้พาขึ้นบนเขาเล่งซัว เมื่อพระถังซัมจั๋งไปถึงเขาเล่งซัว กิมเต็งไต้เซียนก็ได้มาคอยต้อนรับให้พักผ่อนอยู่คืนหนึ่ง ครั้นรุ่งเช้าฉันจังหันแล้วจึงได้ช่วยชี้ทางให้ไป พระถังซัมจั๋งกับสานุศิษย์ทั้งสามคนจึงได้ลาพากันไป
ที่เมืองเชียงอาน นอกกำแพงเมืองมีลำแม่น้ำใหญ่ชื่อ แม่น้ำเกียฮ้อ ข้างริมฝั่งแม่น้ำข้างทิศใต้มีโรงกระท่อมเล็กหลังหนึ่งเป็นที่อยู่ของคนหาปลา ริมข้างเหนือเป็นของคนตัดฟืน
มีชายนักเรียนสองคนเป็นเพื่อนมิตรสหายกัน ชายทั้งสอง
คนเดิมเข้าไปไล่หนังสือตกไม่ได้ ก็เลยคบกันเป็นมิตรสหายอย่างสนิท เที่ยวหากินตามสบาย ไม่ชอบอยู่ในบังคับใคร ผู้หนึ่งชื่อ เตียวเส่า ชอบหากินในทางตกเบ็ดตีอวน คนหนึ่งชื่อ ลี้เตี้ย ชอบหากินตามป่าตัดฟืนขาย
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง ต่างคนก็ต่างไปหากินตามถนัดของตัว
ฝ่ายเตียวเส่าไปหาปลามาได้ก็กลับมา ฝ่ายลี้เตี้ยตัดฟืนมาได้ก็มาถึงบ้าน พร้อมกันแล้วก็พากันเข้าไปในเมืองเชียงอานไปเที่ยวเร่ขาย ครั้นขายได้เงินแล้วก็พากันกลับออกนอกกำแพงเมือง จึงพากันเข้าในโรงเตี๊ยมที่เขาขายสุราแห่งหนึ่ง ให้เจ้าของสุราจัดกับแกล้มแลสุราพร้อม แล้วสองสหายก็ชวนกันเสพสุรา พอสบายแล้วก็คิดเงินค่าสุราแลสิ่งของให้แก่เจ้าของโรงเตี๊ยม เสร็จแล้วก็ออกจากเตี๊ยมเดินมาจะกลับบ้าน คนทั้งสองเดินพลางพูดกันไปพลาง ฝ่ายเตียวเส่าพูดว่า เราได้
พิเคราะห์ดูคนเราในทุกวันนี้ ที่รู้จักการมาหลงโลภฟังคำเขายกยอชื่อเสียงจนไม่รู้สึกความไม่เที่ยงที่จะมีมาถึงตัว ที่หลงเพ้อละเมอเมาเกียรติยศเป็นขุนนาง ดุจดังว่านอนอยู่ในระหว่างอกเสือ รักเจ้านายโปรดปรานถ้าจะเปรียบก็เหมือนเลี้ยงงูพิษหรืองูอยู่ในมือเสือฉะนั้น คิดไปดูก็สู้เราหากินด้วยตนเองไม่ได้ ความสุขของเราอย่างนี้ไม่ต้องอยู่ในบังคับใคร สบายตามภูมิลำเนาทางป่าแลทางน้ำอย่างนี้ดีกว่า ข้ามไปวันหนึ่งก็เป็นที่เย็นใจได้
ฝ่ายลี้เตี้ยได้ยินเตียวเส่าพูดดังนั้นจึงตอบว่า พี่พูดดังนั้นก็
นับว่าเป็นคติได้ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ในน้ำสู้ตามภูมิลำเนาเขาไม้ไม่ได้ เตียวเส่าจึงตอบว่า ในภูมิลำเนาป่าเขาไม้นั้นสู้ในกระแสชลไม่ได้ คนทั้งสองโต้แย้งกันไปมาหาตกลงไม่ ลี้เตี้ยจึงชวนเตียวเส่าว่า เราทั้งสองพูดกันก็หาแพ้ชนะกันไม่ อย่าเลย เรามาร้องเพลงโต้กันคนละบทพอได้แก้รำคาญดีกว่าเถียงกัน แล้วต่างคนก็ต่างหัวเราะกัน เตียวเส่าจึงพูดว่า เชิญน้องร้องก่อน แล้วเราจะร้องตอบต่อทีหลัง
ครั้นพูดกันดังนั้นแล้ว สองคนก็เดินพลางร้องเพลงพลาง
บัดเดี๋ยวก็มาถึงต้นทางแยก คนทั้งสองก็ยกมือต่างคำนับจะลากัน เตียวเส่าจึงร้องบอกแก่ลี้เตี้ยว่า เจ้าไปทางป่าเขา จงระวังระไวให้ดี บางทีพบเสือเข้า เจ้าจะทำประการใด เราวิตกว่า วันพรุ่งนี้จะไม่มีเพื่อนที่เคยเดินด้วยกัน
ลี้เตี้ยได้ฟังเตียวเส่าพูดดังนั้นก็นึกขัดใจ จึงพูดว่า ทำไม
ท่านจึงพูดเป็นลางร้ายแรงดังนั้น ถ้าพูดดังนี้ ตัวของพี่ก็จงระวังให้จงดีเถิด เพราะว่าถึงพี่จะไปในทางน้ำ บางทีพายุแลคลื่นใหญ่จะซัดตัวพี่ให้จมน้ำดอกกระมัง พี่จงระมัดระวังให้ดี
เตียวเส่าจึงตอบว่า ตัวเราทั้งชาติไม่ต้องวิตกด้วยคลื่นลมจะซัดพัดพาให้จมน้ำ
ลี้เตียจึงพูดว่า ทำไมจึงพูดเช่นนี้ เราจะกำหนดได้หรือ
อันกิจบนอากาศย่อมเป็นวิสัยแลธรรมดาที่จะพึงเป็น หามีผู้ใดที่จะกำหนดแน่รู้เวลาที่จะเป็นได้ไม่
เตียวเส่าจึงพูดว่า ซึ่งเจ้าพูดดังนั้นก็จริงอยู่ แต่เจ้ายังไม่รู้เหตุ แต่เรารู้เหตุกำหนดได้ว่าไม่เป็นไร
ลี้เตี้ยจึงพูดว่า พี่หากินในท้องมหาสมุทร มีการร้ายมาก ทำไมจึงพูดว่าไม่เป็นไร
เตียวเส่าจึงตอบว่า เจ้ายังไม่แจ้ง บัดนี้ ในเมืองเชียงอาน ที่ต้นทางถนนใหญ่ที่
ประตูเมืองข้างทิศตะวันตก มีจีนแสผู้หนึ่งชื่อ อวนซิ้วเซ้ง เป็นหมอดูอยู่ทุกวัน เราเอาปลาไปให้
จีนแสตัวหนึ่ง จีนแสก็จับยามให้ว่า เราจะตีอวนทางทิศไหนดี
จีนแสพิเคราะห์แล้วก็ชี้ทิศให้ไปตี
อวนทางทิศนั้น เราก็ได้กุ้งปลามามาก ๆ ทุกวัน วันก่อนนี้ เราได้เอาปลากิมหลีฮื้อไปให้จีนแสตัว
หนึ่ง จีนแสก็จับยามให้ว่า วันนี้ จะไปตีอวน จงไปทางแม่น้ำเกียฮ้อที่ปากน้ำ จะลงอวนก็ลงข้าง
ทิศตะวันออก แล้วลากอวนมาข้างทิศตะวันตก คงจะได้กุ้งปลาเต็มลำเรือ ถ้าพรุ่งนี้เราได้ปลาสม
ประสงค์ เราจะได้เอาไปขายในเมือง เราก็จะได้อัฐมาซื้อสุรากิน เราทั้งสองจะร้องเพลงพลางกิน
สุราพลางให้มีความสุขสำราญ มิดีหรือ
คนทั้งสองครั้นพูดกันดังนั้นแล้ว ก็ต่างคนต่างลาแยกทางกันไป
เมื่อขณะคนทั้งสองพูดจาโต้ตอบชี้แจงกันดังนั้น มีพวกบริวารของพระยาเล่งอ๋อง
เที่ยวตรวจมาตามลำแม่น้ำ ครั้นได้ยินคนทั้งสองพูดกันดังนั้นก็แอบคอยฟัง ครั้นรู้แจ้งในเหตุการณ์
ดังนั้นแล้วก็รับกลับไปยังบาดาลเข้าไปเฝ้าพระยาเล่งอ๋อง ครั้นถึงจึงทูลว่า ขอพระองค์ได้ทรงทราบ
วันนี้ ข้าพเจ้าไปตรวจตามลำแม่น้ำแลมหาสมุทร พอไปถึงฝั่งแม่น้ำเกียฮ้อพบชายสองคน คนหนึ่ง
แซ่ เตียว ชื่อ เส่า คนหนึ่งแซ่ ลี้ ชื่อ เตี้ย
คนทั้งสองเดินพูดกันอยู่ริมฝั่งน้ำว่า ในเมืองเชียง
อาน ที่ริมประตูเมืองข้างทิศตะวันตก มีจีนแสคนหนึ่งตั้งโต๊ะเป็นหมอดูดูให้แก่ชาวเมืองเชียง
อานทั้งหลาย เตียวเส่าเคยไปให้จีนแสดูอยู่ทุกวัน จีนแสดูให้เตียวเส่าว่า วันนี้ จะลงอวนก็ให้
ไปทางแม่น้ำเกียฮ้อที่ปกน้ำ จะลงอวนให้ลงข้างทิศตะวันออก ลากอวนมาข้างทิศตะวันตก คงจะ
ได้กุ้งปลาเต็มลำเรือ แม้ว่าจีนแสคนนี้ดูให้อย่างนี้ ถ้าจริงเช่นจีนแสทาย บริวารน้ำของเราเตียว
เส่าคงจะจับไปหมด ขอพระองค์ได้โปรด พวกสัตว์พาหนะของพระองค์จะหมดสิ้นไปโดยเร็ว
พระองค์จะได้พาหนะที่ไหนมาใช้สอย ข้าพเจ้าได้ทราบความมาดังนี้ ขอพระองค์ได้ทรงพระดำริให้มาก
ฝ่ายพระยาเล่งอ๋องครั้นได้ทราบดังนั้นก็มีความโกรธยิ่งนัก จึงพูดว่า จำเรา
จะไปฆ่าจีนแสผู้นี้เสียจึงจะได้ ครั้นว่าแล้วก็จัดแจงแต่งกายจะขึ้นไปยังเมืองเชียงอาน
เวลานั้น กำลังขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยประชุมกันพร้อมอยู่ในที่นั้น จึงพากันทูลทัดทาน
พระยาเล่งอ๋องว่า ขอพระองค์ได้ทรงระงับพระทัย เพราะมีคำโบราณท่านกล่าวไว้ว่า การ
สิ่งใดที่มีผู้นำมาบอกเล่า พระองค์ยังมิได้เห็น อย่าเพ่อให้ฟังเอาเป็นจริงก่อน ถ้าพระองค์จะไป
ในเวลากำลังโกรธเช่นนี้ ฤทธาอานุภาพของพระองค์ก็มาก หากจะเกิดเป็นลมเป็นฝน ข้าพเจ้าวิตก
ว่า จะไหวหวั่นโกลาหลไปทั้งเมืองเชียงอาน ไพร่บ้านพลเมืองจะพากันตื่นตกใจ เง็กเซียงฮ่องเต้
ทรงทราบจะพระพิโรธ ก็จะมิลงโทษพระองค์ได้หรือ
ขอพระองค์จงแปลงกายขึ้นไปทดลองดูก่อนว่า
จีนแสนั้นจะทายเหตุการณ์ภายหน้าถูกต้องได้จริงจังหรือไม่ ถ้าจีนแสทายถูกแม่นยำจริงดังนั้น
เห็นช่องฆ่าได้ก็จะได้ฆ่าเสีย แม้ว่าเป็นการเคลื่อนคลาดไม่สมจริงก็จะทุกข์ร้อนอะไรมี
ฝ่ายพระยาเล่งอ๋องครั้นได้ฟังพวกขุนนางพูดทัดทานแลชี้แจงดังนั้นก็เห็นชอบด้วย
ค่อยบรรเทาความโกรธลง จึงร่ายมนต์แปลงกายเป็นชายหนุ่มนักเรียนแล้วก็ออกจากปราสาทจุ้ย
เจียยี่ขึ้นมายังเมืองเชียงอาน ครั้นถึงก็เดินตรงมายังประตูเมืองข้างทิศตะวันตก ที่ประตูเมืองเห็นหมู่
ชนชายหญิงแออัดกันอยู่ จึงเดินเข้าไปใกล้ แลเห็นป้ายแขวนที่ประตูหน้าบ้านก็รู้แน่ว่า หมอดูอยู่
ที่นี่ จึงเดินเข้าไปใกล้ แลเห็นจีนแสนั่งอยู่
กำลังคนมาหาให้จีนแสดูทายตามเคราะห์ดีแลเคราะห์ร้าย
นักเรียนแปลงจึงเบียดคนเข้าไปคำนับแล้วก็นั่งลง
ฝ่ายจีนแสเห็นนักเรียนหนุ่มน้อยดังนั้น ก็ยกน้ำชาให้กิน แล้วจึงถามว่า ท่านมามี
กิจธุระอย่างใดหรือ นักเรียนแปลงจึงตอบว่า ขอท่านจีนแสได้โปรดดูอากาศเบื้องบนนั้นว่าจะ
เป็นประการใด ขอท่านจีนแสได้พิเคราะห์ให้ข้าพเจ้าทราบบ้าง จีนแสอวนซิ้วเซ้งเมื่อได้ฟังถาม
ดังนั้น จึงยกมือขึ้นจับยามตรวจดูก็รู้ได้ว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีฝน จึงบอกแก่นักเรียนผู้นั้นว่า แม้นเมฆ
ตั้งคลุ้มฟ้าหมอกล้อมป่าอยู่ ลักษณะอย่างนี้ทายว่า ณ วันพรุ่งนี้จะมีฝน
นักเรียนแปลงจึงถามต่อไปว่า พรุ่งนี้ฝนจะตกเวลาใด ฝนตกมากน้อยเท่าใด น้ำท่วม
ลึกกี่ศอกกี่องคุลี ขอท่านจีนแสโปรดพิเคราะห์ทายให้แน่ ข้าพเจ้าจะมีรางวัลคำนับท่านให้ถึงใจ
จีนแสได้ฟังนักเรียนแปลงถามดังนั้นจึงนับนิ้วมือพิเคราะห์ดูโดยละเอียด แล้วจึงพูด
ว่าเวลาพรุ่งนี้ เช้าสามโมงเมฆจะตั้ง สี่โมงเช้าฟ้าจะร้อง ถ้าถึงเวลาเที่ยงฝนจะตก บ่ายสองโมงฝนจะ
หยุด ประมาณน้ำในเมืองจะท่วมลึกสามศอกเศษ สามองคุลี เม็ดฝนมีสี่สิบแปดเม็ด
นักเรียนแปลงได้ฟังดังนั้นทำเป็นหัวเราะ แล้วพูดแก่จีนแสว่า ข้าพเจ้าขออนุญาตแก่
ท่านจีนแส ถ้าท่านจีนแสทายดังนี้ แม้ว่าถูกต้องตามเวลาของท่านทายแล้ว ข้าพเจ้าจะคำนับรางวัล
ท่านห้าสิบตำลึงทอง แม้ไม่ถูกตามเวลาที่ท่านกำหนดไว้นั้น ข้าพเจ้าจะขอทำลายป้ายที่แขวน
เสียด้วยกระบองเหล็กให้แหลกละเอียด ท่านจงรีบออกจากบ้านนี้ไป ข้าพเจ้าจะเป็นผู้ไล่ท่านให้ออกไป
พ้นเมืองเชียงอาน ไม่ให้อยู่ที่นี่เพื่อจะหลอกลวงคนทั้งหลายต่อไป ดังนี้ ท่านจะเห็นเป็นประการใด
ฝ่ายจีนแสอวนซิ้วเซ้งได้ฟังนักเรียนพูดคำมั่นคงดังนั้น จึงตอบแก่นักเรียนผู้นั้นว่า
ข้าพเจ้ายอมขอรับสัญญาแก่ท่าน ถ้าฝนไม่ตกไม่หยุดฟ้าไม่ร้องตามเวลา น้ำไม่เท่าที่ข้าพเจ้ากำหนด
ตามสัญญา ก็ให้ท่านทำตามสัญญาเถิด
ฝ่ายนักเรียนแปลงครั้นพูดสัญญาแก่จีนแสเสร็จแล้วก็ลาออกไปจากบ้านจีนแส ครั้นลับ
ตาแล้วก็ชำแรกพสุธากลับลงไปยังบาดาล ครั้นถึงสถานที่อยู่แล้วก็คลายมนต์กลับเป็นพระยาเล่งอ๋อง
ไปตามเดิม
ฝ่ายหมู่บริวารทั้งหลายก็พากันเข้ามาคำนับถามว่า วันนี้ พระองค์ขึ้นไปยังเมืองเชียง
อานสืบข่าวจีนแสหมอดูนั้น ได้ความเป็นประการใดบ้าง
พระยาเล่งอ๋องจึงบอกว่า มีจีนแสผู้หนึ่งชื่อ อวนซิ้วเซ้ง ดูลักษณะก็ยังอ่อน ท่วงที
ร่างกายก็งาม สมควรเป็นผู้รู้อยู่ เราได้ถามจีนแสว่า ช่วยดูฤกษ์บนอากาศว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง จีน
แสจับยามแล้วทายว่า พรุ่งนี้จะมีฝน เราจึงซักถามว่า เวลาใดจะมีฝน จีนแสว่า เวลาเช้า สามโมง
เมฆจะตั้ง สี่โมงฟ้าจะร้อง เที่ยงฝนจะตก บ่ายสองโมงฝนจะหยุด น้ำในเมืองจะลึกสามศอกกับสาม
องคุลี มีเม็ดฝนสี่สิบแปดเม็ด เราจึงพนันว่า ถ้าแม้ถูก เราจะให้ทองคำห้าสิบตำลึง แม้ว่าผิด
เราจะทำลายป้ายแลขับไล่จีนแสมิให้อยู่ในเมืองเชียงอาน
จีนแสก็ยอมรับตามเราพูดสัญญา
พวกบริวารทั้งจึงพูดว่า พระองค์ก็เป็นใหญ่ในมหาสมุทร มหาสมุทรทั้งแปดก็
อยู่ในอำนาจของพระองค์ทั้งสิ้น แลหมู่เทพยดาทั้งหลายก็รู้จักแก่พระองค์ เมขลาแลรามสูรอสุรีก็
ย่อมฟังอำนาจของพระองค์ จะมีฝนหรือไม่มีฝนพระองค์ก็คงรู้ได้โดยได้รับสั่งเง็กเซียงฮ่องเต้ก่อน
เหตุใดจีนแสจึงจะทายทักล่วงหน้าหมายมั่นเอาอย่างนี้ จะมิผิดหรือ
ครั้นพวกบริวารทูลแก่พระยาเล่ง
อ๋องดังนั้นแล้วก็พากันหัวเราะ
ในทันใดนั้น ได้ยินเสียงบนอากาศร้องเรียกว่า พระยาเล่งอ๋องผู้เป็นใหญ่ในลำ
แม่น้ำมหาสมุทรเกียฮ้อ เชิญท่านมารับท้องตราของเง็กเซียงฮ่องเต้ ในเมื่อเวลากำลังประชุมอยู่พร้อม
กันนั้นต่างก็แหงนหน้าแลขึ้นไปดู จึงเห็นกิมอีลักสือ ราชทูต ถือท้องตราของเง็กเซียงฮ่องเต้เหาะ
ลอยอยู่ในอากาศ
พระยาเล่งอ๋องก็แต่งตัวจุดธูปเทียนแล้วยืนขึ้นคำนับ กิมอีลักสือก็ลอยลงมาใกล้
พระยาเล่งอ๋อง แล้วจึงส่งท้องตราให้แก่พระเล่งอ๋อง แล้วก็เหาะกลับไปยังสวรรค์ พระยาเล่งอ๋อง
ครั้นเห็นเทวราชทูตกลับไปแล้วก็คลี่ท้องตราออกอ่านดู ใจความมีว่า ให้พระยาเล่งอ๋องมีหมาย
เกณฑ์ออกไปให้พระยาเล่งอ๋องทั้งแปดมหาสุมทรกระทำให้ฝนตกลงมายังเมืองเชียงอานในวันพรุ่งนี้
เวลาเช้าสามโมงให้ตั้งเมฆ ครั้นถึงเวลาเช้าสี่โมงให้ฟ้าร้อง ถ้าถึงเวลาเที่ยงให้ฝนตก บ่ายสองโมง
จึงให้ฝนหยุด น้ำในเมืองเชียงอานให้มีบริบูรณ์ลึกสามศอก สามองคุลีเศษ ให้มีสี่สิบแปดเม็ดฝน
พระยาเล่งอ๋องครั้นได้ทราบความในท้องตราดังนั้นสิ้นสติตกตะลึง จึงพูดว่า จีนแส
อวนซิ้วเซ้งนี้ทำนายแม่นยำยิ่งนัก มิได้ผิดเลยสักเส้นผมหนึ่ง พระยาเล่งอ๋องจึงพูดแก่บริวารทั้งหลาย
ว่า ในมนุษยโลกนี้ยังมีคนวิเศษถึงอย่างนี้ ล่วงรู้ตลอดได้ทั้งดินฟ้าอากาศ พระยาเล่งอ๋องพูดดังนั้น
แล้วก็ยิ่งมีความวิตกมากขึ้น
ในขณะนั้น มีขุนนางปลาตนหนึ่งจึงทูลว่า พระองค์จงวางพระทัยเถิด ข้าพเจ้ามีอุบาย
อยู่อย่างหนึ่งซึ่งจะให้จีนแสที่ทายไว้นั้นให้ผิดจงได้
พระยาเล่งอ๋องจึงถามว่า อุบายของท่านจะทำประการใดจึงจะให้ผิดจากคำ
ทำนายของจีนแสได้
ขุนนางปลาจึงทูลว่า ขอพระองค์จงทำให้น้ำฝนผิดประมาณ ทั้งเวลาก็อย่าให้ตรงตาม
กำหนด เกินหรือลดลงให้ผิดคำจีนแสทาย แล้วพระองค์ก็จะปรับโทษจีนแสได้ตามความปรารถนา
จะต้องวิตกทำไมมี
พระยาเล่งอ๋องครั้นได้ฟังขุนนางปลาพูดดังนั้นก็ค่อยคลายความวิตกเห็นชอบไป
ด้วย มิได้คิดว่าตนจะมีความผิดที่กระทำให้ผิดจากรับสั่งของเง็กเซียงฮ่องเต้ไม่ สมด้วยคำโบราณ
ท่านกล่าวว่า หวังใจจะให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นกลับมาถึงตัว เหมือนพระยาเล่งอ๋องผู้นี้
ฝ่ายพระยาเล่งอ๋องครั้นรุ่งเช้าจึงมีหมายไปยังพระพาย แลรามสูร แลเมฆฟ้า แล
เล่งอ๋องทั้งแปดทิศให้มาประชุมพร้อมกันบนอากาศเมืองเชียงอาน ให้มีฝนในเวลาเช้าพรุ่งนี้
ครั้นพวกเทพบุตรพนักงานทำฝนได้ทราบหมายดังนั้นต่างก็มาเตรียมกันอยู่พร้อมบนอากาศที่
ตรงเมืองเชียงอานคอยรอคำสั่งพระยาเล่งอ๋องผู้เป็นประธานอยู่
ฝ่ายพระยาเล่งอ๋องเมื่อส่งหมายไปแล้ว ก็จัดจัดแจงตัว ชำแรกแผ่นดินขึ้น
จากบาดาล เหาะตรงไปยังเมืองเชียงอาน ครั้นถึงจึงสั่งว่า เช้าสี่โมงตั้งเมฆ เวลาเที่ยงให้ฟ้าร้อง
บ่ายให้ฝนตก บ่ายสี่โมงให้ฝนหยุด ให้มีน้ำมาก ท่วมในเมืองลึกสามศอกถ้วน มีเม็ดฝนสี่สิบเม็ด
ฝ่ายเทพบุตรแลเล่งอ๋องทั้งหลายได้ฟังคำสั่งพระยาเล่งอ๋องผู้เป็นประธานแล้ว ต่าง
ก็เตรียมการของตน ๆ ครั้นถึงเวลากำหนดแล้ว ต่างก็ทำตามสั่ง บันดาลเมฆแลลมฝนให้มีขึ้น
ในอากาศตามหน้าที่พนักงานแห่งตน ๆ ครั้นเสร็จแล้ว ต่างก็มาคำนับพระยาเล่งอ๋องลากับไป
ยังที่อยู่ของตน
พระยาเล่งอ๋องครั้นทำฝนให้ตกแล้ว แลทำให้เคลื่อนคลาดเวลา แลเศษเม็ดฝน
ให้ลดน้อยแล้ว ก็ยินดี จึงคิดว่า เราทำให้ผิดที่จีนแสทำนายไว้ได้แล้ว จำเราจะเลยไปปรับโทษจีน
แสตามที่เราได้สัญญาไว้ คิดดังนั้นแล้วก็แปลงกายเป็นนักเรียนหนุ่มน้อยเหาะลอยลงมาพื้นแผ่นดิน
แล้วก็เดินมายังจีนแสหมอดู
ครั้นถึงก็เข้าทุบป้ายแตกแล้วก็จับโยนทิ้งเสีย แล้วเดินเข้าถีบประตูพัง
ลง แลกระชากกลอนประตูถือเดินเข้าไปข้างใน เห็นจีนแสอวนซิ้วเซ้งนั่งอยู่ จึงร้องว่า อ้ายจีนแส
ทำไมมึงยังไม่ออกไปให้พ้นบ้านพ้นเมืองอีกเล่า ยังจะมานั่งไขว่ห้างอยู่ที่นี่ทำไม เอ็งอวดดีทำนายว่า
ฝนจะตก ครั้นฝนตกก็ไม่ถูกต้องตามเวลาที่ทายไว้ เศษฝนก็ผิดไม่ถูกตามสัญญา เราจะยกชีวิตให้
จงรีบออกไปเสียโดยเร็ว
- ↑ ต้นฉบับไทยพิมพ์ผิดว่า "สี่สิบเบ็ดเม็ด" ทำให้ไม่แน่ใจว่า เป็นสี่สิบเอ็ด หรือสี่สิบเจ็ด วิกิซอร์ซตรวจต้นฉบับจีนพบว่า เป็นสี่สิบ จึงแก้เป็นสี่สิบ ดังความต่อไปนี้"至次日,點札風伯、雷公、雲童、電母,直至長安城九霄空上。他挨到那巳時方布雲,午時發雷,未時落雨,申時雨止,卻只得三尺零四十點。改了他一個時辰,剋了他三寸八點。"("The next day he ordered the Duke of Wind, the Lord of Thunder, the Boy of Clouds, and the Mother of Lightning to go with him to the sky above Chang'an. He waited until the hour of the Serpent before spreading the clouds, the hour of the Horse before letting loose the thunder, the hour of the Sheep before releasing the rain, and only by the hour of the Monkey did the rain stop. There were only three feet and forty drops of water, since the times were altered by an hour and the amount was changed by three inches and eight drops.")
- ↑ "เกียม" หรือสำเนียงกลางว่า "เจี้ยน" (劎 jiàn) หมายความว่า กระบี่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น